ยินดีที่ไม่รู้จัก

6.3

เขียนโดย zeeto

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.42 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 22.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

7) ชอบไหม (ใช่ชอบมาก)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ผมนอนเอาแขนเท้าคางตัวเองพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าที่หลับสนิท ใบหน้าที่เวลาหลับแล้วดูน่ารักเหมือนกับลูกแมวหน้าที่หวานๆเวลาที่หลับตาผมยาวที่ปิดหน้าเล็กน้อยผมใช้มืออีกข้างค่อยๆเขี่ยปอยผมที่ปิดแก้มออกเผยให้เห็นไลหนวดเขียวๆเล็กน้อยเห็นแบบนี้มันหน้าจับโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลานักเชียว ผมยังจำวันแรกที่เห็นเขาที่ห้องของผมได้ดี พอโกนหนวดออกใบหน้าของเขาออกจะน่ารักขนาดนั้นทำไมชอบปล่อยให้หนวดเขียวขนาดนี้นะ “อื้อ...” เสียงคนหลับครางพร้อมกับเอามือปัดมือผมที่ลูบที่แก้มเบาๆ ขี้เซาเหมือนกันนะเนี้ย “ฟลุค ฟลุค” “อือ...อย่ากวนจะนอน” “เช้าแล้วนะ” “อือ...” “ไม่ตื่นฉันจูบนะ” “อือ...” นี่เขาอนุญาตใช่ไหมหรือว่าไง... เอาเป็นว่าอนุญาตนะผมค่อยๆขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆก่อนจะจูบที่หน้าผากเบาๆ “ไม่ตื่นอีกหรอถ้าไม่ตื่นไม่ใช่แค่หน้าผากแล้วนะ”

 

          “ถ้าไม่ตื่นไม่ใช่แค่หน้าผากแล้วนะ” เดี๋ยวนะเสียงนี้? ผมค่อยๆกระพริบตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆนี่มัน ความว่องไวในสมองสั่งการโดยอัตโนมัติผมดีดตัวเองลุกขึ้นก่อนจะขยับหนีคนที่นอนข้างๆทันที “ตื่นแล้วหรอ” “นายมานอนนี้ได้ไงฉันให้นายนอนโซฟาไม่ใช่หรอ” “ก็นอนโซฟานะพึ่งขึ้นมาบนเตียงเมื่อกี้เอง” “โกหก” “โกหกอะไร...” “ก็...ก็... แล้วเมื่อกี้นายทำอะไร” “อยากรู้จริงดิเดี๋ยวทำใหม่ก็ได้นะ” พูดจบคนตรงหน้าทำปากจูจุ๊บใส่ผมก่อนจะค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆ จนผมไม่ทันระวังก็ตกลงไปนั่งที่พื้นแล้ว “โอ้ย...” “เฮ้ย...เจ็บไหม” “เจ็บดิถามได้...” “แล้วจะขยับหนีทำไม” “ก็นายจะจูบฉัน” “ฉันไม่ใช่คนฉวยโอกาสขนาดนั้น แค่จะปลุกนายพอดีฉันลงไปข้างล่างช่วยแม่นายทำข้าวต้มปลาทูเสร็จแล้วแม่นายก็ให้ฉันมาตามนายไปกินข้าว” “จริงอ่ะ...นายไม่ได้จูบฉันใช่ไหม” “ไม่ได้จูบฟันก็ยังไม่ได้แปรงสกปรกใครจะไปจูบลงไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้วจะได้ลงไปกินข้าว” “อือ...” “ให้เวลา5นาทีนะช้าฉันเข้าไปช่วยแปรงฟันแน่...อ๋อแล้วก็โกนหนวดด้วยนะ”  ดูมันทำนี่ตกลงบ้านใครนี่มันบ้านผมไม่ใช่หรอแล้วทำไมอยู่ๆกลายเป็นเขาสั่งผมอีกแล้วละ โธ่เว้ย....

 

          ผมเดินหัวเราะลงมาจากห้องก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อตักข้าวต้มแล้วยกมาช่วยแม่ของฟลุคที่กำลังคั้นน้ำส้มอยู่ “ฟลุคตื่นหรือยังกัน” “ตื่นแล้วครับเดี๋ยวคงลงมา” “จริงๆเลยชอบทำงานดึกๆดื่นๆบางวันนะทำงานยันเช้า” “เขาดูตั้งใจทำงานดีนะครับแม่” “ใช่...แล้วนี้กันจะมากี่วันละลูก” “พรุ่งนี้เย็นๆก็คงกลับครับผมมีงานวันจันทร์” “น่าเสียดายมาทั้งทีอยู่นานๆก็ได้แล้วนี้ตอนฟลุคไปกรุงเทพพักกับกันหรอลูก” “ครับ...” “ขอบใจมากนะกัน ฟลุคเขาไม่ค่อยออกไปไหนถ้าอยู่นี้นอกจากทำงาน อยู่บ้าน ร้านกาแฟหน้าปากซอย ก็อ่านหนังสือ” “อ๋อ...” ผมยิ้มให้กับแม่ของฟลุคก่อนจะเดินไปหยิบกระปุกพริกไทยมาตั้งที่โต๊ะ “ไหอมจังเลยครับแม่ทำอะไรให้ฟลุคกินเนี้ย” “มาแล้วหรอถ้าช้ากว่านี้แม่ว่าจะให้กันไปอุ้มลงมาแล้ว” “แม่ก็พูดไป...ข้าวต้มปลาทูฝีมือแม่ผมไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกันนะครับคิดยังไงถึงทำ” “เปล่าคิดคนคิดอยู่นั้น...พอดีเมื่อเช้าแม่จะออกไปตลาดลงมาเห็นกันรดน้ำต้นไม้อยู่สวนหน้าบ้านก็เลยชวนไปด้วย อีกอย่างอันนี้ฝีมือกันเขาวันนี้แม่เป็นลูกมือ” “กินได้ไหมเนี้ย” ดูพูดเข้าเดี๋ยวเหอะนะจะทำให้หลงเสน่ห์ปลายจวักจนตามกลับกรุงเทพเลย ผมยิ้มก่อนจะตักเข้าต้มเข้าปาก “เป็นไงละฝีมือกันอร่อยไหม” “ก็..ใช่ได้ครับ” “ร้ายนะเราอันนี้เรียกว่าอร่อยมากปลาทูไม่คาวด้วยนี้ถ้ากันตกงานมาอยู่กับแม่ที่เชียงใหม่นะลูกจะได้เปิดร้านด้วยกัน” “ไม่พูดแล้วห้ามคืนคำนะครับ” “ไม่คืน...แม่รับกันเป็นลูกเลย” “แม่...แล้วผมละ” “กันได้ยินเสียงอะไรไหมลูก” ผมอดขำกับท่าทางขี้เล่นของแม่เขาไม่ได้ไม่คิดเลยว่าเขาจะอยู่ในครับครัวที่น่ารักขนาดนี้

 

           “ไปอาบน้ำดิเดี๋ยวจะพาไปเที่ยว” ผมเดินออกมาบอกคนที่นั่งเล่นอยู่ชิงช้าหน้าบ้าน “ไปไหนอ่ะ” “ไม่รู้มันก็มีเยอะเดี๋ยวพาไปเองแหล่ะ” “ไม่ทำงานหรอเห็นแม่บอกว่าบ้างานนิ” “ก็ไม่ได้ขนาดนั้น...ไปเร็วถ้าเที่ยวไม่คุ้มจะหาว่าไม่เตือน” “แปบหนึ่งดิพึ่งกินข้าวเสร็จให้ข้าวเรียงเม็ดดีๆก่อนค่อยอาบ” “จะเรียงเม็ดอะไรละข้าวต้มไม่ใช่หรือไงไป...” “ไปก็ได้แล้วไหนบอกให้โกนหนวดทำไมไม่โกน” “ขี้เกียจ...” “แล้วไล่แต่ฉันนายก็ยังไม่ได้อาบไม่ใช่หรือไง” “เออเดี๋ยวฉันอาบแปบเดียวเท่านั้นแหล่ะไม่ใช่นาย” “รู้ได้ไงว่าอาบช้า...” “ก็จำได้ตอนอยู่กับนายที่คอนโดนายอาบน้ำช้ามากกกก...ไหนจะแต่งตัวอีกไม่รู้จะหล่อไปไหนนักหนา” “นี่ชมใช่ป่ะ...บอกให้ก็ได้ที่ต้องหล่ออ่ะก็ไม่อยากให้คนข้างๆอายคนอื่นเขาว่าแฟนขี้เหล่” พูดจบเขาก็เดินเข้าบ้านไปทิ้งให้ผมที่ยืนอยู่แทบจะล้มเพราะคำพูดเมื่อกี้ แฟน? แฟน? ผมตกลงเป็นแฟนเขาตอนไหนละ เฮ้ย...ไม่ดิ ไอ้บ้าเอ้ยใครแฟนนาย บ้าเอ้ยแล้วผมจะมารู้สึกร้อนที่หน้าทำไมแล้วใจอีกทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้ว่ะ

 

          ผมได้แต่ขำกับท่าทางยืนโวยวายคนเดียวของเขาก่อนจะเดินเข้าบ้านมา ไม่รู้ป่านนี้เขินเด็ดดอกไม้หมดสวนหน้าบ้านไปหรือยังช่วยไม่ได้นะเวลามีน้อยต้องเก็บเกี่ยวให้คุ้มที่สุด และผมก็บอกแล้วไงว่าถ้าเลือกจะบินมาถึงที่แบบนี้ถ้ารุกไม่หนักจนได้คำว่ารักผมไม่ยอมแน่นอน ช่วยไม่ได้ก่อนหน้าที่เขาไปอยู่กับผมเขาเป็นคนทำให้ผมกระวนกระวายเองมาครั้งนี้เขานั้นแหล่ะที่ต้องคิดถึงแต่ผมตลอดเวลา

 

          “ที่นี้เขาเรียกว่าวัดเจดีย์หลวงเป็นวัดเก่าแก่ตั้งสมัยราชวงศ์เมงราย ส่วนมากวัดที่นี้ก็เป็นศิลปะสมัยลานนาทั้งนั้นมันไม่แตกต่างกันมากหรอกอาจจะแตกต่างกันตรงที่มีการผสมผสานจากการรับอิทธิพลศิลปะมาจากที่อื่น” ผมเดินอธิบายให้คนที่เดินข้างๆฟังไม่รู้ว่าจะเบื่อไหมที่มาเที่ยวกับผมเพราะส่วนใหญ่มันก็ที่ท่องเที่ยวแบบวัดวาอารามเสียหมด  “เบื่อไหมฟังฉันเล่าเนี้ย” “ไม่นะได้ความรู้ดีว่าแต่...ศิลปะล้านนามันโดดเด่นตรงไหน” “ศิลปะล้านนาหรอมันก็โดดเด่นตรงโครงสร้างไง อย่างหลังคาวัดจะต้องซ้อนกันนายสังเกตไหม ถ้าอย่างศิลปะอยุธยาอย่างโบสถ์มันก็จะมีความโค้งแบบเรือสำเภา แต่ว่าก็จะมีพวกช่อฟ้าใบระกาหางหงส์เหมือนกัน แต่เรียกต่างกันแค่นั้นเอง” “ออ...รู้ลึกนะเนี้ย” “ก็ชอบ” “จริงหรอ...” “อือ..ชอบมาก” “พูดแบบนี้เขินเลยนะเนี้ย...ทำไมไม่บอกแต่แรก” “ห่ะ?...อะไรของนาย” “ก็ชอบไม่ใช่หรอทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่กรุงเทพ” อะไรของผู้ชายคนนี้ผมเริ่มงงกับท่าทางแปลกๆของเขา ก่อนที่เขาจะก้มลงมากระซิบบอกผมเบาๆ “ก็นายบอกว่าชอบฉันไม่ใช่หรอ” “ตลกละนายถามว่าฉันชอบไหม” “ก็ใช่ไงแล้วนายก็ตอบว่าชอบ” “ฉันหมายถึงเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะไหมละ” บ้าอะไรของเขาเนี้ยแล้วทำไมต้องใจเต้นแรงด้วยว่ะผมรีบเดินหนีเขาไปทันทีในวัดในวามาเล่นแบบนี้ผีผลักทำไง

 

          น่าแดงหมดเลยน่ารักดีแหะผมเดินตามคนที่เดินหนีผมไปข้างหน้าที่แน่ๆหน้าแดงเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะอากาศร้อนแน่ๆแต่เพราะเขขาเขินผมชัวร์ “ฟลุครอก่อน” “ไม่ต้องมาใกล้เลยไปเดินนู้นไป” “เขินหรอ” “เขินอะไรเหล่า” “ไม่แกล้งแล้ว...เล่าต่อนะๆ” “ไปอ่านตามป้ายเองเลยไปไม่เล่าแล้ว” “ไม่ได้เอาแว่นมามองไม่ชัด” “นายก็สายตาสั้นหรอ” “ก็เออดิหนุ่มหล่อขนาดนี้สายตายาวมั่งครับ” “กวนตีน...” “ว่าแต่นายก็สายตาสั้นหรอ” “อือ...ถามทำไม” “เปล่าก็มองหน้าไม่ค่อยชัดแต่พอจะเห็นว่าใส่แว่น” “มองไม่ชัดก็ไม่ต้องมองเดินไปเลยไป” “ไม่มองได้ไงขนาดอยู่ใกล้ๆยังมองไม่ชัดแล้วคิดดูดิอยู่กรุงเทพมองไม่เห็นนายฉันจะแย่แค่ไหน” “เสี่ยวว่ะ...ไปได้แล้วเดี๋ยวพาไปกาด” “กาด?” “กาดภาษาเหนือก็แปลว่าตลาดนี้แหล่ะแต่มันเป็นตลาดแบบถนนคนเดินไรงี้ ถามมากจริงมานิ” ทำทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่สุดท้ายแล้วคืออะไรละจับมือผมเดินแบบนี้ทีเวลาแซวทำอายทีจับมือผมเดินแบบนี้กล้าน่ารักเกินไปแล้ว เอาว่ะยังไงก่อนขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ต้องให้เขาตกลงคบกับผมให้ได้ เพราะอย่างน้อยๆผมจะได้ชัดเจนกับตัวเองเสียทีว่าจะเดินต่อไปได้  

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา