ตีนแมว
-
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.30 น.
1 ตอนเดียวจบ
1 วิจารณ์
2,659 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 15.43 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ✍️
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดึกสงัดคืนหนึ่ง ปรากฏเงาตะคุ่มๆของใครบางคนบนหลังคาบ้านผู้ดีมีอันจะกินหลังหนึ่งในเมืองใหญ่
ร่างนั้นค่อยๆปีนป่ายลงมาจากที่สูงอย่างทุลักทุเล ภายใต้แสงจันทร์สลัวชายชุดดำผู้อำพรางใบหน้าด้วยหมวกไอ้โม่งสีเดียวกับชุดกำลังทำภารกิจบางอย่าง ขณะที่คนในบ้านละแวกใกล้เคียงต่างพากันหลับสนิท
เขาใช้มือค่อยๆงัดหน้าต่างบานเกร็ดจากด้านนอกแล้วแทรกตัวเข้าไปภายในบ้านอย่างเงียบกริบ ชายปริศนาใช้ลวดสะเดาะกุญแจห้องเข้าไปเพื่อค้นหาบางอย่างท่ามกลางความเงียบสงัด แสงจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเลือนลาง ชายฉกรรจ์เปิดไฟฉายกระบอกเล็กส่องลงไปที่พื้นห้องและตามลิ้นชักโต๊ะตู้ต่างๆ เขาค่อยๆเปิดลิ้นชักตู้เก็บของอย่างเบามือ แล้วควานหาสิ่งที่ต้องการ
สักพักเขาคว้ากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มขึ้นมาได้ เปิดดูภายในมีอัญมณีมากมาย ทั้งสร้อยคอทองคำ จี้เพชร ต่างหูทับทิมและแหวนมรกต คาดว่ามีมูลค่านับหลายล้านเลยทีเดียว เขาปิดกล่องนั้นและนำมันใส่เป้สะพายหลังที่เตรียมมา จากนั้นค่อยๆย่องออกมาจากห้องนั้นช้าๆ ขณะที่ก้าวเท้าพ้นประตูออกมาหน้าห้อง เท้าของเขาสัมผัสกับบางอย่างลักษณะเป็นปล้องขนาดเล็ก ยาวและนุ่มนิ่มบนพื้นพรมหน้าห้อง สิ่งนั้นส่งเสียงดัง
"แง้ววว!"
ด้วยความตกใจพร้อมๆกับที่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หลังเท้า ด้วยสัญชาตญาณทำให้เขารีบชักเท้ากลับอย่างไว พร้อมกับใช้มือคลำไปที่หลังเท้า รู้สึกได้ถึงของเหลวเป็นจุดเล็กๆที่หลังเท้า เขาพยายามข่มความเจ็บปวด ส่องไฟฉายไปที่สิ่งนั้นเพื่อเพ่งมองให้ชัดๆ แล้วอุทานกับตัวเองเบาๆ
"ฉิบหายแล้ว แมวกัดขา _"
แมวตัวนั้นใช้ตากลมโตสองข้าง ข้างหนึ่งสีฟ้า อีกข้างเป็นสีเหลืองจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจบวกกับการหวาดระแวงคนแปลกหน้า ขนสีขาวของมันตั้งชันตลอดแผ่นหลังไปจนถึงหาง เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะจู่โจมใครก็ได้ที่เข้าไปใกล้มัน คนในบ้านอาจจะตกใจตื่นมาเพราะเสียงเจ้าแมวตัวนี้ก็ได้ เขานิ่งคิดเพื่อหาทางเอาตัวรอด
"แมวตัวเดียว คงจัดการได้ไม่ยาก"
ขณะที่ชายปริศนากำลังครุ่นคิดอยู่
ทันใดนั้นไฟที่โถงทางเดินก็สว่างขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขารีบกระโดดม้วนตัวไปหลบหลังโซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องโถงใหญ่ได้อย่างเฉียดฉิว
"นำโชค แกเป็นอะไรหรือเปล่า ร้องเสียงดัง จนหนูดีตื่นเลยเนี่ย"
เด็กหญิงตัวเล็กผมยาวประบ่าเดินออกมาตามทางเดิน พร้อมใช้มือขยี้ตาบ่งบอกถึงอาการงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อเดินมาถึงตัวเจ้าแมวสีขาวเธอก็นั่งลงข้างๆพร้อมกับใช้สองมือน้อยๆลูบหลังมันเบาๆ เจ้าแมวตัวนั้นสงบลงอย่างเห็นได้ชัด มันถูตัวคลอเคลียกับเด็กน้อยอย่างสบายอารมณ์
"วันนี้ป๊ากับม๊าไม่อยู่ นำโชคแกอย่าซนนะ ถ้าแกซนล่ะก็ หนูดีจะบอกป๊ากับม๊าให้เอาแกไปคืนหลวงตาจันทร์ที่วัดเลย เข้าใจมั้ย"
เด็กหญิงพูดกับแมวของเธอพร้อมใช้มือเล็กๆเกาคางและลูบขนจนมันหลับตาพริ้มคล้ายเด็กน้อยผู้ว่าง่ายทันที
"ดีมาก...นำโชค หลับซะนะ เด็กดี"
หนูดีพูดกับเจ้าแมวสีขาวเป็นประโยคสุดท้าย พร้อมกับลูบหัวมันเบาๆ เมื่อเห็นว่าแมวของเธอน่าจะหลับไปแล้ว สองเท้าน้อยๆจึงค่อยๆพาร่างเล็กเดินกลับไปตามทางเดิน และไฟในห้องก็ถูกปิดลง ตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องนอนเบาๆ
ชายปริศนาค่อยๆย่องออกมาจากหลังโซฟาหนังสีน้ำตาล ภายใต้หมวกไอ้โม่งสีดำ ขอบตาเขาร้อนผ่าวมีน้ำใสๆซึมอยู่รอบๆขอบตาทั้งสองข้าง ภาพในอดีตปรากฏในห้วงความคิดเหมือนฟิล์มหนังที่ถูกกรอกลับมาฉายซ้ำอีกครั้งในหัวของเขา
"หลวงตา...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาขโมยของในวัด ผมหลงทางมา ผมตกงาน กระเป๋าเงินผมหาย ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท วันนี้ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้ผมหิวมากเลยหลวงตา"
"อาตมาเห็นใจโยมนะ โยม...รับปากกับอาตมาได้มั้ย ว่าโยมจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ไม่ลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้อีก อาตมาขอบิณฑบาตรเถอะนะโยม"
"ครับๆหลวงตา ขอข้าวให้ผมก่อนเถอะครับหลวงตา ตอนนี้ผมหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว"
ในตอนนั้น เขารับปากหลวงตาส่งๆไปอย่างนั้นเองด้วยความหิวโหย
หลวงตายิ้มรับอย่างมีเมตตา พลางเรียกเด็กวัดออกมา ก่อนบอกว่า
"เอ็งไปตักข้าวที่หลวงตาบิณฑบาตรมาเมื่อเช้าแบ่งให้พ่อหนุ่มคนนี้ที ท่าทางเขาคงจะหิวมาก"
"ครับหลวงตาจันทร์"
เด็กวัดรับคำหลวงตาแล้วรีบวิ่งไปจัดการอย่างรวดเร็ว
ข้าวมื้อนั้นถือเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตของเขาเลยทีเดียว ถ้าไม่มีข้าวจากความเมตตาของหลวงตาจันทร์ในวันนั้น ป่านนี้เขาก็คงไม่ได้มายืนหายใจอยู่ตรงนี้แล้ว
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันไปมาในหัว
ในที่สุดเขาตัดสินใจเดินไปหาเจ้าแมวสีขาวที่นอนหลับตาอยู่บนพื้นพรมหน้าห้อง แล้วล้วงมือหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มออกมาจากเป้สะพายหลัง เขาค่อยๆวางมันไว้ข้างๆแมวตัวสีขาวอย่างเบามือ พร้อมกับพึมพำเบาๆ
"ฝากคืนนายแกด้วยนะ"
เจ้าแมวลืมตาขึ้นมามองเขาคล้ายจะรับรู้ในสิ่งที่เขาพูด ครู่เดียวมันก็หลับตาลงนอนอย่างเดิมโดยไม่ได้สนใจเขาอีก
ชายชุดดำค่อยๆเดินย่องออกมาอย่างเงียบกริบ เขาปีนกลับออกไปทางหน้าต่างเงียบๆท่ามกลางแสงจันทร์สลัว...
___________
รุ่งเช้าแสงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปทางหน้าต่างบ้านหลังเล็กที่มุงหลังคาด้วยสังกะสีเก่าๆขึ้นสนิมเขรอะ
ร่างของเด็กหญิงตัวน้อยอายุเก้าขวบค่อยๆคลานออกมาจากเตียงนอน ขาทั้งสองข้างลีบเล็กไม่มีแรง เธอจึงใช้มือพยุงตัวแทนขาในการเคลื่อนไหว
"พ่อมาแล้ว แก้วตารอพ่อทั้งคืนเลย พ่อไปไหนมาคะ"
เด็กหญิง เอ่ยถามเสียงใส ทันทีที่เห็นหน้านายบุญผู้เป็นพ่อ
"โถ! ลูกพ่อ พ่อไปธุระมาจ้ะ พ่อขอโทษนะที่ปล่อยให้แก้วตารอทั้งคืนเลย วันนี้ลูกอายุครบ 9 ขวบ พ่อมีของขวัญพิเศษจะให้แก้วตาด้วยล่ะลูก"
"อะไรเหรอคะพ่อ"
เด็กหญิงเอียงหน้าถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
นายบุญเดินไปหยิบกล่องกระดาษลังใบเก่าขนาดย่อมมาวางลงบนเตียงข้างลูกสาวตัวน้อยแทนคำตอบ
เขาเปิดกล่องกระดาษออก เด็กหญิงชะโงกหน้าเข้าไปดูในกล่อง ก่อนยิ้มแก้มปริ แล้วถามผู้เป็นพ่อ
"ลูกแมว...น่ารักจังเลยค่ะพ่อ พ่อเอามาจากไหนเหรอคะ"
เด็กน้อยเอ่ยถาม ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องแมวน้อยขนสีน้ำตาลในกล่องอย่างสนอกสนใจ
"หลวงตาจันทร์ที่วัดให้มาน่ะลูก"
นายบุญตอบยิ้มๆ
เด็กหญิงหันหน้าไปหาผู้เป็นพ่อแล้วถามต่อว่า
"แล้วมันชื่ออะไรคะพ่อ
ชายฉกรรจ์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มและตอบลูกสาวไปว่า
"...นำโชค มันชื่อ นำโชค น่ะลูก"
-----------------------------------------------
#บางคน สว่างมา มืดไป
บางคน มืดมา สว่างไป
อยากเป็นคนแบบไหน เลือกเอา...
ร่างนั้นค่อยๆปีนป่ายลงมาจากที่สูงอย่างทุลักทุเล ภายใต้แสงจันทร์สลัวชายชุดดำผู้อำพรางใบหน้าด้วยหมวกไอ้โม่งสีเดียวกับชุดกำลังทำภารกิจบางอย่าง ขณะที่คนในบ้านละแวกใกล้เคียงต่างพากันหลับสนิท
เขาใช้มือค่อยๆงัดหน้าต่างบานเกร็ดจากด้านนอกแล้วแทรกตัวเข้าไปภายในบ้านอย่างเงียบกริบ ชายปริศนาใช้ลวดสะเดาะกุญแจห้องเข้าไปเพื่อค้นหาบางอย่างท่ามกลางความเงียบสงัด แสงจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเลือนลาง ชายฉกรรจ์เปิดไฟฉายกระบอกเล็กส่องลงไปที่พื้นห้องและตามลิ้นชักโต๊ะตู้ต่างๆ เขาค่อยๆเปิดลิ้นชักตู้เก็บของอย่างเบามือ แล้วควานหาสิ่งที่ต้องการ
สักพักเขาคว้ากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มขึ้นมาได้ เปิดดูภายในมีอัญมณีมากมาย ทั้งสร้อยคอทองคำ จี้เพชร ต่างหูทับทิมและแหวนมรกต คาดว่ามีมูลค่านับหลายล้านเลยทีเดียว เขาปิดกล่องนั้นและนำมันใส่เป้สะพายหลังที่เตรียมมา จากนั้นค่อยๆย่องออกมาจากห้องนั้นช้าๆ ขณะที่ก้าวเท้าพ้นประตูออกมาหน้าห้อง เท้าของเขาสัมผัสกับบางอย่างลักษณะเป็นปล้องขนาดเล็ก ยาวและนุ่มนิ่มบนพื้นพรมหน้าห้อง สิ่งนั้นส่งเสียงดัง
"แง้ววว!"
ด้วยความตกใจพร้อมๆกับที่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หลังเท้า ด้วยสัญชาตญาณทำให้เขารีบชักเท้ากลับอย่างไว พร้อมกับใช้มือคลำไปที่หลังเท้า รู้สึกได้ถึงของเหลวเป็นจุดเล็กๆที่หลังเท้า เขาพยายามข่มความเจ็บปวด ส่องไฟฉายไปที่สิ่งนั้นเพื่อเพ่งมองให้ชัดๆ แล้วอุทานกับตัวเองเบาๆ
"ฉิบหายแล้ว แมวกัดขา _"
แมวตัวนั้นใช้ตากลมโตสองข้าง ข้างหนึ่งสีฟ้า อีกข้างเป็นสีเหลืองจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจบวกกับการหวาดระแวงคนแปลกหน้า ขนสีขาวของมันตั้งชันตลอดแผ่นหลังไปจนถึงหาง เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะจู่โจมใครก็ได้ที่เข้าไปใกล้มัน คนในบ้านอาจจะตกใจตื่นมาเพราะเสียงเจ้าแมวตัวนี้ก็ได้ เขานิ่งคิดเพื่อหาทางเอาตัวรอด
"แมวตัวเดียว คงจัดการได้ไม่ยาก"
ขณะที่ชายปริศนากำลังครุ่นคิดอยู่
ทันใดนั้นไฟที่โถงทางเดินก็สว่างขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขารีบกระโดดม้วนตัวไปหลบหลังโซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องโถงใหญ่ได้อย่างเฉียดฉิว
"นำโชค แกเป็นอะไรหรือเปล่า ร้องเสียงดัง จนหนูดีตื่นเลยเนี่ย"
เด็กหญิงตัวเล็กผมยาวประบ่าเดินออกมาตามทางเดิน พร้อมใช้มือขยี้ตาบ่งบอกถึงอาการงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อเดินมาถึงตัวเจ้าแมวสีขาวเธอก็นั่งลงข้างๆพร้อมกับใช้สองมือน้อยๆลูบหลังมันเบาๆ เจ้าแมวตัวนั้นสงบลงอย่างเห็นได้ชัด มันถูตัวคลอเคลียกับเด็กน้อยอย่างสบายอารมณ์
"วันนี้ป๊ากับม๊าไม่อยู่ นำโชคแกอย่าซนนะ ถ้าแกซนล่ะก็ หนูดีจะบอกป๊ากับม๊าให้เอาแกไปคืนหลวงตาจันทร์ที่วัดเลย เข้าใจมั้ย"
เด็กหญิงพูดกับแมวของเธอพร้อมใช้มือเล็กๆเกาคางและลูบขนจนมันหลับตาพริ้มคล้ายเด็กน้อยผู้ว่าง่ายทันที
"ดีมาก...นำโชค หลับซะนะ เด็กดี"
หนูดีพูดกับเจ้าแมวสีขาวเป็นประโยคสุดท้าย พร้อมกับลูบหัวมันเบาๆ เมื่อเห็นว่าแมวของเธอน่าจะหลับไปแล้ว สองเท้าน้อยๆจึงค่อยๆพาร่างเล็กเดินกลับไปตามทางเดิน และไฟในห้องก็ถูกปิดลง ตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องนอนเบาๆ
ชายปริศนาค่อยๆย่องออกมาจากหลังโซฟาหนังสีน้ำตาล ภายใต้หมวกไอ้โม่งสีดำ ขอบตาเขาร้อนผ่าวมีน้ำใสๆซึมอยู่รอบๆขอบตาทั้งสองข้าง ภาพในอดีตปรากฏในห้วงความคิดเหมือนฟิล์มหนังที่ถูกกรอกลับมาฉายซ้ำอีกครั้งในหัวของเขา
"หลวงตา...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาขโมยของในวัด ผมหลงทางมา ผมตกงาน กระเป๋าเงินผมหาย ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท วันนี้ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้ผมหิวมากเลยหลวงตา"
"อาตมาเห็นใจโยมนะ โยม...รับปากกับอาตมาได้มั้ย ว่าโยมจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ไม่ลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้อีก อาตมาขอบิณฑบาตรเถอะนะโยม"
"ครับๆหลวงตา ขอข้าวให้ผมก่อนเถอะครับหลวงตา ตอนนี้ผมหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว"
ในตอนนั้น เขารับปากหลวงตาส่งๆไปอย่างนั้นเองด้วยความหิวโหย
หลวงตายิ้มรับอย่างมีเมตตา พลางเรียกเด็กวัดออกมา ก่อนบอกว่า
"เอ็งไปตักข้าวที่หลวงตาบิณฑบาตรมาเมื่อเช้าแบ่งให้พ่อหนุ่มคนนี้ที ท่าทางเขาคงจะหิวมาก"
"ครับหลวงตาจันทร์"
เด็กวัดรับคำหลวงตาแล้วรีบวิ่งไปจัดการอย่างรวดเร็ว
ข้าวมื้อนั้นถือเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตของเขาเลยทีเดียว ถ้าไม่มีข้าวจากความเมตตาของหลวงตาจันทร์ในวันนั้น ป่านนี้เขาก็คงไม่ได้มายืนหายใจอยู่ตรงนี้แล้ว
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันไปมาในหัว
ในที่สุดเขาตัดสินใจเดินไปหาเจ้าแมวสีขาวที่นอนหลับตาอยู่บนพื้นพรมหน้าห้อง แล้วล้วงมือหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มออกมาจากเป้สะพายหลัง เขาค่อยๆวางมันไว้ข้างๆแมวตัวสีขาวอย่างเบามือ พร้อมกับพึมพำเบาๆ
"ฝากคืนนายแกด้วยนะ"
เจ้าแมวลืมตาขึ้นมามองเขาคล้ายจะรับรู้ในสิ่งที่เขาพูด ครู่เดียวมันก็หลับตาลงนอนอย่างเดิมโดยไม่ได้สนใจเขาอีก
ชายชุดดำค่อยๆเดินย่องออกมาอย่างเงียบกริบ เขาปีนกลับออกไปทางหน้าต่างเงียบๆท่ามกลางแสงจันทร์สลัว...
___________
รุ่งเช้าแสงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปทางหน้าต่างบ้านหลังเล็กที่มุงหลังคาด้วยสังกะสีเก่าๆขึ้นสนิมเขรอะ
ร่างของเด็กหญิงตัวน้อยอายุเก้าขวบค่อยๆคลานออกมาจากเตียงนอน ขาทั้งสองข้างลีบเล็กไม่มีแรง เธอจึงใช้มือพยุงตัวแทนขาในการเคลื่อนไหว
"พ่อมาแล้ว แก้วตารอพ่อทั้งคืนเลย พ่อไปไหนมาคะ"
เด็กหญิง เอ่ยถามเสียงใส ทันทีที่เห็นหน้านายบุญผู้เป็นพ่อ
"โถ! ลูกพ่อ พ่อไปธุระมาจ้ะ พ่อขอโทษนะที่ปล่อยให้แก้วตารอทั้งคืนเลย วันนี้ลูกอายุครบ 9 ขวบ พ่อมีของขวัญพิเศษจะให้แก้วตาด้วยล่ะลูก"
"อะไรเหรอคะพ่อ"
เด็กหญิงเอียงหน้าถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
นายบุญเดินไปหยิบกล่องกระดาษลังใบเก่าขนาดย่อมมาวางลงบนเตียงข้างลูกสาวตัวน้อยแทนคำตอบ
เขาเปิดกล่องกระดาษออก เด็กหญิงชะโงกหน้าเข้าไปดูในกล่อง ก่อนยิ้มแก้มปริ แล้วถามผู้เป็นพ่อ
"ลูกแมว...น่ารักจังเลยค่ะพ่อ พ่อเอามาจากไหนเหรอคะ"
เด็กน้อยเอ่ยถาม ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องแมวน้อยขนสีน้ำตาลในกล่องอย่างสนอกสนใจ
"หลวงตาจันทร์ที่วัดให้มาน่ะลูก"
นายบุญตอบยิ้มๆ
เด็กหญิงหันหน้าไปหาผู้เป็นพ่อแล้วถามต่อว่า
"แล้วมันชื่ออะไรคะพ่อ
ชายฉกรรจ์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มและตอบลูกสาวไปว่า
"...นำโชค มันชื่อ นำโชค น่ะลูก"
-----------------------------------------------
#บางคน สว่างมา มืดไป
บางคน มืดมา สว่างไป
อยากเป็นคนแบบไหน เลือกเอา...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ