เบื้องหลังความใจดี
8.0
เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.42 น.
1 ตอน
5 วิจารณ์
3,555 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 กันยายน พ.ศ. 2562 09.51 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ฝนตกพรำๆ และทำท่าจะตกหนัก เธอลดระดับความเร็วในการขับขี่ลง ระวังอันตรายบนท้องถนนยิ่ง ด้วยมีอีกสามชีวิตนั่งอยู่ในรถ ที่ปัดน้ำฝนยังทำหน้าที่ของมันอย่างขยันขันแข็ง ศศิวิมลจึงสามารถมองเห็นหนทางข้างหน้าได้บ้าง ทั้งที่ม่านฝนทวีความหนา ขณะรถแล่นเทียบท้องนาเวิ้งว้าง สายตาหญิงวัยกลางคนก็สบกับภาพเด็กนักเรียนห้าคนเข้า วัยไล่เลี่ยกับลูกของเธอเลย
เห็นเช่นนั้นก็ทำให้หวนระลึกถึงตัวเองเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว...
ศศิวิมลเป็นลูกสาวชาวนา ฐานะทางบ้านแต่เดิมยากจน ไม่มีสินทรัพย์ทรงค่าแต่อย่างใดที่พอให้เธอและครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ แถมเธอกับน้องสาวอีกสองคนยังต้องตกเป็นภาระโดยปริยาย เพราะลูกๆ อย่างพวกเธอยังเล็กนัก แม่ของเธอต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว และส่งเสียให้เธอกับน้องได้เรียนหนังสือ
เมื่อเยาว์วัย...เธอกับน้องโชคดีที่ได้เรียนแล้วโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านกว่าเพื่อนคนอื่น ทว่าย่างวัยสาวเธอจำต้องไปศึกษาต่อในโรงเรียนในอำเภอใกล้ๆ เพราะโรงเรียนแถวบ้านสิ้นสุดเพียงการศึกษาภาคบังคับ คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่านั้น
ความจนทำให้เธอขยัน และความขยันทำให้เธอใฝ่เรียน เธอเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนในอำเภอใกล้ๆ ความจนเป็นอุปสรรคของเธอ แต่หากอยากหลุดพ้นจากความไม่มีอะไร จะท้อได้อย่างไร ทุกเช้าเธอจำต้องเดินไปโรงเรียน และทุกเย็นก็ต้องเดินกลับบ้าน ไกลแค่ไหนก็ต้องอดทน...เพื่ออนาคต
เธอเชื่อว่าการศึกษาเปลี่ยนชีวิตเธอได้
...วันเวลาผ่านเลย ระยะทางที่ไกลแสนไกล ไม่ใช่ปัญหาของเธออีกต่อไป เธอเดินไป-กลับระหว่างบ้านกับโรงเรียนเช่นหลายวัน หลายเดือน...ที่ผ่านมา แต่วันนี้...เหมือนฟ้าไม่เป็นใจเสียเลย ฝนร้องพรั่งพรูเป็นสายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ รอแล้วรอเล่า...สายฝนก็ไม่ปรานีปราศรัย ศศิวิมลรอไม่ไหวอีกแล้ว เกรงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำ ตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไป เปียกเป็นเปียก! วันนี้แม่เธอจะกลับมาเยี่ยมบ้านด้วย เธอคิดถึงแม่เหลือเกิน
ฝ่าม่านฝนได้เกือบครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังไล่หลังมา เธอห้ามฝีเท้า หันไปมองอย่างประหลาดใจแกมอยากรู้สาเหตุที่รถกรีดร้องดังลั่น ราวตกใจกลัวอะไรบางอย่าง
รถจอดสนิทอยู่กับที่ กระจกรถถูกเลื่อนเปิดออก
"จะไปไหนหนู"
"บ้านปลัดครับ"
"ทุกคนเลยใช่มั้ย"
"ครับ"
"ขึ้นหลังรถเลย เดี๋ยวน้าไปส่ง"
"ขอบคุณครับ" รับคำ เด็กผู้ชายกลุ่มนั้นกระโดดขึ้นรถกระบะนั้นด้วยความดีใจ ศศินา ลูกสาวคนโตที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่ลอบอมยิ้มด้วยความซึ้งในน้ำใจของแม่
"ดีจังเลยนะแม่"
"มันมีเบื้องหลัง" ศศิวิมลเล่าเรื่องตนในอดีตให้ลูกสาวฟัง
รถราคาแพงวัยกลางเก่ากลางใหม่แล่นมาถึงหน้าบ้าน เธอรีบลงจากรถ ขอบคุณน้ำใจคนขับอีกครั้งและวิ่งเข้าบ้านไป ภาพศศิวิมลวัยสาวแทรกทับแผ่นหลังเด็กผู้ชายห้าคน พวกเขาพนมมือไหว้เธออย่างจริงใจและใสซื่อ เธอรับไหว้พวกเขาแล้วว่า
"ตั้งใจเรียนนะ"
"ครับ"
รถแล่นออกไปครั้นเด็กชายลงจากรถหมดทุกคนแล้ว ภาพนี้ซ้อนทับกับจินตนาการของศศินาขณะฟังเรื่องของแม่ เธอยิ้มให้กับความงดงามของน้ำใจแม่และเรื่องเล่าของแม่อันน่าประทับใจ
เห็นเช่นนั้นก็ทำให้หวนระลึกถึงตัวเองเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว...
ศศิวิมลเป็นลูกสาวชาวนา ฐานะทางบ้านแต่เดิมยากจน ไม่มีสินทรัพย์ทรงค่าแต่อย่างใดที่พอให้เธอและครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ แถมเธอกับน้องสาวอีกสองคนยังต้องตกเป็นภาระโดยปริยาย เพราะลูกๆ อย่างพวกเธอยังเล็กนัก แม่ของเธอต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว และส่งเสียให้เธอกับน้องได้เรียนหนังสือ
เมื่อเยาว์วัย...เธอกับน้องโชคดีที่ได้เรียนแล้วโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านกว่าเพื่อนคนอื่น ทว่าย่างวัยสาวเธอจำต้องไปศึกษาต่อในโรงเรียนในอำเภอใกล้ๆ เพราะโรงเรียนแถวบ้านสิ้นสุดเพียงการศึกษาภาคบังคับ คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่านั้น
ความจนทำให้เธอขยัน และความขยันทำให้เธอใฝ่เรียน เธอเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนในอำเภอใกล้ๆ ความจนเป็นอุปสรรคของเธอ แต่หากอยากหลุดพ้นจากความไม่มีอะไร จะท้อได้อย่างไร ทุกเช้าเธอจำต้องเดินไปโรงเรียน และทุกเย็นก็ต้องเดินกลับบ้าน ไกลแค่ไหนก็ต้องอดทน...เพื่ออนาคต
เธอเชื่อว่าการศึกษาเปลี่ยนชีวิตเธอได้
...วันเวลาผ่านเลย ระยะทางที่ไกลแสนไกล ไม่ใช่ปัญหาของเธออีกต่อไป เธอเดินไป-กลับระหว่างบ้านกับโรงเรียนเช่นหลายวัน หลายเดือน...ที่ผ่านมา แต่วันนี้...เหมือนฟ้าไม่เป็นใจเสียเลย ฝนร้องพรั่งพรูเป็นสายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ รอแล้วรอเล่า...สายฝนก็ไม่ปรานีปราศรัย ศศิวิมลรอไม่ไหวอีกแล้ว เกรงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำ ตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไป เปียกเป็นเปียก! วันนี้แม่เธอจะกลับมาเยี่ยมบ้านด้วย เธอคิดถึงแม่เหลือเกิน
ฝ่าม่านฝนได้เกือบครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังไล่หลังมา เธอห้ามฝีเท้า หันไปมองอย่างประหลาดใจแกมอยากรู้สาเหตุที่รถกรีดร้องดังลั่น ราวตกใจกลัวอะไรบางอย่าง
รถจอดสนิทอยู่กับที่ กระจกรถถูกเลื่อนเปิดออก
"จะไปไหนหนู"
"บ้านปลัดครับ"
"ทุกคนเลยใช่มั้ย"
"ครับ"
"ขึ้นหลังรถเลย เดี๋ยวน้าไปส่ง"
"ขอบคุณครับ" รับคำ เด็กผู้ชายกลุ่มนั้นกระโดดขึ้นรถกระบะนั้นด้วยความดีใจ ศศินา ลูกสาวคนโตที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่ลอบอมยิ้มด้วยความซึ้งในน้ำใจของแม่
"ดีจังเลยนะแม่"
"มันมีเบื้องหลัง" ศศิวิมลเล่าเรื่องตนในอดีตให้ลูกสาวฟัง
รถราคาแพงวัยกลางเก่ากลางใหม่แล่นมาถึงหน้าบ้าน เธอรีบลงจากรถ ขอบคุณน้ำใจคนขับอีกครั้งและวิ่งเข้าบ้านไป ภาพศศิวิมลวัยสาวแทรกทับแผ่นหลังเด็กผู้ชายห้าคน พวกเขาพนมมือไหว้เธออย่างจริงใจและใสซื่อ เธอรับไหว้พวกเขาแล้วว่า
"ตั้งใจเรียนนะ"
"ครับ"
รถแล่นออกไปครั้นเด็กชายลงจากรถหมดทุกคนแล้ว ภาพนี้ซ้อนทับกับจินตนาการของศศินาขณะฟังเรื่องของแม่ เธอยิ้มให้กับความงดงามของน้ำใจแม่และเรื่องเล่าของแม่อันน่าประทับใจ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ