My dear อยากบอกว่ารักเธอ
9.7
เขียนโดย ฝนดาวตก
วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.06 น.
12 ตอน
6 วิจารณ์
13.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 16.41 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
7) 7
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 7
หลังจากการทำพิธีอ่านความทรงจำของเอลลี่ทำให้ฮาโลบาดเจ็บและสูญเสียพลังเวทในตัวไปไม่น้อยเลย นี่ผมต้องตามหาความจริงจากเธอคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน จะว่าไปความรู้สึกของผมที่มีต่อเอล่าไม่เหมือนที่มีต่อเธอเลย แต่ใบหน้าของเธอนี่สิ ทำให้ผมคิดถึงเอล่าเหลือเกิน ถ้าเธอไม่ใช่เอล่าแล้วทำไมเธอถึงได้หน้าเหมือนกับเอล่าขนาดนี้ แถมเธอยังมีเวทปกป้องความทรงจำอีก ขนาดเจ้าชายเฮเซกับมนุษย์ตะวันยังเป็นคนคนเดียวกันได้เลย เอล่ากับเอลลี่ก็มีสิทธิ์เป็นคนคนเดียวกันได้เหมือนกันใช่ไหม แล้วทำไมผมต้องอยากให้สองคนนี้เป็นคนคนเดียวกันด้วยนะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย หรือเพียงเพราะหน้าตาเธอเหมือนกัน
“โอ๊ยยยยยยยย” เสียงของเอลลี่ร้องขึ้นหลังจากที่เธอสลบไปจากการทำพิธีอ่านความทรงจำ
“เธอฟื้นแล้วหรอ” ผมถามและทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฟื้น คืออะไร ฉันเป็นอะไรหรอ”
“ใช่ ฟื้น เธอเป็นลมในครัวที่ร้านอาหารไง จำไม่ได้หรอ”
“เป็นลมเนี่ยนะ คนอย่างฉันเป็นลม นายบ้าไปแล้ว”
“เธอเป็นลมจริงๆ ไม่เชื่อเธอก็ไปถามคนที่ร้านได้เลย” ผมท้าให้เธอไปถามคนที่ร้าน เพราะผมได้สะกดจิตให้ทุกคนเชื่อแบบนั้นไปหมดแล้ว
“เออ เป็นลมก็เป็นลม แล้วที่นี่ที่ไหน โรงพยาบาลหรอ”
“ไม่ใช่โรงพยาบาล ที่นี่คือห้องนอนฉันเอง”
“นายทำอะไรฉัน ไอ้คนเลว ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้คนไม่ใช่สุภาพบุรุษ” เธอดูตกใจมากที่รู้ว่าที่นี่เป็นห้องนอนของผม เธอทั้งด่าทั้งทุบตีผม จนผมช้ำไปทั้งตัวแล้ว
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ นี่ฟังฉันก่อนได้ไหม ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย มีสติหน่อยสิ ดูเสื้อผ้าเธอก็ยังสมบูรณ์ดีไม่ใช่หรอ” ผมพยายามอธิบายให้เธอฟัง แต่เหมือนเธอจะไม่มีสติเอาเสียเลย ผมก็เลยจับมือเธอแล้วกดเธอนอนลงกับเตียง เพื่อให้เธอหยุดทำร้ายผม เพราะผมเจ็บมาก
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ” เธอพูดเสียงหลง
“ก็ฉันบอกให้เธอฟัง เธอก็ไม่ฟัง เอาแต่ทุบตี และด่าฉัน ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย” ผมอธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น
“แล้วนายพาฉันมาที่ห้องนายทำไม ทำไมนายไม่พาฉันไปที่โรงพยาบาล ถ้านายไม่ได้คิดไม่ดีกับฉัน”
“เออ คือว่า อือ เอ่อ” ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“เห็นไหม นายคิดไม่ดีกับฉันจริงๆ ด้วย” นั่นไง เธอเพิ่งจะสงบลง นี่เธอจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกเนี่ย
“เธอฟังฉันนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับเธอเลย”
“ฉันไม่เชื่อ ไม่งั้นนายจะจับฉันกดกับเตียงแบบนี้ไหม”
“แต่ฉันไม่ได้นอนทับเธอสักหน่อย” ผมเถียงเธอ เพราะว่าผมแค่จับข้อมือเธอกดไว้กับเตียงเท่านั้น ส่วนตัวผมอยู่ด้านข้างของเธอก็เท่านั้น
“งั้นนายก็ปล่อยฉันสิ” พอผมกำลังจะปล่อยมือเธอ เธอก็เตะเข้าที่เอวของผม ผมเจ็บแล้วโกรธเธอมากจนขาดสติ ผู้หญิงอะไรชอบใช้ความรุนแรงนักใช่ไหม ได้เดี๋ยวผมจัดให้
“นี่ ฉันกำลังจะปล่อยเธอ แต่เธอยังไม่ยอมหยุดทำร้ายฉันใช่ไหม ได้เธออยากให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม ในเรื่องที่เธอคิดน่ะ เดี๋ยวฉันจัดให้” ผมพูดเสียงเข้มใส่เธอ และกระโดดขึ้นมาคร่อมบนตัวเธอ แล้วก็ค่อยก้มลงจะจูบเธอ แต่ว่า...
“ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฮือ ฮือ ฮือ” เธอร้องไห้ตัวสั่น แสดงถึงความหวาดกลัวในตัวผม ผมถึงกับหยุดชะงักทันที นี่เธอร้องไห้หรอ ผมแค่จะแกล้งให้เธอกลัวแล้วจะอธิบายให้เรื่องให้เธอฟังก็เท่านั้นเอง
“โอเค อย่าร้องไห้เลยนะ ฉันจะปล่อยเธอ แล้วพาเธอกลับบ้านนะ” ผมพยายามปลอดเธอด้วยความรู้สึกผิด ที่แกล้งเธอแรงเกินไป แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอไม่น่าอ่อนแอแบบนี้ ยิ่งเธออ่อนแอแบบนี้ ยิ่งเหมือนเอล่าไปกันใหญ่ เฮ้อ
“อือ ไอ้คนบ้า เล่นแบบนี้ได้ไง ฉันกลัวนะ” เธอยังคงต่อว่าผมอยู่ ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่นะ ก็ต้องกลัวเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดา
“เพื่อนกัน แกล้งกันบ้างเธอคงไม่โกรธใช่ไหม”
“เพื่อนบ้านนายเขาเล่นกันแบบนี้หรอก ไอ้บ้า”
“เริ่มอารมณ์ดีแล้วสิ ถึงด่าฉันได้เหมือนเดิม” ผมยิ้มกวนประสาทเธอ เพื่อให้เธออารมณ์ดีขึ้น
“อือ หายก็ได้” เธอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นจะเช็ดน้ำตา แต่ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ แล้วเอาอีกมือหนึ่งของผมค่อยปาดน้ำตาให้เธอ
“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอร้องไห้แบบนี้เลย”
“อือ ฉันจะพยายามไม่โกรธนะ ถ้านายจะพาฉันกลับบ้าน”
“ได้สิ งั้นฉันจะพาเธอไปส่งบ้านนะ ว่าแต่บ้านเธออยู่ไหนล่ะ”
“ก็อยู่ใกล้ๆ กับร้านนับตังค์นั่นล่ะ แต่ว่าบ้านนายอยู่แถวไหนเนี่ย”
“จะแอบมาหาฉันหรอ” ผมพูดพร้อมยื่นหน้าไปใกล้ๆ เธอ แล้วทำตาหวานใส่เธอ จนเธอตกใจจนต้องถอยหลังหนีแทบไม่ทัน
“จะบ้าหรอ ฉันก็แค่อยากรู้ย่ะ เพราะไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้เลย”
“เธอจะไปเคยเห็นได้ยังไงล่ะ ในเมื่อที่นี่คือดินแดนแห่งเวทมนตร์”
“นายบ้าอีกแล้วใช่ไหม ลืมกินยาหรือเปล่า นี่ชีวิตจริงนะ ไม่ใช่ละคร จะมีได้ยังไงพวกเวทมนตร์อ่ะ”
“เธอไม่เชื่อใช่ไหม”
“ก็แน่นอนล่ะสิ จะให้เชื่อได้ยังไง พ่อมด แม่มดมีแต่ในหนังเรื่องแฮรี่พอตเตอร์เท่านั้น”
“มีจริงๆ นะ ฉันนี่ล่ะพ่อมด”
“พิสูจน์สิ” เมื่อเธอท้าให้ผมพิสูจน์ผมก็เลยร่ายเวท เพื่อเสกดอกกุหลายสีน้ำเงินช่อใหญ่มาให้เธอ เพราะมันเป็นดอกไม้ที่มีแค่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์เท่านั้น
“แค่นี้เองหรอ นายมันก็แค่นักมายากลที่คิดว่าตัวเองเป็นพ่อมดเท่านั้นล่ะ”
“เธอไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่สักวันฉันจะทำให้เธอเชื่อฉันให้ได้เลยคอยดู”
“ฉันจะรอวันนั้นนะ แต่ฉันว่ามันไม่มีหรอก นายเพ้อเจ้อ”
“ได้เดี๋ยวเรา มาดูกัน”
“อือ เรื่องนั้นไว้ก่อน ฉันว่านายพาฉันกลับบ้านก่อนดีกว่าไหม”
“ได้” ผมพาเธอกลับบ้าน โดยการพาเธอเดินพาทางเชื่อมระหว่างดินแดนแห่งเวทมนตร์กับโลกมนุษย์ ซึ่งมันจะพาพวกเราไปโผล่แถวๆ ร้านนับตังค์พอดี แต่ทันทีที่ถึงโลกมนุษย์ผมก็ต้องตกใจเพราะเสียงร้องของเธอ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“เป็นอะไรหรือเปล่าเอลลี่” ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะอยู่ดีๆเธอก็กรี๊ดและกระโดดมาหลบหลังผมทันทีที่เห็นว่ามีอะไรอยู่เบื้องหน้าของเธอ
“ฉันกลัวได้พวกนั้น ฉันมีความหลังฝังใจกับพวกมัน”
“ไม่ต้องกลัวฉันอยู่นี่ทั้งคน ไม่มีอะไรมาทำร้ายเธอได้”
“แต่พวกนั้นมันเคยทำร้ายฉัน และครอบครัวของฉัน”
“ความทรงจำกำลังจะกลับคืนมาแล้วสินะ แย่จังที่เธอกำลังมีความรักที่บริสุทธิ์ น่าอิจฉาเจ้าจริงๆ เอลลี่”
“เฮ้ยยยย หมาพูดได้” เธอร้องเสียงหลงที่เห็นสุนัขโลกมนุษย์พูดได้ แล้วเสียงนี้ก็ไม่ใช่เสียงใคร ผมจำได้มันเป็นเสียงของไอ้วัลดัส แต่เอ๊ะความทรงจำกำลังจะกลับคืนมาคืออะไรกันแน่ ผมต้องรู้ให้ได้
หลังจากการทำพิธีอ่านความทรงจำของเอลลี่ทำให้ฮาโลบาดเจ็บและสูญเสียพลังเวทในตัวไปไม่น้อยเลย นี่ผมต้องตามหาความจริงจากเธอคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน จะว่าไปความรู้สึกของผมที่มีต่อเอล่าไม่เหมือนที่มีต่อเธอเลย แต่ใบหน้าของเธอนี่สิ ทำให้ผมคิดถึงเอล่าเหลือเกิน ถ้าเธอไม่ใช่เอล่าแล้วทำไมเธอถึงได้หน้าเหมือนกับเอล่าขนาดนี้ แถมเธอยังมีเวทปกป้องความทรงจำอีก ขนาดเจ้าชายเฮเซกับมนุษย์ตะวันยังเป็นคนคนเดียวกันได้เลย เอล่ากับเอลลี่ก็มีสิทธิ์เป็นคนคนเดียวกันได้เหมือนกันใช่ไหม แล้วทำไมผมต้องอยากให้สองคนนี้เป็นคนคนเดียวกันด้วยนะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย หรือเพียงเพราะหน้าตาเธอเหมือนกัน
“โอ๊ยยยยยยยย” เสียงของเอลลี่ร้องขึ้นหลังจากที่เธอสลบไปจากการทำพิธีอ่านความทรงจำ
“เธอฟื้นแล้วหรอ” ผมถามและทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฟื้น คืออะไร ฉันเป็นอะไรหรอ”
“ใช่ ฟื้น เธอเป็นลมในครัวที่ร้านอาหารไง จำไม่ได้หรอ”
“เป็นลมเนี่ยนะ คนอย่างฉันเป็นลม นายบ้าไปแล้ว”
“เธอเป็นลมจริงๆ ไม่เชื่อเธอก็ไปถามคนที่ร้านได้เลย” ผมท้าให้เธอไปถามคนที่ร้าน เพราะผมได้สะกดจิตให้ทุกคนเชื่อแบบนั้นไปหมดแล้ว
“เออ เป็นลมก็เป็นลม แล้วที่นี่ที่ไหน โรงพยาบาลหรอ”
“ไม่ใช่โรงพยาบาล ที่นี่คือห้องนอนฉันเอง”
“นายทำอะไรฉัน ไอ้คนเลว ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้คนไม่ใช่สุภาพบุรุษ” เธอดูตกใจมากที่รู้ว่าที่นี่เป็นห้องนอนของผม เธอทั้งด่าทั้งทุบตีผม จนผมช้ำไปทั้งตัวแล้ว
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ นี่ฟังฉันก่อนได้ไหม ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย มีสติหน่อยสิ ดูเสื้อผ้าเธอก็ยังสมบูรณ์ดีไม่ใช่หรอ” ผมพยายามอธิบายให้เธอฟัง แต่เหมือนเธอจะไม่มีสติเอาเสียเลย ผมก็เลยจับมือเธอแล้วกดเธอนอนลงกับเตียง เพื่อให้เธอหยุดทำร้ายผม เพราะผมเจ็บมาก
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ” เธอพูดเสียงหลง
“ก็ฉันบอกให้เธอฟัง เธอก็ไม่ฟัง เอาแต่ทุบตี และด่าฉัน ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย” ผมอธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น
“แล้วนายพาฉันมาที่ห้องนายทำไม ทำไมนายไม่พาฉันไปที่โรงพยาบาล ถ้านายไม่ได้คิดไม่ดีกับฉัน”
“เออ คือว่า อือ เอ่อ” ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“เห็นไหม นายคิดไม่ดีกับฉันจริงๆ ด้วย” นั่นไง เธอเพิ่งจะสงบลง นี่เธอจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกเนี่ย
“เธอฟังฉันนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับเธอเลย”
“ฉันไม่เชื่อ ไม่งั้นนายจะจับฉันกดกับเตียงแบบนี้ไหม”
“แต่ฉันไม่ได้นอนทับเธอสักหน่อย” ผมเถียงเธอ เพราะว่าผมแค่จับข้อมือเธอกดไว้กับเตียงเท่านั้น ส่วนตัวผมอยู่ด้านข้างของเธอก็เท่านั้น
“งั้นนายก็ปล่อยฉันสิ” พอผมกำลังจะปล่อยมือเธอ เธอก็เตะเข้าที่เอวของผม ผมเจ็บแล้วโกรธเธอมากจนขาดสติ ผู้หญิงอะไรชอบใช้ความรุนแรงนักใช่ไหม ได้เดี๋ยวผมจัดให้
“นี่ ฉันกำลังจะปล่อยเธอ แต่เธอยังไม่ยอมหยุดทำร้ายฉันใช่ไหม ได้เธออยากให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม ในเรื่องที่เธอคิดน่ะ เดี๋ยวฉันจัดให้” ผมพูดเสียงเข้มใส่เธอ และกระโดดขึ้นมาคร่อมบนตัวเธอ แล้วก็ค่อยก้มลงจะจูบเธอ แต่ว่า...
“ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฮือ ฮือ ฮือ” เธอร้องไห้ตัวสั่น แสดงถึงความหวาดกลัวในตัวผม ผมถึงกับหยุดชะงักทันที นี่เธอร้องไห้หรอ ผมแค่จะแกล้งให้เธอกลัวแล้วจะอธิบายให้เรื่องให้เธอฟังก็เท่านั้นเอง
“โอเค อย่าร้องไห้เลยนะ ฉันจะปล่อยเธอ แล้วพาเธอกลับบ้านนะ” ผมพยายามปลอดเธอด้วยความรู้สึกผิด ที่แกล้งเธอแรงเกินไป แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอไม่น่าอ่อนแอแบบนี้ ยิ่งเธออ่อนแอแบบนี้ ยิ่งเหมือนเอล่าไปกันใหญ่ เฮ้อ
“อือ ไอ้คนบ้า เล่นแบบนี้ได้ไง ฉันกลัวนะ” เธอยังคงต่อว่าผมอยู่ ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่นะ ก็ต้องกลัวเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดา
“เพื่อนกัน แกล้งกันบ้างเธอคงไม่โกรธใช่ไหม”
“เพื่อนบ้านนายเขาเล่นกันแบบนี้หรอก ไอ้บ้า”
“เริ่มอารมณ์ดีแล้วสิ ถึงด่าฉันได้เหมือนเดิม” ผมยิ้มกวนประสาทเธอ เพื่อให้เธออารมณ์ดีขึ้น
“อือ หายก็ได้” เธอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นจะเช็ดน้ำตา แต่ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ แล้วเอาอีกมือหนึ่งของผมค่อยปาดน้ำตาให้เธอ
“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอร้องไห้แบบนี้เลย”
“อือ ฉันจะพยายามไม่โกรธนะ ถ้านายจะพาฉันกลับบ้าน”
“ได้สิ งั้นฉันจะพาเธอไปส่งบ้านนะ ว่าแต่บ้านเธออยู่ไหนล่ะ”
“ก็อยู่ใกล้ๆ กับร้านนับตังค์นั่นล่ะ แต่ว่าบ้านนายอยู่แถวไหนเนี่ย”
“จะแอบมาหาฉันหรอ” ผมพูดพร้อมยื่นหน้าไปใกล้ๆ เธอ แล้วทำตาหวานใส่เธอ จนเธอตกใจจนต้องถอยหลังหนีแทบไม่ทัน
“จะบ้าหรอ ฉันก็แค่อยากรู้ย่ะ เพราะไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้เลย”
“เธอจะไปเคยเห็นได้ยังไงล่ะ ในเมื่อที่นี่คือดินแดนแห่งเวทมนตร์”
“นายบ้าอีกแล้วใช่ไหม ลืมกินยาหรือเปล่า นี่ชีวิตจริงนะ ไม่ใช่ละคร จะมีได้ยังไงพวกเวทมนตร์อ่ะ”
“เธอไม่เชื่อใช่ไหม”
“ก็แน่นอนล่ะสิ จะให้เชื่อได้ยังไง พ่อมด แม่มดมีแต่ในหนังเรื่องแฮรี่พอตเตอร์เท่านั้น”
“มีจริงๆ นะ ฉันนี่ล่ะพ่อมด”
“พิสูจน์สิ” เมื่อเธอท้าให้ผมพิสูจน์ผมก็เลยร่ายเวท เพื่อเสกดอกกุหลายสีน้ำเงินช่อใหญ่มาให้เธอ เพราะมันเป็นดอกไม้ที่มีแค่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์เท่านั้น
“แค่นี้เองหรอ นายมันก็แค่นักมายากลที่คิดว่าตัวเองเป็นพ่อมดเท่านั้นล่ะ”
“เธอไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่สักวันฉันจะทำให้เธอเชื่อฉันให้ได้เลยคอยดู”
“ฉันจะรอวันนั้นนะ แต่ฉันว่ามันไม่มีหรอก นายเพ้อเจ้อ”
“ได้เดี๋ยวเรา มาดูกัน”
“อือ เรื่องนั้นไว้ก่อน ฉันว่านายพาฉันกลับบ้านก่อนดีกว่าไหม”
“ได้” ผมพาเธอกลับบ้าน โดยการพาเธอเดินพาทางเชื่อมระหว่างดินแดนแห่งเวทมนตร์กับโลกมนุษย์ ซึ่งมันจะพาพวกเราไปโผล่แถวๆ ร้านนับตังค์พอดี แต่ทันทีที่ถึงโลกมนุษย์ผมก็ต้องตกใจเพราะเสียงร้องของเธอ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“เป็นอะไรหรือเปล่าเอลลี่” ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะอยู่ดีๆเธอก็กรี๊ดและกระโดดมาหลบหลังผมทันทีที่เห็นว่ามีอะไรอยู่เบื้องหน้าของเธอ
“ฉันกลัวได้พวกนั้น ฉันมีความหลังฝังใจกับพวกมัน”
“ไม่ต้องกลัวฉันอยู่นี่ทั้งคน ไม่มีอะไรมาทำร้ายเธอได้”
“แต่พวกนั้นมันเคยทำร้ายฉัน และครอบครัวของฉัน”
“ความทรงจำกำลังจะกลับคืนมาแล้วสินะ แย่จังที่เธอกำลังมีความรักที่บริสุทธิ์ น่าอิจฉาเจ้าจริงๆ เอลลี่”
“เฮ้ยยยย หมาพูดได้” เธอร้องเสียงหลงที่เห็นสุนัขโลกมนุษย์พูดได้ แล้วเสียงนี้ก็ไม่ใช่เสียงใคร ผมจำได้มันเป็นเสียงของไอ้วัลดัส แต่เอ๊ะความทรงจำกำลังจะกลับคืนมาคืออะไรกันแน่ ผมต้องรู้ให้ได้
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ