My dear คนนี้หัวใจบอกยอม
9.2
เขียนโดย ฝนดาวตก
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.41 น.
11 ตอน
2 วิจารณ์
13.41K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
11) 11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 11
ในที่สุดเมเบลก็ตัดสินใจที่จะเปิดศึกกับซีโน่โดยการยกเลิกการหมั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้ดินแดนแห่งแวมไพร์เกิดสงครามภายในขึ้น การสู้ศึกครั้งนี้กินเวลาเป็นปี ทำให้ปีที่ 2 ที่ผมอยู่ในฐานะนักโทษเป็นปีที่วุ่นวาย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เนื่องจากเมเบลได้ชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้ซีโน่และซาช่าโดนราชาแวมไพร์สั่งประหารชีวิต แต่เมเบลได้ขอให้ไว้ชีวิตซาช่าเพราะเมเบลยังคงคิดถึงความเป็นเพื่อนที่ดีที่มีต่อกันเมื่อครั้งอดีต
“ทำไมเจ้าต้องให้ราชาไว้ชีวิตข้า เมเบล” เสียงของซาช่าตะโกนใส่หน้าของเมเบล
“เพราะเจ้าเป็นเพื่อนของข้า ข้าไม่อยากให้เพื่อนของข้าต้องมาสิ้นชีพแบบนี้”
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง”
“แล้วเจ้ามาทำดีกับข้าทำไม ถ้าไม่คิดว่าข้ากับเจ้าเป็นเพื่อนกัน”
“ก็เพราะข้าจะได้คอยดูความเคลื่อนไหวของเจ้า ข้าจะได้รู้ว่าเจ้าคิดจะทำยังไงต่อไป”
“เสียแรงนะซาช่าที่ข้ารักและเชื่อใจเจ้า”
“งั้นก็สั่งให้ราชาประหารข้าสิ ให้ข้าได้ไปหาพี่ซีโน่ในดินแดนแห่งดวงวิญญาณ”
“ไม่มีทาง เพราะข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับข้ามันทำให้ข้าทรมารแค่ไหน”
“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะให้ข้าอยู่ แต่ข้าจะไม่ให้เจ้าสมหวัง” สิ้นเสียงของซาช่า นางก็เอาหัวพุ่งชนกำแพงประมาณ 4-5 ครั้ง จนนางสิ้นชีพ
“ไม่นะ!!! ซาช่า” สิ้นเสียงของเมเบลนางก็สลบไปต้องความตกใจในสิ่งที่ซาช่าทำ ซึ่งนางคิดไม่ถึงว่าซาช่าจะกล้าทำแบบนี้
ณ เช้าวันงานเทศกาลประจำปีดินแดนแห่งแวมไพร์
เช้านี้อากาศที่ดินแดนแห่งแวมไพร์หนาวกว่าทุกปี อาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งจะผ่านเหตุการ์ณที่เลวร้ายของเหล่าแวมไพร์มาก็ได้ แต่งานประจำปีครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านแวมไพร์ดูมีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก็คงเป็นปีสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ที่นี่ที่ดินแดนแห่งนี้ ซึ่งภายในปีนี้ผมจะต้องทำให้แวมไพร์ทุกตนยอมรับในตัวผมและทำให้ราชายอมให้ผมได้เข้าพิธีแต่งงานกับเมเบล ผมต้องทำให้ผู้หญิงที่ผมรักมีความสุขและความรักครั้งนี้ของผมมันจะต้องสมหวัง เมเบลต้องไม่สิ้นชีพเพราะรักกับผมอย่างเด็ดขาด
“ท่านกำลังยืนคิดอะไรอยู่หรือพ่อมดฮาโล” เสียงของเมเบลดังขึ้นจากทางด้านหลังของผม ทำให้ผมหลุดจากพะวงของเรื่องที่คิดอยู่
“เปล่า ไม่มีอะไรนี่”
“แต่ข้าเห็นท่านยืนใจลอย”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ว่าแต่เมื่อใดกันที่เจ้ายอมเรียกข้าว่าท่าน” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“หรืออยากให้ข้าเรียกแบบเดิม ว่าแต่ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ หรือว่าที่เปลี่ยนเรื่องเพราะใจลอยไปหาแม่มดตนไหนอยู่ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ” ดูสิ เมเบลเธอรู้ทันผมทุกเรื่องเลยจริงๆ แบบนี้จะไม่ให้ผมต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่กับเธอได้ยังไงกัน แถมเวลาเธอหึงหวงผมเนี่ยน่ารักเป็นบ้าเลย
“โอเคๆ ข้าไม่เปลี่ยนเรื่องก็ได้ ข้าไม่ได้ใจลอยไปหาแม่มดตนไหนทั้งนั้น เพราะถ้าใจของข้าจะลอยก็มีอยู่ที่ๆเดียวที่มันจะลอยไป”
“ที่ใดกัน บอกข้ามานะ”
“ก็ที่เจ้าไง แม่แวมไพร์สาว” ผมพูด พร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้ๆ เธอ
“ท่านนี่มันกวนประสาทจริงนะ พ่อมดเจ้าเล่ห์”
“เจ้าเล่ห์แล้วรักไหมล่ะ”
“รักสิ แต่พวกเราจะรักกันได้นานแค่ไหนกัน”
“ทำไมเจ้าพูดอย่างนี้ล่ะ”
“หรือมันไม่จริง สักวันข้ากับท่านก็ต้องเป็นเหมือนอาซากับอันนา ที่ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน เพราะมันผิดกฎของดินแดน”
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะ กฎทุกกฎย่อมมีช่องว่างของมันเสมอ และข้าก็พอจะมองเห็นช่องว่างนั้นแล้ว”
“ท่านพูดจริงหรือ ฮาโล”
“จริงสิ” ผมตอบสั้นๆและยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเมเบล
“บอกข้าหน่อยได้ไหมว่าช่องว่างอันนั้นคืออะไร” เสียงของอันนาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นจากทางด้านหลังของผมกับเมเบล
“อันนา เจ้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” เมเบลถามขึ้น
“ก็มาอยู่ได้สักพักแล้วล่ะ ข้ามาอยู่ก็เพื่อไม่ให้แวมไพร์ในดินแดนสงสัยพวกท่าน”
“ขอบใจเจ้ามากนะ อันนา” ผมพูดกับอันนาด้วยใจจริง
“เปลี่ยนจากคำขอบใจของท่านเป็นเรื่องช่องว่างของกฎที่ท่านพูดถึงเมื่อสักครู่จะดีกว่านะ” อันนาตอบกลับซะผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“เรื่องช่องว่างข้าคงบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ เพราะมันเสี่ยงเกินไปถ้าจะให้อาซากับเจ้าเป็นผู้ดำเนินการ”
“ทำไมกัน”
“เพราะเจ้ากับอาซาไม่ใหญ่พอที่จะทำให้สองดินแดน หรือทุกดินแดนยอมรับในช่องว่างของกฎนะสิ”
“ท่านพูดให้มันชัดเจนกว่านี้ได้ไหม”
“ใช่ ฮาโล ข้ายืนฟังตั้งนานยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าคิดหรือพูดเลยสักนิด”
“เดี๋ยวเจ้าจะเข้าใจเอง แต่เจ้าต้องรออีก 1 ปีนะ”
“ทำไมต้องรอนานขนาดนั้น” เมเบลและอันนาพูดขึ้นพร้อมกัน
“ก็เพราะว่ามันจะเป็นเวลาที่ข้าได้เป็นอิสระจากการเป็นนักโทษของดินแดนน่ะสิ”
“...”
“พวกเจ้าไม่ต้องทำหน้าตาสงสัยเลย ถ้าข้าไม่ได้เป็นนักโทษ ข้าก็จะสามารถใช้สิทธิ์ในฐานะของพ่อมดได้เต็มที่ และเมื่อถึงเวลานั้นกฎการห้ามรักกันต่างดินแดนนั้นจะหมดไป”
“เจ้าพูดจริงหรือฮาโล” เมเบลถามขึ้น
“จริง ถ้าข้ากับเจ้าทำสำเร็จ”
“ข้ากับเจ้าทำสำเร็จแน่” เมเบลตอบ
“ข้าขอให้พวกท่านทำสำเร็จนะ และตอนนี้พวกท่านก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันให้เต็มที่ เผื่อมันไม่สำเร็จน่ะ” อันนาพูดขึ้นเมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริงของผมกับเมเบล
“แน่นอน มันต้องสำเร็จแน่นอน” ผมตอบ
“ใช่ มันต้องสำเร็จ” เมเบลพูดขึ้น
“เพราะฉะนั้นตอนนี้ตอนที่ข้ากับเจ้ายังอยู่ด้วยกัน พวกเราก็ใช้ชีวิตของพวกเราให้ดีที่สุด อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด และมีความสุขด้วยกันให้มากที่สุดเถอะนะ เผื่อวันข้างหน้าเราทำไม่สำเร็จ เราจะได้ไม่เสียใจกับวันเวลาที่ผ่านไป”
“ใช่ ท่านพูดถูก ข้าขอให้พวกท่านมีความสุขกับช่วงเวลา 1 ปีนี้นะ ใช้มันให้คุ้มล่ะ” อันนาพูดพร้อมกับหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ผมกับเมเบลยืนอยู่กันตามลำพัง
“ขอบคุณนะ อันนา” ผมกับเมเบล ตะโกนตามหลังอันนาพร้อมกัน อันนาหันมาโค้งหัวให้ พร้อมกับยิ้มให้กับพวกเรา จากนั้นผมกับเมเบลก็เดินเที่ยวงานเทศกาลต่ออย่างมีความสุข พวกเราไปเที่ยวในทุกแห่งที่อยากไป ไปกินอาหารทุกอย่างที่อยากกิน และใช้ทุกวินาทีตลอด 1 ปีอยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุข จนเวลานั้นมาถึง
ในที่สุดเมเบลก็ตัดสินใจที่จะเปิดศึกกับซีโน่โดยการยกเลิกการหมั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้ดินแดนแห่งแวมไพร์เกิดสงครามภายในขึ้น การสู้ศึกครั้งนี้กินเวลาเป็นปี ทำให้ปีที่ 2 ที่ผมอยู่ในฐานะนักโทษเป็นปีที่วุ่นวาย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เนื่องจากเมเบลได้ชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้ซีโน่และซาช่าโดนราชาแวมไพร์สั่งประหารชีวิต แต่เมเบลได้ขอให้ไว้ชีวิตซาช่าเพราะเมเบลยังคงคิดถึงความเป็นเพื่อนที่ดีที่มีต่อกันเมื่อครั้งอดีต
“ทำไมเจ้าต้องให้ราชาไว้ชีวิตข้า เมเบล” เสียงของซาช่าตะโกนใส่หน้าของเมเบล
“เพราะเจ้าเป็นเพื่อนของข้า ข้าไม่อยากให้เพื่อนของข้าต้องมาสิ้นชีพแบบนี้”
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง”
“แล้วเจ้ามาทำดีกับข้าทำไม ถ้าไม่คิดว่าข้ากับเจ้าเป็นเพื่อนกัน”
“ก็เพราะข้าจะได้คอยดูความเคลื่อนไหวของเจ้า ข้าจะได้รู้ว่าเจ้าคิดจะทำยังไงต่อไป”
“เสียแรงนะซาช่าที่ข้ารักและเชื่อใจเจ้า”
“งั้นก็สั่งให้ราชาประหารข้าสิ ให้ข้าได้ไปหาพี่ซีโน่ในดินแดนแห่งดวงวิญญาณ”
“ไม่มีทาง เพราะข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับข้ามันทำให้ข้าทรมารแค่ไหน”
“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะให้ข้าอยู่ แต่ข้าจะไม่ให้เจ้าสมหวัง” สิ้นเสียงของซาช่า นางก็เอาหัวพุ่งชนกำแพงประมาณ 4-5 ครั้ง จนนางสิ้นชีพ
“ไม่นะ!!! ซาช่า” สิ้นเสียงของเมเบลนางก็สลบไปต้องความตกใจในสิ่งที่ซาช่าทำ ซึ่งนางคิดไม่ถึงว่าซาช่าจะกล้าทำแบบนี้
ณ เช้าวันงานเทศกาลประจำปีดินแดนแห่งแวมไพร์
เช้านี้อากาศที่ดินแดนแห่งแวมไพร์หนาวกว่าทุกปี อาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งจะผ่านเหตุการ์ณที่เลวร้ายของเหล่าแวมไพร์มาก็ได้ แต่งานประจำปีครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านแวมไพร์ดูมีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก็คงเป็นปีสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ที่นี่ที่ดินแดนแห่งนี้ ซึ่งภายในปีนี้ผมจะต้องทำให้แวมไพร์ทุกตนยอมรับในตัวผมและทำให้ราชายอมให้ผมได้เข้าพิธีแต่งงานกับเมเบล ผมต้องทำให้ผู้หญิงที่ผมรักมีความสุขและความรักครั้งนี้ของผมมันจะต้องสมหวัง เมเบลต้องไม่สิ้นชีพเพราะรักกับผมอย่างเด็ดขาด
“ท่านกำลังยืนคิดอะไรอยู่หรือพ่อมดฮาโล” เสียงของเมเบลดังขึ้นจากทางด้านหลังของผม ทำให้ผมหลุดจากพะวงของเรื่องที่คิดอยู่
“เปล่า ไม่มีอะไรนี่”
“แต่ข้าเห็นท่านยืนใจลอย”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ว่าแต่เมื่อใดกันที่เจ้ายอมเรียกข้าว่าท่าน” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“หรืออยากให้ข้าเรียกแบบเดิม ว่าแต่ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ หรือว่าที่เปลี่ยนเรื่องเพราะใจลอยไปหาแม่มดตนไหนอยู่ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ” ดูสิ เมเบลเธอรู้ทันผมทุกเรื่องเลยจริงๆ แบบนี้จะไม่ให้ผมต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่กับเธอได้ยังไงกัน แถมเวลาเธอหึงหวงผมเนี่ยน่ารักเป็นบ้าเลย
“โอเคๆ ข้าไม่เปลี่ยนเรื่องก็ได้ ข้าไม่ได้ใจลอยไปหาแม่มดตนไหนทั้งนั้น เพราะถ้าใจของข้าจะลอยก็มีอยู่ที่ๆเดียวที่มันจะลอยไป”
“ที่ใดกัน บอกข้ามานะ”
“ก็ที่เจ้าไง แม่แวมไพร์สาว” ผมพูด พร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้ๆ เธอ
“ท่านนี่มันกวนประสาทจริงนะ พ่อมดเจ้าเล่ห์”
“เจ้าเล่ห์แล้วรักไหมล่ะ”
“รักสิ แต่พวกเราจะรักกันได้นานแค่ไหนกัน”
“ทำไมเจ้าพูดอย่างนี้ล่ะ”
“หรือมันไม่จริง สักวันข้ากับท่านก็ต้องเป็นเหมือนอาซากับอันนา ที่ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน เพราะมันผิดกฎของดินแดน”
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะ กฎทุกกฎย่อมมีช่องว่างของมันเสมอ และข้าก็พอจะมองเห็นช่องว่างนั้นแล้ว”
“ท่านพูดจริงหรือ ฮาโล”
“จริงสิ” ผมตอบสั้นๆและยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเมเบล
“บอกข้าหน่อยได้ไหมว่าช่องว่างอันนั้นคืออะไร” เสียงของอันนาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นจากทางด้านหลังของผมกับเมเบล
“อันนา เจ้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” เมเบลถามขึ้น
“ก็มาอยู่ได้สักพักแล้วล่ะ ข้ามาอยู่ก็เพื่อไม่ให้แวมไพร์ในดินแดนสงสัยพวกท่าน”
“ขอบใจเจ้ามากนะ อันนา” ผมพูดกับอันนาด้วยใจจริง
“เปลี่ยนจากคำขอบใจของท่านเป็นเรื่องช่องว่างของกฎที่ท่านพูดถึงเมื่อสักครู่จะดีกว่านะ” อันนาตอบกลับซะผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“เรื่องช่องว่างข้าคงบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ เพราะมันเสี่ยงเกินไปถ้าจะให้อาซากับเจ้าเป็นผู้ดำเนินการ”
“ทำไมกัน”
“เพราะเจ้ากับอาซาไม่ใหญ่พอที่จะทำให้สองดินแดน หรือทุกดินแดนยอมรับในช่องว่างของกฎนะสิ”
“ท่านพูดให้มันชัดเจนกว่านี้ได้ไหม”
“ใช่ ฮาโล ข้ายืนฟังตั้งนานยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าคิดหรือพูดเลยสักนิด”
“เดี๋ยวเจ้าจะเข้าใจเอง แต่เจ้าต้องรออีก 1 ปีนะ”
“ทำไมต้องรอนานขนาดนั้น” เมเบลและอันนาพูดขึ้นพร้อมกัน
“ก็เพราะว่ามันจะเป็นเวลาที่ข้าได้เป็นอิสระจากการเป็นนักโทษของดินแดนน่ะสิ”
“...”
“พวกเจ้าไม่ต้องทำหน้าตาสงสัยเลย ถ้าข้าไม่ได้เป็นนักโทษ ข้าก็จะสามารถใช้สิทธิ์ในฐานะของพ่อมดได้เต็มที่ และเมื่อถึงเวลานั้นกฎการห้ามรักกันต่างดินแดนนั้นจะหมดไป”
“เจ้าพูดจริงหรือฮาโล” เมเบลถามขึ้น
“จริง ถ้าข้ากับเจ้าทำสำเร็จ”
“ข้ากับเจ้าทำสำเร็จแน่” เมเบลตอบ
“ข้าขอให้พวกท่านทำสำเร็จนะ และตอนนี้พวกท่านก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันให้เต็มที่ เผื่อมันไม่สำเร็จน่ะ” อันนาพูดขึ้นเมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริงของผมกับเมเบล
“แน่นอน มันต้องสำเร็จแน่นอน” ผมตอบ
“ใช่ มันต้องสำเร็จ” เมเบลพูดขึ้น
“เพราะฉะนั้นตอนนี้ตอนที่ข้ากับเจ้ายังอยู่ด้วยกัน พวกเราก็ใช้ชีวิตของพวกเราให้ดีที่สุด อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด และมีความสุขด้วยกันให้มากที่สุดเถอะนะ เผื่อวันข้างหน้าเราทำไม่สำเร็จ เราจะได้ไม่เสียใจกับวันเวลาที่ผ่านไป”
“ใช่ ท่านพูดถูก ข้าขอให้พวกท่านมีความสุขกับช่วงเวลา 1 ปีนี้นะ ใช้มันให้คุ้มล่ะ” อันนาพูดพร้อมกับหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ผมกับเมเบลยืนอยู่กันตามลำพัง
“ขอบคุณนะ อันนา” ผมกับเมเบล ตะโกนตามหลังอันนาพร้อมกัน อันนาหันมาโค้งหัวให้ พร้อมกับยิ้มให้กับพวกเรา จากนั้นผมกับเมเบลก็เดินเที่ยวงานเทศกาลต่ออย่างมีความสุข พวกเราไปเที่ยวในทุกแห่งที่อยากไป ไปกินอาหารทุกอย่างที่อยากกิน และใช้ทุกวินาทีตลอด 1 ปีอยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุข จนเวลานั้นมาถึง
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ