นักเขียนตาบอด
8.8
เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.50 น.
4 ตอน
7 วิจารณ์
15.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562 20.00 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ KhanomThai ca'fe ร้านขนมหวานที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นในขณะนี้ ถูกเลือกให้เป็นสถานที่นัดพบ เพราะเป็นร้านที่อธิตาและพลวัฒน์ต่างรู้จัก บรรยากาศร้านก็ดี สามารถนั่งพูดคุยกันแบบชิลๆ ไม่เคร่งเครียดเกินไป
ทันทีที่มีมิตรสหายมาเยือน กระดิ่งระฆังหน้าประตูก็จะส่งเสียงดังกลบเสียงดนตรีคลาสสิกครู่หนึ่ง แทนคำทักทาย แล้วค่อยเบาเสียงลงตามแรงสั่นที่เกิดขึ้นจากการเปิด-ปิดประตู
กรุ๊งกริ๊ง~
อธิตาผลักประตูเข้ามาในร้าน เลือกนั่งที่ชุดโต๊ะตรงมุมห้องขวามือ ป้องกันผู้คนพลุกพล่านเหมือนนัดกันเดินซื้อขนม และคุยกันจ้อกแจ้กเสียงดังรบกวนใจครั้นคุยธุระกับพลวัฒน์ เธอสั่งกาแฟรสโปรดมาดื่ม หวังลบความง่วงจางๆ ให้มลายหายไปสนิท ถ้าไม่เพราะตรวจงานจนดึกดื่น ความงัวเงียคงสยบเธอไม่ได้ พนักงานร้านหญิงเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมเครื่องดื่มที่สั่ง เธอดื่มได้สองสามอึก ฤทธิ์คาเฟอีนในกาแฟก็ปลุกเธอให้ตื่นเต็มตา
อธิตายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกประมาณเกือบสิบนาทีถึงจะเป็นเวลานัดจริงๆ เธอคว้ากาแฟมาจิบช้าๆ อย่างใจเย็น พลางเปิดนิตยสารอ่านฆ่าเวลา เข็มนาฬิกาหมุนไปข้างหน้าอย่างชิลๆ ลูกค้าทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทยอยกันอุดหนุน บ้างซื้อแล้วก็กลับบ้าน บ้างนั่งทาน...หรือสวาปาม? นั่งอาบแอร์พลางเม้าท์มอยกับเพื่อนสนิทอยู่ในร้าน สังเกตๆ ไปไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ตกลงผู้ที่ได้รับประโยชน์ทางธุรกิจคือผู้ค้าหรือลูกค้ากันแน่
ช่วงนี้เป็นช่วงสายถึงสายที่สุด หากคิดถึงเวลาเข้าเรียนของนักเรียนนักศึกษาทั้งหลายแล้ว ร้านขนมไทยคาเฟ่จึงไม่แออัดเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับตอนเย็นและวันหยุด ร้านนี้เปิดทุกวัน ยกเว้นวันไหนที่เจ้าของร้านมีภารกิจหรือเกิดขี้เกียจขึ้นมา
กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งดังเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจทราบได้ อธิตาวางนิตยสารซุบซิบดาราลงนอนกับโต๊ะ เงยหน้ามองประตู
ได้เวลานัดแล้ว
หญิงสาวมองหาพลวัฒน์ แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่มา เธอก้มกดโทรศัพท์หมายติดต่อเขา เกรงเขาลืมนัด ขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของพลวัฒน์ก็ร้องเพลงขึ้นเสียงดัง เขาซึ่งยืนอยู่ตรงประตูล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงและกดรับ อธิตากำลังสนใจคุยโทรศัพท์เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มมาถึงแล้ว
"สวัสดีครับคุณอธิตา"
(สวัสดีค่ะคุณพลวัฒน์ คุณอยู่ที่ไหนคะตอนนี้ ฉันหวังว่าคุณคงไม่ลืมนัดนะคะ เพราะฉันอยู่ที่ร้านแล้วตอนนี้)
"ไม่ลืมครับ ผมเพิ่งมาถึงร้าน คุณนั่งอยู่ตรงไหน"
(โต๊ะมุมร้านขวามือสุดค่ะ คุณอยู่ตรงไหนคะ)
"ตรงประตูครับ"
อธิตามองบริเวณประตู เธอเห็นผู้ชายสามสี่คนกำลังเดินมา ชายสามคนอยู่หน้าร้านในรัศมีใกล้กัน ชายสองคนมากับผู้หญิง คงเป็นแฟนสาว ชายคนที่สามมาคนเดียว เขาสวมหูฟัง เดินล่วงหน้าชายสองคนมาแล้ว และกำลังจะเข้าร้าน อีกคน...ชายพิการสูญเสียการมองเห็น กำลังคุยโทรศัพท์ใกล้กับประตูร้านด้านใน ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่เดินเข้ามาในร้านแล้ว ทว่าเหตุใดไม่มีใครพ่วงมาด้วย เขาไม่แข็งแรงนี่จะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไร
หากไม่ใช่ชายผู้โดดเดี่ยวหน้าร้านก็คงเป็นชายตาบอดคนนั้น แต่การที่คนในร้านมีปัญหาด้านสายตา หญิงสาวจึงเทน้ำหนักไปทางพลวัฒน์หน้าร้านมากกว่า
"เดี๋ยวผมเดินไปหานะครับ"
ทันทีที่มีมิตรสหายมาเยือน กระดิ่งระฆังหน้าประตูก็จะส่งเสียงดังกลบเสียงดนตรีคลาสสิกครู่หนึ่ง แทนคำทักทาย แล้วค่อยเบาเสียงลงตามแรงสั่นที่เกิดขึ้นจากการเปิด-ปิดประตู
กรุ๊งกริ๊ง~
อธิตาผลักประตูเข้ามาในร้าน เลือกนั่งที่ชุดโต๊ะตรงมุมห้องขวามือ ป้องกันผู้คนพลุกพล่านเหมือนนัดกันเดินซื้อขนม และคุยกันจ้อกแจ้กเสียงดังรบกวนใจครั้นคุยธุระกับพลวัฒน์ เธอสั่งกาแฟรสโปรดมาดื่ม หวังลบความง่วงจางๆ ให้มลายหายไปสนิท ถ้าไม่เพราะตรวจงานจนดึกดื่น ความงัวเงียคงสยบเธอไม่ได้ พนักงานร้านหญิงเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมเครื่องดื่มที่สั่ง เธอดื่มได้สองสามอึก ฤทธิ์คาเฟอีนในกาแฟก็ปลุกเธอให้ตื่นเต็มตา
อธิตายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกประมาณเกือบสิบนาทีถึงจะเป็นเวลานัดจริงๆ เธอคว้ากาแฟมาจิบช้าๆ อย่างใจเย็น พลางเปิดนิตยสารอ่านฆ่าเวลา เข็มนาฬิกาหมุนไปข้างหน้าอย่างชิลๆ ลูกค้าทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทยอยกันอุดหนุน บ้างซื้อแล้วก็กลับบ้าน บ้างนั่งทาน...หรือสวาปาม? นั่งอาบแอร์พลางเม้าท์มอยกับเพื่อนสนิทอยู่ในร้าน สังเกตๆ ไปไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ตกลงผู้ที่ได้รับประโยชน์ทางธุรกิจคือผู้ค้าหรือลูกค้ากันแน่
ช่วงนี้เป็นช่วงสายถึงสายที่สุด หากคิดถึงเวลาเข้าเรียนของนักเรียนนักศึกษาทั้งหลายแล้ว ร้านขนมไทยคาเฟ่จึงไม่แออัดเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับตอนเย็นและวันหยุด ร้านนี้เปิดทุกวัน ยกเว้นวันไหนที่เจ้าของร้านมีภารกิจหรือเกิดขี้เกียจขึ้นมา
กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งดังเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจทราบได้ อธิตาวางนิตยสารซุบซิบดาราลงนอนกับโต๊ะ เงยหน้ามองประตู
ได้เวลานัดแล้ว
หญิงสาวมองหาพลวัฒน์ แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่มา เธอก้มกดโทรศัพท์หมายติดต่อเขา เกรงเขาลืมนัด ขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของพลวัฒน์ก็ร้องเพลงขึ้นเสียงดัง เขาซึ่งยืนอยู่ตรงประตูล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงและกดรับ อธิตากำลังสนใจคุยโทรศัพท์เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มมาถึงแล้ว
"สวัสดีครับคุณอธิตา"
(สวัสดีค่ะคุณพลวัฒน์ คุณอยู่ที่ไหนคะตอนนี้ ฉันหวังว่าคุณคงไม่ลืมนัดนะคะ เพราะฉันอยู่ที่ร้านแล้วตอนนี้)
"ไม่ลืมครับ ผมเพิ่งมาถึงร้าน คุณนั่งอยู่ตรงไหน"
(โต๊ะมุมร้านขวามือสุดค่ะ คุณอยู่ตรงไหนคะ)
"ตรงประตูครับ"
อธิตามองบริเวณประตู เธอเห็นผู้ชายสามสี่คนกำลังเดินมา ชายสามคนอยู่หน้าร้านในรัศมีใกล้กัน ชายสองคนมากับผู้หญิง คงเป็นแฟนสาว ชายคนที่สามมาคนเดียว เขาสวมหูฟัง เดินล่วงหน้าชายสองคนมาแล้ว และกำลังจะเข้าร้าน อีกคน...ชายพิการสูญเสียการมองเห็น กำลังคุยโทรศัพท์ใกล้กับประตูร้านด้านใน ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่เดินเข้ามาในร้านแล้ว ทว่าเหตุใดไม่มีใครพ่วงมาด้วย เขาไม่แข็งแรงนี่จะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไร
หากไม่ใช่ชายผู้โดดเดี่ยวหน้าร้านก็คงเป็นชายตาบอดคนนั้น แต่การที่คนในร้านมีปัญหาด้านสายตา หญิงสาวจึงเทน้ำหนักไปทางพลวัฒน์หน้าร้านมากกว่า
"เดี๋ยวผมเดินไปหานะครับ"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ