The rebound paradin in crow paht
เขียนโดย พาวจาพัจส์
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.43 น.
แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
4) Carrion part 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCarrion
เฮ้อ.....? เฮ้อ.....
ครึ่งทางจากการหนีฉันยังคงยังยืน จ้องมองต้นไม้ ใบไม้สีเขียวในป่าโดยมีบรรยากาศมืดครึมและสัมผัสของลมที่หนาวเย็น ข้างฉันยังมี
สาวคนหนึ่งที่กำลังยุ่งกับการจัดดอกไม้ออกจากกระเป๋า ในเมื่อไม่ได้คุยอะไรกันมาสักพัก ความคิดเมื่อตอนความอับอายของ
ฉันถูกประจานต่อสายตาเธอ ทุกครั้งที่คิดผ่านไปมาในหัวทำให้ฉันอยากเอาหน้าหมุดดินไม่ก็เดินหายไปเข้าไปในป่าเสียจริงๆ
ตอนนั้นเองที่ฉันคิดได้ว่า เธออาจกำลังเห็นว่ามันน่าอายมากกว่าจะเป็นหัวเราะในความอัปลักษณ์ของฉัน ฉันเริ่มเปลี่ยนอารมณ์แล้ว
ได้เริ่มไปคุยกับสาวคนนั้น
โดยมีภาพของไขมันหน้าท้องโผล่เข้ามาระหว่างเริ่มเปิดปาก
“ เธอมีของกินบ้างไหม? ”
บทสนทนาธรรมดามักจะเริ่มต้นด้วยหัวข้อที่ฟังดูโง่เสมอ แท้จริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรเลย
เธอดูสงบเงียบมากจากก่อนหน้า
“ ฉันมีส้มกับกองขนมปังในกระเป๋า ”
กระเป๋าหนังสัตว์รูปทรงสี่เหลื่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ปานกลางที่สามารถแบกขึ้นหลังได้ หญิงสาวสมุนไพรคนนี้ใช้
กระเป๋าหนังใบนี้ไว้ใส่อาหารสำหรับเดินกับดอกไม้ที่มีสรรพคุณพิเศษ เธอมองว่าดอกไม้เหล่านั้นมีความจำเป็นที่ต้องเก็บไว้
ถึงแม้จะเป็นดอกไม้รกที่ว่างกับเศษใบไม้ กระเป๋านั้นตั้งห่างเธอไปประมาณสิบก้าวโดยมีม้าของเธอพักอยู่ข้างๆ
“ ฉัน… ขอขนมปังสักชิ้นได้รึเปล่า? ”
ช่องว่างเล็กๆ ของประโยคถูกสกัดกั้นไว้โดยความรู้สึกเขินอายของชายหนุ่มวัยกลางคน สร้างความสับสนให้หญิงสาว
“ เดียวฉันจะหยิบให้ รอก่อนนะ ”
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกกัดจากภายในโพรงจมูก กลิ่นของยาสมุนไพรจากกระเป๋ากำลังล่องลอยไปในอากาศหลังจาก
สาวสมุนไพรเปิดกระเป๋า หญิงสาวกำลังค้นหาขนมปังที่ถูกถุงของดอกไม้และสมุนไพรทับอยู่ ในตอนนั้นชายหนุ่มผู้นี้พยายาม
ปิดบังใบหน้า พลางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ใบหน้ากลมเรียวถึงขั้นสมส่วน ดวงตาสีฟ้าอ่อนสว่างเป็นประกายที่ดูเบื่อโลก เห็นแล้วเกิดความหลงใหลในหัวใจ
ผิวขาวผ่องดูเรียบเนียน ผมมัดรวบไว้ด้านหลังสีผมขาวไม่ต่างกับหิมะ เมื่อสิ่งที่กล่าวมาสังเกตคู่กับชุดแต่งกายสีดำน้ำตาล
ลงรายละเอียดลวดลายดอกได้อาบไปด้วยสีทอง มันดูไม่บ้องแบ๊วเกินไปหน่อยเหรอ? ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น ขณะเขายังตลึง
พลางนึกคำพรรณนาความงามของสาวแปลกหน้าผู้นี้ด้วยความรู้เกี่ยวกับภาษาทั้งหมดที่เขามี
คำพูดของสาวสมุนไพรที่บอกว่า ‘สาวแปลกหน้าเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา’ ทำให้เขาเชื่อในทันที
ก้อนหินลอยตกลงไปที่พื้นโดยมีแค่สาวสมุนไพรสังเกตเห็นชายหนุ่มโยนออกจากมือ เขาเดินตรงเขาไปหาหญิงสาว
เพื่อทำการจับมือทักทาย ชายหนุ่มผู้นี้ตกใจที่อีกฝ่ายเป็นผู้เริ่มเดินเข้ามาหาเขาก่อน แขนขวายื่นออกมาจากลำตัวของชายหนุ่ม
เขากำลังประมาท คงเป็นความตื่นเต้นเมื่อเขาเห็นหน้าของหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้
“ มีอะไรรึเปล่า? ” ชายผู้นี้ถามไป หญิงสาวเพ่งสายตาไปยังเสื้อของเขา ในขณะที่ดวงตาของเธอเริ่มเฉียบคมขึ้นเมื่อ
ระยะห่างของสาวแปลกหน้าลดลง เธอดึงเสื้อของชายหนุ่มขึ้น ทำให้เห็นหน้าท้องที่โผ่ลออกมาได้ชัดเจน ลักษณะกายภาพที่
เห็นนั้นรู้ได้เลยว่าชายผู้นี่ไม่ได้ออกกลำลังกายมากนัก ไขมันนั้นคงไม่ใช่สิ่งเดียวที่สามรถสร้างความตกใจแก่สาวสมุนไพร
ถวาเมื่อมองรวมกับสภาพความน่าอับอายของชายหนุ่มในตอนนี้ สาวสมุนไพรเธอเอามือมาปิดตาของตนไว้ เธออุทานถึงการที่เธอ
ไม่สามรถมองก้อนไขมันนั้นได้
“ เฮ่ยย! ทำอะไรเนี่ย! ” ชายหนุ่มพยายามดันมือหญิงสาวออก เมื่อตอนนั้นเองเขารู้ได้เลยสาวสวยคนนี้มีแรง
มากกว่าชายวัยหนุ่มน้ำหนักแปดสิบกิโล
“ ท่านได้ถูกสาป สัญลักษณ์ตรงหน้าท้องมันแสดงออกชัดเจนเมื่อฉันเข้าใกล้ ” สาวสมุนไพรเปิดมือใช้สายตามองดู
หน้าท้องของชายหนุ่มได้มีสัญลักษณ์วงกลมสีดำคล้ายพระอาทิตย์ ใกล้เคียงกับรอยสักหากภาพนั้นไม่แสดงแสงสีแดงดำสลับไปมา
ชายหนุ่มเขินอายและตกใจจึงขอให้ปล่อยมือออกอย่างสุภาพ เพราะเขาไม่มีแรงมากพอจะผลักหญิงสาวออกไปคงเป็น
เหมือนกับว่าทำอะไรไม่ได้เสียมากกว่า หญิงสาวปล่อยออกช้าๆ ก่อนที่จะพูดต่อ
“ ข้าไม่มีอะไรที่จะไล่คำสาปนี้ได้ในตอนนี้ แต่มันฆ่าคุณไม่ได้แต่อาจทำให้การเดินทางของเราลำบากขึ้น ”
“ หาไรนะ! ”
ชายหนุ่มถอดเสื้อของตนออก
“ จะถอดเสื้อทำไม?! ” สาวสมุนไพรร้องตกใจ
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ชายหนุ่มช่างสงสัยในภาพที่เห็นพลางสัมผัสสัญลักษณ์นั้น นิ้วมือเขากระตุก พร้อมจิตใจได้
หวั่นเกรงต่อภาพสัญลักษณ์นั้นที่กำลังเคลื่อนไหว
“ โห่อะไรเนี่ย ไม่ออก มันโผล่มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย? ” เขาหันไปหาหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้น โดยไม่ส้นรูปลักษณ์
ของตนเมื่อไขมันสะบัดตามการเหวี่ยงลำตัว
“ คำสาปนี่ยังไง คือฉันจะตายเพราะโดนสาปให้ตาย หรือเจออุบัติเหตุอะไรเงี่ยเหรอ? ”
แม้สิ่งที่สาวสมันไพรได้ยินอาจฟังดูพูดติดตลก เพราะเธอเกือบมองว่ารูปลักษณ์กับเสียงหลงช่างน่าขัน จนเธอเผลอมองดู
เธอหยุดคิดที่จะหัวเราะทันที เสียงหัวเราะกระซิกหลุดลอยมาจากหลังของชายหนุ่ม เขานั้นหวาดกลัวจากใจจริง
สาวแปลกหน้าหยิบมีดพกสีดำที่มีลวดลายสลักไว้สวยงาม มันดูมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่ม
หญิงสาวมอบมีดพกให้ชายหนุ่มถวาเธอยั้งมือไว้สักพักใบหน้าเธอดูกังวลกับบางอย่างจน ชายหนุ่มอดเอยปากถามไม่ได้
ก่อนปากจะเปิดเธอให้อีกคราชายหนุ่มจึงหยิบกลับมาในทันที
มันถูกทำความสะอาดจนดูเหมือนมีดพกเล่มใหม่ ชายหนุ่มคิดแบบนั้น
“ นี่มีดฉัน… ฉันรู้จักเธอรึเปล่า เหมือนฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน? ”
“ ข้าคือคนของท่านเจ้าของคฤหาสน์ พวกเขาส่งข้าให้มาช่วยท่านค้นหาสถานที่ตามจุดมุ่งหมาย มันสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ”
ชายหนุ่มเขารู้สึกมึนงง บางส่วนในสมองของเขาหยุดทำงาน เขายังคงเงียบต่อไปสักพัก
“ คนของคฤหาสน์... จริงเหรอเนี่ย? ”
เธอพยักหน้ามองเขาด้วยสายตาดูเคลือบแคลงใจ สาวสมุนไพรยืนมองพวกเขาเธอพยายามจะหยุดการสนทนา
ของพวกเขาทั้งสองอย่างเต็มที่ สาวแปลกหน้าพูดขัดเธอก่อน สำเนียงแปลกๆสร้างความประมาทให้สาวสมุนไพร เหมือนเธอถูกผลักกระเด็นออก
“ ท่านจำไม่ได้หรือ? ข้าเชื่อว่าเหล่าเมดได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับข้าแล้ว ”
ชายหนุ่มดูสับสนเป็นอย่างมาก
“ ผมขอโทษด้วยผมอาจลืมไป คุณมาช่วยผมหาสถานที่เหรอ... ผมคิดว่าสถานที่นั้นอยู่ในระหว่าง Kache กับ Irune
ผมคิดว่านะ? ”
เมื่อพวกเขายังคงสนทนากันต่อไป สาวสมุนไพรมองไม่เห็นว่าพวกเขาจะจบการสนทนาในโดยเร็ว นี่เป็นสถานการณ์
ที่เหมือนการแหย่ให้โกรธ เธอส่งเสียงกราดเกรี้ยว ยกมือขึ้นหยุดทั้งสองเธอชี้ไปทางหญิงสาวแปลกหน้า
“ พักเรื่องธุระของพวกคุณก่อนได้รึเปล่า คุณควรอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ก่อนนะ คุณพูดว่าพวกเขาเพิ่มฉันเข้า
มาในหัวของนักล่ามันมีหมายความว่ายังไงกัน นี่ไงขนมปังคุณ ”
โทนเสียงของหญิงสาวหลุดออกจากประโยค ชายหนุ่มรู้ว่าเขากำลังติดอยู่ในวังวนของอดีต
สาวสมุนไพรส่งขนมปังก้อนโตให้เขา ดวงตามองเขาด้วยความสงสัย
“ ขอบคุณมาก ” เขารับขนมปังนั้นไว้ช่างน่าประหลาดสำหรับหญิงสาวที่เขานำมันเขาปากทันที การเคลื่อนไหว
ที่ไม่ต่างจากใบไม้ร่วงที่ถูกลมพัดเธอไม่แสดงความประหลาดใจให้เห็น เธอถอยกลับไปที่นั่งเก่าของเธอ ขนมปังก้อนที่ถูก
เขมือบอยู่นั้นบาดคอราวกับถูกกรีดจากภายใน เพียงแค่สิ่งเกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่แผลกับเลือดในลำคอเป็นความหิวกระหายน้ำ
จนเขาไม่สามารถยั้งอาการสำลักออกมาได้ หญิงสาวดูเป็นห่วงเขาแม้ว่าดูเหมือนเธอจะไม่ประหลาดใจกับเรื่องนี้มากนัก
เธอทำหน้าเย้ยยั้นเล็กน้อย
“ ขนมปังนั้นกรอบมากใช่ไหมล่ะ ฉันคิดว่าจะทนกินมันไปก่อนจนกว่าตลาดจะเปิดในตอนเช้า ฉันมักจะกินส้มเป็นส่วนใหญ่ ”
เธอหยิบแก้วไม้ขนาดเล็กขึ้นมาจากกระเป๋า เธอเทน้ำจากเยือกแก้วลงไปในแก้วไม้ เธอยินดีมอบน้ำให้ด้วยร้อยยิ้ม
ชายหนุ่มคว้าไปดื่มทันที เขาแทบจิ้งขนมปังกรอบนั้นไปเขาหนีบเอาข้างแขน เขาไอพักอยู่ใหญ่กระทั่งขอดื่มน้ำเพิ่มอีกสองสามแก้ว
ความรู้สึกโล่งคอจนเขาต้องหายใจออกหนักแน่น เขาแทบไม่เชื่อว่าสิ่งนี้คือขนมปัง
“ ยั้งกับกลืนทรายลงคอ! ขอเป็นส้มแทนได้ไหม? ”
“ ไม่ได้หรอก ฉันคิดแบ่งเสบียงไว้แล้วว่าจะให้ขนมปังเป็นส่วนของพวกคุณส่วนส้มเป็นส่วนของฉันจนกว่าจะผ่านหมู่บ้านนี้ไปได้ ”
ชายหนุ่มดวงตาเบิกกว้างมองตรงมายั้งสาวสมุนไพร เขาแทบไม่เชื่อเธอในสิ่งที่บอกเขา
“ ขนมปังทรายเนี่ยน่ะนะ ” เขาพูดออกมาให้ดูตลกมันช่วยปิดบังไม่ให้เธอรู้ว่า แท้ที่จริงเขานั้นอยากพูดว่ายังไงก็กินไม่ได้หรอก
“ ใช่พวกคุณสองคนกับกองขนมปังจำนวนมากที่ฉันมีมันเพียงพอกับพวกคุณ ส่วนส้มของฉันมีจำนวนน้อยกว่ามัน
มีเพียงพอสำหรับฉันพอดี คุณดูเป็นคนกินจุ ขนมปังก้อนโตแบบนี้ยังไงก็เหลือพอสำหรับพวกคุณทั้งสอง ”
“ งั้นผมขอส้มสักลูกได้รึเปล่า? ”
“ ไม่ได้ นี้คือส่วนของฉัน ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นแล้วยกมือขึ้นมาเหมือนจะห้ามหญิงสาว
“ คุณได้ยินรึเปล่า ”
“ ได้ยินอะไร? ” หญิงสาวเงียบแล้วเงยหูฟังเสียง ด้วยความสงสัย เสียงลมทวนผ่านหูไปเบาๆ เธอปัดผมมองเข้าหา
ชายหนุ่ม เขากำลังมองเข้าไปในป่าเขายังอยู่ในท่าทีระมัดระวังพลางยกมือข้างไว้ เสียงกรีดร้องเบาบางได้ลอยเข้าหูของหญิง
สาวอย่างนุ่มนวล มันอยากที่จะเชื่อว่าเสียงที่ลอยมานั้นเป็นเพียงแค่ลมที่โชยมาธรรมดา สาวสมุนไพรหวั่นใจในทันที
ความหมายของเสียงนั้นคืออะไรกันนะ กำลังไล่วนเวียนในหัวของเธอในขณะที่ภาพของคำตอบที่เลวร้ายโผล่มา ชายหนุ่มรู้ว่า
คือเสียงที่ตนสงสัยเมื่อเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ยินเพียงคนเดียว บัดนั้นหญิงสาวเมสนทนา
“ คุณว่าใช่เสียงของคนรึเปล่า แต่ในป่าลึกแถบนี้ไม่น่าจะมีใครอาศัยอยู่เลย? ” ภาพแผนที่จากโดยรอบทำให้เธอมั่นใจเช่นนั้น
ชายหนุ่มดูตกใจเขาหยุดทำท่าทีระแวง
“ ผมว่าอาจใช่คนนะ ผมคิดว่าเป็นเสียงกรี๊ดของผู้หญิงถึงจะเบาไปหน่อย บางทีอาจเป็นผู้หญิงคนนั้นก็ได้ ”
เสียงยังคงดำเนินต่อไปเบื้องหน้าพวกเขา ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวว่าพวกเขาควรออกไปสำรวจที่มาของเสียง
โดยท่าทาง เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับชายหนุ่ม สาวสมุนไพรเดินเลี้ยวไปหาม้าของเธอ ม้าหัวตัวเข้ามาหาหญิงสาวเมื่อเธอ
เข้าใกล้เธอยืนมือไปลูบม้าอย่างนุ่มนวลพลางพูดกับม้าของเธอ ดาบสั้นแนบเอวของหญิงสาว ชายหนุ่มก้าวออกไปโดยฝาก
ขนมปังไว้ที่หญิงสาว เธอดูไม่ชอบใจเท่าไรพร้อมรับเอาไว้เธอเดินกลับไปที่กระเป๋าเพื่อเก็บขนมปังที่ถูกกัดทิ้งไว้
“ ผมว่าไปทางนั้น! ”
พวกเขาตรงเข้าไปในป่าผ่านพุ่มไม้เจอกับพื้นดินที่ยากที่เดินให้ได้สะดวกวัชพืชกับราถูกพบเห็นได้ตามทาง พวก
เขาเริ่มเดินเร็วขึ้นเมื่อเส้นทางข้างเป็นใจ ชายหนุ่มรู้ว่าพวกเขาได้เข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ ในป่ามืดครึม เหนือสิ่งใดเสียงกรีดร้อง
ทำให้รู้เช่นกันว่าทั้งสองเข้าไปใกล้มากขึ้น มีดพกธรรมดาถูกกำแน่นในมือของชายหนุ่ม มีดเล่มเล็กนี้คงสู้ดาบหรือหน้าไม้ไม่ได้
หากต้องปะทะกับศัตรูจริงๆ เขากำลังเลือกวิธีจัดการกำสิ่งที่ต้องเผชิญโดยที่ภาพโพรงไม้เริ่มโล่งหายไป
“ ตรงนั้น... โบสถ์งั้นเหรอ? ”
เบื้องหน้าเป็นสถานที่โล่งหญ้ารกรอบๆ มีต้นส้นอยู่เพียงลำพังข้างๆ โบสถ์โบราณสีขาวบนผนังที่ลอกออก มีหน้าต่าง
ตรงผนังกำแพง แสงสว่างขึ้นและจางลงของเปลวไฟลอดผ่านหญิงสาวรู้ว่าภายในมีคนอยู่เป็นแน่ เสียงโวยวายดังจากภายในหญิงสาวเชื่อว่าต้องมี
คนมากสองหรือสามคนรวมกับเสียงกรีดร้องภายในยังคงดังอยู่ ชายหนุ่มถึงกับหยุดพลางกล่าวคำหยาบออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
เขาหันไปหาสาวสมุนไพร
“ คุณว่าเราควรทำไงต่อ ” รอยยิ้มปรากฏบนหน้าเช่นนี้เขาตื่นกลัว หวังในใจว่าหัวเขาคงไม่กระเด็นในครานี้
“ ฉันว่าคุณควรเข้าไปใกล้ๆ แล้วหลบตรงต้นสนข้างโบสถ ฉันเห็นคนยืนอยู่ข้างในคุณควรระวังด้วย ”
ฉันต้องไปเหรอ? เขาไม่อยากจะไปความรู้สึกบอกเช่นนี้ แต่ความจริงตอกใจเขา อยู่ที่นี้มีแต่ต้องทำคงเหมือนหักหลัง
ความรู้สึกตัวเอง ขยายไปอีกแบบคงเป็นความรู้สึกที่อยากบอกไปว่าไม่อยากตาย
มุมนักเขียน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะ
แล้วจะกลับสานต่อเรื่องราว ;)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ