การเดินทางของติวเหวอ(เตอร์)
เขียนโดย nuskung
วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.43 น.
แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2567 14.33 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) ชีวประวัติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้ผมก็ไปสอนนักเรียนตามปกตินั่นแหละครับ สอนตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงบ่ายโมงครึ่ง
สถานที่ที่ผมไปสอนคือเซ็นเตอร์ทางการศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองนี่แหละครับ ที่นั่นมีติวเตอร์มาจับจองพื้นที่มากมาย
บางคนมานั่งตั้งแต่ไฟยังไม่เปิด ก็ยอมเปิดไฟฉายจากมือถือนั่งส่องหนังสือสอนกันไป สาเหตุที่ต้องมาเร็วเพราะที่นั่งมันเต็มครับ
นอกจากจะมีติวเตอร์แล้วยังมีนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง ใครต่อใครมานั่งกันเยอะแยะไปหมด
บางทีนั่งกันทั้งวันเลยนะครับ ถ้าหิวก็มีอาหารให้ซื้อทาน น้ำปั่น กาแฟ ชานมไข่มุก เครื่องดื่มพร้อม ห้องน้ำก็มีสะอาดสะอ้าน
แอร์ก็เย็นฉ่ำ เหตุผลแค่นี้เพียงพอนะครับที่อาชีพแบบพวกผมจะไปนั่งจับจองกัน
มาเข้าเรื่องของกันฮะ อย่างที่บอกว่าติวเตอร์มีเยอะมากนะครับ ทั้งที่ยังเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ปริญญาโท
ครูในโรงเรียนเลิกเรียนก็มาสอนพิเศษกันที่นี่ หรือพวกติวเตอร์แบบผม เพราฉะนั้นมันจะหลากหลายมากนะครับ
บางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันครับ เห็นกันเป็นประจำ อย่างเช่นติวเตอร์ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอายุน้อยกว่าผมแน่ๆ
ผมเคยเจอเธอมาสิบกว่าครั้ง ครั้งแรกที่ผมได้เจอเธอก็สร้างความตื่นตะลึงให้ผมแล้วครับ เพราะเสียงหัวเราะของเธอเซอร์ราวด์มาก
คือดังไม่เกรงใจใคร ผมก็งงๆนะครับไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้ด้วยในเมื่อเรามาใช้สถานที่รวมกันก็ควรจะเกรงใจกันด้วย
ในครั้งนั้นผมได้ยินเธอเล่าเรื่องของเธอให้เด็กนักเรียนฟังเกือบชั่วโมงนะครับที่เธอพูดแต่เรื่องเธอ
ผมพอจับใจความได้ อันนี้ผมไม่ได้เผือกนะฮะ มันได้ยินเข้าหูจริงๆเพราะดังมากกกกก สรุปรวมๆคือเธอสอนเด็กหลายโรงเรียน
บอกว่าคนนั้นคนนี้มาเรียนกับเธอ โรงเรียนนั้นสอนเรื่องนั้น โรงเรียนโน้นสอนอีกเรื่องหนึ่ง พูดแต่เรื่องนี้ราวๆชั่วโมงหนึ่งครับ
ผมไม่ได้ยินเธอสอนหนังสือเลย
ครั้งที่สองผมมานั่งรอเด็กนักเรียน สักพักผมก็เห็นเธอมานั่งโต๊ะใกล้ๆผม ผมคิดในใจว่า แย่ละ
วันนี้เรียนกันไม่รู้เรื่องแน่ ผมเลยทำเนียนเปลี่ยนไปนั่งโต๊ะอื่น แล้วก็ตามคาดครับ เธอเสียงดังมากทั้งพูด
หัวเราะจัดเต็มครับ จนคนอื่นๆหันไปมองเธอก็ไม่ลด volume นะครับ เธอยังคงคอนเซปต์เสียงดังฟังชัด
แล้วก็เล่าแต่เรื่องของตัวเอง ผมก็นึกในใจว่าน้องๆที่มาเรียนได้อะไรกลับไปบ้างหรือเปล่า
น่าสงสารนะครับที่เธอคนนี้ไม่รู้หน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไร ยังไงถึงจะถูกต้อง
แล้ววันที่พีคสุดก็มาถึง วันนั้นผมมาสอนนักเรียนของผมตอนสิบโมงเช้า ก็เรียนกันแบบปกติครับ
ติวเตอร์ท่านอื่นก็สอนเงียบๆของตัวเองไป ประมาณสิบโมงครึ่งผมได้ยินเสียงคุ้นหูครับ
“เอ้า ทำไมมาคนเดียวล่ะ” ผมหันไปตามเสียงครับ แทบช็อค!! เธอคนนั้นครับมาแล้ว
เธอถามเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะติดกับผมตั้งแต่ผมมาถึงที่นี่แล้ว ผมนี่ใจหล่นวูบเลยครับ
สงสารนักเรียนของผมจังที่วันนี้จะได้ยินแต่อะไรก็ไม่รู้ นึกยังไม่ทันจบครับก็ได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์
“เฮ้ย ทำไมไม่มาเรียน ปล่อยให้เพื่อนมาคนเดียวได้ไง เออ อ่านเยอะๆนะเว้ย ฟิสิกส์ด้วย…”
ผมก็นั่งฟังไป จนเธอวางสายแล้วก็สอนไปประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า ผมก็ได้ยินเสียงเธอดังมาอีกระลอก
(จริงๆเธอพูดตลอดเวลานะครับแต่ผมไม่ได้จับใจความเพราะผมสอนหนังสือของผมไป)
“แล้วอาทิตย์หน้าจะเรียนวันไหน พี่ได้อังคาร พุธ พฤหัส ตอนบ่ายนะ พอดีติดส่งเล่มอาจารย์
พี่ทำบทคัดย่อไว้สองอันนะ ต้องส่งให้อาจารย์ตรวจ เรียนโทก็งี้แหละงานเยอะ แต่พี่กะว่าจบแล้ว
จะไม่สอบเป็นอาจารย์นะพี่ไม่อยากเป็น ไม่อยากอ่าน thesis นักศึกษา น่าเบื่ออ่ะ …”
ยังมีต่อนะครับแต่ผมไม่สนใจจะฟังแล้ว สักพักลูกศิษย์ผมก็โพล่งขึ้นมาว่า
“ครูคะ ทำไมเค้าเสียงดังจัง” แล้วน้องก็หันไปมองครับ ผมเลยมองตามไปด้วย นึกว่าเธอจะหยุด
เปล่าเลยครับ เธอไม่รู้สึกว่าเสียงเธอดังสักนิด จนเวลาผ่านไปเที่ยงครึ่ง เธอก็เสร็จธุระเธอครับ แยกย้ายกลับไป
ตลอดช่วงเวลาสองชั่วโมงนี้ ผมไม่ได้ยินเธอสอนเลยครับ ได้ยินแต่เธอพูดเรื่องชีวประวัติของตัวเอง ผมสงสารครับ
สงสารนักเรียนที่ไปเรียนกับเธอ จ่ายเงินไปสองชั่วโมงเพื่ออะไรหรือครับ แล้วเธอจะยึดอาชีพนี้ไปอีกนานไหมครับ
ถ้าจะทำนานๆเธอต้องมีสำนึกในอาชีพด้วยนะครับ รับเงินเด็กๆมาก็ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ด้วยนะครับ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ