ระเบียงรัก

-

เขียนโดย Bush

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.06 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  11.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 16.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

4) หวีดสยองสองร้อยปีล่วงมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ปีนี้ ค.ศ 2016 ปีนั้น ค.ศ 1816 สองร้อยปีผ่านล่วงมา นับแต่วันอาทิตย์ที่สี่ เดือนกันยายน ซึ่งตรงกันอีกอย่างน่าอัศจรรย์ ท่านว่าที่กมรเตงบุรุษหนุ่มวัยยี่สิบปีในร่างนายอูโหวเทียนผู้ชราวัยเจ็ดสิบห้าปีไม่ถึงดีแต่โดนไข้โป้งเสียชีวิตราวหกเดือนเต็มไม่น่าจักหย่อน....อยู่ดีๆ เกิดชื่อสั่งฟ้ากับเค้ามั่ง “สาใจตะคอกฟ้ารึ ฮ่ะๆ ๆ กูฟื้น”
เมื่อวานเล่นเสียหนักหัวร้าง คางแตก แค้นเคืองมีแน่นในหัวใจแม้หน้าตาจักฝืนยิ้มสู้โลก แต่หมายมั่นปั้นมือแก้แค้น “ชำระแค้นไม่ได้ยังไม่กลับอเมริกากูบอกให้ด้วยฟื้นมารับทราบเสียดีแล้ว” เสียงผู้บ่าวผู้สาวนักข่าวผู้จัดทำรายการทีวีผู้มาพิสูจน์ความเป็นผีจอมเฮี้ยนของพวกท่านเอ่ยปาก “อาฆาตแรงกล้าเหลือเกินเทียว” เสียงพระขนิษฐาวัยสิบสามปีเอ่ยแก้เก้อให้แทนพี่ชายหรือพระเชษฐาของท่าน...ท่านหญิง โมซัค อินทุรัม ภาษาบ้านๆ ออกเสียงง่ายๆ เยี่ยงนี้ ปีนั้นเองสมัยล่วงเข้ารัชกาลที่สามต้นๆ ยังไม่มีกิจการค้าขายที่แท้จริงเพียงทดลองแต่ “พระคลังมีเงินเต็มในห้องมีหลายกำปั่นเทียวในหลวงแปลกเน้อ” เสียงแปร่งคล้ายมอญมะระแม่งไม่ต้องแปลกใจเหน่อแบบนี้อัมพวา สมุทรสงครามแม่นๆ “เฮ้อ แอบเอามาซุกมาซ่อนไม่เป็นไรบอกข้าสั่งห้ามนำออกไปใช้ส่วนตัวใครปล่อยปละละเลยประหารกุดหัวมันเสียสิ้นไม่ไว้หน้าอินหน้าพรหม” เล่นรับสั่งเสียเยี่ยงนี้ สุดจักหักห้ามจิตคิดไฉน “ครั้นเมาเหล้าเช้าสายอัฐหายไปให้เมาใจเป็นประจำทุกค่ำยาม” แถมกระหน่ำซัดด้วยวาทะด้นกลอนสดดิบ แต่ความหมายดีของพระสุนทรโวหาร(ภู่)ท่านเป็นสมณะแล้วจำวัดอยู่ที่วัดเทพตอนนั้นเรียกขานกันแค่นี้ภายหลังพวกเหล่าข้าราชการฝ่ายในท่านไปทำบุญบูรณะปฏิสังขรเลยเรียกขานกันเสียใหม่ว่า วัดเทพธิดาราม เป็นอารามหลวงเลยทีเดียวจากวัดบ้านๆ ในพระนครบางกอกแต่เดิมมา…
ประวัติชีวิตนายอูโหวเทียนชาวเมียนม่าร์อายุกว่าเจ็ดสิบห้าปีไม่ถึงดีถูกยิงเสียชีวิต เพราะถูกศัตรูตามล่าเอาชีวิตหลังจากหลบมาพักฟื้นที่ลำปาง เถิน แล้วเลยมาเที่ยวเล่นเมืองพระนครบางกอก หรือกรุงเทพฯ จึงถูกยิงกระสุนต้องหัวใจเสียชีวิตทันทีย่านสุขุมวิทกว่าหกเดือนไม่ขาด ไม่หย่อน... ศพท่านนอนแช่แข็งในโลงเย็นโรงพยาบาลตำรวจอยู่ๆ เดินเหินออกมาทิ้งช่องใส่ศพเปิดอ้าซ่าด้วยความซ่าของท่านอิน อินทุรัมมาทาบร่างสวมวิญญาณเข้าไปในร่างพ่อใหญ่อูผู้นี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์พันลึก...ใครๆ สยองขวัญเสียวสันหลังแทนยายนีวัวสันหลังหวะปานนั้นเจอดีแต่เช้า....
“จักปล่อยไว้อย่างนี้เร้อตาตุ๊ให้แย่งผัวลูกสาวเราจนมันบ้าเพราอายจนไม่กล้าทำกิน มีความรู้จบปริญญาโทนิด้าแล้วนี่นะ ทำร้ายกันมากไปปล่อยให้มันลอยหน้าอยู่ในบ้านเราสลัมไม่สลัมกูไม่ยอม” เสียงแปร๋นบัญชาการมานานนับสามสิบสี่สิบห้าสิบปี่ล่วงมา ไม่เคยเปลี่ยนความโง่ของตาตุ๊ให้เป็นความฉลาดขึ้นมาได้แม้แต่ “อีเหงี่ยมแม่มึงก็กะหรี่อาชีพจักให้กูว่ายังไงมันตายไวยังนั้นอมโรคตายแบบพวกเดียวกันกับมันไปใส่ใจอะไรนักหนาแม่มึ้งหรือเปล่าเถอะไปเชื่อไอ้พวกพี่ชายมึ้งบ้านนอกโง่ยิ่งกว่าควาย...”
สักพักเสียงนี้เลย “ถุย” ท่านอินในร่างท่านพ่อใหญ่แซ่อูเมียนม่าท่านคงอดไม่ไหวน่าทุเรศซ้าเยี่ยงนี้ แต่ที่ประหลาดล้ำท่านพ่อใหญ่อูที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาท่านพูดได้แต่ภาษาแขมเดิมๆ ภาษาพม่า “อู้ บ่ จ้างเว้ย สุมา” เล่นเอาลูกหลานแซ่อูร้องจ๊าก “ทำไปได๋ท่านอิน เสียพม่าโหมดเล้ย” น่ารังเกียจผู้หญิงชราผู้นี้ความคิดสารเลวหาใดเปรียบปานไม่เทียมเท่า... “เลวยิ่งกว่าสัตว์ อยากเป็นกษัตริย์โคตรเหง้าราชวงศ์ เฮ้อ อีดอกไม้สีกำ กูจักบอกมึ้งให้ยายกูเป็นฝรั่งเศส เดิมกูนามว่า อ้ายอิน พ่อกูนั่นล่ะราชสกุล อินทุรัม กูเว้าตรงๆ แม่กูไม่บ้าตามแต่กูลูกแบบครึ่งผนวกแขมเดิมอีกเป็นเสี้ยวหน้าตาฝรั่งๆ แม่กูงามคล้ายแหม่มครึ่งแขมงามๆ นี่ละลูกเจ้า เพราะเจ้าตากูเค้าสายเจ้า ค้าฝิ่น จักว่าไปสมัยก่อนกูเดินทางไปหลายที่ เห็นคนถือกระบอกฝิ่น ฝุยควันโฉ่อยู่ทั่วไปเรียกว่าโฉ่เหมือนมึ้งนี่ล่ะ ยิ่งกว่าควันฝิ่นที่มันโฉ่ ...เสียชาติเกิด ...เสียคนจริงมึ้งนี่อีแก่ ร่างพ่อใหญ่นี่แกแก่กว่าตาตุ๊ผัวมึ้งอีก ส่วนกูกว่าสองร้อยปีได้ วัยยี่สิบปีเองทำไม๊ มีอะไรเร้อ...” เสียงนาตยาเค้าหันมายิ้มหวานใส่ “เดี๋ยวสักครู่ ขอผลัดเสื้อผ้าแต่งหน้าผมให้ดูดีๆ หน่อยแล้วจักลงมาคุยด้วย ไม่นานเกินรอค่ะคุณอู นะค่ะๆ ๆ สัญญาค่ะว่าจักรีบให้ถึงที่สุด ไม่นานจริงๆ ค่ะหมูจักรีบลงมา เกรงใจคุณอู” สักพักราวยี่สิบนาทีเจ้าตัวคนงามลงมากลิ่นโชยเข้าจมูก “น้ำหอมสูตรหมูคิดเอง เป็นกลิ่นประจำตัวเหมือนสาวฝรั่งเศสไงค่ะ แหมเศษฝรั่งที่ไหนนะคุณอูค่ะ หมูนะไม่มีงานทำแต่แรก ตอนนี้ เอ้อ หมูกำลังเปิดใจรับคนใหม่เข้ามาในหัวใจ คือ ถ้าไม่รังเกียจเราออกไปเดินเล่นกันไกลหน่อยกลางเมืองสยามสแควร์ แล้วกรุณาเลี้ยงข้าวหมูสักมื้อสองมื้อสามมื้อก็ได้นะค่ะหมูจักพยายามกินให้อ้วนไม่ผอมเป็นกุ้งอย่างนี้นะค่ะ เผื่อคุณอูจักได้หายเหงา หายเซ็งไปได้ด้วยไงค่ะ ฮืม...”
ท่านอินเหมือนชั่งใจ “ฉันขอกลับไปบ้านกรรมมีก่อนหามือถือแบบนี้ได้ที่ไหนบ้างไม่รู้ ฉันจำเป็นต้องใช้กับเค้าเหมือนกัน แล้วเธอค่อยสืบหาเบอร์ฉันเอาเอง...เก่งไม่ใช่เร้อเรื่องสืบ....พรรณนี้น่ะเธออ่ะ” หมูเริ่มรู้สึกตัวหน้าแดงซ่านด้วยความอับอายผิวขาวย่อมเห็นชัด “อ้อ ค่ะหมูจักสืบ...หาดู”
ท่านอิน ท่านได้ทั้งเครื่องทั้งเบอร์ของพ่อใหญ่อูโหวเทียน หรือสั่งฟ้า ชาวเมียนม่าร์ แต่เดิมซึ่งเก็บเอาไว้อยู่ที่ตัวหลานชายของท่านพ่อใหญ่เอง คือ นายอูไบบองที่ได้มีน้ำใจเข้ามาช่วยงานสนองพระเดชพระคุณในหลวงและท่านนโรดมที่ท่านให้การศึกษาแก่ลูกหลานแซ่อูทั้งปวงรวมทั้งชาวพม่าคนอื่นๆ ด้วย....ความรักใคร่แลซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์อย่างสุดจักหาที่เปรียบมิได้... “วันนี้ทั้งวันล่ะท่าน ผมเคยเจอมาแล้ว แกว่างแบบไม่มีอะไรจักทำ ใช้มือถือเก่ง ใช้ทั้งวันราวกับเซเว่นเทียว” ไม่ต้องจ่ายเอาเบอร์แฝงใช้แบบขโมยพ่วงสายใครต่อใครมาแจกมาจ่ายให้คนในบ้านใช้ แล้วรับสมอ้างจากยายนีแม่บังเกิดเกล้าว่า เป็นผู้จ่ายเงินค่าสาธารณูปโภคไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ มือถือ อินเตอร์เนตของทั้งบ้าน “จริงๆ แล้วหมูแค่รับสมอ้าง ไอ้เงินพันห้าร้อย โธ่ ไม่ได้ดูถูกเงินแต่ว่า ไฟน้ำโทรมันพ่วงมายังไงหมูไม่ทราบ รู้แต่ว่าตำรวจที่มันรับแจ้งความที่มุมๆ ที่หมูจักพาไปรู้จักกับมันนี่ล่ะ ไอ้พีรนันท์ บำรุงถิ่น อะไรนี่มันโดนพ่อเลี้ยงมันแอบอ้างชื่อมาใช้แต่มันตำรวจนะค่ะ คุณอู ช่างหัวมันปะไรแก่จักต๋าย เกือบสี่สิบปีแล้ว...”
ลมตึงเชียวเว้ย “ลมไส้แห้งพายุอุกาฟ้าเหลืองราวมันปูมีสีแดงกล่ำ เหมือนเม็ดมะกล่ำตาแดงหาปลาออกเรือไม่ได้ไส้แห้ง อกไหม้ไส้ขมมากกว่าเว้ย...ดูสิสวมพระภูษาแบบลานนาคติเดียวกันรึแขม เอ้อ นี่แน่ะ พี่เอยวันนี้จันทร์ เหลือง ขาว นางขาวนางชีพี่ อาทิตย์ แดงอยู่แล้ว พฤหัสสิว่ะ เหลืองพระครูบา ภาษาเหนียะเว้ย พุธ เขียว สวมขาวลดความแรงพระราหูที่ดำปี๋เทียว ศุกร์ห้ามเผาศพมันสุกเว้ยสวมขาวล้วนให้สบายหัวจ๋อยแขกเข้าสุเหร่าเว้ย อังคาร ขุนศึกฆ่าสิว่ะ เสาร์ พระยมสิครับ ดำสนิทแน่ๆ ตายสิครับไปกับพระยมท่านนี่หว่า ฮ่ะๆ ๆ” เสียงเฮียโป้ยแกส่งเสียงแหลมๆ แซวอยู่ดีๆ กลับชักตากลับ ซ้า ล้มหงายหลังตึงเลยหลายทีไม่ใช่ทีเดียว “ปางตายเข็ดเสียทีสิเฮียนุชขอร้องล่ะไหว้ก็ได้ว่ะ” ตรีนุชนานๆ จักบ่นจักว่าสามีแรงๆ อย่างนี้แต่นี่เจ้าตัวแกผิดเลยจำเงียบนิ่งเสียดีกว่าพูดไปเสียชีวิตมิใช่แค่เบี้ยสองไพเมียรักยังมิวายสำทับให้อีกด้วยความรำคาญใจ “สนุกปากไม่ได้แล้วต่อไปนี้พูดอะไรเฮียระวังแค่คิดแกยังรู้เลยแปลกไม่แปลกพิสูจน์ร้อยกว่ารอบแล้ว....ชัทอัพ...ปากคำ”
เบญจรงค์ห้าสีอันมี ขาว เขียว เหลือง ดำ แดง เป็นเยี่ยงนี้นี่เองไอ้เขียวหม้ออวยมันเครือๆ กับน้ำเงินกับเขียวปี๋ๆ แบบสมัยใหม่ “สีมันก็วิวัฒนาการคิดไปเรื่อยมนุษย์ไม่เห็นแปลกบ้านกูก็เยี่ยงนี้สีมันก็ใช้รวมๆกันไปทั่ว”
“แล้วทิศาล่ะค่ะ” เสียงนาตยาชวนคุยไปเล่นๆ ระหว่างนั่งอยู่บนรถเมล์สายหนึ่งสี่หนึ่งมุ่งหน้าปทุมวันสแควร์กลางเมืองหลวงของสยามสมนามเมือง... “อ้อ พายัพ ทักษิณ บูรพา อุดร ปัจจิม หรดี...จำได้แค่หกจริงๆ มันก็เหมือนกับดาวใต้ ดาวเหนือ หันหลัง หันหน้าสู้ดาวเหนือ ปัจจิม เฉียงใต้ หรดี เฉียงเหนือ เหมือนฝรั่งอังกฤษมันคิดแบบเดียวกันน่าจักแม่นอยู่ไม่ผิด ดาวล่าง ดาวบน ที่อยู่ในโพยแทงหวยนี่น่าจักเดาเองได้ดาวใต้ ดาวเหนือไงไม่ยากคงจำๆ มาเขียนต้มเค้ากิน ใบล่ะตั้งยี่สิบห้าบาท สี่ใบร้อยใบแดงนี่ แค่กระดาษกับสมองขี้โกง”
เรื่องสำคัญไม่น่าจักพลาด “พระนางเบาะพกล่ะค่ะท่าน” คำถามนี้เรียกความสนใจจากผู้โดยสารรอบตัวเลยทีเดียว “คติขอมเดิม นางนาคเหมือนแม่ย่าคอยรักษาเมืองให้พ้นภัยเลยให้สยุมภูกับพระนางก่อนแน่นอนท่านต้องใหญ่เหนือนางมเหสีเทวีเจ้าทั้งปวง เยี่ยงแม่ฉันนี่ล่ะต้องถวายความเคารพท่านแม่ย่าหรือหยั่วเมืองหรือนั่งเมืองครองเมืองงำเมืองก็ใช่เหมือนกัน คนโยเดียเอาอย่างมากระทำตาม ราชาเทวะ ราชาศัพท์แสงก็เหมือนหลายคำเลียนเอามาใช้ง่ายๆ เป็นฉันเองทำยังงี้เหมือนกัน ไม่รู้จักเสียเวลาไปนั่งคิดคำโง่ๆ พวกนี้ให้ได้อะไรทำอย่างอื่นได้มรรคเกิดผลมีคุณามากกว่านี้มากนักเทียว....”
ลมบก ลมทะเล พัดในเวลากลางวัน “ลมว่าวเล่าอ้ายคนขับคนใต้พรื่อหว่า” อ้ายคนขับรถหนวดเฟิ้มตาบังราญพี่ชายตาบังรามที่ป่วยด้วยโรคสมองอักเสบนอนเงอะงะน่าเวทนา “ว่าวดึกๆ ดื่นแล่วออกเรือวันๆ ร้อนแรง”
ตามติดมาด้วย “ลมอั้น ลมสงัด เงียบๆ แต่ก่อพายุโหมซัดตายอย่างแรงเกลื่อนหาด” เค้ามีจับยามแปดทิศาคราวแหลมตะลุมพุก “ลมแรงธรรมชาติเฟ้ย ลงเปะเดือนสิบสอง แรมสองค่ำ ปีฉลู นพศก..สองสามวันลมเงียบกริบก่อนอั้นไว้พอลงวันนั้นโปะแตกตายร่วงเต็มพรึบหาดแรงโคตร”
พระธาตุเมืองละครพังโทรมทลายดังระเบิดระเบ้อเทียว... ยิ่งกว่าพระธาตุองค์เล็กที่แตกกะเทาะต้องซ่อมปูนแต่ดันไปงัดเอาแผ่นดวงเมืองกำกับพระวิญญาณแห่ง องค์สุลต่าน อโศกราช เวียงไสยา คราวปีห้าสิบห้าที่ครึกโครม ข่าวแหลมตะลุมพุกนี่ดังกว่านั่นสนั่นโลกโศกสลดเยี่ยงนี้หนา.... “แหลมฟ้าผ่าฉายานี้ ฉันขอยืมใช้แล้วกันหนอท่าน สาธุ มโน ข้าจักไหว้ อโหสิการะ เจ้าประคุณ” ท่านอินพลางยอมือยกพนมกรไหว้ท่วมเศียรท่าน “ขอลุแก่การโทษาใดๆ หนอท่าน” พ่อใหญ่ท่านนี้จัดว่ารูปงามสมตัวสมชื่ออูโหวเทียนมาแต่เดิมครั้นพอประสมกับความงามน่ารักเยี่ยงท่านอินเข้าเจ็ดสิบห้าก็เถอะน่า....เสน่ห์ลึกล้ำเหลือเกินเทียว....
ราวปี 1816 ค้าสำเภากันเก่ง อับเฉาเรือ พยานแห่งความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และการเมืองของสยามวางเรียงรายอยู่ทั่วไปตามวัด อารามหลวง และยิ่งวัดโพธิ์ท่าเตียน ด้านข้างวัด นั่น ฤา พระตำหนักในชาววังพำนักอยู่มีประตูดิน “ชายเจ้าชู้มักมาซ่อนชู้ที่ประตูนี้ เจ้าชู้ประตูดิน ฉันรู้จักความหมายดีที่นั่นมีอย่างนี้ฝรั่งสร้างทิ้งไว้ไม่ต่าง หว่านพืชไม่หวังผล จักหว่านไปใย หว่านเมล็ดข้าวสารย่อมหวังต้นกล้า เติบใหญ่ ให้รวงข้าวสีทองเก็บเกี่ยวฝัดเปลือกข้าวออก ไว้ใช้หุงต้มกินกันตายได้อีกหน ต่างกันที่ตรงไหน เข้าใจไม่ยากอะไร...ง่ายๆ เด็กอมมือยังรู้ พูดยังไม่ได้ รึแค่หัดพูดยังเข้าใจ” ท่านอิน หรือฉายานามท่าน แหลมฟ้าผ่า ท่านกลั้วหัวเราะอดขำไม่ได้ “ตลก เล่นเอาเถิดเข้าล่อ เถียงสีข้างเข้าถู ดูยังไงก็ไม่งาม” ท่านหมายมั่นปั้นมือจักลองใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเล็กสีน้ำเงินบลูซีพิมพ์งานออกมาให้ลองอ่านกันดู “ขายได้ก็ขายภูมิปัญญาคนบ้านนอกแขม”
ชื่อเรื่องเยี่ยงนี้เน้าะ ดีแท้ แม่นแล่ว “เหมาะแท้ เชษฐา” เสียงท่านหญิงโม...กล่าวสนับสนุนอย่างจริงใจ “ดีๆ” เสียงของบรรดาดวงพระวิญญาณผองพระญาติที่ต่างดำเนินตามกันมา เที่ยวชมเวียงพระนครในยามสองร้อยปีล่วงเลยมาท่านเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างแท้จริง “ดูถูกไผไม่ดูตน ฮ่ะๆ ๆ”
ร้านทรูกลางวันแสกๆ นกแสกบินเฉี่ยวศีรษะ พญาไวกูณฐ์ แบทแมน ร้อง อิเกีย ๆ ๆ เอาฤกษ์แล้วเกาะบ่าตาจิวพ่อท่านไปต่อหน้าต่อตา ไม่ใยดีกับกองอึบนหัวกบาลของท่านสมชาย แซ่ตั้งโฉมใหม่เลยแม้แต่น้อยนิด “เอาฤกษ์ก็ดีเหมือนกัน เฮ้อ...ยี่สิบเว้ย อ้ายอิน เฮีย...นี่เก้าสิบสามน่ะเดินได้เก่งมากใช่มั้ย อ่ะๆ ๆ” ท่านหน้าเหมือนนี่หว่าออกมาจากที่เดียวกันโน่นฟากโน้น “อ้อ โรงพยาบาลตำรวจ โน่นบริวารยู วิ่งเปรี้ยวกันรึไง”ท่าน...เฮียสมชาย...ท่านนี่หว่า “ท่านใหญ่ตัวจริงอ่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่เวรยาม และพลเปลวิ่งตามกันมาอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความอยากรู้เต็มกำลังเหลือที่จักกลั้นไว้ “แฮก ๆ ๆ ท่านขอรับพวกกระผมขออนุญาตรายงานท่านผอ.โรงพยาบาลว่า ท่านลุกขึ้นมา...ฟื้นใหม่ เอ้อ ฟื้นเพิ่มเติมมาอีกท่านหนึ่งนะขอรับ ไม่ทราบเกล้าท่านอื่นมีรายนามมั้ยขอรับ พวกกระผมจักได้เตรียมการต้อนรับไว้แต่เนิ่นๆ”
ทำงานมาจนจักครบวาระเกษียณอีกสองปีข้างหน้า “ผมเป็นผอ.สามสี่ปีมานี้แล้วลูกน้องมันบอกนี่นับอย่างนี้เฮีย อิจิ นิ ซัง ชิ ปีนี้คงเนงหนาเจอสิ่งดีๆ เจ๋งเป๊ง ถือเป็นบุญ มีใครมั่งได้อย่างเฮีย ไม่มี ไม่เคยเห็นเหมือนกันแก่รุ่นพอๆ กัน ทำงานที่เดียวกัน แค่ต่ำคุณวุฒิกว่าแค่นั้นเอง เฮียสมควรดีใจ เฮงต่างหาก” แต่นั้นมาแกเลยกลายเป็น เฮียเฮง หรือ ผอ.เฮง ตามปากลูกน้องแกที่ช่วยกันกระพือข่าว โหมข่าว นักข่าว สื่อเมืองนอก และในเมืองไทยด้วย เรียกแกเยี่ยงนี้ “ เฮีย ผอ. เฮง รพ.ตำรวจ”
ประวัติส่วนตัวท่าน ผอ. ผู้นี้สักหน่อย “เอามั้ยเฮียสมชายใหญ่กว่า...” ท่านอินแกล้งส่งถ้วยกาแฟเย็นเจี๊ยบหันมาสั่งเหมือนกันให้เฮียใหญ่กว่าที่ถูกป้อยอหยอดคำหวานหยอดมุกเข้าให้เต็มรักอีกแก้วใหญ่.... อ้อ พ่อแม่เค้าญาติตั้งสกุลโรมานอฟ หมอปลอม ชื่อเล่นเดิมๆ ว่า “อั้วชื่อ เฮง ไอ้ตี่นั่นมันคงรู้พี่มันเป็นคนในสกุลตั้งอั้วเป็นโรมานอฟ..อาตั้ง อาแก่รุ่งน้านแหล่ะอีชักชวนอั้วเข้าวงการแต่รุ่นหนุ่ม น่อ ท่านขอรับเซี้ยวฮูกัน”
โอ้ย....where the miracle happen...ประวัติมันดีตรงตรวจสอบได้มากกว่าไม่ได้ และถูกต้องมากกว่าที่มันผิดจากความเป็นจริง “แค่อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ได้คืบเดียวสาวไปอีกศอก เหมือนพวกคุณฉันยังโดนฤทธิ์ถึงตายทีเดียว คนเรามันตายได้ทีเดียวทั้งน้าน ได้คืบเอาศอก ไม่หยุด ไม่เลิก ไม่ละ ไม่เว้น....จักให้ใครช่วยฉันยังช่วยตัวเองไม่ได้ ฟ้าดิน ฤา ไร ไม่รู้ ใครกำหนดเล่า....อายุปูนนี้ถามตัวเองดูหน่อยเป็นไรเฮียเฮง....”
โจรครบวงจร ค้าขายครบวงจร มันเป็นสายบังคับบัญชาที่ง่าย ตรง และไม่ยากในการควบคุมแต่ตายยกครัวเหมือนปลวกยกรังตายหมดทั้งจอมปลวก.... เวรเอ๋ย กูรุ่ง มือขวาขาด เจ้าอย่าหมาย ชะตามึงถึงฆาตแน่นอน กูบอกแล้วฮ่ะๆ ๆ กูไม่ยอม...ไม่ใช่ไอ้สฤษฏ์เทือกเถาเซียโง่ๆ นั่น...กูตั้งสกุล โรมานอฟ ดูแต่เฮียใหญ่กว่าแกยังมีน้ำใจมาช่วยกู...ซาบซึ้งๆ ๆ บุญคุณนี้กูรุ่งต้องทดแทน อันความแค้นกูรุ่งต้องตามชำระ ไม่มีทาง ชะตามึงขาดตามมือกู...เวรต้องระงับด้วยการจองเวร “ฮ่ะๆ ๆ ไม่งั้น ผิดกติกาสังคมของ รุ่ง แซ่ตั้ง เฟ้ย....”
พี่น้องสองหน่อองค์ เอ้ย งามองค์ งามทรง อ่อนซ้อน สาวอัปสร หยาดฟ้า เอ๋ย แอบเมียงมองเอย โนตบุ้คสองตัวน้ำเงินบลูซี และฟ้าสีครามงามเด่น สภาพกลางเก่ากลางใหม่สองเครื่องบังเกิดเสียงเคาะแป้นพิมพ์ไปมาๆ มีคนฝากเงินไว้ที่พ่อใหญ่ แหลมฟ้าผ่า ท่านอินจำนวนหนึ่งสำหรับจับจ่ายซื้ออาหารแลเครื่องดื่มกันที่ร้านทรู สองหัตถ์ยกขึ้นลงๆ พิมพ์กันจ้าละหวั่น อีกนานโข เจ็ดสิบห้าแลเก้าสิบสองไม่ถึงเก้าสิบสามปีดี พี่ใหญ่กว่า เรียกขานกันไปตามวัย และสังขาราหนอพี่เอย... ไปดูสิที่ร้านทรูฝั่งฟากข้ามพารากอนห้างใหญ่ประจำถิ่นสยามสแควร์ เมียงมา มองเห็นแน่แท้เอย.... “นี่มันรุ่ง แซ่ตั้ง เทียว หน๊อย” สงบยากน้องเอย พี่เอย เจ้าย่อม บ่ เกย หัน....แรงแค้นเยี่ยงนี้น่อ....
แสงอสุรีย์ ฤา อสุนีบาต เปรี้ยงลงตรงกลางเตียงผู้ป่วย นายณวัตร อูนากูลหรือนายปลื้มที่เพิ่งหามเข้ามาในห้องไอซียู โรงพยาบาลตำรวจ “กระดูกซี่โครงหักเทียวรึว่ะปลื้ม หนักขนาดนี้เลยเร้อว่ะ กูเองกูนำร่องมึ้งไปแท้ๆ เทียวอ้วนนี่มันน่ากระทืบทำไปได้ เดี๋ยวอาโดนจับมึ้งนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย อาปิงคนนี้ไม่แม้แต่จักคิดฆ่าพี่ชายกูเอง กูคลานตามก้นมันออกมาจากท้องย่ามึ้ง พ่อมึ้งกูเข้าใจ ไอ้อ้วนเวร นี่มันตำรวจนี่หว่า ซวยไล้เฮงขื่อ จักไปทางไหนดีๆ”
“เอ้ย เอ่อเว้ยๆ ๆ หนกหูวุ่นวายอะไรของมึ้งกันหนักกันหนาสาหัสมากมายฟูมฟายน่ำตาทำไปทำไมการงานชั่วช้าสามานย์เยี่ยงนี้ คนที่ไหนทำกินกันบ้างฟ่ะ เอ่อเว้ย ร้องไห้เขนียหู เขนียกรรณกู โสตกูไม่รับไม่โปรด”
แต่ยามดึกล่วงเข้ายามสาง แสงอุษาทาบทาขอบฟ้าล่วงมายามเพล มองดูนาฬิกาสิบเอ็ดโมงจวนเที่ยงวันสองเกลอยังไม่ได้รับประทานอาหารใดๆตกต้องถึงท้อง ลำพังอาปิงเองหิวแทบแย่แต่ไม่มีจิตใจคิดถึงเรื่องอาหารเหมือนยามปกติที่แกจักต้องร่ำร้องหาของกินลั่นไปหมดแล้วราวกับโห่ช้างก็ไม่ปาน
วันนี้ทั้งวัน ไม่กินไม่อยู่...อะไรยังไงก็ย่อมทำได้ทั้งสิ้น ขอเพียงให้ได้ก้าวขาทั้งสองข้างออกไปให้พ้นเสียจากบริเวณโรงพยาบาลตำรวจ ที่ทั้งคู่กำลังหนีออกมาซุกซ่อนกาย เพื่อรอจังหวะเผ่นหนีออกไปให้ได้ก่อนอย่างอื่นค่อยคิดอ่านการณ์ไกลกันต่อ...ไปไหนก็ไปกันแต่ไม่ขออยู่ที่นี่เป็นใช้ได้....
“ฉันไอ้ม่านมะระแมวคร้านจักพูดบอกมันไอ้ตี่ปิง...เวรเอ้ย ริคิดเป็นโจรเสือกใจเสาะ ไม่เข้าท่า ฆ่าตายมานับไม่ทันก็แล้วกัน สันดานขี้ขลาดกระแซแซ่ว บ่ มัก บ่ ม่วน ทำเป็นระริกๆ ปลากระดี่เป็นยากเฟ้ย ใช่เป็นกันง่ายดายเสียเมื่อไรเล่า ฮี่ธ่อ สันดานปลื้มมันตกใจ ฟ้าผ่าต้องร่างมัน ดีดวิญญาณหนีออกจากร่างเสียงั้น คนเสียขวัญแรงๆ มันขวัญหนีดีฝ่อ เยี่ยงไอ้หนุ่มนี่ล่ะ ตบัตสัตย์ที่มันทำเอาไว้กับใครไม่รู้หัวมัน”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา