รวมเรื่องสั้น Amore Perso ความรักที่หายไป

3.0

เขียนโดย zusuran

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.41 น.

  4 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,615 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 17.35 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ตอน กระดุมกับลูกหมา (ชิอง x เคียว)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ฉันแอบชอบคนคนหนึ่งมาตั้งแต่เด็กแล้วเขาชื่อ ชิบากิ เคียว เขาเป็นคนหน้าตาดีมาก นิสัยดีมากด้วยมีแต่คนชอบเขา ฉันอยากชอบเขาเหมือนอย่างเด็กผู้หญิงพวกนั้นชอบ แต่ทำไม่ได้เพราะฉันมันคนขี้เหล่ อ้วนเผละอย่างฉันไม่มีใครมาชอบหรอก

ปึก!

“ว้ายยยยยย!!!!”

แถมยังซุ่มซ่ามด้วย

แค่เดินอยู่ดีๆก็มีคนมาชนล้ม แถมไม่หยุดดูเราซักนิด ไอ้พวกใจร้าย เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย!

ฮือออ! เจ็บจัง น้ำหนักมันเยอะ เวลาล้มก็เลยกระแทกซะแรงเลย

“เอ๋ หกล้มเหรอ เจ็บรึเปล่า”

Q[ ____]Q!!!!!!

 ขะๆๆเขามาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่!

“เจ็บไหม มาสิ”

เขาว่าและยื่นมือมาให้ ฉันไม่กล้ายื่นมือตัวเองไปจับมือของเขาเลยจริงๆ ไม่กล้าเลยต้องก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

แต่ก่อนที่ฉันจะบอกว่าไม่เป็นไร มือของเขาก็…..

หมับ!

“มาเถอะ นั่งอยู่แบบนี้มันไม่ดีนะ”

มือของเขาเรียวสวยแล้วก็นุ่มมากเลย เขาจับมืออวบอูมของฉันและฉุดฉันลุกขึ้น

“หัวเข่าเป็นแผลด้วย เจ็บไหม”

“มะ ไม่ค่ะ ขะ ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่”

ใช่ เขาเป็นรุ่นพี่ฉันปีหนึ่ง

“ไม่เป็นไรหรอกนะ เอาล่ะ นี่ก็ค่ำแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”

“เอ๊ะ! เอ่อ”

“ซากิเมะ ชิอง สินะ บ้านของเราอยู่ใกล้ๆกันนี่นา”

หวาาาาา~เขารู้จักฉันเหรอเนี่ยยยยยย!!!!!

ฉันได้แต่เดินก้มหน้าตามหลังรุ่นพี่ไปเงียบๆตลอดทางกลับบ้านเราไม่ได้พูดกัน แต่สำหรับฉันมันไม่ได้เงียบขนาดนั้นน่ะสิ ใจฉันน่ะ มันเต้นโครมครามจนจะคุมไม่อยู่แล้ว อายมากเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้

………………………

และวันที่เขาจบการศึกษาก็มาถึง เขาถูกรายล้อมด้วยสาวๆเหมือนเดิม ฉันได้แต่มองเขา มองอยู่อย่างนั้น

อยากได้กระดุมของพี่จัง แต่เขาคงไม่เหลือให้เราแล้วล่ะ

ฉันได้ยินมาว่าเขากำลังจะไปจากที่นี่ ไปเข้าโรงเรียนสอนการแสดงที่เมืองหลวงที่อยู่ไกลจากเกาะที่เราอยู่มากๆ ถึงจะเสียใจหน่อยๆที่จะไม่ได้เจอเขาอีกแต่อีกใจหนึ่งก็ยินดีกับเขาด้วยเหมือนกัน แต่ว่า….คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วสินะ

ฉันเดินคอตกกลับบ้านเหมือนเช่นทุกวัน ปิดเทอมปีนี้จะทำอะไรดีนะ เกาะชูเป็นเกาะเล็กๆแล้วก็ทำการประมงเป็นหลัก ฉันต้องกลายเป็นแม่ค้าขายปลาตลอดปิดเทอมอีกแล้ว อ๊ะ หรือว่าจะไปอยู่กับญาติผู้พี่ของฉันที่เกาะหลักดีนะ

“กลับมาแล้วเหรอ”

“เฮือก!!!! พะๆๆๆพี่!!!”

“ฮะๆๆๆ เธอนี่นะ เดินใจลอยแบบนี้เดียวก็ตกถนนเอาหรอก”

“อ่า…..ฮะๆๆๆๆ พี่มีอะไรรึเปล่าคะ”

รุ่นพี่ทำอะไรอยู่หน้าบ้านฉันเนี่ย เขาดูอ้ำอึ้งจัง ดูเขาสิ เสื้อนอกนักเรียนของเขาไม่เหลือกระดุมสักเม็ด คงจะถูกดึงไปหมดแล้ว แล้ว......นั่นอะไรดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในเสื้อของเขานะ

“คือว่านะ”

ฉันรอฟังว่าเขาจะพูดอะไร แล้วรุ่นพี่ก็เปิดตัวต้นเหตุที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กนั่นออกมาให้ฉันเห็น

หงิง~

หมาน้อย! สีขาวน่ารักที่สุด

“คือว่านะ ช่วยเลี้ยงมัน จะได้รึเปล่า”

“เอ๋?”

“คือ อีกสามวันฉันก็จะไปจากเกาะนี้แล้ว คงรู้สึกแย่ถ้าจะทิ้งมันไว้ข้างถนนตัวเดียว บ้านของเธอคงเลี้ยงมันได้ใช่ไหม”

ฉันมองรุ่นพี่แล้วก็มองลูกหมาในอ้อมกอดของเขา มันน่ารักมากเลย

“ค่ะ ฉันจะเลี้ยงมันเอง”

“ว่าแต่เจ้าหนูนี่ ชื่ออะไรเหรอคะ”

ฉันถามเขาหลังจากที่เราเข้ามานั่งคุยกันในบ้านของฉัน พ่อแม่ของฉันยุ่งอยู่กับการขายของที่หน้าร้าน ส่วนเรานั่งเล่นอยู่ในส่วนของหลังบ้าน

“อ่า....ยังไม่มีชื่อหรอก”

ฉันมองเจ้าหมาน้อยที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนตักรุ่นพี่อยู่พักหนึ่ง

“ชื่อโกโร่ ดีไหมคะ”

“เอาสิ”

เราคุยกันอยู่จนค่ำ พ่อกับแม่ชวนรุ่นพี่ทานข้าวเย็นด้วย เขาก็ตอบตกลง ฉันดีใจมากเลย เพราะรุ่นพี่ทานอาหารที่ฉันทำ

ไม่รู้ว่าที่โตเกียวจะมีของดีๆให้รุ่นพี่กินรึเปล่านะ

แวบหนึ่งรุ่นพี่หันมามองฉันและยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มากเลย ฉันเขินแล้วนะ

อาหารเย็นมื้อนี้เป็นมื้อที่วิเศษที่สุด ฉันจะถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองให้รุ่นพี่ก็แล้วกัน

“ขอบคุณสำหรับอาหารนะ”

“อะ ค่า!!!” เขินจัง ทำตัวไม่ถูกเลย

“นี่ ชิอง”

“หะ เอ่อ ค่ะ?”

มืออวบอูมของฉันถูกรุ่นพี่จับอีกแล้ว คราวนี้เขารวบมือฉันไปทั้งสองข้างเลย

“มือเย็นชะมัดเลย”

“อะ เอ่อ แหะๆๆ”

เขากุมมือฉันถูมือไปมาให้ความอบอุ่น รู้สึกดีมากเลย สักพักเขาก็วางมือฉันลงและวาง บางอย่างใส่มือฉัน

กระดุม!

“ฉันให้”

นี่มันกระดุมที่คอเสื้อของเขา มันสวยกว่ากระดุมเม็ดอื่นด้วย มีแต่คนอยากได้ แล้วทำไมเขาถึง

“ฉันอยากให้เธอเก็บไว้มากกว่า ก็เลยเก็บมันไว้ก่อนคนอื่นจะมาดึง”

ดีใจจัง……

“ขอบคุณค่ะ ฉะ ฉันจะเก็บมันไว้อย่างดีเลย”

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองยิ้มแก้มปริหน้าบานแค่ไหน แต่ฉันก็ยิ้มออกไปเต็มที่ สื่อสารความรู้สึกในใจทั้งหมดให้เขาไปในวันนั้นเอง  ทั้งที่กังวลต่างๆนาๆว่าเวลายิ้มจะไม่สวยแต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น

“ฉันจะเก็บมันไว้ให้ดีที่สุดเลยค่ะ จะเลี้ยงโกโร่ให้ดีที่สุดด้วย พี่พยายามเข้านะคะ ฉันจะเป็นกำลังใจให้ จะรอดูพี่ออก ทีวีทุกวันเลย!”

“ฮะๆๆขอบใจนะ”

รอยยิ้มแสนอ่อนโยนนั้นฉันไม่มีทางลืมได้เลย…….

สามวันต่อมาเขาก็ไปจากเกาะชู ฉันได้แต่ยืนส่งเขาอยู่ไกลๆไม่กล้าเข้าไปใกล้

เราไม่เคยแลกเบอร์โทรไม่เคยบอกว่าจะติดต่อกันยังไงด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของเรานั้น เหมือนว่าเป็นแค่ เพื่อนบ้านที่ดีเท่า นั้นเอง………………..

5 ปีต่อมา……

ชื่อของฉันคือ ซากิเมะ ชิอง อายุ 20 ปี

คงไม่มีใครเชื่อว่าเด็กเจ้าเนื้อขี้ริ้วขี้เหร่เมื่อก่อนจะกลายมาเป็นคนร่างบอบบางขนาดนี้

ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นปาฎิหาริย์ ฉันเลือกทำงานที่เกาะหลักเพราะพ่อแม่ฝากฝังฉันให้เป็นผู้ช่วยของญาติผู้พี่ที่เป็นนักเขียนและอาจารย์มหาลัยของเกาะหลัก ญาติผู้พี่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ฉันก็เลยมีหน้าที่ดูแลเขาไปด้วยในตัว

“พี่คะ ฉันกลับแล้วนะ อาหารฉันทำไว้ในตู้อย่าลืมอุ่นกินนะ”

“ชิอง”

“หืม….อะไรเหรอ”

“พรุ่งนี้ต้องหาหมออีกแล้วไม่ใช่เหรอ”

“เอ๋? อ้อ ฉันลืมไปเลย”

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมา หยุดพักผ่อนสักวันเถอะ”

“อื้ม ฉันไปนะ”

ฉันเดินทางไปกลับระหว่างเกาะชูกับเกาะหลักทุกวัน ไม่ใช่อะไรที่หนักหนาสำหรับฉันเลย คนรอบข้างบอกว่า ฉันความจำเสื่อมเพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 5 ปีก่อน ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ฉันไม่เห็นว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปตรงไหน จำพ่อแม่ได้ จำคนในหมู่บ้านนี้ได้ ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่เขาว่าเลยสักนิด

จริงรึเปล่านะ…….

หรือว่ามีสิ่งที่หายไปจากความทรงจำอยู่จริงๆ แล้วถ้าใช่ มันคืออะไรล่ะ

"ชิอง"

นั่น พี่สึนะ เธอแต่งงานแล้วและกำลังจะเป็นแม่คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะเธอย้ายไปอยู่บ้านสามีก็เลยไม่ค่อยได้พบกัน

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีไหม”

"ค่ะ"

ฉันมองท้องป่องๆของผู้หญิงตรงหน้า เจอกันที่โรงพยาบาลไม่น่ายินดีเท่าไหร่หรอก โดยเฉพาะตอนนี้ฉันก็มาในฐานะคนไข้

ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคราวนั้นมันก็ทำให้ต้องมาพบหมอตามนัด เพราะอาการปวดหัวมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆสำหรับฉันเลย

"ว่าแต่พี่สึนะกลับมาเมื่อไหร่คะ"

"เมื่อวาน พี่จะมาอยู่บ้านพ่อแม่จนกว่าจะคลอดน่ะ อีกสามเดือนเองนี่น้า"

ว่าแล้วก็ลูบท้องตัวเองไปมา

"ตาหนูก็คงอยากออกมาเต็มทีแล้วล่ะ ดิ้นใหญ่เลย"

“เป็นพ่อแม่นี่ดีจังเลยน้า”

"จริงสินะ คือว่าเคียวจะกลับมาวันนี้น่ะ”

"เคียว?"

"น้องชายของพี่เองจ้า เขาไปอยู่ที่เมืองหลวงตั้งหลายปีแล้ว"

น้องชายของพี่สึนะเหรอ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามี

"อ้าว ชิองกลับมาแล้วเหรอ"

"หนูกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูจะพาโกโร่ไปเดินเล่นสักพักนะคะ"

"เมื่อกี้นี้เคียวเขามาหานะ ถามหาลูกด้วยแน่ะ"

"เคียว? ใครกันเหรอคะ"

"อ้าว ก็น้องชายของสึนะจังยังไงล่ะจ๊ะ แหม ไม่เจอตั้งหลายปีดูหล่อกว่าในทีวีอีกนะเนี่ย"

"หนูไม่รู้จักเขาซะหน่อย"

เคียวเหรอ ไม่รู้จักคนๆนั้นหรอก ถ้ารู้จักก็ต้องจำได้แล้วล่ะ

โกโร่เป็นหมาตัวใหญ่ ต้องระวังเวลาเจ้าตัวดีจะวิ่งเล่น เดี๋ยวถูกมันลากไปด้วยแล้วจะซวยเอา

โฮ่ง!

"มีอะไรเหรอ โกโร่"

จู่ๆมันก็เห่า คงเห็นสาวล่ะสิ เฮ้อ

ปล่อยให้วิ่งเล่นซะให้พอเดี๋ยวสักพักค่อยตามก็แล้วกัน

แต่ว่าทำไมวันนี้รู้สึกว่าร้อนกว่าทุกวันนะ ร้อนจนเวียนหัว อยากกลับบ้านไปพักแล้ว

"โกโร่ มาเถอะ กลับบ้านกันได้แล้ว"

..........

"โกโร่?"

"ไปไหนแล้วล่ะเนี่ย"

โฮ่ง!

"อยู่นี่เองเจ้าตัวดี"

"หมาของคุณเหรอครับ"

คนๆหนึ่งเดินมาพร้อมกับเจ้าหมาตัวใหญ่ถามฉัน ใครกันนะคนๆนี้ ไม่เคยเห็นหน้าเลย

"ค่ะ"

"โกโร่ สินะ?"

เขารู้จักเหรอ คงงั้นมั้ง เมื่อกี้ก็เรียกชื่อดังเหมือนกัน เขาคงได้ยินเข้า

"ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลยนะคะ"

"พอดีผมไม่ได้อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว เพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้านน่ะครับ"

"ฉันคงต้องขอตัวก่อน เอ่อ คุณ"

"ชิอง จำฉันไม่ได้จริงๆด้วย"

จู่ๆเขาก็พูดออกมาแบบนั้น จำไม่ได้เหรอ ฉันรู้จักเขาด้วยหรือไง

"ขอโทษนะคะ คุณ......เป็นใคร"

"......"

พอถามไปเขาก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนหน้านิ่งมองมาอย่างเข้าใจบางอย่าง ฉันยื่นมือจะไปจับเชือกจูงหมาแต่จู่ภาพเบื้องหน้าก็เบลอจนมองเห็นไม่ชัด เหมือนจะทรงตัวไม่อยู่เซไปข้างหน้า และหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแวบเข้ามาในหัวอีกเลย

แปะ....

ฉันตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้อง และมีผ้าเย็นๆจากแม่โปะไว้บนหน้าผาก

“จริงๆเลยน้า รู้ว่าไม่ไหวก็ยังจะออกไปเดินเล่นอีก”

“แม่….”

“เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรแล้ว เหมือนหนูจะมีไข้เลย”

ฉันลุกขึ้นนั่งเอามืออังหน้าผาก ไอร้อนผ่าวๆยังแผ่ออกมาถึงมือฉันอยู่เลย

“ทานยาแล้วนอนพักเถอะ แม่โทรไปบอกนัตสึกิแล้วว่าพรุ่งนี้ลูกอาจจะต้องหยุดพักอีกวันหนึ่ง เขาฝากมาบอกว่าให้พักผ่อนเยอะๆหน่อย หายดีแล้วค่อยไปทำงานก็ได้”

“เข้าใจแล้วค่า”

“จริงๆเลยน้า…ถ้าเคียวไม่ไปเจอเข้าแล้วพามาส่งบ้าน ป่านนี้จะเป็นยังไง”

“เคียวเหรอ….”

 ใครคือเคียว แล้วเคียวเป็นใคร ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม อะไรเนี่ย….

ฉันไม่ใช่คนคิดมากขนาดจะเก็บเอามาฝันข้ามคืน แต่ว่าทำไมกันนะ นี่เป็นความฝันเหรอ หรือว่าเพราะฉันเหนื่อยจนละเมอ

ฉันนวดขมับตัวเองวนไปวนมาก่อนจะลุกออกไปเปิดหน้าต่างข้างๆหัวเตียงสูดอากาศเย็นๆปนความเค็มอ่อนๆของน้ำทะเล

เข้าปอด วันนี้ฉันจะกลับไปทำงานที่เกาะหลักแล้วสิ

“หนูไปก่อนนะคะ”

ฉันตะโกนบอกพ่อที่กำลังขายของให้ลูกค้าหน้าร้าน พ่อขานรับฉันเหมือนทุกทีและฉันก็เริ่มเดินไปที่ท่าเรือ ซึ่งมันก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ฉันนั่งเรือข้ามเกาะไปทำงานตอนเช้าและกลับตอนเย็นเป็นกิจวัตร แต่สิ่งที่แปลกไปในวันนี้ก็คือ

“กลับมาแล้วเหรอ”

มีใครบางคนรอฉันอยู่ที่ท่าเรือ

ฉันจำเขาได้ เขาคือคนที่ฉันเจอเมื่อวันก่อน และพูดคำแปลกๆกับฉัน

“คุณ เอ่อ……”

“…..”

คนตรงหน้าฉันไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มให้ฉัน

“กลับบ้านด้วยกันไหม”

เขาพูดอะไรแปลกๆกับฉันอีกแล้ว มันทำให้ฉันกลัวนะแบบนี้ แต่เดี๋ยวก่อน…

ทำไมกันนะ ฉันคุ้นเคยกับคนตรงหน้านี้จังเลย

“คุณคงจะเป็นน้องชายของพี่สึนะ”

สุดท้ายแล้วฉันก็ตกลงจะเดินกลับไปพร้อมๆกับเขาและชวนเขาคุยแก้เก้อ

“อืม”

“เอ่อ…” จะคุยอะไรดีนะ ทำไมพออยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกประหม่าชอบกล

“ชิอง”

“ห๊ะ! ค่ะ!”

“อุ๊บ! ยังเหมือนเดิมจริงๆด้วยสิ”

จู่ๆคนตรงหน้าฉันก็หลุดหัวเราะออกมา มันทำให้ฉันเขินจนทำตัวไม่ถูก

“เอ่อ เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอคะ”

ประโยคคำถามของฉันแผ่วเบาลงเรื่อยๆ แต่มันก็คงทำให้คนที่เดินอยู่ด้วยได้ยินเข้า เขาหยุดเดินและหันมามองหน้าฉัน

“ยังพอมีเวลา…ไปเดินเล่นกันก่อนไหม”

“…..” ฉันไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรกับฉันกันแน่ ฉันไม่รู้จักเขา และถ้ารู้จักทำไมเขาถึงไม่อยู่ในความทรงจำฉันเลย หรือว่าจะมีแค่เขาที่ฉันหลงลืมไป

คงไม่หรอก ไม่ใช่หรอกมั้ง

ฉันเดินไปพร้อมกับเขา ไปสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะโรงเรียนเก่า สะพานข้ามลำธาร แล้วก็วัด รู้ตัวอีกทีก็ค่ำมืดจนมองไม่เห็นเท้าตัวเองแล้ว

เราสองคนกำลังเดินลงจากบันไดหินของวัดที่ทั้งสูงชันและเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ฉันต้องระวังมากๆเพราะสวมส้นสูง

ชึ่บ!

จู่ๆแขนข้างหนึ่งของเคียวก็ยื่นมาหาฉัน

“จับสิ”

“เอ่อ ขอบคุณ”

ฉันจับแขนของเคียวด้วยมือสองข้างของฉัน เขาพาฉันค่อยๆเดินลงบันไดทีละขั้น ทีละขั้น จนเกือบจะถึงขั้นสุดท้าย แต่เพราะฉันดันประมาทก็เลยทำให้ฉันก้าวพลาดไปขั้นหนึ่ง

วืดดดด!!!

พลั่ก!

“อูย!”

ล้มหน้าคะมำท่าซุปเปอร์แมนแบบไร้ความสวยงามสุดๆ

ผู้ชายอะไร ทำไมไม่ช่วยอะไรฉันเลยเนี่ย!

ชึ่บ!....

“มาสิ”

“เหะ?”

“เจ็บไหม มาสิ”

จู่เสียงของใครบางคนก็สะท้อนเข้ามาในหัวของฉัน

“มาเถอะ นั่งอยู่แบบนี้มันไม่ดีนะ…..หัวเข่าเป็นแผลด้วย เจ็บไหม”

“มะ ไม่ค่ะ ขะ ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่”

อะไรกัน ใครกันที่อยู่ตรงหน้าฉัน ใครเป็นคนพูดกับฉันกันนะ

หมับ!

“เฮือก!!!”

“เป็นไรไหม?”

สติของฉันกลับมาและเห็นเคียวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉัน เขามองฉันอย่างห่วงๆ ในขณะที่มือของเขาบีบมือของฉันเอาไว้แน่น

“ขอโทษนะ…”

“เอ๊ะ?”

เขาขอโทษฉันเรื่องอะไรล่ะ ทำไมเขาถึงมองฉันเหมือนตัวเองเจ็บปวดอย่างนั้น ฉันก้มลงมองมือของเคียว มือของเขาเรียวสวยแล้วก็นุ่มมากเลย เขาจับมือของฉันและฉุดฉันลุกขึ้น

 “เอาล่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”

ฉันยิ้มรับและเดินไปพร้อมกับเขา มือของเคียวยังกุมมือฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ฉันลองทำเนียนดึงออกแต่เขากลับยิ่งบีบมันไว้แน่น

ตกบันได้ไถลเป็นซุปเปอร์แมนขนาดนั้นทำเอาแขนขาฉันถลอกปอกเปิกเลือดไหลซิบเหมือนกัน

เดินต่อไปได้สักพักก็รู้สึกเจ็บจนไปต่อไม่ไหวต้องหยุดเดินไปเสียดื้อๆ

“เจ็บมากเหรอ”

“อ่า…..นิดหน่อยค่ะ”

เคียวไม่พูดอะไรก่อนจะคุกเข่าหันหลังให้ฉัน

“ขึ้นมาสิ”

“เอ๋? ไม่ดีมั้ง ไม่เป็นไร”

“มาเถอะ”

สุดท้ายฉันก็ทนต่อการรบเร้าของเขาไม่ไหวและยอมให้เขาแบกฉันขึ้นหลังแต่โดยดี

“ฉันตัวหนักนะ”

“ตัวเท่าหมดจะแค่ไหนกันเชียว แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงแบกไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ”

อีกแล้ว เขาพูดเหมือรู้จักฉันมาก่อน

เคียวแบกฉันขึ้นหลังและเดินไปแบบไม่เร่งรีบอะไร เราผ่านโรงเรียนมัธยมที่มีแห่งเดียวบนเกาะ เคียวหยุดอยู่สักพักก่อนจะเดินต่อ

“ฉันเคยเรียนที่นี่ก่อนจะย้ายไปที่เมืองใหญ่”

“อย่างนั้นเหรอคะ”

“ใช่ แล้วก็…คนที่ฉันชอบก็เรียนที่นี่เหมือนกัน”

กึก!....

พอเคียวพูดถึงตรงนี้ฉันก็เผลอเกร็งมือซะแน่น หวังว่าเขาคงไม่รู้สึกอะไรนะ

“เด็กผู้หญิงคนนั้นคงน่ารักมากแน่ๆ”

“ไม่เลย เธอทั้งขี้เหล่ ทั้งอ้วน แล้วก็…ขี้อายด้วย”

“เห….ขนาดนั้นคุณยังจะชอบเธอเหรอ”

“เธอเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย ขี้อาย หึๆๆ แต่สำหรับฉัน เธอเป็นคนที่น่ารักมากๆเลยล่ะ วันที่ฉันจบการศึกษา ฉันรู้ว่าเธออยากได้กระดุมของฉัน แต่ไม่กล้าขอ ฉันก็เลยดึงไปให้เธอเม็ดหนึ่งน่ะ”

“ว้าว”

“ฮะๆๆ แต่ไม่รู้ว่าเธอยังเก็บมันไว้รึเปล่าอ่ะนะ แถมก่อนไป ฉันยังเก็บลูกหมามาฝากเธอเลี้ยงด้วย”

“คุณคงคิดถึงเธอมาก”

“มากเลยล่ะ”

ฉันไม่ถามอะไรอีก พยายามยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด

เคียวมาส่งฉันถึงบ้านและกลับไปทันที

หลังจากถูกแม่บ่นไปบทหนึ่งฉันก็ขึ้นห้อง จำได้ว่าฉันมีกล่องเก่าๆอยู่บนหัวเตียง มันเป็นกล่องเก็บสมบัติของสาวน้อยสมัยที่ฉันยังเป็นเด็กมัธยม หลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้เอามันมาเปิดดู

ฉันหยิบกล่องนั้นมาวางไว้บนตักและเปิดฝากล่อง นำของที่ใส่ไว้ในนั้นออกมาวางบนเตียงทีละอย่าง มีตั้งแต่โบว์ผูกผม เข็มกลัด ไดอารี่สาวน้อย ภาพถ่าย ของแลกเปลี่ยนในวันจบการศึกษากับเพื่อนๆ ฉันนั่งมองพวกมันทีละอย่าง นึกถึงความทรงจำเก่าๆที่เคยมีในวัยใส ถึงมันจะเลือนรางมากแต่ฉันก็ยังจำเพื่อนๆได้อยู่

กริ๊ง…..

“หืม?” ของอีกชิ้นหลุดออกมาจากไดอารี่เล่มเล็กๆที่ฉันกำลังเปิดอ่าน ฉันหยิบเจ้าของชิ้นเล็กๆนั้นมามองในระดับสายตา

นี่มันกระดุมของเครื่องแบบนักเรียนชายของโรงเรียนมัธยม โรงเรียนมัธยมบนเกาะชู กระดุมเม็ดแรกของเครื่องแบบจะเป็นกระดุมที่สวยกว่ากระดุมเม็ดอื่น เพราะมันสามารถสลักชื่อได้ ฉันลูบไล้ปลายนิ้วไปตามรอยขรุขระของเจ้าเม็ดกระดุมนั้นช้าๆก่อนจะพลิกเจ้ารอยขรุขระนั้นกลับมาเพ่งพินิจดีๆ

ตัวอักษรชื่อที่สลักอยู่บนกระดุมทำให้ฉันนิ่งค้างไปทันที

‘เคียว’

อะไรกัน นี่มันอะไรกัน

ทำไมกระดุมของเคียวถึงมาอยู่ในกล่องของฉันได้ล่ะ

วืด!!!!

ตุ้บ!!!

จู่ๆในหัวของฉันก็เหมือนจะดับวูบลงเสียดื้อ กล่องในมือของฉันร่วงลงกระแทกพื้น ของในกล่องกระจัดกระจายไปคนละทาง ภาพเลือนรางกำลังไหลเข้ามาในหัวของฉัน มันไหลเข้ามาเหมือนคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง ทำให้ฉันปวดหัวจนทนไม่ไหว สองมือของฉันยกขึ้นกุมศีรษะ เหงื่อกาฬไหลออกมาตามใบหน้า ฉันได้ยินเสียงหายใจติดขัดของตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง

พลั่ก!

……………..

“ลูกหมา?”

“ช่วยเลี้ยงมัน จะได้รึเปล่า”

……………………………….

“ฉันให้….ฉันอยากให้เธอเก็บไว้มากกว่า ก็เลยเก็บมันไว้ก่อนคนอื่นจะมาดึง”

“ฉันจะเก็บมันไว้อย่างดีเลย”

……………………………………

“…อง…ชิอง!”

เสียงของแม่ฟังดูจะร้องไห้เข้าไปทุกที และพอฉันลืมตาขึ้นก็เป็นอย่างที่คิด พ่อกับแม่อยู่ข้างๆเตียงที่ฉันนอนอยู่

สุดท้ายแล้วฉันคงถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างไม่ต้องสงสัย

“เป็นยังไงบ้าง จู่ๆก็หมดสติไปแม่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”

“อ่า…..จู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมาก็เลยหลับไป”

“หลับบนพื้นเนี่ยนะ”

พ่อสวนกลับมา สีหน้าของพ่อก็ไม่ต่างอะไรจากแม่ ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ปลอบใจพวกท่านทั้งสองว่าฉันไม่เป็นไร

ฉันกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แถมยังถูกสั่งพักงานไปเป็นอาทิตย์

แกร๊ก…

เสียงประตูห้องเปิดเข้ามา แต่แขกที่เข้ามาไม่ใช่พ่อกับแม่ แต่เป็น เคียว

ฉันเงยหน้ามองเขาที่เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงหน้าฉันที่นั่งอยู่บนเตียง เคียวยิ้มให้ฉันเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่เจ็บปวดไม่ต่างไปจากฉันเลย เราต่างมองหน้ากันและไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย

สุดท้ายก็เป็นฉันเองที่เอ่ยปาก

“ช่วยเล่าเรื่องเมื่อก่อนให้ฟังหน่อยได้ไหม”

“…….”

หมับ!

เคียวยื่นมือมากุมมือฉันและบีบแน่น เขายังมีสีหน้าอมทุกข์

“อยากฟังจริงเหรอ”

ฉันพยักหน้าน้อยๆมองหน้าของเคียวอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้น เรื่องเล่าย้อนอดีตที่เป็นดั่งนิยายสำหรับแนก็เริ่มต้นขึ้น…..

 

5 ปีก่อน

แผ่นดินไหวบนเกาะชู ทางตอนเหนือของมหาสมุทร หมู่บ้านบนเกาะได้รับความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนนี้เป็นบริเวณกว้างโดยเฉพาะ โรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้รอยแยกของแผ่นดินไหวครั้งนี้มากที่สุด

ข่าวรายงานชัดเจนไม่มีติดขัด ก้องอยู่ในหูของเคียวที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีในสตูดิโอ

ไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

ไม่คิดเลยจริงๆ

เด็กสาวคนนั้นถูกซากปรักหักพังถล่มลงมาทับถม หลายชั่วโมงกว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยกันพาเธออกมาและส่งโรงพยาบาล

หลังจากนั้นไม่นานเคียวก็ได้รับข่าวทั้งดีและร้ายไปในคราวเดียวกัน

ทุกคนบนเกาะปลอดภัย ครอบครัวของเขาปลอดภัย รวมทั้งเจ้าลูกหมาและเด็กสาวคนสำคัญของเขาด้วย แต่ว่า…..ข่าวร้ายสำหรับเขาก็คือ

เธอความจำเสื่อม

 เธอจะจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันจำเธอได้คนเดียวก็พอแล้ว.....

 

 “ขอบคุณที่เธอยังมีชีวิตอยู่นะ ชิอง”

แววตาของเคียวดูเจ็บปวดและอบอุ่นในคราวเดียวกัน ฉันมองใบหน้านั้น สองมือประคองมันเอาไว้ราวกับกลัวว่ามันจะบุบสลาย แล้วจู่ๆน้ำตาฉันก็ไหล

ฉันหลงลืมผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไงกันนะ

ถึงวันนี้ฉันก็ยังจำเขาไม่ได้เลย ยิ่งพยายามนึกถึงมันมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งปวดหัวขึ้นมากเท่านั้น

เวลาที่เราจดจำคนที่ชอบไม่ได้ มันเจ็บปวดอย่างนี้นี่เองสินะ

แปะ!

มือของเคียววางทาบบนแก้มของฉัน เขายิ้มให้ฉัน

“ไม่เป็นไรหรอก จำไม่ได้ก็ไม่ต้องจำ”

“เหะ?”

“ฉันจะสร้างความทรงจำใหม่กับเธอเอง เพราะฉะนั้น มาเริ่มต้นกันใหม่นะ ชิอง”

 ………….ความทรงจำครั้งใหม่ของฉันกับผู้ชายคนนี้ จันจะถูกถักทอไปแบบไหนกันนะ

ชักจะอยากรู้เร็วๆซะแล้วสิ……..

 

(จบ)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา