My dear คนนี้หัวใจบอกยอม
เขียนโดย ฝนดาวตก
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.41 น.
แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
6) 6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 6
ค่ำคืนที่ดูเหมือนจะยาวนานแต่ก็ดูจะรวดเร็วเหมือนกัน ภายในงานที่เสียงดังไปด้วยเสียงเพลง และเต็มไปด้วยพวกแวมไพร์ มันทำให้ผมดูเหมือนตัวประหลาดสำหรับงานนี้ แต่ยังดีที่ผมมีอันนาคอยอยู่เป็นเพื่อน ผมก็เลยไม่ค่อยเหงามากนัก
“นี่ท่านพ่อมด ท่านเคยรักใครจนขนาดยอมตายแทนได้ด้วยหรอ”
“เจ้าถามทำไมกัน”
“ข้าแค่อยากรู้ว่า พ่อมดอย่างพวกท่านจะมีรักแท้ขนาดนั้นเลยหรอ”
“เจ้าคงมีความหลังกับพวกพ่อมดสินะถึงได้มีความคิดแบบนี้”
“ก็ประมาณนั้นล่ะ”
“เจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้ไหมอันนา”
“ได้สิ ข้าเคยแอบคบกับพ่อมดอยู่ตนหนึ่งเขาชื่อ อาซา แต่พอบิดาของข้าทราบเรื่อง ท่านก็คิดจะฆ่าอาซา ข้าเลยตัดความสัมพันธ์กับอาซา โดยบอกกับอาซาว่าข้ากำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับแวมไพร์ที่บิดาของข้าหาให้ ท่าทางของอาซาดูผิดหวังในตัวของข้ามาก ข้าเองก็เสียใจมากเช่นกัน”
“เจ้าเคยเป็นคนรักของอาซาหรือนี่ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ข้ารู้จักอาซาดี เขาเป็นผู้เฝ้าศิลาของดินแดนแห่งเวทมนตร์ เป็นผู้คุมกฎ แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าอาซาจะเป็นผู้ละเมิดกฎเสียเอง”
“เขาเป็นผู้คุมกฎและเป็นผู้เฝ้าศิลาหลังจากที่ข้าตัดความสัมพันธ์กับเขาน่ะ เรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว”
“เอาเถอะ อีก 2 ปี เจ้าคงได้เจอกับเขา เพราะเขาจะเป็นผู้ที่มารับข้ากับดินแดน”
“ดีจัง ข้าอยากเจอเขา อยากขอโทษ อยากบอกว่าข้ายังรักเขาตลอดมา”
“เจ้าไม่กลัวบิดาของเจ้าแล้วหรือ”
“บิดาของข้า ท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว”
“เป็นผีตายได้ด้วยหรอ”
“พวกเราไม่ได้เป็นผี เจ้าอย่ามาปากเสียแถวนี้นะ เพราะนี่เป็นดินแดนแห่งแวมไพร์ ไม่ใช่ดินแดนแห่งเวทมนตร์นะ” นี่มันเสียงยัยตัวประหลาดเมเบลนี่ มาได้ยินอะไรตอนนี้เนี่ย
“แล้วเจ้ามีปัญหาหรอ” ผมหันกลับไปตอบทันที
“เจ้าอยากกินเลือดเป็นอาหารอีกมื้อไหมล่ะ”
“เจ้านี่มันนิสัยเสียมากเลยนะ ข้าไม่อยากยุ่งกับเจ้าแล้ว” ผมพูดจบก็เดินหนีเธอไป
“นี่อันนา เจ้าพ่อมดนั่นว่าบิดาเจ้าว่าเป็นผีนะ เจ้ายอมได้หรือ” ยัยนี่ ยังจะมายุให้ผมทะเลาะกับอันนาอีก แสบจริงๆเลยนะยัยผีดิบ
“ยอมได้เพคะ ธิดา” นั่นไงเสียงของอันนาตอบ คงจะขัดใจเธอน่าดู
“ทำไม เจ้าถึงยอมล่ะ”
“ก็บิดาของอันนาเป็นผีจริงๆนี่เพคะ”
“แสดงว่าเจ้าก็ว่าข้าเป็นผีด้วยงั้นสิ”
“อันนาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะเพคะ”
“โอ๊ยยยยยยยย ข้าล่ะหงุดหงิดกับเจ้าจริงๆ”
“หรือว่าที่เจ้ายอมเพราะเจ้าชอบพ่อมดนั่น” ดูยัยซาช่าพูดเข้า อันนาไม่ได้ชอบข้าแน่ๆ
“จริงหรืออันนา”
“ไม่จริงเพคะ ธิดา”
“งั้นก็ดีแล้ว เจ้าจะไม่ได้ไม่ต้องเสียใจเหมือนตอนอาซา” นี่เมเบลก็รู้เรื่องอันนารักกับอาซาหรือนี่
“เพคะ ถ้าอย่างนั้นอันนาขอตัวก่อนนะเพคะ เพราะต้องไปคุมนักโทษแทนธิดา”
“อือ แต่เรื่องคุมนักโทษวันนี้ข้าจะคุมเอง” ยัยบ้านั่นพูดแล้วก็ยิ้มอย่างมีแผนที่จะแกล้งผมอีกแน่ๆ
“เอาล่ะ แวมไพร์ทุกตนฟังทางนี้” นี่ยัยผีดิบจะทำอะไรอีกเนี่ย ผมละปวดหัว อยู่ดีๆก็ขึ้นไปพูดบนเวทีที่ตั้งอยู่กลางงาน
“นั่นธิดาของเจ้าจะทำอะไรกันซาช่า” ผมหันไปถามซาช่า
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าก็คอยดูสิ ท่านพ่อมด” ซาช่าพูดเหมือนรู้เรื่องที่เมเบลกำลังจะทำแต่ไม่ยอมบอก
“เอาล่ะ ไม่ต้องตกใจ ปกติข้าไม่ค่อยออกงานเท่าไร แต่วันนี้วันดี ข้าก็เลยอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่า ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น คือนักโทษของดินแดน ที่มันผู้นั้นทำผิดคือทำให้ธิดาผู้เป็นที่รักของพวกเจ้าสิ้นชีพ” เมเบลพูดยังไม่ทันจบก็มีแวมไพร์หนุ่มตนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา
“ท่านหมายถึงธิดาเมซิสใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว ท่านพี่เมซิส ธิดาอันเป็นที่รักของพวกเจ้าได้สิ้นชีพเพราะพ่อมดตนนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าลงโทษมันได้หนึ่งอย่าง แต่ห้ามกินเลือดของนักโทษเด็ดขาด เพื่อเป็นการแก้แค้นให้ท่านพี่เมซิส พวกเจ้าว่ายังไง” แค่สิ้นเสียงของเมเบล แวมไพร์ทุกตนก็ตะโกนอย่างพร้อมเพียงกันว่าดี แล้วก็ตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายของผม ไม่ว่าจะชก เตะ ต่อย หรือนำข้าวของขว้างปาใส่ผม บ้างก็โดนหน้า บ้างก็โดนตัว แต่ที่เจ็บสุดคือเมเบล....
“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว แค่นี้นักโทษก็กลัวมากพอแล้ว และข้าจะเป็นผู้ลงโทษมันครั้งสุดท้ายเอง” พูดจบนางก็หยิบก้อนหินก้อนขนาดเท่าฝ่ามือ แล้วปาใส่ผม ผมตั้งใจไม่หลบ อยากจะรู้เหมือนกันว่านางตั้งใจจะให้โดนตรงไหน และก้อนหินก้อนนั้นก็ค่อยๆลอยมากระทบกับหัวของผม แล้วเลือดก็ค่อยๆไหลลงมาบนใบหน้าที่ขาวสะอาดของผม แต่หน้าตาของเมเบลดูจะสะใจเหลือเกินที่ผมเจ็บตัวได้ขนาดนี้
“พอใจเจ้าแล้วใช่ไหม ยัยผีดิบ” ผมพูดแค่นั้น พร้อมกับดึงมืออันนาแล้วเดินออกจากงาน เพื่อตรงกับไปยังห้องคุมขังทันที
“ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ท่านพ่อมด” อันนาถามขึ้นเมื่อถึงห้องคุมขัง
“ข้าไม่เป็นไร เจ็บแค่นี้ เจ้าก็ทำแผลให้ข้าสิ”
“ท่านยังจะพูดเล่นอีกนะ ถ้าไม่ติดว่าอีก 2 ปี ข้าจะได้เจออาซา ข้าคงไม่ตามท่านมาหรอก”
“ข้ารู้ว่าเจ้ารักอาซามาก และข้าก็รู้ว่าเจ้าดีเกินกว่าที่จะทำให้อาซาเดือดร้อน”
“ท่านพูดเหมือนท่านมีคนที่ท่านรักมาก”
“ข้ามีคนที่ข้ารักมากอยู่คนหนึ่ง นางยอมสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้องข้า แม้แต่นางสิ้นชีพไปแล้วนางก็ยังคงรักและห่วงใยข้าเสมอ นางขอให้ข้ามีคนใหม่แล้วลืมนาง แต่ข้าก็ลืมนางไม่ได้ นางยังคงอยู่ในหัวใจของข้าเสมอมา” พอผมพูดถึงเรื่องของเอล่าขึ้นมา ผมก็รู้สึกเศร้าใจจนเหมือนว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมา
“แล้วตอนนี้ท่านเจอคนใหม่อย่างที่นางบอกหรือยังล่ะ”
“เหมือนจะเจอแล้ว แต่ข้าก็เป็นต้นเหตุให้นางต้องจากข้าไปอีก”
“นางเป็นใครกัน”
“นางก็คือ เมซิส ธิดาของพวกเจ้าไง”
“ท่านรักธิดาเมซิสหรอ”
“ข้ายังไม่ได้รักนางขนาดนั้น แต่ข้าเริ่มรู้สึกดีกับนางมากขึ้น ข้าว่ามันน่าจะมาจากความผูกพันที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน เหมือนข้ากับเจ้าไง อันนา”
“ท่านรู้สึกดีกับข้าหรอท่านพ่อมดฮาโล”
“ใช่แล้ว ข้ารู้สึกดีกับเจ้า เพราะว่าเจ้าอยู่กับข้าตลอดเวลา ไม่ว่าข้าจะสุขหรือทุกข์ แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังอยู่กับข้า ทำแผลให้ข้า แล้วมันจะแปลกอะไรล่ะ ถ้าข้าจะรู้สึกดีกับเจ้า” เมื่อผมพูดจบ ผมก็ค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาอันนาที่ยังคงทำหน้าตกใจ แล้วผมก็ค่อยๆประกบริมฝีปากของผมลงบนริมฝีปากบาง อมชมพูของอันนา เธอหลับตาพริ้ม และปล่อยให้ผมครอบครองริมฝีปากของเธออยู่อย่างนั้น จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ