สุริโยไขแสงส่องฟ้า
เขียนโดย Bush
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.01 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 14.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) บูลชิท
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทหารตุรกีก่อรัฐประหาร เคลื่อนกำลังยึดสถานที่สำคัญใน กรุงอังการา และอิสตันบูล ขณะที่ได้ยินเสียงปืนในเมือง และมีการปิดการจราจรข้ามช่องแคบบอสฟอรัส ขณะที่มีรถถังประจำตามจุดรอบๆสนามบินอาตาร์เติร์ก ในกรุงอิสตันบูลส่งผลให้เที่ยวบินทุกเที่ยวต้องยกเลิกและมีเครื่องบินเอฟ-16 บินรอบๆ กรุงอังการา…
ผู้หญิงตุรกีพอเริ่มมีประจำเดือนจักเริ่มมี ผ้าคลุมหน้าไหล่ส่วนบน เป็นผ้าชิ้นเดียวกัน ส่วนใหญ่ใช้ ผ้าสีดำ น้ำตาลไหม้ เทาเข้ม กรมท่า เป็นที่สังเกตได้ว่าเด็กสาวผู้นี้มีประจำเดือนแล้วนั่นเองไบร์ด นักข่าววัยห้าสิบหย่อนไม่กี่ปีดีนักเดินทางมาค่อนโลกเพื่อมาพบจุดจบความรักแบบไม่ลงตัว และจำต้องลงเอย เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับสาวน้อยนามว่า มีรันดา จนกระทั่งหนีพิธีวิวาห์แบบสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางใจสาวเจ้าที่มีประเพณีอันเคร่งครัด จำกัด เสรีภาพ นานาประการของสาวมีรันดาผู้นี้ และในวันนี้เธอเดินนวยนาดอยู่ใน มหานครนิวยอร์ค ในนามของสาว มิลาน ลูกเลี้ยงของเจ้าของร้านขายดอกไม้หนุ่มเกย์ตุ้งติ้งแม่เลี้ยง และเพื่อนสนิทของพ่อชาวตุรกีของเธอที่เรียกขานกันเล่นในหมู่เพื่อนสนิทว่า เติร์ก
“พ่อเธอจำใจหนีมา แล้วเธอดันมีปัญหาเลยต้องให้ที่พักพิง เผื่อกูจำเป็นต้องใช้การหนีช่วยเหลือตนเองเข้าบ้างในบางเวลาฮ่ะๆ ๆ ไม่เป็นไร ผัวเลิฟ ไม่เป็นไรเลยจ้ะ แหมที่รักของคนอื่น ฉันหมายถึง ลูกสาวเธอ นัง มีรันดา เอ้ย มิลาน นี่ถ้าไม่มีงบประมาณมาให้ใช้อย่างพอสมควรแก่หน้าที่ จัดการทัพหลบทัพหลีก ให้กับพวกมึ้งแล้วล่ะก้อ เจ้าอย่าหวังเทียวเรื่องกูต้องโทษไม่เท่าไร เงินทองนี่สิปัญหาใหญ่คาใจ ฆ่ากันมาแล้วเพียบ ตายเกลื่อนหาดมิชิแกนที่สวยที่สุดยาวที่สุดในโลกนี่ล่ะฝีมือแอนด์ฝีตีนกูผู้เดียว กูทำได้ไม่ได้โม้ ไอ้แขกเติร์กหล่ออีกนี่สิ กูตกหนัก... หนักใจเว้ย เฮ้ย ตัดใจไม่ลง ลืมก็ไม่ได้...วุ้ยวุ่นวายเพราะไอ้เรื่องรักใคร่ นี่ล่ะกูเองเลย เดฟวี่...มาร์ติน เกย์หล่อบันลือโลก... กินนิสบุค มันขออนุญาตบันทึกไว้เป็นสถิติ แต่กูไม่ใคร่อยากดังเลยบอกปัดมันไปซ้างั้น....ชอบเงียบสมถะ อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
มีรันดาขวัญกระจาย หัวใจบอบช้ำ ซมซาน ยิ้มไม่ค่อยออก ยิ่งเวลาแอบเห็นไบร์ดเดินควงคู่กับสาววัยรุ่นอเมริกันมากหน้าล้วนงามน่ารัก..... ยิ่งได้ข่าวคราวของโลกตะวันออกกลาง ตุรกีว่า ตกอยู่ในโลกมืดอีกหนผู้คนอกสั่นขวัญแขวน บาดเจ็บ ล้มตายหนีสงครามกลางเมืองของรัฐบาลเติร์กเก่ากับทหารอเมริกันที่เคลื่อนทัพไปย่ำทำเอามีรันดายิ่งแค้นเคืองขัดใจ
“มันคับข้องใจ คับแค้นใจอะไร้หนักหนา ร้องไห้ฉันไม่ได้ว่าอะไร พูดจายังต้องสุภาพ เพราะเธอมันลูกสาวเจ้านายเงินหนามาอะไรก็จัดได้ มีอะไรก็ช่วยได้... จัดให้ได้ทั้งน้าน ร้องไปเถอะจ้าสาวน้อยเอ๋ย น้ำตามันดีระบายเครียดระบายแค้นเดี๋ยวฉันมีทีเด็ดเพราะว่า เอ้อ นังดำเพื่อนฉัน เอ้าเป็นว่าเฉพาะต่อหน้าเธอนะ เด็กเล็กอยู่ทราบคำพูดแบบเพราะพริ้งรื่นหูหน่อยดีกว่า พ่อเธอสั่งการไว้คงกลัวเธอจักอายเค้า แล้วเกิดคิดอุตริทำร้ายหาว่าเป็น เอ้อ ผู้หญิงบานฉ่ำนะจ้า.....”
เคที่ดำเนินการตามแผนแบบสายฟ้าแลบแปรบปราบในคืนส่งตัวเจ้าสาวกลางสายฝนอันเย็นฉ่ำ
“ไบร์ดยังไงก็ตามทีเถิด เธอรับอาสามาแต่งงานกับลูกสาวแวมไพร์นามว่า มิลาน เองนะ ฉันไม่ได้บังคับเมื่อสักครูตอนบ่ายฉันพูดผิด พักนี้ มันเบลอ มันอกหัก อย่างบอกไม่ถูก เธออาสาเองเธอเขียนเองด้วยลายมือ ทุกคนรับรู้หลวงพ่อคนมาร่วมพิธีวิวาห์ แลกกับเงินในธนาคารซึ่งพ่อเจ้าสาวของเธอนำเงินมาเข้าให้แล้วยอดคุณพ่อของ มิลาน ท่านเป็นแวมไพร์ ท่านเคาส์เติร์ก เอ้อ ท่านเป็นแขกอาหรับ เอาล่ะ ไปปลุกเจ้าสาวเธอตื่นขึ้นมา พลอดรักกันได้ตามประสาผัวเมีย ที่กำลังดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แล้วกันสุขสันต์วันวิวาห์นะไบร์ด”
เคที่ยังไม่ทันหมุนตัวเพื่อหันหลังเดินกลับลงไปจากชั้นพัก ระหว่างทางขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องส่งตัว หรือ ห้องหอของทั้งคู่ ไบร์ดรวบเอว เคที่ เข้ามากอดจูบดังฟอด เพื่อเป็นการสั่งลาและไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณ
“ผมเสียใจด้วยเคที่ผมเป็นคนไม่ดีจริงๆ ไม่งั้นตาผมไม่บอด ผมโง่มาก มองไม่เห็นค่าความดีงามของคุณ เคที่...”
เคที่กำลังอยู่ในอารมณ์สาใจที่ได้แก้แค้น เหมือนทุกอย่างตรงตามแผนเปะ เพื่อไม่ให้ไบร์ดรู้สึกว่ามันดูเว่อร์เกินไปนัก จึงรีบแสดงละครพูดหยอกล้อกับไบร์ดตามปกติ “เอาล่ะ ไบร์ด ฉันเสียใจเหมือนกันขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา เอาเป็นว่าเธออย่าพูดยังงี้เลย มันฟังแล้วใจคอฉันไม่ค่อยดีเหมือนเป็น เอ้อ คล้ายๆ กับว่ามันเป็นลางสังหรณ์ ลางร้าย เธอบอกลาตายทำนองนั้นแหล่ะ ลาก่อนที่รักของฉัน” ฝนตกสาดสายลงมากระหน่ำเสมือนกล่อมหอด้วยทำนองเสียงสายฝนเย็นชุ่มฉ่ำใจเจ้าสาวนอนหลับตาพริ้มตื้นตันในความสุขสดชื่น เมื่อเธอและเค้าต่างเข้าใจแล้วว่า ถูกพ่อชาวตุรกีของเธอหลอกเอาตัวมาแต่งงานรับผิดชอบมิรันดาให้เป็นเรื่องเป็นราว และทุกคนสามารถรับรู้ความเป็นจริง ด้วยการสรุปความจากสื่อ จากการพูดคุยกันทางอินเตอร์เนตเพียงแค่ภายในสัปดาห์แรกของงานแต่งงานของทั้งคู่ ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วย่านมหานครใหญ่ เนื่องจากไบร์ดเป็นนักหนังสือพิมพ์ผู้มีชื่อเสียงทั้งรูปโฉมโนมพรรณ และเสน่ห์แพรวพรายในการเขียนนำเสนอข่าวในสิ่งพิมพ์หลายฉบับ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ และ รายการข่าว
“กรุงอิสทันบูลระอุ ผู้บาดเจ็บระนาว สื่อมวลชนชื่อดัง ไบร์ด ฟูลลิส ถึงฆาต”
ภาพที่แพร่ออกมาทางสื่อหนังสือพิมพ์ เวบไซด์ ล้วนลงรูป นายไบร์ด นักข่าวชื่อดังเจ้าบ่าวหมาดๆ นอนกลายเป็นศพตายอนาถคาที่.... เลือดเกรอะกรังตาเหลือกโพลนไม่ยอมหลับตา “มันตายตาไม่หลับว่ะเมียเด็กมันสวมชุดดำเดินอยู่โน่นคงหลบสื่อมวลชนไปมั้ง น่ารำคาญเด็กมันกำลังเศร้า มีใหม่ได้ไม่ยาก สวยด้วย เด็กด้วย พ่อมีเงินหนาอีกด้วย” หลายคนแกล้งแซวไบร์ดเพราะเหตุเหล่านี้เองห่วงเมียหวงด้วยเลยตายตาหลับไม่ลง.....
ไบร์ดตายจริงสิครับพี่น้องชาวอเมริกันไม่ใช่เล่นมุกหลบหนีเมียแอนด์พ่อตาแขกอาหรับ “ปลุกยังไงคงไม่ตื่นโธ่เอ้ยเอ็งกูนึกว่าแผนนี่มันตายจริงนี่ไงซากศพมันตาค้างหลับไม่ลงเทียวนะเพื่อนเลิฟ เวรเอ๋ยมันตายจริงนี่หว่า...”
พอทราบความเป็นจริงฮาไม่ออกเหมือนตุ่มฮานัดกันหยุดงาน หรือสไตรค์ไม่ยอมทำตามเจ้าของร่างกายเสียยังงั้น “พวกนี้แม่งไม่เคยตายต้องให้ลองตายดูบ้างจักได้เห็นใจกูไบร์ด”
วิญญาณของไบร์ดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ยืนมองยิ้มมาดมั่นไว้อย่างเจ้าเล่ห์ “เถอะมึ้ง...โมเมน ปู้เลี่ยว อ่ะ ๆ ๆ” หัวเราะเย้ยฟ้าเว้ย สไตร์ผีไอ้ไบร์ด \
“ฮ่ะ ๆ ๆ กูไอ้ไบร์ดผีนรก ฮ่ะ ๆ ๆ ซานหาเรื่องฆ่ากูเองนะกูไม่ได้แกล้งพวกมึ้งเล้ยสาบานให้ฟ้าผ่าสิเอ้า” ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาดังใจคิด เพื่อนสนิทในกลุ่มไบร์ดหลายคนเริ่มรู้สึก เหมือนมีเซนซ์หรืออะไรบางอย่างมาสะกิด ต่างทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาเล็กน้อยบางคนเลิกคิ้ว “เคที่ตากระตุกเร้อว่ะตาข้างไหน”
เคที่รีบพูดขึ้นเพื่อชิงตอบเพื่อนสาวสุดเลิฟผิวขาว “ตาซ้ายว่ะวีนัสเหว้ย”
ท่านเคาส์เติร์กชาวตุรกีรูปงาม ท่านยืนแอบหลบมุมอยู่อีกฟากมุมตึก พลางยืนตัวตรงมือเท้าเอวเพื่อแหงนหน้ามองสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงปร้างอยู่ในท้องฟ้า ฟ้ายามนี้มองมัวซัวคล้ายๆ จักมีสีมืดดำขมุกขมัว โพล้เพล้ใกล้จักมืดค่ำอยู่รอมร่อ
“ไอ้สัตว์มะกันพวกนี้มันต้องเจอของจริงเยี่ยงกู ไอ้เวรเหยียบหน้ากูได้ก็ตลก เงินกูเวนคืนมาแล้วกูตั้งใจจะไม่ให้จริงๆ ตั้งแต่แรกแถมยึดคอนโดรถรามันมาได้ด้วย แม้มันจักไม่ถูกต้องอะไร ก็ไม่เป็นไรเอามาใช้ขัดตราทัพได้เป็นพออย่างน้อยที่สุดให้คนของกูมาแอบแฝงใช้หลบตัวอยู่ได้บ้างก็ยังดีว่ะไอ้เวร”
เป็นความเป็นจริงอย่างถึงที่สุดเมื่อนายไบร์ดผู้นี้แกถูกฆ่าตาย เพราะนายเงินเจ้าของเครือหนังสือพิมพ์ และสื่อยักษ์ใหญ่ในอเมริกา “ปล่อยมันได้ไง ไอ้เวร ย่ามใจ ด่ากูเทียว ด่ากูได้ กูจบมึ้งดัง ไม่ได้หรอกมึ้งจำเป็นต้องดับเสียก่อนจักดังเป็นดีที่สุดแม้ว่าความคิดนี้มันจักถูกต้องสำหรับกูคนเดียว ก้อช่างหัวแม่งปะไร”
มิลาน ทายาทคนเดียวแห่งวังแวมไพร์ กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย สแตมฟอร์ด ชานเมืองนิวยอร์ค และมีโครงการว่าจักแต่งงานใหม่กับว่าที่ประธานาธีบดีแก่คราวปู่ของเธอเองเลยทีเดียวเป้าหมายหลังการวิวาห์ข้ามรุ่นมากขนาดนี้
“ฉันขอพูดแค่คำพูดประโยคเดียวสั้นๆ ฉันรักทรัมค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ปราสาททรงหมวกแม่มดพ่อมดดูสูงเสียดฟ้าเทียมเมฆาสีหมอกเทา ลองมองดูยอดปราสาทแบบโกธิคนี้สิ เมื่อยามที่มันต้องแสงอาทิตย์สีส้มทองคล้ายมันมีเงาภาพสะท้อนของ รูปทรงโดมแบบอินเดีย หรือแบบอย่างเมโสโปเตเมีย แดนตะวันออกกลาง เพียงแค่ชั่ววูบกระพริบตานิดเดียวภาพนั้นเลือนหายไปได้อย่างประหลาด....
กลิ่นคาวเลือดสดๆ เหมือนมีสิ่งมีชีวิตตายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งยามฝนตกอากาศเย็นๆ กลิ่นเลือดมันโชยตามกระแสลมพายุไต้ฝุ่นที่เรียกว่า เฮริเคนย่อมๆ กลิ่นแรงมากกว่ายามฟ้าใสแจ่มกระจ่างปราศจากฝน และพายุฟ้าคะนองเยี่ยงนั้น “ความตายรายล้อมอยู่รอบๆ ตัวกันเทียวฮ่ะๆ ๆ น่าหัวร่อ” เสียงไบร์ดในสภาพคลื่นวิญญาณให้รู้สึกสาใจชวนให้สะใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด “ปมแค้นในใจแบบนี้ยังไงก็ไม่ยอมลบทิ้ง”
เดฟวี่ มาร์ติน ตอนนี้กลายเป็นสาวกคนสำคัญภายใต้อำนาจบัญชาของเคาส์เติร์ก เดฟวี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อหาเหยื่อสาวๆ สวยๆ มาให้นายได้ดูดเลือดเพื่อดำรงชีวิตอันเป็นอมตะ เปี่ยมด้วยพลังอำนาจที่ไม่สิ้นสุด ชีวิตบริสุทธิ์จากสิบคนเป็นร้อยคน และมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นกองกำลังปีศาจร้ายที่ทรงพลานุภาพค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาเพื่อยึดครองทุกอณูพื้นที่ที่รายรอบตัวปราสาทแห่งนี้ปานกำแพงเหล็กกล้าที่พร้อมจักพิทักษ์รักษาเจ้านายและมีรันดาบุตรสาวรวมทั้งบรรดาแวมไพร์เองไม่ให้ใครกล้าเข้ามาแตะต้องทำร้าย
ในยุคกลาง เชื่อว่าแวมไพร์เป็นผีดิบที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคมดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีวันตาย ปรากฏตัวได้เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน
สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, หมาจิ้งจอก, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน รวมถึงสามารถบังคับสิ่งของให้เคลื่อนที่ด้วยอำนาจของตนได้ด้วยสิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม วิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
ชาวยุโรปในยุคกลางนั้นหวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า หรือ โรยเศษขนมปังไว้ ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา หรือแม้แต่การวางไม้กางเขน หรือดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง
ตำนานแวมไพร์มีมานานนับเป็นพันๆ ปี เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษย์ก็คงจะได้ แวมไพร์มิได้หมายถึง ผีดูดเลือดแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชนชาติต่างๆทั่วโลกต่างก็มีแวมไพร์ในแบบฉบับของตัวเอง ไล่ไปตั้งแต่แวมไพร์ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น จนถึงแวมไพร์มาเลเซีย แบบที่เรียกกันว่า เพนังกะลัง
ในปัจจุบันแวมไพร์ส่วนใหญ่กลายพันธ์ และภาพลักษณ์ไปหมด ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจาก อิทธิพลของหนังสือและภาพยนต์ ซึ่งร้อยทั้งร้อย ล้วนมาจากยุโรปและอเมริกาทั้งสิ้น
จุดกำเนิดของตำนานแวมไพร์มาจากตะวันออกไกลครับ มันกระจายมาโดยผ่านเส้นทางจากจีน - ธิเบต - อินเดีย - ผ่านเส้นทางที่เรียกกันว่าทางสายไหมเข้าสู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตำนานนี้กระจายไปทั่วประเทศแถบทะเลดำ คาบสมุทรบอลข่าน รวมไปถึงฮังการี่ และดินแดนที่เราคุ้นเคยกัน …ทรานซิลวาเนีย
ปีศาจดูดเลือด, ผู้ที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย, ดำรงชีวิตได้เฉพาะยามค่ำคืน สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวได้…คุณสมบัติพวกนี้เป็นแวมไพร์ของยุโรป ชาวสลาฟเป็น ชาติที่ร่ำรวยเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์มากที่สุดในยุโรปตะวันออก ดินแดนนี้กินพื้นที่ตั้งแต่ รัสเซีย บุลแกเรีย เซอร์เบียร์ จนกระทั่งถึงโปแลนด์ ความเชื่อพวกนี้ฝังรกรากมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 แหล่งชุมนุมแวมไพร์ที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ เมือง Magyars ปัจจุบันเป็นพรมแดนต่อกันระหว่างประเทศ ฮังการีกับโรมาเนีย คำว่า แวมไพร์ มาจากภาษาฮังการี มีเล็บมือ ผมที่ทั้งยาวทั้งสกปรก มุมปากมีคราบเลือดเกรอะกรัง ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน
วิธีการปราบแวมไพร์ คือ จับทำบาร์บีคิว เผาทั้งเป็นเลย พรมน้ำมนต์ที่ได้มาจากโบสถ์ใส่ เหมือนทาน้ำมันพืชที่คลุกด้วยกระเทียมพริกไทยเครื่องเทศหมัก สักพักใหญ่ๆ ก่อนหรือไม่ก็ใช้น้ำมันสะเตะประสมด้วยผงกระหรี่พริกไทยกระวานแบบแขกทำไก่ย่างสะเตะ หรือเนื้ออื่นสะเตะหมักก่อนนำไปย่าง เนื่องจากโรมาเนียถูกแวดล้อมไปด้วยประเทศของชนชาติสลาฟภาษาพื้นเมืองของโรมาเนียนั้นเรียกแวมไพร์ว่า Strigoi อาจจะหมายถึง นกฮูกแก่ๆ หรือ ปีศาจก็ได้ทั้งนั้น Strigoi มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน Strigoi ส่วนมากคือ พวกผู้ใช้คาถาที่กลายเป็นแวมไพร์เมื่อตายแล้ว พวกนี้จะถอดวิญญาณออกจากร่างไปเพื่อชุมนุมกันในคืนพระจันทร์เต็มดวงหรือไม่ก็ออกตระเวนดูดเลือด พวกผู้หญิงแถวนั้นเวลาท้องพวกเธอต้องกินเกลือครับเพื่อป้องกันลูกที่อยู่ในครรภ์ ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเพศเดียวกันถึงเจ็ดคน คนที่เจ็ดมีสิทธิที่จะเป็นแวมไพร์ได้เมื่อเกิดมามักมีสัญญลักษณ์ของปีศาจ มีหาง เขี้ยวงอก ขนดกคนที่ตายอย่างผิดธรรมชาติ หรือตายโดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีรับศีล พวกที่โดนแวมไพร์กัดเอาตรงๆ ถือว่ามีสิทธิเป็นแวมไพร์ได้
มนุษย์หมาป่า werewolf หรือ lycanthrope เดิมเป็นเทพปกรณัมผู้มีความสามารถเปลี่ยนร่างตนเองให้คล้ายสุนัขป่าเพราะต้องคำสาปเชอร์แวสแห่งทิวเบรี (Gervase of Tilbury) นักกฎหมายในมัชฌิมยุค เช่น นายเกเอิส เพโทรนิเอิส อาร์บีเทอร์ (Gaius Petronius Arbiter) ข้าราชการสมัยกรีกโบราณท่านจักเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเมื่อมีการปรากฏขึ้นของเดือนเพ็ญ ทำให้ท่านมีพละกำลัง และมีประสาทสัมผัสเป็นเลิศไปเสียฉิบแม้นในยามร่างกายกลับมาเป็นมนุษย์....
เมื่อผู้นำประเทศ หรือผู้นำทางการเมืองสหรัฐฯ เอ่ยถึง “American exceptionalism” คือช่วงเวลาที่เชิดชูความพิเศษโดดเด่นของอเมริกาว่าเหนือประเทศอื่นๆ ในโลกนี้ การแสดงความเป็นชาตินิยมเป็นเรื่องควรส่งเสริม ในขณะเดียวกัน ฯพณฯ ฮิลลารีไม่ต่างจากผู้นำคนอื่นๆ ในอดีต การหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ มีเป้าหมายสำคัญ คือ มุ่งทำลายคะแนนของนางฮิลลารี คลินตัน เป็นส่วนหนึ่งของหลัก “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์ “อิสลามหัวรุนแรง” เป็นภัยคุกคามจริงแท้เพียงไรชาวอเมริกันที่ชื่นชอบพรรครีพับลิกันหลายคนเชื่อว่าจริง มุสลิมอเมริกัน 3 ล้านคนจึงกลายเป็นแพะรับบาป เพราะทรัมป์ “เล่นกับความรู้สึก” ของคนที่มุ่งประเด็นการเมืองเพื่อพาไปหาผลประโยชน์ทางการค้า และเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นพิเศษในเรื่องของการค้าขายน้ำมันดิบ… อิสตันบูล....ตุรกีระอุทันควัน...เยี่ยงนี้สาเหตุขัดผลประโยชน์ทางการค้าที่แอบแฝงแต่เป็นสินค้าหลักยาเสพติด...มิใช่อย่างอื่น....
“ไม่มีอะไรได้เงินเข้ามหาศาลไหลเข้าไวเท่ายา....” วาทะเด็ดของผู้นำประเทศทั่วโลกหลายคนที่เริ่มออกมาเผยโฉมหน้าอย่างแท้จริงของต้นตระกูลชนิดที่เรียกว่าขาใหญ่เมืองนรก เดิมๆ ไม่กล้าทำเยี่ยงนี้ “โกหกไปใยกัน”
“ความจริงกูต่างหาก ทรัมป์ กูไม่ได้ชื่อเดฟวี่ มาร์ติน กูชื่อ นาย มาร์ติน เดวิด ทรัมป์ ไบร์ด กูขอโทษไม่ได้ตั้งใจสาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า กูแค่อยากช่วยอีดำนังเคที่เพื่อนกูมึ้งก็ทำร้ายมันเหลือเกิ้นด้วยนี่หว่า ตัวกูเข้าใจในหัวอกเมียเหมือนมัน” ไบร์ดมองหน้าทรัมป์เหมือนชั่งใจนิดหนึ่งแล้วรีบสลัดความสงสารออกไปเสียจากจิตใจ “มันหลอกลวงกูกันก่อนเองทั้งกลุ่มมึ้งด้วย กูเลยสนองพระเดช ให้มึ้งชดใช้พระคุณกู ยอมเป็นทาศรับใช้กูทุกอย่างตามที่กูบัญชาการให้ทำ หน้าฉากผู้คนอื่นใดที่พบเห็นกูเองจักแกล้งทำทีเป็นหวาดกลัวร้องครวญครางเจ็บปวดถูกพวกมึ้งทำร้าย...ทำไมเร้อมีปัญหาอะไรว่ะ”
ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว แต่ไบร์ดยังใช้มือบีบคอหอยทรัมป์จนจำยอมสยบให้ ในใจมาร์ตินเองยอมลดราวาศอกให้อยู่แล้วด้วยความสำนึกผิดบาป หรือกิวตี้ มาร์ตินทรุดฮวบนั่งงอตัวลงแทบจักกองกับพื้นในยามนี้เค้าหมดสภาพได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อรู้แล้วว่าไม่มีหนทางแก้ไข หรือต่อสู้ใดๆ อีกต่อไป
เสียงระฆังวิวาห์ดังเหง่งหง่างก้องบริเวณฟังแล้ววังเวงอย่างบอกไม่ถูกแม้แต่บาทหลวงเองท่านยังรู้สึกแปลกใจ
“พ่ออึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มันมึน มันมัวซัวในความรู้สึกอย่างไรไม่แน่ชัด”
สักพัก เมื่อมีรันดาได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอกับสามีแก่ หรือตาเฒ่าทรัมป์รุ่นคราวปู่ตาของเธอ เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว เธอจึงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ แต่ทว่าเจ้ากรรมเสื้อที่เธอใช้ห่อร่างกายโดยผูกไว้ด้วยสายรัดยาวเป็นปมแบบหลวมๆ ที่บั้นเอวคอดกิ่ว ดูสวยรับกับเรือนร่างอันโปร่งบางดูมีหุ่นไม่อ้วนและไม่ผอมกำลังงามพอดี ในเวลานี้มันกลับมีคราบโลหิตติดอยู่ที่ชายเสื้อตัวยาวสีขาวสะอาดแค่ครึ่งน่องกลมกลึงผิวขาวสะอาดสะอ้านคู่นั้นที่แลดูอมเลือดฝาดสีชมพูระเรื่อๆ
“คิดดูเอาสิเคที่ถ้าเป็นผู้หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่นๆ เธอต้องร้องหวีดสุดเสียงด้วยความตกอกตกใจเหลือประมาณหรือไม่ก็อุทานออกมาอย่างตกใจบ้างสิ”
วีนัสเริ่มมีสีหน้าพะอืดพะอมขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อจมูกของเธอได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกระจายอยู่ทั่วบริเวณห้องทำงานในสำนักพิมพ์เครือบริษัทฯ น้ำมันของตะวันออกกลางบนตึกระฟ้าชื่อดังกลางเมืองนิวยอร์ค
“อย่างน้อยก็เพื่อส่งเสียงเรียกให้เจ้าบ่าวที่เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ด้วยกันแล้วย้ายร่างมาส่งตัวเข้าเรือนหอในปราสาทส่วนตัวของพ่อเธอเข้ามาช่วยเหลือหรือมาปลอบโยนล่ะว่ะ”
ทั้งสองบ่าวสาวตกลงใจกันไว้แต่แรกแล้วว่าจักย้ายมาพำนักอยู่ด้วยกันที่นี่ชั่วนิรันดร.... แต่นี่มัน นางสาว มีรันดา เติร์ก ...เธอกลับมองตรงแน่วมายังร่าง ทรัมป์ เจ้าบ่าวสดๆ ร้อนๆ ของตัวเองที่ใกล้จักสิ้นใจ ด้วยสายตาเหี้ยม ซาดิสต์ เย็นชา ส่วนทรัมป์เฒ่าเจ้าบ่าวพยายามรวบรวมแรง และลมหายใจที่ยังคงพอมีเหลืออยู่ พยายามใช้สายตามองมายังร่างเล็กๆ บอบบางของเจ้าสาวหมาดๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งไม่เข้าใจทั้งงุนงง “ช่วยฉันด้วยสิมีรันดา...ไอ้แวมไพร์นั่นไอ้มาร์ตินตัวจริงมันมาใช้มีดจ้วงแทงหัวใจฉันแล้วดูดเลือดที่คอ...” มีรันดาส่ายหน้าพลางบอกปัดไปว่า “ไม่จำเป็นต้องช่วยคุณหรอกค่ะทรัมป์....ยามสงครามที่ตุรกีบ้านฉัน ถ้าเป็นคนแก่หรือคนเจ็บหนักมากๆ เกินไปจนหมดหนทางรักษาเยียวยาหรือรักษาแล้วไม่คุ้มเราจำเป็นต้องถนอมยารักษาโรค และยุทธอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ให้คนที่บาดเจ็บน้อยๆ หรืออ่อนวัยกว่า เพื่อให้มันคุ้มกับการสูญเสียพวกยา หรือสิ่งอื่นใดไป....ขอโทษด้วยค่ะที่รัก ฉันรักคุณเสมอค่ะทรัมป์...”
อับราฮัมมีบุตรชายอยู่เจ็ดคน บุตรเจ็ดคนเป็นลูกอับราฮัม “....แล้วลูกคนที่เจ็ดก็เป็นฉัน เติร์ก .....มีรันดาเป็นลูกสาวคนที่เจ็ดของบ้านเธอเอง แล้วเธอก็เหมือนฉัน.... แต่ไอ้กันนักข่าวนั่น มันอยากหน้าโง่วิ่งเข้ามาหาความตายเอง..... ช่วยไม่ได้มันทำตัวมันเอง”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ