เด็กกว่าแล้วไง

-

เขียนโดย 18กันยา

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 10.03 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,276 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.45 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 (จบ)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็พยายามหลบหน้าพี่นะมากว่าสองอาทิตย์แล้ว แต่วันนี้คงยากที่จะหลีกเลี่ยงจริง ๆ เพราะพี่ชายตัวดีของผมนึกยังไงก็ไม่รู้ถึงได้บังคับแกมขู่เข็ญให้ผมมาเที่ยวด้วย แทนที่ตัวเองจะมาเดทกับพี่เมย์สองต่อสอง แต่ดันลากผมมาแถมยังพ่วงคนที่ผมพยายามหลบหน้ามากที่สุดมาด้วยอีกตังหาก เฮ้อออ แล้วนี่ผมจะทำไงดีวะ= =”
“นี่ตกลงดูเรื่องนี้กันนะ fast 5 อยากดูมานานแล้ว” พี่พัฒน์พูดพลางยื่นตั๋วหนังให้กับพี่เมย์ พี่นะ แล้วก็ผมคนละใบ แล้วตัวเองก็เข้าไปอยู่ในโลกสีชมพูตามประสาดอกรักกำลังผลิบาน ในขณะที่ผมก็ไม่รู้จะทำไง อึดอัดว่ะ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะยินดีมากที่ได้มาดูหนังกับคนที่ตัวเองชอบถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาสองต่อสองก็เหอะ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถามว่าผมรักพี่นะอยู่มั๊ยรักนะ แต่เป็นคนออกปากไปเองนี่หว่า ว่าจะไม่รักพี่เค้าอีก เหอะๆๆ   แล้วอีกสิบนาทีต่อมาก็ได้เวลาหนังฉายพอดีก็เลยพากันยกขวบนเข้าไปนั่งตามเลขที่นั่ง แน่นอนว่าผมได้นั่งข้าง ๆ พี่นะซึ่งก่อนหน้านั้นผมขอแลกที่นั่งกับพี่พัฒน์ แน่นอนว่าพี่พัฒน์ไม่ยอมเปลี่ยนด้วยเหตุผลที่ว่าอยากนั่งใกล้แฟน = =”  ระหว่างที่นั่งดูหนังอยู่นั้นรู้สึกเหมือนว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องผมอยู่ แต่เมื่อผมหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีใคร เอหรือว่าผมคิดไปเอง แล้วผมก็หันมาสนใจหนังที่กำลังซิ่งรถลากตู้คอนเทนเนอร์ที่มีเงินดอลล่าห์อัดแน่นอยู่ในนั้น แน่นอนว่ามีรถตำรวจวิ่งไล่กวดด้วยเพิ่มความตื่นเต้น แล้วความสนุกก็จบลงตรงที่ดอมอำตำรวจให้ตามตู้คอนเทนเนอร์เปล่า ๆ มาตั้งนาน เหอๆๆ
 ตามสูตรการเดท (สูตรไหนมะรุ) ดูหนังจบแล้วก็ต้องไปหาอะไรกิน แน่นอนผมที่จ้องหาทางชิ่งหนีอยู่แล้วก็รีบหาข้ออ้างแต่พี่ชายก็ยังหาคำพูดที่ทำให้ผมปฏิเสธไม่ออก ก็เลยจำเป็นต้องนั่งกินข้าวท่ามกลางบรรกาศทะมึนทึนระหว่างผมกับพี่นะ ที่ผมพยามจะไม่หันไปมองหน้าคม ๆ นั่น ส่วนคู่รักหวานแหววก็สร้างโลกส่วนตัวทันที เหมือนกับถีบผมออกมาให้อยู่ห่าง ๆ ซะงั้น  ระหว่างที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่นั้นอยู่ๆ พี่นะก็พูดขึ้นมาเบา ๆ พอให้ผมและเขาได้ยินกันสองคน โดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากันและกันเลย “นายกำลังหลบหน้าฉันอยู่หรือเปล่าภู” โหยย มันช่างเป็นคำถามที่แทงใจจึ๊ก ๆ เหมือนกับมานั่งในใจผมซะงั้น 
“เปล่า ไม่มีอะไร ก็แค่ช่วงนี้ยุ่ง ๆ แค่นั้นเอง”
 “นายกำลังโกหกฉันอยู่ใช่มั๊ย”
 “แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องโกหก”
 “ก็นาย...” คราวนี้พี่นะพูดเสียงดังทำให้พี่พัฒน์กับพี่เมย์หันมามองผมกับพี่นะอย่างสงสัย และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผมให้ไปสบตากับพี่นะพอดิบพอดี
“หืมมม นี่นายสองคนเป็นไรกันหรอ เสียงดังเชียว” พี่พัฒน์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
 “อะ เอ่อ ไม่มีไร กินข้าวต่อเหอะ” พี่นะเอ่ยปฏิเสธออกไป แต่เชื่อมะช่วงเสี้ยวเวลาหนึ่งที่ผมหันไปมองพี่นะ เหมือนผมเห็นแววตาเสียใจปนความโกรธที่ฉายอยู่ในตาคู่นั้นยามที่หันมองมาที่ผม แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองผมเลยไม่สนใจหันมากินข้าวต่อไป จนกระทั่งกินเสร็จเรียบร้อย พี่เมย์บอกว่ามีธุระต้องไปทำพี่พัฒน์เลยทำตัวเป็นแฟนที่ดีด้วยการไปส่งแฟน (= =” อิจฉาว๊อยย)  ปล่อยให้ผมกับพี่นะอยู่ด้วยกันสองคนเพียงคำพัง แต่ก่อนไปพี่ชายผมเน้นนักเน้นหนาว่ายังไงก็ต้องให้พี่นะไปส่งที่บ้านผมก็เถียงคอเป็นเอ็นว่าผมโตแล้วกลับบ้านเองได้ จนพี่เองก็ยอมตามใจ แต่แล้วน้ำเสียงเยาะเย้ยปนท้าทายที่เอ่ยขึ้นทำให้ผมชะงักเท้าที่กำลังจะด้าวเดินออกไปทันที
 “หึ นี่นายกำลังกลัวฉันอยู่หรอไงถึงไม่กล้าที่จะนั่งรถไปกับฉันน่ะ”  ผมหันขวับไปมองคนพูดทันทีซึ่งสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือแววตาท้าทายจากคนตรงหน้า พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาชวนโมโห มุมปากที่ยกยิ้มอยู่นั้นคล้าย ๆ กับว่ากำลังเยาะเย้ยผมอยู่ แล้วยังร่างโปร่งสูงเพรียวนั้นอีกที่ยืนกอดอกทำเป็นเท่ห์อยู่ ทำไมนะ ทั้ง ๆ ที่ตัวสูงเท่าๆ กันแท้ ๆ ตัวก็พอ ๆ กัน นี่ความต่างของอายุทำให้ผมดูแต่ต่างจากพี่นะขนาดนั้นเลยหรอ แล้วสายตาของผู้หญิงพวกนั้นหล่ะมองพี่นะด้วยแววตาหยาดเยิ้ม บ้างก็กรี๊ดกร๊าดกับความเท่ห์หล่อเหลานั้น แล้วผมหล่ะ ไม่เห็นมีใครมากรี๊ดผมบ้างฟร่ะ สวรรค์ลำเอียงชัด ๆ เพราะแค่ผมเด็กกว่าเนี่ยนะ ชิร์ ผมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่กวนบาทาไม่แพ้กัน
 “แล้วทำไมผมถึงต้องกลัวด้วยก็แค่นั่งรถได้ด้วยกันแค่นี้ แล้วไหนหล่ะรถจะได้กลับกันเสียที เบื่อจะแย่”  พี่นะคลายจากการกอดอกมาเป็นล้วงกระเป๋าแทน แล้วยักไหล่เล็กน้อยแล้วก็ชี้ไปยังที่ที่รถจอดอยู่ แล้วผมก็ก้าวเดินฉับๆ ออกมาทันที ด้วยความหูดียังจะได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ จากคนข้างหลังอีกเรียกอารมณ์ขุ่นมัวให้ผมยิ่งขึ้นไปอีด  บอกตรง ๆ ผมตามอารมณ์ผู้ชายคนนี้ไม่ทันจริง ๆ ก็ไหนพึ่งจะอกหักจากพี่ชายผมได้ไม่นาน ผ่านมาได้อาทิตย์เดียวก็มาหน้าระรื่นคุยกับพี่เมย์และพี่ชายผมได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่แปลกว่ากันนั้นคือการกวนประสาทผมตอนนี้แหล่ะ นี่เค้าคิดอะไรของเค้าอยู่วะ เฮ้ออ วัยรุ่นเซ็ง
ระหว่างที่เรานั่งอยู่บนรถ แน่นอนเจ้าของรถก็ต้องขับจริงมะ ส่วนผมน่ะหรอ  เฮ่อๆๆ  นั่งเงียบตามองไปนอกหน้าต่างรถตลอดไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคนขับซักกะนิด ส่วนคนขับรถกิตติมาศักดิ์ก็ได้แต่เหลือบมองผมเป็นระยะผมรู้สึกได้ถึงสายตานั้น แต่ก็ยังไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งติดไฟแดง แล้วให้ทอดกล้วยเหอะไอ้ไฟแดงแยกนี้มันจะติดนานอะไรนักหนาฟร่ะ = =”
“ที่นายบอกว่ารักฉัน นายพูดจริงหรือเปล่า”  จู่ ๆ พี่นะก็พูดถึงเรื่องนั้นขึ้นที ทำให้ผมต้องหันไปมองด้วยความฉงน ว่าพี่แกจะมาไม้ไหนวะ
 “แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไม เพราะถึงยังไงพี่ก็ไม่เคยที่จะมองมาที่ผมอยู่แล้ว” ผมก็ตอบด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจนัก
“หึ นี่แหล่ะเหตุผลที่ทำไมฉันถึงไม่ชอบเด็ก เพราะไม่เคยรู้สึกจริงจังกับคำพูดตัวเอง”  พี่นะยังคงพูดเรื่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่เพราะคำว่า “เด็ก” นี่แหล่ะ ผมหันขวับไปมองพี่นะทันที ประจวบเหมาะกับไฟเขียวพอดี ทำให้ผมที่ตั้งท่าจะเข้าไปกระชากคนพูดให้หันมามองผมก็ต้องหยุดไว้ก่อน เอ่อ อย่างน้อยผมก็ยังไม่อยากเป็นอะไรไปตอนนี้ทั้ง ๆ อายุยังน้อยหรอกนะ เหอๆๆ 
 
ระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามเส้นทางไปบ้านผม ซึ่งอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านผมแล้ว ความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ผมไม่ชอบจริง ๆ ให้ตายเหอะ แต่ก่อนที่จะถึงบ้านผมนั้นเอง จู่ๆ พี่นะก็พูดลอย ๆ ขึ้นมาด้วยคำพูดที่ทำให้เส้นความอดทนของผมถึงกับขาดผึงทันที
“ถ้านายไม่คิดจริงจังกับคำพูดนั้น ทีหลังอย่าพูดมันอีก เก็บคำว่ารักเด็ก ๆ ของนายเอาไปพูดกับคนที่เด็กเหมือนนายดีกว่า” จบคำพูดนั้นผมกระโจนเข้าไปหาคนขับทันทีทำให้พี่นะต้องหักรถเข้าไปจอดข้างทางทันทีด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าผมจะกระโจนเข้ามาอย่างนั้น
 “เฮ้ยย นี่ทำอะไรของนายน่ะ อยากไปเฝ้ายมโลกเร็วขึ้นหรือไง”
“คุณนั้นแหล่ะ พูดยังงี้หมายความว่าไง คุณอย่ามาดูถูกความรักของผมนะ”
“หรือว่าไม่จริง นายจริงจังมากแค่ไหนกัน ฉันเห็นนายดีแต่พูดแต่ไม่เห็นทำอะไรซักอย่าง แต่เรื่องวันนั้นทำให้นายเลิกรักฉันเลยหรือไง”
“แล้วจะให้ผมทำไงหล่ะ ในเมื่อคุณรักแต่พี่ผม มองแต่พี่ผม ไม่เคยที่จะหันมาสนใจความรู้สึกผมสักนิด คุณจะให้ผมเป็นตัวแทนพี่งั้นหรอ ผมทำไม่ได้หรอก”
 
“ก็แล้วนายทำไมไม่พยามทำให้ฉันรักนายขึ้นมาหล่ะ หรือเรื่องแค่นี้นายก็ทำไม่ได้”   ผมชะงักกับคำพูดนั้นขึ้นมาทันที มองหน้าพี่นะที่เริ่มมีสีแดง ๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
 “ถ้านายรักฉันจริง นายก็แสดงให้ฉันเห็นสิ” พี่นะพูดย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผมต้องรีบประมวลผลแปลความหมายของคำพูดนั้นด้วยความเร็วเท่า SD RAM ขนาด 64 เมกกะไบท์ ทันที สักพักผมก็ประมวลผลได้ว่า ผมยังมีโอกาสใช่มั๊ยที่จะจีบพี่นะ ผมยังมีโอกาสใช่มั๊ยที่จะได้เป็นแฟนกับคนที่ผมแอบรักมาตลอดตั้งแต่รู้จักครั้งแรก คิดได้เพียงแค่นั้นหน้าผมก็บานเป็นจานเชิงดึงพี่นะเข้ามากอด ก่อนที่พี่นะจะได้ทักท้วงอะไรผมก็จัดการจูบซะเลยปิดปากซะเลย  อิอิ พี่นะดิ้นไปสักพักก่อนที่จะหยุดลงพร้อมกับเคลิ้มไปกับรสจูบของผม เป็นไงหล่ะถึงจะเป็นเด็กก็จูบเก่งนะเออ  เหอๆๆ
จนพี่นะประท้วงเสียงอู้อี้เหมือนคนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจนั้นแหล่ะผมถึงยอมผละออกมา นั่งมองพี่นะที่สูดลมหายใจเข้าออกอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังไม่วายทิ้งสายตาดุๆ มาให้ผม แต่ขอโทษนะมันน่ากลัวตรงไหนกัน หุหุ
 “ที่คุณพูดแบบนี้หมายความว่าคุณรักผมหรอ” ผมถามขึ้นด้วยใบหน้าระรื่นดวงตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาและใสกิ๊กนั้น
 “นั่นก็อยู่ที่ความสามารถของนาย ว่าจะทำให้ฉันรักนายได้หรือเปล่า หึหึ”  พี่นะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ท้าทาย แววตาสีดำสนิทคู่นั้นสะท้อนภาพของผม ปากหยักสวยนั้นยกยิ้มขึ้นนิด ๆ เพียงแค่นี้ก็เรียกกำลังใจให้ผมได้มากโข “ฮึ่ยยย คอยดูเถอะจะทำให้รักจนโงหัวไม่ขึ้นเลยคอยดูเถอะ” ผมพูดขึ้นกับด้วยเองด้วยสีหน้าที่หมายมาด 
 และแล้วคืนนี้ผมก็นอนหลับฝันดีทั้งคืน โดยที่ก่อนนอนนั้นก็ไม่ลืมที่จะร่างกลศึกพิชิตใจพ่อยอดชายสุดที่รักไว้ด้วย อิอิ
................................................
คืนเดียวกันนั่นเองที่บ้านของ นะ
 “เธอยังคิดถึงฉันทุกนาทีรึเปล่า เธอยังจำเรื่องเราในวันวานได้หรือไม่  เธอยังมีใจให้ฉันคนเดียว ยังรอฉันแค่คนเดียวเธอยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหม ช่วยบอกให้รู้ที”
 ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นะ ที่กำลังนั่งดูทีวีรายการโปรดอย่างสบายอารมณ์อยู่ก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ใครโทรเข้ามา
“เฮ้ยย เป็นไงบ้างวะไอ้นะ สำเร็จมั๊ยวะ”
“หึหึ เกินคาดว่ะ”
“เออ ก็กูบอกมึงตั้งนานแล้วให้ใช้แผนนี้ไม่ยอมเชื่อกูเป็นไงหละ”
“เอาน่า อย่างน้อยก็ออกมาดีแหล่ะ ขอบใจนะโว๊ยไอ้พัฒน์”
“ยินดีด้วย ฝากน้องชายด้วยนะโว๊ยยย  แค่นี้นะ เมย์โทรมาว่ะ” ติ๊ดดดด   หลังจากพัฒน์วางสายไปแล้ว นะ ได้แต่ยิ้มกับตนเองพร้อมคิดถึงเรื่องสนุก ๆ ในวันพรุ่งนี้ 
 “คราวนี้นายจะทำยังไงหล่ะ ภู หึหึ”  แล้วนะก็เดินยิ้มกริ่มเข้านอนทันที     
                                              .........จบเหอะ..........
ปล. ถ้าท่านใดสงสัยว่าใครจะกดใคร ท่านก็สามารถจินตนาการได้ตามเองสบายใจเลยนะคะ เพราะคนเขียนเองก็เลือกไม่ถุกเหมือนกัน เอิ๊กกกกกกกก  XD

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา