[ Boku wa Otokodesu ] ขอโทษที ผมเป็นผู้ชายนะครับ
7.3
เขียนโดย Feather
วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.42 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,948 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 กันยายน พ.ศ. 2560 19.25 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) เดทของนายเอาแต่ใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสถานที่ : คฤหาสน์ของชุนอิจิ มินามิ
ประตูบ้านที่สวยเวอร์อลังการของคฤหาสน์หลังหนึ่ง มีเพียงร่างสูงโปร่ง ผมสีทอง ยืนรอใครบางคนอย่างน่าเบื่อหน่ายเนื่องจากเฟียร์เซลล์มมายืนตรงนี้ได้สักพักแล้ว
------ ตึกตัก ตึกตัก -------
นี่มันเสียงอะไรกัน
เสียงหัวใจของผมยังคงก้องกังวาลอยู่ในอกมันดังเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันดังตั้งแต่ผู้ชายที่ชื่อ ชุนอิจิ มินามิ เอ่ยคำนั้นออกมา ‘เดทกับฉันสามวัน’
‘แอ๊ด’
ขณะที่ผมยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ ก็มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับรถ
BMW Z4 สีแดงแสนสวยขับเคลื่อนที่มาจอดอยู่ตรงหน้าผม เมื่อคนในรถเลื่อนกระจกลง เขาก็เห็นบุคคลที่เขาอยากเจอทันที
“มาแต่เช้าเลย….คิดถึงเหรอครับ”น้ำเสียงหยอกล้อกับท่ายักษ์คิ้วที่แสนจะกวนตีนนั้นทำให้ผมชักอยากจะต่อยใบหน้าหล่อเหลานั้นซะแล้วล่ะครับ
“ป่าวหรอกก….พอดีฉันมาให้หมาถามนะ” ผมหัวเราะในลำคอแล้วเดินเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ
“ปากดีเหมือนเดิมเลยน่ะ”
“โอ๊ย! เจ็บน่ะเว่ย” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็มาหยิกแก้มผมสะเต็มแรง
“5555555”
“อยากตายรึไง” ผมมองเขาที่หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยสีทหน้าจริงจัง “ฉันตกลงที่จะเดทกับนาย”
“ฮ๊ะ ว่าไงน่ะครับ ผมไม่ได้ยิน” เขายิ้มบางๆ นี้ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาไม่ได้ยินจริงๆหรือว่าแกล้งไม่ได้ยินกันแน่
“ฉันตกลงที่จะเดทกับนายสามวัน ชุนอิจิ!” ผมตะโกนเสียงใส่เขาอย่างหงุดหงิด ไอ้หมอนี้จงใจยั่วโมโหผมชัดๆ สมองไม่ปกติหรือไงชอบให้คนอื่นเขาโกรธตัวเอง
“งั้นนายอยากไปไหนล่ะวันนี้”
“ฉันมาบอกนายแค่นี้แหละ เพราะฉันมีเรียน” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่แต่งชุดนักเรียน
นี่ถามแบบนี้จะไม่เข้าเรียนสิน่ะ!!
ผมพูดพลางมองนาฬิกาบนข้อมือที่ตอนนี้เข็มยาวบนหน้าปัดชี้เลขเก้าแล้ว ถ้าช้ากว่านี้ผมคงไปไม่ทันรถบัสรอบสุดท้ายที่ผ่านหน้าโรงเรียนผม
“อุส่ามาทั้งทีจะเข้าเรียนซะงั้น เฮ้อ แต่ฉันอยากไปทะเล”
“ก็ไปสิ” ผมไม่ได้อยากไปด้วยซะหน่อย แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าเขากำลังอยากจะทำอะไร ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถ เขาก็ขับรถยนต์ออกทันที
“เฮ่ย! จอดน่ะเว่ยชุนอิจิ ถ้านายอยากไปเที่ยวทะเลก็ไปคนเดียวดิ ฉันจะไปเรียนนะ”
“คนเรียนเก่งอย่างนาย โดดสักวันก็คงไม่ได้ทำให้เกรดตกหรอกน่ะ” น้ำเสียงที่ดูสบายๆนั้นทำให้ผมปวดหัวกว่าเดิม แต่เดี๋ยวนะ เขารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนเรียนเก่ง หรือว่าเขารู้จักผมมาก่อนจริงๆสินะ
“เฮ่ย ไม่เอาเว่ยจะกลับ ปล่อยน่ะเว่ย”
‘เอี๊ยด’
เขาจออดรถแล้วจับแขนผมเอาไว้แน่น ก่อนจะหันไปปิดแพลง เชี่ยเอ่ยถึงกับต้องล็อกแขนแบบนี้เลยเหรอวะ บอกดีๆก็ได้เจ็บน่ะ
“เงียบ!” เขาตะโกนเสียงดังสนั่นรถ
“ปล่อยดิ”
“อยู่เงียบก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับนาย”
“ชุนอิจิก็ปล่อยก่อนดิ ผมเจ็บ”
“ต่อไปนี้นายเรียกฉันว่ามินามิคุงกก็พอ แล้วก็เงียบซะ”
“นายก็ปล่อ…อุ๊บ อื้อออ”อีกแล้วตั้งแต่ผมรู้จักผู้ชายที่ชื่อ ชุนอิจิ มินามิ ผมก็ปลืองตัวชิพหายเลย ผมพยายามหันหน้าหนีแต่เขาก็ล็อกคางผมเอาไว้เพื่อรับจูบนั้น
“อื้อ….คอกแค่ก” เมื่อเขาผละริมฝีปากผมก็ไอและผมก็หายใจเพื่อโกยอากาศเข้าไปในอกอย่างรวดเร็ว
“ฉันเตือนนายแล้ว ถ้าไม่เงียบอีกฉันไม่ทำแค่นี้แน่”
เขาบอกแค่นั้นก่อนจะออกรถ นี่เขาจูบผมทำไมเนี่ย ผมเป็นผู้ชายน่ะ แล้วถ้าแค่เกมส์เดทกันจะมาทำแบบนี้กับผมทำไม? ผมเองก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ต่างคนต่างเงียบบวกกับแอร์เย็นๆ แถมยังต้องมาเสียพลังงานไปจากการตื่นเช้า เมื่อคืนผมไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดเรื่องเดทนี้อยู่ในสมองจนนอนไม่หลับนี่แหละ จึงทำให้ผมง่วงแล้วเผลอหลับไป
“อืออ”
ผมรู้สึกตัวหลังจากที่เผลอหลับไปแต่ก็ต้องแปลกใจที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนรถเหมือนในตอนแรก เฮ่ย แล้วผมอยู่ที่ไหนละว่ะเนี่ย ผมมองไปรอบๆห้องที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะมองนาฬิกาบนผนังพบว่าตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่ผมนอนหลับหรือตายกันแน่เนี่ย ผมลุกเดินไปสำรวจรอบๆห้อง แล้วก็เห็นโน๊ตกระดาษแผ่นเล็กๆที่มีข้อความว่า
‘เดินมาด้านหลังบ้าน ชั้นหนึ่ง จาก ชุนอิจิ’
ผมวางกระดาษลงตามเดิมและเดินลงบันได เมื่อถึงประตู้หลังบ้านผมก็เปิดประตูออก อ่า ลมเย็นๆและกลิ่นทะเลปะทะเข้ากับใบหน้าและจมูกของผม สวยจัง แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มกระทบกับท้องทะทะเลที่กว้างใหญ่นั้นทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
“มาแล้วเหรอ?...มานั่งนี่สิ”
ผมเดินไปหาเขาที่นั่งบนเก้าอี้แบบทรงนอนตัวยาวสีขาวซึ่งมีอยู่ 2 ตัวเขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวบางๆกับกางเกงขาสั่นและสวมแว่นกันแดดสีน้ำเงินแสนเท่นั้นทำให้เขาดูดีอย่างกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร
“จำอะไรได้บ้างหรือยัง” เขาว่าพลางแอนตัวนอนกับเก้าอี้แล้วหันน้ามาทางผมที่นั่งเก้าอี้ข้างๆเขา
“ผ…ผมเคยมาที่นี้ด้วยงั้นเหรอ” ผมเอ่ยอย่างนึกสงสัย”ผมจำไม่ได้” ประโยคหลังผมหันหน้าหนีเขาเพื่อหลีกเหลี่ยงสายตาที่ฉายแววเป็นห่วงนั้น
“นายเคยมาที่บ้านหลังนี้ตอนเด็กๆ”
“อ่อ มากับพ่อแม่สิน่ะ”
“อืมม แล้วก็มากับฉันหนหนึ่งตอนม. 4”
“มากับนาย? งั้นมินามิคุงก็รู้จักผมสิน่ะครับ เราเป็นเพื่อนกันสินะ” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่าย อ่ะ ทำไมทำหน้าคิ้วขมวดอย่างงั้นล่ะหรือว่าผมพูดอะไรผิดหูเขาหรือป่าวเนี่ย
“เป็นอะไรหรือป่าวครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชินกับการพูดเพราะของนายเท่านั้นเอง ตอนแรกที่เจอฉันไม่เห็นจะพูดสุภาพขนาดนี้เลยทำไมตอนนี้ถึงพูดล่ะ”
“ฮ่าฮ่า สงสัยผมนอนนานจนเพี้อนไปแล้วล่ะมั่งเนี่ย”
“กังวลเหรอ?...ปกติถ้านายกังวลหรือเครียดก็จะไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ” เขายิ้มบางๆให้ผม “เชื่อฉันสินายต้องจำได้แน่นอน ^0^”
-----ตึกตักๆ----
อ่า เอาอีกแล้วหัวใจของผมกำลังเต้นดังขึ้น หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีแดงจนถึงใบหู
“หิวแล้ว” ผมรีบลุกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าหน้าผมมันร้อนๆ
“เป็นอะไรของนายเนี่ย ทำไมหน้าแดงๆ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้า ผมกำลังจะตอบเขา แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเอาหน้าผากเขามาชนกับหน้าผากของผม แต่ด้วยความสูงทำให้เขาต้องก้มตัวลงมาเพื่อวัดไข้ให้ผม
“ เฮ่ย!..ทำอะไรของนายวะเนี่ย OxO ” ผมตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวให้ห่างจากตัวเขา
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เอ๋….หรือว่าเขินผมเหรอครับ ^6^” เขายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างได้ใจ
“ไม่ใช่เว่ย ไอ้บ้าา!! >///<”
พูดจบผมก็รีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างหลังแว่วๆ
ความสงบสุขของผมในชีวิต กำลังปั่นป่วนซะเเล้วฮะ
ประตูบ้านที่สวยเวอร์อลังการของคฤหาสน์หลังหนึ่ง มีเพียงร่างสูงโปร่ง ผมสีทอง ยืนรอใครบางคนอย่างน่าเบื่อหน่ายเนื่องจากเฟียร์เซลล์มมายืนตรงนี้ได้สักพักแล้ว
------ ตึกตัก ตึกตัก -------
นี่มันเสียงอะไรกัน
เสียงหัวใจของผมยังคงก้องกังวาลอยู่ในอกมันดังเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันดังตั้งแต่ผู้ชายที่ชื่อ ชุนอิจิ มินามิ เอ่ยคำนั้นออกมา ‘เดทกับฉันสามวัน’
‘แอ๊ด’
ขณะที่ผมยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ ก็มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับรถ
BMW Z4 สีแดงแสนสวยขับเคลื่อนที่มาจอดอยู่ตรงหน้าผม เมื่อคนในรถเลื่อนกระจกลง เขาก็เห็นบุคคลที่เขาอยากเจอทันที
“มาแต่เช้าเลย….คิดถึงเหรอครับ”น้ำเสียงหยอกล้อกับท่ายักษ์คิ้วที่แสนจะกวนตีนนั้นทำให้ผมชักอยากจะต่อยใบหน้าหล่อเหลานั้นซะแล้วล่ะครับ
“ป่าวหรอกก….พอดีฉันมาให้หมาถามนะ” ผมหัวเราะในลำคอแล้วเดินเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ
“ปากดีเหมือนเดิมเลยน่ะ”
“โอ๊ย! เจ็บน่ะเว่ย” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็มาหยิกแก้มผมสะเต็มแรง
“5555555”
“อยากตายรึไง” ผมมองเขาที่หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยสีทหน้าจริงจัง “ฉันตกลงที่จะเดทกับนาย”
“ฮ๊ะ ว่าไงน่ะครับ ผมไม่ได้ยิน” เขายิ้มบางๆ นี้ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาไม่ได้ยินจริงๆหรือว่าแกล้งไม่ได้ยินกันแน่
“ฉันตกลงที่จะเดทกับนายสามวัน ชุนอิจิ!” ผมตะโกนเสียงใส่เขาอย่างหงุดหงิด ไอ้หมอนี้จงใจยั่วโมโหผมชัดๆ สมองไม่ปกติหรือไงชอบให้คนอื่นเขาโกรธตัวเอง
“งั้นนายอยากไปไหนล่ะวันนี้”
“ฉันมาบอกนายแค่นี้แหละ เพราะฉันมีเรียน” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่แต่งชุดนักเรียน
นี่ถามแบบนี้จะไม่เข้าเรียนสิน่ะ!!
ผมพูดพลางมองนาฬิกาบนข้อมือที่ตอนนี้เข็มยาวบนหน้าปัดชี้เลขเก้าแล้ว ถ้าช้ากว่านี้ผมคงไปไม่ทันรถบัสรอบสุดท้ายที่ผ่านหน้าโรงเรียนผม
“อุส่ามาทั้งทีจะเข้าเรียนซะงั้น เฮ้อ แต่ฉันอยากไปทะเล”
“ก็ไปสิ” ผมไม่ได้อยากไปด้วยซะหน่อย แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าเขากำลังอยากจะทำอะไร ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถ เขาก็ขับรถยนต์ออกทันที
“เฮ่ย! จอดน่ะเว่ยชุนอิจิ ถ้านายอยากไปเที่ยวทะเลก็ไปคนเดียวดิ ฉันจะไปเรียนนะ”
“คนเรียนเก่งอย่างนาย โดดสักวันก็คงไม่ได้ทำให้เกรดตกหรอกน่ะ” น้ำเสียงที่ดูสบายๆนั้นทำให้ผมปวดหัวกว่าเดิม แต่เดี๋ยวนะ เขารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนเรียนเก่ง หรือว่าเขารู้จักผมมาก่อนจริงๆสินะ
“เฮ่ย ไม่เอาเว่ยจะกลับ ปล่อยน่ะเว่ย”
‘เอี๊ยด’
เขาจออดรถแล้วจับแขนผมเอาไว้แน่น ก่อนจะหันไปปิดแพลง เชี่ยเอ่ยถึงกับต้องล็อกแขนแบบนี้เลยเหรอวะ บอกดีๆก็ได้เจ็บน่ะ
“เงียบ!” เขาตะโกนเสียงดังสนั่นรถ
“ปล่อยดิ”
“อยู่เงียบก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับนาย”
“ชุนอิจิก็ปล่อยก่อนดิ ผมเจ็บ”
“ต่อไปนี้นายเรียกฉันว่ามินามิคุงกก็พอ แล้วก็เงียบซะ”
“นายก็ปล่อ…อุ๊บ อื้อออ”อีกแล้วตั้งแต่ผมรู้จักผู้ชายที่ชื่อ ชุนอิจิ มินามิ ผมก็ปลืองตัวชิพหายเลย ผมพยายามหันหน้าหนีแต่เขาก็ล็อกคางผมเอาไว้เพื่อรับจูบนั้น
“อื้อ….คอกแค่ก” เมื่อเขาผละริมฝีปากผมก็ไอและผมก็หายใจเพื่อโกยอากาศเข้าไปในอกอย่างรวดเร็ว
“ฉันเตือนนายแล้ว ถ้าไม่เงียบอีกฉันไม่ทำแค่นี้แน่”
เขาบอกแค่นั้นก่อนจะออกรถ นี่เขาจูบผมทำไมเนี่ย ผมเป็นผู้ชายน่ะ แล้วถ้าแค่เกมส์เดทกันจะมาทำแบบนี้กับผมทำไม? ผมเองก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ต่างคนต่างเงียบบวกกับแอร์เย็นๆ แถมยังต้องมาเสียพลังงานไปจากการตื่นเช้า เมื่อคืนผมไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดเรื่องเดทนี้อยู่ในสมองจนนอนไม่หลับนี่แหละ จึงทำให้ผมง่วงแล้วเผลอหลับไป
“อืออ”
ผมรู้สึกตัวหลังจากที่เผลอหลับไปแต่ก็ต้องแปลกใจที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนรถเหมือนในตอนแรก เฮ่ย แล้วผมอยู่ที่ไหนละว่ะเนี่ย ผมมองไปรอบๆห้องที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะมองนาฬิกาบนผนังพบว่าตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่ผมนอนหลับหรือตายกันแน่เนี่ย ผมลุกเดินไปสำรวจรอบๆห้อง แล้วก็เห็นโน๊ตกระดาษแผ่นเล็กๆที่มีข้อความว่า
‘เดินมาด้านหลังบ้าน ชั้นหนึ่ง จาก ชุนอิจิ’
ผมวางกระดาษลงตามเดิมและเดินลงบันได เมื่อถึงประตู้หลังบ้านผมก็เปิดประตูออก อ่า ลมเย็นๆและกลิ่นทะเลปะทะเข้ากับใบหน้าและจมูกของผม สวยจัง แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มกระทบกับท้องทะทะเลที่กว้างใหญ่นั้นทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
“มาแล้วเหรอ?...มานั่งนี่สิ”
ผมเดินไปหาเขาที่นั่งบนเก้าอี้แบบทรงนอนตัวยาวสีขาวซึ่งมีอยู่ 2 ตัวเขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวบางๆกับกางเกงขาสั่นและสวมแว่นกันแดดสีน้ำเงินแสนเท่นั้นทำให้เขาดูดีอย่างกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร
“จำอะไรได้บ้างหรือยัง” เขาว่าพลางแอนตัวนอนกับเก้าอี้แล้วหันน้ามาทางผมที่นั่งเก้าอี้ข้างๆเขา
“ผ…ผมเคยมาที่นี้ด้วยงั้นเหรอ” ผมเอ่ยอย่างนึกสงสัย”ผมจำไม่ได้” ประโยคหลังผมหันหน้าหนีเขาเพื่อหลีกเหลี่ยงสายตาที่ฉายแววเป็นห่วงนั้น
“นายเคยมาที่บ้านหลังนี้ตอนเด็กๆ”
“อ่อ มากับพ่อแม่สิน่ะ”
“อืมม แล้วก็มากับฉันหนหนึ่งตอนม. 4”
“มากับนาย? งั้นมินามิคุงก็รู้จักผมสิน่ะครับ เราเป็นเพื่อนกันสินะ” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่าย อ่ะ ทำไมทำหน้าคิ้วขมวดอย่างงั้นล่ะหรือว่าผมพูดอะไรผิดหูเขาหรือป่าวเนี่ย
“เป็นอะไรหรือป่าวครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชินกับการพูดเพราะของนายเท่านั้นเอง ตอนแรกที่เจอฉันไม่เห็นจะพูดสุภาพขนาดนี้เลยทำไมตอนนี้ถึงพูดล่ะ”
“ฮ่าฮ่า สงสัยผมนอนนานจนเพี้อนไปแล้วล่ะมั่งเนี่ย”
“กังวลเหรอ?...ปกติถ้านายกังวลหรือเครียดก็จะไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ” เขายิ้มบางๆให้ผม “เชื่อฉันสินายต้องจำได้แน่นอน ^0^”
-----ตึกตักๆ----
อ่า เอาอีกแล้วหัวใจของผมกำลังเต้นดังขึ้น หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีแดงจนถึงใบหู
“หิวแล้ว” ผมรีบลุกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าหน้าผมมันร้อนๆ
“เป็นอะไรของนายเนี่ย ทำไมหน้าแดงๆ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้า ผมกำลังจะตอบเขา แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเอาหน้าผากเขามาชนกับหน้าผากของผม แต่ด้วยความสูงทำให้เขาต้องก้มตัวลงมาเพื่อวัดไข้ให้ผม
“ เฮ่ย!..ทำอะไรของนายวะเนี่ย OxO ” ผมตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวให้ห่างจากตัวเขา
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เอ๋….หรือว่าเขินผมเหรอครับ ^6^” เขายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างได้ใจ
“ไม่ใช่เว่ย ไอ้บ้าา!! >///<”
พูดจบผมก็รีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างหลังแว่วๆ
ความสงบสุขของผมในชีวิต กำลังปั่นป่วนซะเเล้วฮะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ