โรคล้างโลก
เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม
วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.04 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2564 14.12 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...ครั้นพอรับประทานอาหารบ่ายกับแม่เสร็จเรียบร้อย ปาลิตากับแม่ก็เดินกลับมายังเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถาม ระหว่างทางพวกเธอพบผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยมากมาย มีผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 ด้วย พวกเธอแสดงความเสียใจผ่านทางสายตา ไม่กล้าเดินเข้าไปพูดปลอบใจอย่างเป็นสารัตถะทางการ เพราะใจหนึ่งเกรงติดเชื้อจากญาติผู้เสียชีวิต อีกใจหนึ่งก็หวั่นจะต้องถึงคิวบอกลาของตัวเอง สวนขบวนความเศร้าโศกไปสองสามเตียงรถเข็น ทั้งสองก็มาถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีพยาบาลนั่งรอตอบคำถามอยู่สองคน แม่เป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน
"ขอโทษนะคะ..."
"ติดต่อสอบถามอะไรหรอคะ" พยาบาลหนึ่งในสองถามแทรกมาทันทีที่ประยงค์กับปาลิตาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์
"สอบถามเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดหน่อยค่ะ คือหลังจากตรวจเจอเชื้อครั้งแรกแล้วคุณหมอพาคนไข้ไปทำการรักษา แล้วตอนนี้คนไข้อยู่ที่ไหนหรอคะ คือหายไปเลยตั้งแต่ห้าโมงกว่า ไม่มีใครมาแจ้งให้ทราบเลยว่าสามีพี่เป็นอย่างไรบ้างน่ะค่ะ"
"กรณีผู้ป่วยโควิดนะคะ หากตรวจเจอเชื้อครั้งแรก แต่อาการไม่สาหัสนักหมอจะให้ยา ซึ่งผู้ป่วยสามารถกลับไปรักษาอาการป่วยที่บ้านได้ โดยสวมใส่หน้ากากอย่างมิดชิด ล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานยาตามที่หมอสั่ง และให้พักผ่อนมาก ๆ ค่ะ แต่ถ้าอาการค่อนข้างรุนแรงหมอจะให้อยู่รักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลค่ะ"
คำว่า 'อาการรุนแรง' ทำให้สาวใหญ่วัยกลางคนใจเสีย พยาบาลคนที่สองจึงแนะนำให้เช็ครายชื่อผู้ป่วยที่ห้องบัตรที่อยู่ถัดไป หญิงสาวเป็นฝ่ายเดินจูงมือแม่ ส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่ง เธอหวังว่าแม่จะเข้มแข็งพอ สอบถามห้องบัตรจนรู้ว่าเตวิทย์...ผู้เป็นพ่อและสามีกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ สองสาวต่างวัยสวมชุดปลอดเชื้อแง้มประตูเดินเข้าไปเยี่ยมเขาอย่างช้า ๆ เกรงว่าจะรบกวนสมาธิของหมอและพยาบาล ครั้นเตวิทย์เห็นภรรยากับลูกสาวก็ส่งยิ้มให้ เขาต้องการแสดงให้พวกเธอเห็นว่าเขายังแข็งแรงดี ไม่ต้องเป็นห่วง
"ไง จะกล้าซ่าอีกมั้ยพ่อ" นี่คือประโยคแรกที่แม่ทักทายพ่อ แม่ในตอนนี้คงหมดกังวลแล้ว
"สวัสดีจ้ะพ่อ" ปาลิตาทักทายพ่อบ้าง
"สวัสดีจ้ะลูก คงไม่อีกแล้วแม่ เจ็บนี้อีกนานนนนนนนนน" พ่อหัวเราะ
"ไม่ต้องห่วงนะครับคุณลุงคุณป้า อาการป่วยของคุณลุงไม่หนักเท่าไร พักรักษาตัวอีกประมาณสองสัปดาห์ก็กลับบ้านได้แล้วครับ" หมอเจ้าของไข้กล่าวคอนเฟิร์มเรียกความมั่นใจให้คนไข้และครอบครัว
"ขอบคุณนะครับหมอ ผมจะไม่ประมาทในการดูแลสุขภาพอีกแล้วครับ"
"ปฏิญาณแล้วปฏิบัติด้วย" แม่มองค้อน
"จ้าคุณแม่"
วัฏจักรความกังวล ความเศร้าโศกยังคงดำเนินต่อไป หากภัยโคโรนายังคงแพร่ระบาด มนุษย์ยังคงต้องสูญเสียคนที่รัก เพราะการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นระเบียบ ยึดความมักง่ายเป็นหลักการดำเนินชีวิต กลัวตายแต่ไม่รักชีวิต ความเห็นแก่ตัวของคนที่คุณรัก ในสภาวะที่โรคกำลังทำความสะอาดโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เราจะทำอย่างไรให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ เราต้องมีวินัยในตนเอง สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกไปข้างนอก ล้างมือให้เป็นนิสัย เมื่อรู้ว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องรู้จักกักบริเวณตนเอง ตรวจเจอเชื้อก็ต้องเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง อย่าอาย อย่าหลบซ่อน อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ความป่วยเป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องเจออยู่แล้ว แค่เราจะป่วยด้วยโรคอะไรแค่นั้น คนที่เกิดมาแล้วไม่รู้จักป่วยนั้นไม่มี ปาลิตาหวังว่าความร่วมมือจะเป็นเกราะป้องกันโคโรนาได้ หวังเหลือเกินว่าบนถนนจะมีคนถอดหน้ากาก แล้วทักทายกัน ยิ้มให้กันเหมือนก่อนที่โคโรนาจะลงมือพิพากษาคนอิตาลี คนสหรัฐฯ คนจีน คนเกาหลี คนพม่า และคนไทยเป็นว่าเล่นเช่นทุกวันนี้
กระจกรถถูกเลื่อนเปิดออก กระแสลมกลับมาพัดอย่างใจเย็นอีกครั้ง...
"น้าคะ พวงมาลัยมะลิพวงนึงค่ะ"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ