ระเบียงรัก
เขียนโดย Bush
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.06 น.
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 16.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) พญาอินทรีย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ฝรั่งคนนั้นที่นุชเคยเห็นแกที่งานแต่งอ้นกับเสี่ยเทพญาติเฮียโป้ยโน้นไงเฮีย” โป้ยมองไปตามสายตาที่ตรีนุชเมียตนเองพยายามกระซิบแล้วบุ้ยๆ ใบ้ให้ “แกโกรธเอาแกด่าแรงนุชเคยได้ยินแกป่วยเฮีย” โป้ยแสยะปากทำเสียงยียวนขึ้นมาทันควัน “ไอ้นี่นะมันเป็นมะกันแซ่แอนด์เด้อครับเด้ออิสานประสมอีหรอบมึ้งระวังหนานักล่าพญาเหยี่ยว...ล่าขาย...ตัวมันก็ขายที่สถานบันเทิงแถวนี้คลังธนูลักษณ์เดิม มันชื่อจริงๆ ว่าไอ้ นายอินทรีย์ เบคเคมพ่อมันอังกฤษเดิมๆแต่มาหลบที่แถวๆ นี้แต่สัญชาติปู่มันกลับเป็นไอ้กัน...มันถึงเนมกันไว้ว่าอินทรีย์”
ความจริงอินทรีย์ไม่ได้ตั้งใจมาขายตัวแค่มาขายเสียงเพลงหลายวันแล้วร่วมอาทิตย์ “ผมชวนเค้าเฉยๆ ไม่เคยมีการใช้กำลังบังคับผมเสียอีกถูกบังคับขืนใจเลยจำใจรับตังค์ค่าตัวไหนๆ แล้วผมจนทำไงได้พี่”
ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยหมาเข้าดง ปล่อยกูไม่ได้หรือไง.... “กูไม่ได้เรียน ไม่รู้ อีนาตยา อีบ้าหมูหมานั่นมันโง่เซ่อบ้าเองไม่เกี่ยวกันเล้ยกับฉัน ช่วยฉันด้วยพี่ๆ ช่วยด้วยอย่านะ ไม่ฉันไม่ชอบดอกจ้ะงานขายบริการทางเพศช่วยด้วยอย่ามาฉุดมากระชากฉันยังงี้ แขนฉันจักหลุดจักหัก ไอ้หมีเจ้าพ่อซีพีห่าอะไร มึงขายอะไรกันแน่ไหนบอกเจ้าของเซเว่น โลตัส ทรูมูฟ มาฟอะไรเนี่ย หมานี่หว่า เปิดโรงน้ำชาโคมเขียว ไอ้โสมเขียว ไอ้สางเขียว... บ้าเอ้ย บ้าอะไรของมึ้ง ปล่อยกู สั่งเด็กมึ้งให้ปล่อยกู ช่วยด้วยๆ อะไรเนี่ยะหมู นี่กูแม่มึ้งนะทำอะไรตลกอะไร กูเจ็บ กูกลัว ไว้ใจมันได้ที่ไหนไอ้พวกสัตว์หน้าขน คนมีกึ๋ย แบบนี้ตัวมึ้งเองก็ด้วยระวัง อันตราย...”
ที่นั่นมีสารพัดชนิดนานาราวกับสวนดุสิต “พี่อินทรีย์ครับ พี่หมีครับ พี่เก้งครับ.......พี่เสือ พี่หมา พี่หมู พี่นก พี่ค้างคาว พี่ยีราฟ พี่ปลา พี่ปู พี่กระทิง พี่ช้าง พี่กุ้ง พี่ไก่ พี่....... ชาละวันจนได้เรียกได้ว่าหากชื่อไหนแม้ไม่ตรงไปตรงมาก็เยี่ยงนี้...ชาละวัน อุทัยก้อมีด้วย...ครบครันจริงๆ เลยครับพี่ “นี่พี่นี เอ้อ ชะนี แกเล่นหนีหนี้ชีวิตมาหลบถึงที่นี่เทียวรึ เจ้นี” เสียงเจ้นียังคงลวงหลอกชาวบ้านเค้าไปรายวัน ราวกับการทำงานอย่างหนึ่ง แกคนสติดี แววตาใส แต่ฟังแล้วไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ วิจารณญาณอะไรไม่ต้องมี ยิ่งใช้เครื่องจับเท็จมันตลกอย่างร้ายกาจชนิดคนที่ได้รับการร้องขอต้องฮาก๊ากก่อนแล้วพูดว่า
“มันตลกมากไปไม่ว่างพอเว่อร์ เยอะเกิน แกแกล้ง แกไม่มีคุก หนีแพ่งไม่ได้ แต่หนีปากชาวบ้านเค้ารุมด่าแกกันไงฟังดูเข้าใจได้ไม่ยากอะไรเล้ย ถมเถไป แววตาปกติยังงี้ทุกราย ไม่ใช่รายเดียวในประเทศไทยที่ผมเคยเจอะเจอ”
สำนักงานตำรวจฯ กองพิสูจน์หลักฐาน เค้ามีระเบียบทุกอย่างในการเบิกอุปกรณ์ไปใช้งาน เครื่องพิสูจน์เท็จก็ต้องทำการเบิกออกมา และส่งเข้าไปเก็บเหมือนอุปกรณ์อื่นๆ ทั่วไป
“ระวังเถิดมึ้งจั๊กเหมือนป๊ารุ่งของกู ไปชักไปชวนมันเข้าวงการ สุดท้ายตายราวใบไม้ร่วงพรูเทียว มันสอยร่วงทีละคนๆ เริ่มแก่หนามึ้งแรงพวกอีตก พอแรงตก กรรมมันมาก็อย่างนี้ ต้องทำใจรับกรรม กลั้นใจหลับตาอยู่นิ่งๆ อย่าดื้อกระดุกกระดิกตัวหนีมัน ยอมให้ฆ่าแต่โดยดีขืนสู้ไปก็มีแต่ช้ำในมันอัดมันกระทืบกระดูกซี่โครงหักเมื่อวานก่อนไอ้ปลื้ม ณวัตร อูนากูล นี่ละมันใช้แซ่แลอะไรไม่รู้ยาวๆ แบบคนจีนของแม่มันเองตอนหลังเด็กมันโกรธไปสะถุนเผาฝิ่นพ่อแม่มันเสียชีวิตแน่นอกเหมือนตกนรกไม่กี่วันได้เผาสองรายซ้อน บ้านมันทั้งสองคนพ่อและแม่มันๆ อ้วนทั้งบ้านความดันมันขึ้นอันตรายมันก็อ้วนมันกลัวมันเลยฆ่าทิ้งมั่งให้ลิ้มรสความตายก่อนมัน เพราะว่าแก่รุ่นเดียวกันกับพ่อมัน ใครล่ะตาปาดไง แม่มันขายหมูปิ้ง ตับไก่ปิ้ง ไอ้ปาดพี่ชายแท้ๆ ของไอ้ปิงเพื่อนรักที่มันพากันรนไปหาที่ให้หลานไอ้ปิงมันกระทืบ น้ำหนักมันร้อยโล ขาดราวสักไม่กี่สิบขีดไม่ถึงสิบโลดีสูงใหญ่...กระดูกใหญ่แล้วกวนตีน ฆ่าพี่ชายพี่สะใภ้พ่อแม่มัน ปล่อยไว้ไม่ได้...เป็นกูก้อฆ่าตาย”
นี่เรียกว่า ปล่อยเสือเข้าป่า ทั้งสองตัว “อากูหนึ่งเพื่อนแกอีกหนึ่งไอ้เห้..ปลื้มทำไงดีว่ะตามไปเก็บกูต้องการอย่างนั้นมึ้งเชื่อกูไม่ต้องไปติดคุก ขื่อ ข้อยผู้เดียวไม่เหลือไผแล่วพ่อแม่ตายน้องไม่มีลูกโทน โทน เอ๋ย โทน”
ไอ้โทน มันชื่อยังงี้จริงๆ ครับ พี่น้องมันไม่มีเป็นลูกคนเดียว แต่มันมีแก่ใจ พูดห้ามปรามบรรดาสหายรักรุ่นวัยโจ๋ของมันด้วยความห่วงใยรักใคร่อย่างจริงใจ .... มันนั่งรถเมล์ฟรีมาที่โรงพยาบาลตำรวจนั่งต่อๆ มาของมันได้ “ไม่ยาก แค่นั่งรถเมล์ฟรี” ระหว่างทางมันจ้อไม่ได้หยุด ในย่ามสีเหลืองแบบพระที่หลวงตาสมบุญท่านให้มันมาเพื่อตั้งสติ ภายในย่ามมีประมาณ ข้าวเหนียวไก่ย่าง น้ำอ้อย สังขยาโปะบนหน้าข้าวเหนียวมูล และมีตาลเชื่อม ขนมหวาน จำพวกทองหยอด ฝอยทอง นางเล็ดกรอบๆ ของทำบุญใส่บาตรมา อาหารบางอย่างพระท่านจำเป็นต้องรีบกระจายออกไปให้เด็กวัดอย่างไอ้โทนมันกิน มันเสียง่ายอากาศร้อนอย่างนี้ในบ้านเมืองเราละแวกย่านนี้ต้องทำใจ พวกมะพร้าวสด แกงบวดกะทิก็เหอะ ข้าวเหนียว ไก่ย่างเองเผลอหน่อยเดียว ก้อเหม็นบูด พอไปถึงมันงัดออกมากินข้าวเที่ยงก่อน เพราะถึงเวลาอาหารเที่ยงมันอ้วนพี่ “คนเราไม่อ้วนมั่ง ไม่เข้าใจหรอกว่า อาหารมันสำคัญกว่ายาเสพติด แต่หุ่นท้วมเยี่ยงนี้ปลอดภัย ไม่ขี้ยา แต่ตอนนี้ผมขี้แย ผมสิบหกปีไม่ถึงดี ทำบัตรเดือนสองเดือน พ่อแม่ตาย...” อ้วนเหมือนจั๊กเว้าอีหยังต่อ แต่พาลน่ำตาไห้พรากๆ จำต้องหยุดเคี้ยว และเว้าต่อ บ่ ไหว คอตีบดื่มน้ำอ้อยก็แล่ว
แต่เพราะดื่มน้ำอ้อย แก้อาการคอตีบทำให้อ้วนหลับลึกฝันดี แถมกรนครอกๆ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดแสนแค้น อ้วนนั่งงอตัวฟุบหน้ากับข้อศอกขวาพับวางพาดบนโต๊ะกินข้าวสำหรับคนทั่วไปในโรงอาหารของโรงพยาบาลตำรวจระหว่างที่เข้ามาติดต่อเพื่อซื้อหาอาหารรับประทานแก้หิว “มันหลับแล่วหลานกูได้โปรดไอ้ปลื้ม กูรัก กูหลงมันเอามากๆ ตอนมันเล็กๆ อย่ามาทำสันดานเสีย กูไม่ได้ตั้งใจฆ่าใครเลยด้วยซ้ำไป ไม่แม้แต่คิดนะเฟ้ย ไอ้สันดานนี่ มาเฟียกำเนิด เคยตัว ไอ้ป๊ะ มันถึงด่าเช็ดเม็ด หลายคราวแล้ว... สักวันเถิดมึง จักเท้งทึง เพราะไอ้แปะชรากว่าปีสองปี รุ่นเดียวกับไอ้ป๊ะพี่ชายมึงนี่ไง ทำหมวดคิ้วงงงัน จำความไม่ได้เล่นบทอะไรว่ะ....แล้วเมื่อกี้ถามจริงมึงทำท่าเขย่าหัวใจ เขย่ามือ นั่นทำไมว่ะ อีบ้าพวกนั้น มันก้อแปลกร้องกรี๊ดๆ ซี่โครงมึ้งหักนี่หว่า เดินไปมาได้ไง กูเห็นฟิล์ม อ้อ มึงแต่งสไลด์ฉายแสงเอกซเรย์รึไง หัวหลาด ตามเคยมึง เอ่อเว้ย ไปเร็วขับออกไปให้พ้นๆ จากลานจอดรถ ที่นี่ถิ่นตำรวจกูไม่สันทัด ยังไม่มีผิดให้เห็นชัดๆ แต่กูทำไว้เพียบ สักวัน...น้ำลดตอผุดกูหนีแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ขอใช้สิทธิในการหนีเว้ย...เอ่อเว้ย เร็วสิฟ่ะ” แค่เพียงไม่กี่นาทีอาปิงกลับติดคำพูดว่า เอ่อเว้ยๆ ของปลื้มไปอย่างน่าประหลาดแถมสะดุดใจทุกคำว่า เอ่อเว้ยๆ ไม่ว่าจักออกจากปากของใครแม้นแต่ปากของอาปิงเอง “เคยได้ยินที่ไหนว่ะ เอ่อเว้ย กูสมองจำไม่ใคร่ได้ เริ่มแก่ย่างครึ่งร้อยนี่ หูตามันให้ฝ้าตึง เอ่อเว้ย คนเรามันก็เท่านี้ ไม่เข้าท่า เฮ้อ เมื่อก่อนกูทำอะไรลงไป ไม่เข้าท่าตั้งหลายอย่างไม่รู้ทำเพื่ออะไรอีกด้วยนี่สิเว้ย”
เอ่อเว้ย มาทำไมนะ “อ้อ ขอพบท่านกมรเตงค่ะ ไม่ทราบท่านอยู่ที่ วังตำหนักนนทบุรี นี่ใช่มั้ยค่ะ” นาตยาพยายามใช้สารพัดทั้งพระเดช ความรู้ระดับนิด้าที่ตนมี แต่แล้วใช้มารยาทอันไม่พึงกระทำ ด้วยการยิงสายเข้าไปในวังนั้นเสียให้มันจบสิ้นกันไปเสียที ปลายเสียงถามว่า “ไม่ทราบคุณคนเดียวกันใช่มั้ย เมื่อวานโทรเข้าเบอร์บ้านแบบนี้ใช่มั้ยค่ะ อ้อ คุณนาตยา คือ ดิฉันรัตน์นะค่ะ เป็นภรรยาท่านนะค่ะ ท่านไม่ชอบแบบนี้ท่านสั่งการตำรวจท้องที่ไว้แล้วนี่ค่ะ แค่นี้นะค่ะ ขอตัวก่อนค่ะขอโทษด้วยนะค่ะ” สายวางไปแล้วหมูหันกลับมาอีกทีลมแทบใส่ตำรวจ สภอ.เมืองนนท์ ขอดูบัตรประชาชน สอบถามแล้วแกบอกแค่ว่า “มีธุระจักคุยด้วยนิดเดียว แกมาขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง และคนที่เดือดร้อนทั้งหมด เพราะว่ามีผู้แอบอ้างว่าเป็นท่าน แถมใช้ศัลยกรรมช่วยอีกด้วย” ตำรวจเลยรับเรื่องไว้ และพาไปสภอ.ท้องที่เพื่อสอบปากคำต่อ “เรื่องนิตยสารซีด อลงกรณ์ นาวาสวัสดิ์ ธนูลักษณ์อาคารอัตถากร อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ชื่อ อนุชิต อูนากร แล้วก็เฮียหมีธนา เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี แล้วเรื่องสำนักนางคณิกานาวาสวัสดิ์ ชื่อทางการไม่รู้ค่ะ ธนาคารไทยพาณิชย์ พวกยายน้อยหน่า ดอกไม้ชื่อปรายฟ้า ธนาคารกรุงเทพฯ ที่รวมหัวกันปล่อยเครดิตบ้าๆ ทำให้เครือธนาคารมะกันมันได้ใจค่ะ ในหลวงชรามาก หมูไม่กล้ากวนท่าน ทราบมาว่า พระภรรยาเจ้าท่านหลายนาง พระญาติอย่างยายนีเองแกยังใช้บัตรเถื่อน ยายนีนี่แกปล่อยให้สิบแปดมงกุฎกู้แบบใช้สินเชื่อเถื่อนค่ะ...” ตำรวจรับแจ้งบันทึกปากคำไว้แล้วในเบื้องต้นแล้วจักนำกราบทูลเสนอท่านต่อไป “ท่านพักใกล้ๆ แค่นี้เองครับ ขอบคุณครับคุณนาตยา”
บิลลี่ & Bean (ออแกน) ขับร้อง....รักสุดท้ายที่ปลายฟ้า
ปลายฟ้าหากเรายังเวียนมาพบกัน ต่อเติมรักแลสัมพันธ์เกิดความผูกพันในใจสองเรา ปลายรักหากจบลงเอยเป็นเช่นไร หากเธอและฉันยังมีใจโบกโบยบินไปสู่รักสู่ฝันอันนิจนิรันดร์…..
*My heart kiss kicking kidding love me, poppy lovely on my life began kick into the sky like a kidding love as kitten blue crying rain.
แรกรักจบลงเอยเป็นเช่นเดิม ต้นฟ้าเริ่มมีสีคราม กลับกลายเป็นเข้มดำทะมึน กลับเริ่มมีรอยร้าวฉาน กลับเริ่มมีความทรมาน เริ่มกลับวนเวียนพาลทุกข์ระทม (ล่มรักเราฝังลงในผืนทราย....same way)
พญาเหยี่ยวขาวหรือยักษีนางอสุรีย์สาดแสงบาตลงร่าง ฤา กายาของปลื้มสวามีสุดที่รัก ท่านนั่งซึมเซาซบหน้ากับฝ่ามือร่ำไห้ เสียงตาปลื้มยังคงด่าสาดเสียเทเสีย....ไม่ขาดปาก....
“อียักษ์ อีมารร้าย อีมารหัวใจ มีลูกกับมึ้ง มันก็มารหัวขน กูกำจัดแน่นอน ไม่ต้องมาร้องไห้ อีหน้าด้าน ทำไมทำกับกูได้ถึงเพียงนี้ มาโกหก มาหลอก มาลวงว่า รักกูสุดหัวใจ มาท่านี้ จักให้ชื่นชม ให้กูมากอด ให้หอมฟอดซ้าย ฟอดขวามึ้ง...นะเร้อไม่มีทาง no way หน้าไม่โง่พอ”
แม่สาวพญาเหยี่ยวสรรพเวศี ขนสองปีกขาว ราวสีหมอก หุ่นสูงเพรียวสวยโปร่งบางยามยืนกายตรง แลดูงามสง่า ผมยาวสยายประบ่า ปอยผมตกลงมาระตามหน้าผาก ชวนให้น่าโมโห ไม่ชวนให้น่ามอง เหมือนเก่าก่อน นางเทพธิดายิ่งร่ำไห้ อาดูรทุกข์หนัก น่าเวทนาหนักหนา
“ผลคำสาบานที่ท่านมีไว้ต่อข้าต่างหากเล่าท่าน..ไหนบอกว่ารักข้ามากกว่านางใด หลอกลวงข้าเอง ลวงข้าให้หลงรักตอบเอง....”
ปลื้มหันกลับมามองนางพญาอินทรีย์ขาวตาวาววับ
“ขอโทษอียักษี....มึงบ้ารึไงว่ะน้ำหน้ายังงี้นี่นะ หาไม่ได้ยากเย็น สำหรับกูปลื้ม ทำแล้วทิ้งมาเยอะแล้ว นับไม่ทันเล้ย หน้าด๊าน หน้าด้าน ไม่ได้ด่าว่าแกน่าไม่อายนะ ไปข้างหน้าก่อนไป๊... ไปอยู่ที่ไหนก็ไปให้พ้นอย่าเอาหน้ามาให้ฉันเห็นเป็นพอ...ทำไงว่ะจักกลับเข้าร่างกูเองได้ ปิงมึ้งอยู่ไหนว่ะ มาด้วยกันแท้ๆ อะไรของมึงจำกูไม่ได้ อย่าให้กูกลับเข้าร่างเดิมได้นะมึ้ง”
*My heart kiss kicking kidding love me, lovely on my life began kick into the sky like a kidding love as blue angle crying in the rain as me….*
เสียงโจษขานทั่วคุ้งน้ำนนทบุรีเมื่อสาวนาตยามาเหยียบถิ่น วังพระตำหนักนนทบุรี ถ้ำมรกตสีทองผ่องอำไพพระภรรยาเจ้ารับสายเองอีกด้วย ว่ากันว่า
“ในถ้ำนี้มีสีมรกต มณีฉายแสงเจ็ดสี เจ็ดวันมิรู้เบื่อ แสงสีงาม ดุจแสงแห่งเทพธิดาลาวัลย์ ไฉนไม่ไปเยือน ฤา ไปให้ท่านยลดูสักหน เผื่อท่านได้ยลโฉมแม่เฝ้าคลอเคลีย บ่ ยอมให้ท่านกลับมาหาไอ้กักขฬะนี่อีกไงเล่า”
ท่านม่านมะระแมว ให้สงสารนักหนา พลางท่านได้แนะนำ หนทางอันสว่างไสว ราวกับแสงฟ้าระยิบระยับพร่างพราวพรรณราย “อันรูปโฉมโนมผิวพรรณเยี่ยงนี้ งามกว่านางมนุษย์หน้าไหนๆ ในโลกเชื่อข้าเถิดนาง”หลืบถ้ำมรกตมีเหล็กไหลทำดาบฟ้าฟื้นได้ ฤา มี “ไอ้ปลื้มหนุ่มนี่มันโง่ เสียเวลาไปใยมีค่าควรแก่น้ำตาฤาไร”
ตาก้อนหายไปสามสี่วัน กลับมาด้วยสภาพพิการน่าสงสารนักหนาเอย ตีนมือหายหมดสี่ข้าง “ทำไมเร้อกูไม่โทษใครแม้แต่อีนี” แค้นมาจากเรื่องค้ายา.... แต่ว่าอ้างเอาสาเหตุรองมาใช้ทำร้ายกันอย่างสม่ำเสมอทุกคดี....“ตาเภาถูกไฟลวกตัว ไหนมือยังต้องตัดทิ้งในภายหลังเพราะว่ายายนีที่ไปด้วยกันแกดันบอกฝรั่งและเจ๊กค้ายาว่าตาเภาแกเป็นคนลักฉวยเอาก้อนทองเหลืองหล่อไว้ทำเหรียญกษาปณ์ปลอมไว้ใช้ในหม่องอ้าง ไปชั่งซาเล้งขายกินเองยายนีเสียอีกกลับเป็นคนบอกว่าให้ตาเภาแกระวังพวกฝรั่งกับเฮียพวกนี้รู้หนาเดี๋ยวจักเดือดร้อน” ที่ไหนได้ร้านรับซื้อ เศษทองเหลือง เศษโลหะอื่นๆ ที่เป็นร้านขายข้าวแกง กลางซอยโฟร์โมส พระรามสอง88เป็นที่เดียวกับบ้านสีฟ้าที่หล่อทองเหลืองด้วยเศษโลหะที่รับซื้อนั่นเอง.... อนิจจา ตาก้อน ไม่รู้ว่า ชะตาตก แกกลับหลงกลเดินออกไปตามเสียงในสายมือถือของยายนีที่ส่งมา ฝรั่งมันมักชอบมาบอกให้ ยายนี ล่อลวงเป็นนกต่อให้คนนี้คนโน้นตกเป็นเหยื่อ อย่างตุ่น อย่างอ้น หรือ ยาใจ ผู้หญิงมันตุ้มปัดตุ้มเป๋ยังไง ก็สู้ไม่ไหวปางตาย แล้วใจดำ ใจร้าย วิบโมโห หึง กันเก่งเหลือเกิน…. ดีเลิศเลอรึ ยังไม่ถึงเพียงนั้น.... เช่น ใส่นิดๆ ให้เค้าพิการออกมาแล้วคุณกะไว้เกณฑ์ไว้ว่า... กูจักไม่ขอเกิดมาใหม่เป็นคนอีก ฤา ว่า กูเกิดมาเป็นเดรัจฉานก็ได้ แต่ขาแขนกุดพิการมีเพียบ บางทีมันกินอาหารของมนุษย์ด้วยไม่รู้เดียงสา เหตุนี้ครูปุ้ยจึงรักสัตว์ปานชีวิตคิดแทนมันเอาความรู้สึกของมันมาใส่ไว้ในใจของตนรู้ว่ารักมันๆ มองตาตอบ มองตามเวลาเห็นเราอยู่ที่แห่งหนไหนทุกที่ มองแบบซาบซึ้งใจ รักตอบ รักใคร่ ไม่กัด ไม่ทำร้าย ดุแค่ไหนก็ ยกเว้น ละลดเลิก ไม่เคยเหี้ยมรึร้ายกาจด้วย ถามใครๆ ดูก็จักรู้ความจริงว่า แม่นแล่ว อันความกรุณาปราณี จักมีใครบังคับก็หาไม่....หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน....พยาบาลเกื้อการุณไม่เคยมีดอกที่ถูกต้องตัวตนท่านเองทั้งน้านที่ยืนยันด้วยล่วงเลยวัยเข้าสู่ปัจฉิมวัยกลัวเหลือเกินไม่ไหวแล้วทุกข์หนอเจ็บไข้หนอบางท่านเจ็บออดแอดจนคนสงสัยว่าทำไมพยาบาลกลับไม่แข็งแรงเสียเอง สิบแปดมงกุฎยิ่งมาสดุดรักกับพระมหากษัตริย์ในอนาคตความรู้มีค่ะจบนิด้า “อ้าวทำไมล่ะ ไม่สร้างงาน สร้างอาชีพขึ้นมา เรียนสูง สร้างธุรกิจเองได้ถึงจักถูก ไม่เห็นต้องรอให้ใครมาจ้างเลยรายได้มากน้อยเรายังมีความภูมิใจ” ท่านกมรเตงของนาตยาฝากรับสั่งถามมา
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ