กรงทอง
7.0
1) EP.1 ของวิเศษแห่งอาทิตย์และจันทรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เพียงเพราะกายของข้าที่ไม่แข็งแรง เสด็จแม่และเสด็จพ่อจึงถามหาความจริงว่าเหตุใดการที่ข้าเกิดมาแล้วร่างกายจึงอ่อนแอเช่นนี้ โหรหลวงจึงบอกกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าว่า ร่างกายของข้านั้นไม่อาจสมบูรณ์ได้ เพราะยามที่ข้าลงมาเกิดนั้นข้าถูกสวรรค์ส่งมาด้วยการพลัดพากจากคนรัก จึงทำให้การเกิดมาของข้าไม่แข็งแรงและหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตเช่นทุกวันนี้ มีสิ่งเดียวที่จะทำให้ข้ากลับมาแข็งแรงสมบูรณ์อีกครั้ง นั้นคือข้าต้องเดินทางเข้าไปในป่าลึกศรีไพรพนา ซึงเป็นป่าที่ถือว่ามีอันตรายไม่น้อย แต่ด้วยชะตาของข้าแล้วเพื่อการกลับมาแข็งแรงสามารถปกครองเมืองอาพรสุทธินันท์ได้ ข้าจะต้องทำให้ชาวเมืองของข้าเชื่อว่าข้าเหมาะสมจะปกครองเมืองอาพรสุทธินันท์แห่งนี้ วันนี้ข้าจึงจำต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของข้าเพื่อไปตามหาสิ่งสำคัญที่ว่านั้นให้จงได้ ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าสิ่งนั้นคืออะไร โหรหลวงบอกเพียงแค่ว่าในป่าลึกศรีไพรพนาจะมีผู้ทรงศีลที่ชี้นำทางข้าเท่านั้น ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับวาสนาของข้าแล้ว “ชนกันย์แม่ขอให้เจ้าเดินทางโดยปลอดภัยนะลูก” “พระเจ้าข้า...เสด็จแม่และเสด็จพ่อก็ดูแลพระองค์เช่นกันนะพระเจ้าข้า” “รีบไปเถอะเดี๋ยวพ่อจะให้หฤษฎ์เป็นผู้ติดตามเจ้าไปเอง” “ไม่ต้องหรอกพระเจ้าข้าเสด็จพ่อ จำที่โหรหลวงบอกมิได้รึว่าหม่อมฉันต้องเดินทางด้วยตนเอง” “ถ้าเป็นเช่นนั้นพ่อกับแม่ขอให้เจ้าโชคดีแล้วรีบกลับมาให้ถึงที่นี้ก่อนเจ้าจะอายุครบ22พรรษา” “พระเจ้าข้า...เช่นนั้นลูกขอทูลลา” แม้ไม่รู้ว่าเบื้องหน้าที่ตัวข้าต้องเดินทางไปนั้นจะพบเจอกับอะไรแต่เพื่อเสด็จพ่อเสด็จแม่ร่วมไปถึงชาวเมืองอาพรสุทธินันท์แล้ว นี้คือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา
“ได้เวลาที่หัวใจที่เคยแตกเป็นครึ่งออกเดินทางเพื่อตามหาอีกครึ่งแล้วซินะท่านพระอาทิตย์ แต่โอรสของท่านไม่มีทางได้หัวใจอีกครึ่งเป็นแน่” เสียงของพระจันทร์พูดจาเย้ยหยันใส่ข้าเพียงเพราะการที่ข้าแยกความรักของธิดาและโอรสของเราให้พรากจากกันแล้วส่งโอรสของข้าไปเกิดกับมนุษย์ทำให้ธิดาของพระจันทร์ตอมใจทำให้พระจันทร์ที่ไม่สามารถมองดูธิดาของตนได้ จึงส่งให้ธิดาของตนไปเกิดที่เมืองโลหนันท์แต่กลับมอบกายทิพย์ของธิดาให้ไปเกิดเป็นชาย เพื่อจะได้ไม่ต้องมารักกับโอรสของพระอาทิตย์อีกต่อไป “ท่านคิดว่าโอรสของข้าจะไม่มีทางหายจากอาการประชวรเช่นนั้นรึ” “แล้วท่านคิดว่าเช่นไรละท่านพระอาทิตย์คนที่ทำให้โอรสของท่านเป็นเช่นนั้นก็ตัวท่านเองไม่ใช่รึ” “ท่านทำแบบนี้แล้วคิดรึว่าธิดาของท่านที่ไปเกิดเป็นชายจะมีความสุขได้” “ข้าก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วนิ...ในเมื่อรักกันไม่ได้ก็สู้ให้เกลียดกันเลยจะดีกว่า” “ท่านมันจิตใจโหดร้าย” “ข้าก็เรียนรู้มาจากท่านนั้นแหล่ะพระอาทิตย์” พูดจบพระจันทร์ก็เดินจากไป ข้าต้องทำเช่นไรนี้ข้าทำผิดรึที่แยกคนรักให้จากกัน “พ่อจะช่วยเจ้าได้เช่นไรชนกันย์ หากแม่นเจ้าและธีรภัทรเป็นคู่แท้กันแล้วความรักจากเจ้าคงทำให้ความแค้นเสื่อมคาย”
เสียงโอดโอยของเหล่าทหารที่ฝึกดาบกับพระโอรสแห่งเมืองโลหนันท์ต่างก้มตัวหลบแทบไม่ทัน เพราะฝีมือในการต่อสู้แล้วคงไม่มีใครสามารถต่อกรกับโอรสแห่งเมืองโลหนันท์นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นไหวพริบในการต่อสู้หรือความชาญฉลาดแล้วไม่มีใครเทียบได้ “พระโอรสพระเจ้าข้ากระหม่อมว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะพระเจ้าข้า” “อ่อนแอ...นี้ข้าเบามือให้พวกเจ้าแล้วนะ” “เพราะฝีมือที่เก่งกล้าของพระองค์กระหม่อมและเหล่าทหารมิอาจเทียบเทียมหรอกพระเจ้าข้า” “หึหึ...ข้าเบื่อข้าอยากจะออกไปเที่ยวเจ้าว่าข้าควรไปไหนดีนลาดล” “พระองค์จะออกประพาสป่าหรือพระเจ้าข้า” “ใช่...แต่ข้าไม่อยากออกไปแบบล่าสัตว์แต่ข้าอยากได้ของวิเศษ” “ของวิเศษหรือพระเจ้าข้า” “ใช่...เจ้าพอจะรู้ไหมว่ามีของวิเศษใดที่ข้าจะเอามาครอบครอง” “ถ้าเป็นของวิเศษ กระหม่อมเห็นจะเป็นกรงทองพระเจ้าข้า” “กรงทอง?..” “พระเจ้าข้า กรงทองเป็นของวิเศษที่สามารถรักษาคนที่ร่างกายที่ดวงใจไม่สมบูรณ์ได้พระเจ้าข้า” “รักษาดวงใจที่ไม่สมบูรณ์เช่นนั้นรึ...แล้วแบบนี้จะมีใครต้องการของวิเศษสิ่งนี้ละในเมื่อทุกคนเกิดมาล้วนแต่มีดวงใจก็ทุกคน ถ้าเป็นแบบนี้ข้าจะแย้งชิงของวิเศษนี้มาเพื่อการใด” “มีซิพระเจ้าข้า...โอรสแห่งเมืองอาพรสุทธินันท์ไงพระเจ้าข้า” “เมืองอาพรสุทธินันท์งั้นรึ” “พระเจ้าข้า...กระหม่อมได้ยินมาว่าโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ทรงมีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนักรวมทั้งมีความฉลาดปราดเปรื่อง เสียแต่เรื่องพระวรกายที่ไม่แข็งแรง” “ถ้าเป็นเช่นที่เจ้ากล่าวข้าคงต้องชิงเอากรงทองมาเป็นของข้าให้ได้แล้วละ” “ดีพระเจ้าข้า ไม่แน่ในการณ์หน้าพระองค์อาจจะได้ครอบครองเมืองอาพรสุทธินันท์ก็เป็นได้” “เช่นนั้นเจ้าไปเตรียมคนให้พร้อมข้าจะออกเดินทางไปเอากรงทอง” “พระเจ้าข้า” โอรสแห่งเมืองอาพรสุทธินันท์รึข้าชักอยากจะเห็นหน้าแล้วซิว่าเป็นเช่นใด
เหนื่อยเหลือเกินนี่เราเดินทางในป่ามาสามวันแล้วเมื่อไรจะเจอสิ่งที่บ่งบอกว่าข้าจะต้องไปเอาอะไรมาเพื่อรักษาตัวของข้าเอง ข้าค่อยๆย่อตัวลงวักน้ำจากรำธารขึ้นล้างหน้าก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้ข้าหันตามไปมอง “เสียงอะไรกัน” ข้าค่อยๆหยิบเอาดาบที่อยู่ข้างตัวออกมาถือไว้ก่อนจะเดินตามเสียงที่ได้ยินไปใกล้ๆ “นั้นมัน...ผลอะไรกันทำไมถึงคล้ายกับมนุษย์เช่นนี้ พูดได้เหมือนกับคน” “นั้นเรียกว่ามักนารีผล” ไม่ทันที่ข้าจะได้คิดอะไรต่อเสียงจากด้านหลังก็ทำให้ข้าสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมองด้านหลัง “ท่าน” “เจ้าคงเป็นโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ซินะ” “ท่านรู้จักข้าด้วยรึ” “ข้ารู้เจ้าออกมาตามหาของวิเศษเพื่อรักษาตัวเจ้าเอง” “ใช่ แล้วท่านคือ” “ข้าคือผู้ทรงศีลที่เจ้ามาหาไง เอาละเย็นมากแล้วเจ้าไปพักที่หระท่อมของข้าก่อนแล้วกัน เจ้าชายเช่นเจ้าคงไม่รังเกียจกระท่อมธรรมดาของข้า” “ไม่หรอกผู้ทรงศีลตลอดสามวันที่ผ่านมาข้ากินนอนกับดินกับทราย ถ้าได้พักที่กระท่อมของท่านข้าถือว่าเป็นพระคุณยิ่งนัก” “สมแล้วกับเป็นโอรสแห่งพระอาทิตย์” โอรสแห่งพระอาทิตย์งั้นหรอ หมายความว่าอย่างไร
‘ธีรภัทร ธีรภัทร ธีรภัทร’ เสียงใครกันมาเรียกข้าในยามวิกาลเช่นนี้ ข้าค่อยๆตื่นจากการหลับใหลก่อนจะเดินออกจากกระโจมเพื่อตามหาปลายทางของเสียงที่บังอาจเรียกข้าด้วยชื่อเช่นนี้ แต่ทันทีที่ข้าเดินออกมากับไม่มีผู้ใดสักคนจะมีก็แต่เหล้าทหารที่นั่งหลับกันก็เท่านั้น นี้หรือที่บอกว่าจะมาอาลักขาแต่ไฉนกลายมานอนเฝ้าแทน ช่างเถอะฝีมือของข้าถึงยังไงก็ไม่มีใครทับเทียมได้อยู่แล้ว ‘ธีรภัทร มาทางนี้ซิ’ มันเสียงของใครกันแน่ข้าได้แต่เดินตามออกไปจนมาถึงข้างรำธารในป่าลึก และภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ ชายผู้แต่งองค์ทรงเครื่องได้สง่างานโดดเด่น “ท่านเป็นใครรึ” “งดงามจริงๆธีรภัทร” “ท่านรู้จักข้าด้วยรึ” “จะแปลกอันใดเหล่าถ้าข้าจะรู้จักเจ้า” “แต่ข้าไม่รู้จักท่าน” “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าข้าคือใคร ข้าแค่จะมาบอกเจ้าว่ากรงทองที่เจ้าตามหานั้นวันพรุ่งเจ้าก็จะได้พบมันแล้ว” “จริงรึ?...แสดงว่ากรงทองนั้นมันควรเป็นของข้า” “ใช่แล้ว เจ้าจะต้องเอามันมาครอบครองให้จงได้ แต่การที่เจ้าจะได้ครอบครองกรงทองนั้นมันไม่ง่ายเลย” “ท่านหมายความเช่นใด” “เพราะกรงทองเป็นสิ่งมีค่าที่โอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ก็ต้องการเช่นกัน” “เช่นนั้นหรือ...แต่ข่ารู้มาว่าโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์นั้นอ่อนแอยิ่งนัก ข้าไม่มีทางให้ของวิเศษตกไปอยู่ในมือของคนอ่อนแอเช่นนั้นหรอก” “ฮาๆๆๆ...สมแล้วกับเป็นเจ้าข้าได้ยินเช่นนี้แล้วก็สบายใจ เช่นนั้นข้าจะมอบของสิ่งนี้ให้กับท่าน” เมื่อพูดจบชายรูปงามตรงหน้าก็หยิบลูกแก้วส่งให้กับข้า ข้าได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไรเหตุใดชายผู้นี้จึงมอบให้แกข้า “เมื่อเจ้าได้พบกับโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์เจ้าจะรู้เองว่าเพราะอะไรเจ้าจึงต้องแย้งชิงกรงทองนั้นมา” พูดจบชายรูปงามนั้นก็หายไปในพริบตา
เจ็บเหลือเกินทำไมวันนี้ข้าถึงได้รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจยิ่งนัก ตกลงข้าเป็นอะไรกันแน่แล้วข้าจะสามารถหายจากความเจ็บปวดนี้ได้จริงหรือ ทำไมยิ่งใกล้กับกรงทองเข้าไปทุกทีแต่ข้ากับรู้สึกว่าความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ “จงมีสติและดสมาธิเถิด” เสียงของผู้ทรงศีลที่เดินมานั่งข้างๆข้า “ข้าเจ็บปวดเหลือเกินท่านผู้ทรงศีล” “ข้ารู้ยิ่งเจ้าอยู่ใกล้กรงทองมากเท่าไรอำนาจแห่งอาทิตย์และจันทราจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ” “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น” “เพราะความแค้นของทั้งสองไงเหล่าที่ทำให้เจ้าผู้เป็นบุตรในภพชาติที่แล้วต้องมารับเคาะห์กรรมนี้” “แล้วแบบนี้ข้าจะรักษาตนเองจากกรงทองได้จริงรึ” “แน่นอนว่าได้เพราะกรงทองนั้นมีหัวใจอีกครึ่งดวงของเจ้าอยู่ แต่การจะได้กรงทองมาไม่ง่ายเลย” “หมายความว่า...” “เพราะกรงทองเป็นของที่มีค่าผู้ใดต่างก็ต้องการครอบครองการช่วงชิงกรงทองนั้นมีมากเหลือเกิน” “แล้วเช่นนี้ข้าจะได้มันมาได้ไง” “เจ้าเป็นเจ้าของกรงทองแน่นอนแต่เจ้าต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาให้ได้” “ร่างกายอ่อนแอเช่นข้าจะทำได้เช่นใด” “เจ้ามีสติและปัญญาร่วมไปด้วยความดี จงใช้สิ่งนี้เอาชนะทุกอย่าง” สติปัญญาและความดีรึที่ข้าจะสามารถเอาชนะแล้วได้กรงทองนั้นมาครอบครอง
“ได้เวลาที่หัวใจที่เคยแตกเป็นครึ่งออกเดินทางเพื่อตามหาอีกครึ่งแล้วซินะท่านพระอาทิตย์ แต่โอรสของท่านไม่มีทางได้หัวใจอีกครึ่งเป็นแน่” เสียงของพระจันทร์พูดจาเย้ยหยันใส่ข้าเพียงเพราะการที่ข้าแยกความรักของธิดาและโอรสของเราให้พรากจากกันแล้วส่งโอรสของข้าไปเกิดกับมนุษย์ทำให้ธิดาของพระจันทร์ตอมใจทำให้พระจันทร์ที่ไม่สามารถมองดูธิดาของตนได้ จึงส่งให้ธิดาของตนไปเกิดที่เมืองโลหนันท์แต่กลับมอบกายทิพย์ของธิดาให้ไปเกิดเป็นชาย เพื่อจะได้ไม่ต้องมารักกับโอรสของพระอาทิตย์อีกต่อไป “ท่านคิดว่าโอรสของข้าจะไม่มีทางหายจากอาการประชวรเช่นนั้นรึ” “แล้วท่านคิดว่าเช่นไรละท่านพระอาทิตย์คนที่ทำให้โอรสของท่านเป็นเช่นนั้นก็ตัวท่านเองไม่ใช่รึ” “ท่านทำแบบนี้แล้วคิดรึว่าธิดาของท่านที่ไปเกิดเป็นชายจะมีความสุขได้” “ข้าก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วนิ...ในเมื่อรักกันไม่ได้ก็สู้ให้เกลียดกันเลยจะดีกว่า” “ท่านมันจิตใจโหดร้าย” “ข้าก็เรียนรู้มาจากท่านนั้นแหล่ะพระอาทิตย์” พูดจบพระจันทร์ก็เดินจากไป ข้าต้องทำเช่นไรนี้ข้าทำผิดรึที่แยกคนรักให้จากกัน “พ่อจะช่วยเจ้าได้เช่นไรชนกันย์ หากแม่นเจ้าและธีรภัทรเป็นคู่แท้กันแล้วความรักจากเจ้าคงทำให้ความแค้นเสื่อมคาย”
เสียงโอดโอยของเหล่าทหารที่ฝึกดาบกับพระโอรสแห่งเมืองโลหนันท์ต่างก้มตัวหลบแทบไม่ทัน เพราะฝีมือในการต่อสู้แล้วคงไม่มีใครสามารถต่อกรกับโอรสแห่งเมืองโลหนันท์นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นไหวพริบในการต่อสู้หรือความชาญฉลาดแล้วไม่มีใครเทียบได้ “พระโอรสพระเจ้าข้ากระหม่อมว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะพระเจ้าข้า” “อ่อนแอ...นี้ข้าเบามือให้พวกเจ้าแล้วนะ” “เพราะฝีมือที่เก่งกล้าของพระองค์กระหม่อมและเหล่าทหารมิอาจเทียบเทียมหรอกพระเจ้าข้า” “หึหึ...ข้าเบื่อข้าอยากจะออกไปเที่ยวเจ้าว่าข้าควรไปไหนดีนลาดล” “พระองค์จะออกประพาสป่าหรือพระเจ้าข้า” “ใช่...แต่ข้าไม่อยากออกไปแบบล่าสัตว์แต่ข้าอยากได้ของวิเศษ” “ของวิเศษหรือพระเจ้าข้า” “ใช่...เจ้าพอจะรู้ไหมว่ามีของวิเศษใดที่ข้าจะเอามาครอบครอง” “ถ้าเป็นของวิเศษ กระหม่อมเห็นจะเป็นกรงทองพระเจ้าข้า” “กรงทอง?..” “พระเจ้าข้า กรงทองเป็นของวิเศษที่สามารถรักษาคนที่ร่างกายที่ดวงใจไม่สมบูรณ์ได้พระเจ้าข้า” “รักษาดวงใจที่ไม่สมบูรณ์เช่นนั้นรึ...แล้วแบบนี้จะมีใครต้องการของวิเศษสิ่งนี้ละในเมื่อทุกคนเกิดมาล้วนแต่มีดวงใจก็ทุกคน ถ้าเป็นแบบนี้ข้าจะแย้งชิงของวิเศษนี้มาเพื่อการใด” “มีซิพระเจ้าข้า...โอรสแห่งเมืองอาพรสุทธินันท์ไงพระเจ้าข้า” “เมืองอาพรสุทธินันท์งั้นรึ” “พระเจ้าข้า...กระหม่อมได้ยินมาว่าโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ทรงมีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนักรวมทั้งมีความฉลาดปราดเปรื่อง เสียแต่เรื่องพระวรกายที่ไม่แข็งแรง” “ถ้าเป็นเช่นที่เจ้ากล่าวข้าคงต้องชิงเอากรงทองมาเป็นของข้าให้ได้แล้วละ” “ดีพระเจ้าข้า ไม่แน่ในการณ์หน้าพระองค์อาจจะได้ครอบครองเมืองอาพรสุทธินันท์ก็เป็นได้” “เช่นนั้นเจ้าไปเตรียมคนให้พร้อมข้าจะออกเดินทางไปเอากรงทอง” “พระเจ้าข้า” โอรสแห่งเมืองอาพรสุทธินันท์รึข้าชักอยากจะเห็นหน้าแล้วซิว่าเป็นเช่นใด
เหนื่อยเหลือเกินนี่เราเดินทางในป่ามาสามวันแล้วเมื่อไรจะเจอสิ่งที่บ่งบอกว่าข้าจะต้องไปเอาอะไรมาเพื่อรักษาตัวของข้าเอง ข้าค่อยๆย่อตัวลงวักน้ำจากรำธารขึ้นล้างหน้าก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้ข้าหันตามไปมอง “เสียงอะไรกัน” ข้าค่อยๆหยิบเอาดาบที่อยู่ข้างตัวออกมาถือไว้ก่อนจะเดินตามเสียงที่ได้ยินไปใกล้ๆ “นั้นมัน...ผลอะไรกันทำไมถึงคล้ายกับมนุษย์เช่นนี้ พูดได้เหมือนกับคน” “นั้นเรียกว่ามักนารีผล” ไม่ทันที่ข้าจะได้คิดอะไรต่อเสียงจากด้านหลังก็ทำให้ข้าสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมองด้านหลัง “ท่าน” “เจ้าคงเป็นโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ซินะ” “ท่านรู้จักข้าด้วยรึ” “ข้ารู้เจ้าออกมาตามหาของวิเศษเพื่อรักษาตัวเจ้าเอง” “ใช่ แล้วท่านคือ” “ข้าคือผู้ทรงศีลที่เจ้ามาหาไง เอาละเย็นมากแล้วเจ้าไปพักที่หระท่อมของข้าก่อนแล้วกัน เจ้าชายเช่นเจ้าคงไม่รังเกียจกระท่อมธรรมดาของข้า” “ไม่หรอกผู้ทรงศีลตลอดสามวันที่ผ่านมาข้ากินนอนกับดินกับทราย ถ้าได้พักที่กระท่อมของท่านข้าถือว่าเป็นพระคุณยิ่งนัก” “สมแล้วกับเป็นโอรสแห่งพระอาทิตย์” โอรสแห่งพระอาทิตย์งั้นหรอ หมายความว่าอย่างไร
‘ธีรภัทร ธีรภัทร ธีรภัทร’ เสียงใครกันมาเรียกข้าในยามวิกาลเช่นนี้ ข้าค่อยๆตื่นจากการหลับใหลก่อนจะเดินออกจากกระโจมเพื่อตามหาปลายทางของเสียงที่บังอาจเรียกข้าด้วยชื่อเช่นนี้ แต่ทันทีที่ข้าเดินออกมากับไม่มีผู้ใดสักคนจะมีก็แต่เหล้าทหารที่นั่งหลับกันก็เท่านั้น นี้หรือที่บอกว่าจะมาอาลักขาแต่ไฉนกลายมานอนเฝ้าแทน ช่างเถอะฝีมือของข้าถึงยังไงก็ไม่มีใครทับเทียมได้อยู่แล้ว ‘ธีรภัทร มาทางนี้ซิ’ มันเสียงของใครกันแน่ข้าได้แต่เดินตามออกไปจนมาถึงข้างรำธารในป่าลึก และภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ ชายผู้แต่งองค์ทรงเครื่องได้สง่างานโดดเด่น “ท่านเป็นใครรึ” “งดงามจริงๆธีรภัทร” “ท่านรู้จักข้าด้วยรึ” “จะแปลกอันใดเหล่าถ้าข้าจะรู้จักเจ้า” “แต่ข้าไม่รู้จักท่าน” “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าข้าคือใคร ข้าแค่จะมาบอกเจ้าว่ากรงทองที่เจ้าตามหานั้นวันพรุ่งเจ้าก็จะได้พบมันแล้ว” “จริงรึ?...แสดงว่ากรงทองนั้นมันควรเป็นของข้า” “ใช่แล้ว เจ้าจะต้องเอามันมาครอบครองให้จงได้ แต่การที่เจ้าจะได้ครอบครองกรงทองนั้นมันไม่ง่ายเลย” “ท่านหมายความเช่นใด” “เพราะกรงทองเป็นสิ่งมีค่าที่โอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ก็ต้องการเช่นกัน” “เช่นนั้นหรือ...แต่ข่ารู้มาว่าโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์นั้นอ่อนแอยิ่งนัก ข้าไม่มีทางให้ของวิเศษตกไปอยู่ในมือของคนอ่อนแอเช่นนั้นหรอก” “ฮาๆๆๆ...สมแล้วกับเป็นเจ้าข้าได้ยินเช่นนี้แล้วก็สบายใจ เช่นนั้นข้าจะมอบของสิ่งนี้ให้กับท่าน” เมื่อพูดจบชายรูปงามตรงหน้าก็หยิบลูกแก้วส่งให้กับข้า ข้าได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไรเหตุใดชายผู้นี้จึงมอบให้แกข้า “เมื่อเจ้าได้พบกับโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์เจ้าจะรู้เองว่าเพราะอะไรเจ้าจึงต้องแย้งชิงกรงทองนั้นมา” พูดจบชายรูปงามนั้นก็หายไปในพริบตา
เจ็บเหลือเกินทำไมวันนี้ข้าถึงได้รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจยิ่งนัก ตกลงข้าเป็นอะไรกันแน่แล้วข้าจะสามารถหายจากความเจ็บปวดนี้ได้จริงหรือ ทำไมยิ่งใกล้กับกรงทองเข้าไปทุกทีแต่ข้ากับรู้สึกว่าความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ “จงมีสติและดสมาธิเถิด” เสียงของผู้ทรงศีลที่เดินมานั่งข้างๆข้า “ข้าเจ็บปวดเหลือเกินท่านผู้ทรงศีล” “ข้ารู้ยิ่งเจ้าอยู่ใกล้กรงทองมากเท่าไรอำนาจแห่งอาทิตย์และจันทราจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ” “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น” “เพราะความแค้นของทั้งสองไงเหล่าที่ทำให้เจ้าผู้เป็นบุตรในภพชาติที่แล้วต้องมารับเคาะห์กรรมนี้” “แล้วแบบนี้ข้าจะรักษาตนเองจากกรงทองได้จริงรึ” “แน่นอนว่าได้เพราะกรงทองนั้นมีหัวใจอีกครึ่งดวงของเจ้าอยู่ แต่การจะได้กรงทองมาไม่ง่ายเลย” “หมายความว่า...” “เพราะกรงทองเป็นของที่มีค่าผู้ใดต่างก็ต้องการครอบครองการช่วงชิงกรงทองนั้นมีมากเหลือเกิน” “แล้วเช่นนี้ข้าจะได้มันมาได้ไง” “เจ้าเป็นเจ้าของกรงทองแน่นอนแต่เจ้าต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาให้ได้” “ร่างกายอ่อนแอเช่นข้าจะทำได้เช่นใด” “เจ้ามีสติและปัญญาร่วมไปด้วยความดี จงใช้สิ่งนี้เอาชนะทุกอย่าง” สติปัญญาและความดีรึที่ข้าจะสามารถเอาชนะแล้วได้กรงทองนั้นมาครอบครอง
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ