คุณแม่วัยใส
เขียนโดย Penkwan
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.17 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 12.24 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) วันสบายๆของคุณแม่วัยใส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันเบาๆของคุณแม่วัยใส
__แง๊งงงงงงง!~
__เสียงจากเตียงเล็กข้างๆปลุกหญิงสาวให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รอบิดขี้เกียจเหมือนใครหลายๆคนทำแต่กลับรีบลงจากเตียงสปริงนุ่มนิ่ม คว้ามขวดนมที่อยู่ใกล้ตัวก่อนเขย่าน้ำนมที่บีบคั้นรอไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นให้ทารกน้อยที่ส่งเสียงร้องปานจะขาดใจ
__เมื่อได้ลิ้มรสน้ำนมอุ่นจากอกเด็กน้อยก็คลายความวิตกและเริ่มเงียบเสียงลงทะละนิด คุณแม่วัยกระเตาะปาดเหงื่อออกทั้งที่แอร์ยังเย็นฉ่ำ ใบหน้าเรียวสวยหวานทอดมองร่างเล็กๆอีกชีวิตหนึ่งของเธออย่างเอ็นดู ฟูมฟักมาได้ขนาดนี้แล้วเธอก็เก่งๆไม่เบาเหมือนกันนะกุ๊กไก่
__คุณแม่วัยใสลูบหัวทารกน้อยเบาๆราวกับกำลังปลอบประโลมให้นอนฝันดี รอยยิ้มบางคล้ายกำลังแซมอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อย ทำให้สาวเจ้าใจชื่นขึ้นมา
__"หลับให้สบายนะ ดวงใจน้อยๆของแม่" หญิงสาวเอ่ยก่อนเริ่มทิ้งตัวลงข้างเตียงของทารก ริ้วรอยของความอ่อนล้าแซมออกมาจากหัวคิ้วที่ขมวดติดกัน เหนื่อยมากที่ต้องดูแลชีวิตหนึ่งทั้งวันโดยไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ต่อให้เหนื่อยมากกว่านี้สักร้อยเท่าพันเท่าเธอก็ยอมที่จะทำ ดวงใจของฉันเธอจะต้องเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
__กริ๊งงงงงงง!~
__"โอ้ไม่!" เสียงเล็กร้องโอดครวญก่อนดีดผึงตัวเองขึ้นมาจากเตียงสปริงที่เก่าไปตามฤดูกาล ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตคู่สวยมองไปยังที่นอนด้านข้าง เมื่อไม่มีร่างของ 'ใคร' นอนอยู่ก็หมดกังวลได้เปราะหนึ่ง แต่!?
__"เจ็ดโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย!?" หญิงสาวทวนเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลา
__"ใช่ค่ะ และถ้าแม่ไม่รีบแต่งตัวตอนนี้หนูจะไปโรงเรียนสายเป็นครั้งที่สิบ ซึ่งหนูเปิดเทอมมาสิบวันเท่ากับว่าทุกวันของหนูไม่เคยมาตรงเวลาสักวัน และแม่ก็จะไปเรียนสายเหมือนกัน" เด็กสาวตัวน้อยๆวัยเพียงห้าปีติมารดาตามประสาก่อนจะทำหน้ามุ่ย
__หญิงสาวไม่รอให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เธอรีบตรงเข้าห้องน้ำก่อนจะใช้สกิลเทพที่เรียนมาจัดการกับสิ่งสกปรกบนร่างกายออกอย่างไว ชั่วพริบตาชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดก็สวมทับลงบนร่างสมส่วนเซ็กซี่
__"หนูไม่อยากให้แม่ใส่กระโปรงสั้นจังเลย" เด็กน้อยบอกขณะที่เดินลงจากคอนโดราคาย่อมเยาว์ไปยังจุดรอรถเมล์
__"แม่เซฟตัวเองดีค่ะหนูไม่ต้องห่วงนะ เด็กดีของแม่"
__"เซฟ? ..เซฟคืออะไรเหรอคะ?"
__"อืม...เซฟก็น่าจะหมายความว่าดูแลดี รักษาดีเหมือนที่แม่เซฟกระโปรงตัวเองยังไงล่ะคะ" พูดจบก็บีบจมูกน้อยๆลูกสาวเล่น เสียงหัวร่อต่อกระซิกของคู่แม่ลูกฟ้าใสแลดูเป็นที่เอ็นดูสำหรับใครหลายคน ขณะที่อีกหลายคนก็มองเธอกับลูกในอากัปกิริยาที่แตกต่างออกไป
__ในสังคมปัจจุบันการท้องก่อนวัยอันควร สถิติของคุณแม่วัยกระเตาะยังคงเป็นปัญหาต่อสังคมไทย และสถิติดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นจนน่าใจหาย ปัจจุบันจำนวนการต้ังท้องของสาวๆต่ำสุดอายุเพียงแค่เก้าปี ถือว่าเป็นที่น่าตระหนกไม่ใช่น้อย สาเหตุหลักเกิดจากความอยากรู้อยากลองของวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่ ขณะที่ส่วนน้อยนั้นปัญหานี้เกิดจากการก่ออาชญากรรม ซึ่งอย่างที่สองนั้นถือเป็นสิ่งที่ทำความอับอายและติดเป็นตราบาปแก่ผู้ที่ถูกกระทำอย่างมาก
__เมื่อปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมานั้นคือการทำแท้งก่อนวันอันควรของวัยรุ่น ถึงกฎหมายควบคุมที่รัฐบาลออกกฎมาค่อนข้างรุนแรงสำหรับเรื่องนี้ แต่ว่ามันก็คุ้มสำหรับวัยรุ่นที่ไม่รู้จักคิดที่นิยมนอนอ้าแข้งอ้าขาให้หมอเถื่อนเอาเด็กออกแล้วไปปั๊มใหม่อยู่ดี
__ไม่ว่าคนที่มองเธอต่างมองด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม แต่เธอจะไม่รับเอาสายตานั้นมาคิดให้เป็นปมด้อยของตัวเองเป็นอันขาด และต่อให้ตกอับจนถึงขั้นไม่มีจะกินแค่ไหน ลูกสาวตัวน้อยๆของเธอก็ยังต้องได้กินของดีๆนอนหลับสบายตลอดเวลา ถ้าหากมีใครคิดจะพรากดวงใจอันเป็นที่รักของเธอไปละก็ คงจะได้รู้กันว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้พิษสงมันจะเป็นอย่างไร
__สองสาวรอรถเมล์พักใหญ่ก็ได้ขึ้นสมใจ แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลแต่กรุงเทพก็หาใช่ต่างจังหวัดหวัดเสียที่ไหน เมื่อผ่านรถติด แดดร้อนกับอีกมรสุมร้อยแปดมาได้ คุณแม่วัยสาวก็เซย์กู๊ดบายส่งลูกรักเข้าเรียนก่อนตัวเองจะสับตีนแตกวิ่งแซงซ้ายขวาราวกับนักกีฬาโอลิมปิกเพื่อให้ทันอาจารย์คาบแรกให้ได้ ถึงจะเเค่ชั่วโมงสุดท้ายก็ยังดี
__"เยิ้มเลยนะอิกุ๊กวันนี้" เพื่อนหนุ่มใจสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาขณะเดียวกันก็ส่งน้ำให้หญิงสาววัยเดียวกันอย่างฉันมิตร
__เพื่อนสาวนาม กุ๊กไก่ หรือ'อิกุ๊ก'ที่ใครๆเรียกกันยิ้มแหยเล็กน้อยกับคำทักทายอันเจ็บปวด แต่ก็ไม่ลืมรับไมตรีจากเพื่อนสาวไว้
__"ตื่นสายน่ะวันนี้เลยมาสายด้วยแหะๆ" กุ๊กไก่แก้ตัว หญิงสาวคว้าเอาสมุดจดเลคเชอร์จากเพื่อนมาลอกทันทีที่เจ้าตัวดีงัดออกมาจากกระเป๋า
__"เอ้าอินี่ไม่ขอ นิสัยนะแก" คำจิกกัดที่ได้เสียงตอบรับเพียงแลบลิ้นของกุ๊กไก่ "ฉันเห็นช่วงนี้แกมาเรียนสายทุกวันเลยนะกุ๊ก เป็นอะไรเหรอ? หางานหรือว่าติดหนุ่ม"
__"ติดหนุ่มบ้านแกดิบัวเผื่อน ลูกติดแบบนี้ใครจะไปเอา" กุ๊กไก่ย้อน มือตาต่างลอกข้อสอบอย่างเร็วปานเทพประทานความสามารถนี้ลงมา
__"อิกุ๊ก! อิเพื่อนเลว! บัวตองย่ะไม่ใช่บัวเผื่อน คิดได้นะ" เพื่อนสาวสวนทันควัน นางหอบหายใจฟืดฟาดในลำคอ วิธีนี้ค่อนข้างชะงัดนักแลสำหรับสายปากอย่างบัวเผื่อน(ตอง)
__บัวตองเป็นตุ๊ดเตี้ยที่หุ่นดีที่สุดเท่าที่กุ๊กไก่เคยเห็นมา นางเป็นคนออกกำลังกายดูแลตัวเอง และอัปเดตข่าวสารไอทีใหม่ๆอยู่เสมอ ฉะนั้นจึงไม่ตกเทรนด์และตามเทรนด์ใคร แต่ความฟิตเฟิร์มที่มาเต็มดุดพระเจ้าสร้างก็มีข้อเสีย
__ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดของนางคือ นางชอบหลงตัวเองและมั่นหน้าอย่างแรง แม้ไม้บรรทัดก็ยังไม่สามารถวัดค่าความหนาบางของเมคอัพกับเครื่องสำอางบนหน้าของนางได้เลย เรียกว่าเป็นทั้งเทพไอทีและเจ้าแม่เซเลปบิวตี้ของกลุ่มได้เลย
__ตุ๊ดเตี้ยบ่นกับเธออยู่สักพักก่อนสองสาววัยเดียวกันจะเดินเข้ามานั่งร่วมกลุ่มสนทนา
__"ไงกุ๊กไก่ ไงอิบัว" หญิงสาวทักก่อนจะวางถุงขนมบนโต๊ะ
__"อิเอมทำไมแกทักชั้นได้โหดขนาดนี้คะคุณเพื่อนรัก" บัวตองแขวะ นางจ้วงเอาขนมมันฝรั่งไปก่อนส่งมันลงท้องตามประสา
__"วันนี้มาสายอีกแล้วเหรอกุ๊ก?" เสียงหวานเสียงหนึ่งเอ่ยถาม ติงลี่ คนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มอมยิ้มหวานส่งให้
__"ใช่ ครั้งที่สิบแล้ว คอฉันพาดไว้กับขื่อแล้วนี่ตอนนี้ สายอีกไม่กี่ครั้งนี่ลั่นเลยเธอ" กุ๊กไก่ตอบ
__"ฮิฮิ เจ้าตัวน้อยกวนเหรอ? แม่คนก็งี้ล่ะรับผิดชอบหมดทั้งตัวเองกับลูก ธรรมดาที่จะเหนื่อย" ติงลี่บอก
__"ก็นิดหน่อยน่ะนะ เด็กกำลังซน วัยดื้อเลยล่ะ" กุ๊กไก่เสริม
__"แต่ก็เป็นวัยหลงเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ" เฌอเอม หรือ เอม เสริมทับ "ยอมใจเธอเลย เลี้ยงลูกคนเดียวมาได้สมบูรณ์แบบขณะเดียวกันการเรียนก็ยังไม่เลือกที่จะทิ้ง ถ้าเป็นฉันนะป่านนี้นอนเลี้ยงลูกตรพุงสบายอยู่บ้านละ"
__"แหมบ้านแกรวยนี่เอม แกไม่ต้องเรียนก็สบายไปสามชาติสิบชาติแล้ว" บัวตองแขวะ สองคนนี้เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันในกลุ่ม ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยสง่ากับชาติตระกูลที่มีที่มาไม่น้อยสำหรับเฌอเอม ทำให้นางดูโดดเด่นจนถึงขั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มเลยก็ว่าได้
__อีกหนึ่งสาวที่ดูดีไม่แพ้กันนั่นก็คือติงลี่ ทายาทของเจ้าสัวร้านโชว์ห่วยกับห้างทองในเมืองจีน ด้วยสายเลือดที่บ่งบอกว่าจีนแท้ๆไม่มีเจ๊กหนอ ซา สี่ผสม ติงลี่จึงมีตาชั้นเดียวกับผิวขาวละเอียด พอบวกกับร่างอันบอบบางและใบหน้าหวานน้อนอีกทั้งกิริยายังนิ่งๆสมเป็นกุลสตรีด้วยอีก ตายค่ะหนุ่มๆ นางฟ้ามาเต็มสำหรับเพื่อนคนนี้
__"คนเราชีวิตมันอยู่กับการเรียนทำงาน และเพื่อนเว้ยแก ใครจะมามัวใส่ใจเรื่องส่วนสูงเหมือนแกล่ะอิบัว คนอะไรสูงกว่าหลักกิโลฯหน่อยเดียว" เฌอเองแว้งกัด เต้าตัวแสยะยิ้มอย่างภาคภูมิ หุ่นนางแบบของเธอเป็นประโยชน์มากในการแบทเทิล
__ข้ามเพลเพื่อนรักประลองฝีปากกันไป ติงลี่เปลี่ยนมานั่งข้างกุ๊กไก่แทน "มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะกุ๊กไก่"
__"โอเค" กุ๊กไก่ตอบยิ้มๆแล้วตั้งใจลอกงานจากเพื่อนต่อ
__ชีวิตในแต่ละวันจองเธอแต่ก่อนเคยมีสีสันมากกว่านี้ เนื่องด้วยอิสระในการใช้ชีวิต อิสระในการใช้เงินที่ตัวเองหามา ถ้าถามว่ากุ๊กไก่ เธอมีเงินในบัญชีมากน้อยเท่าไหร่ ก็คงมีเท่าที่คนสุจริตชนเขามาล่ะนะ แม้ไม่มากแต่ก็พออยู่ในสบายในแต่ละวัน
__ตอนเด็กๆเธอเคยฝันไว้ว่าอยากทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ไม่ใช่เพราะมันดูเท่ห์หรือได้เที่ยวตลอดเวลา แต่เพราะการได้ช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบากกว่าตัวเองนั้นถือเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนบนโลกควรทำ บางทีเธอก็คิดเหมือนกันว่าความคิดคัวเองมันต่างจากคนอื่นเหลือเกิน อีกนัยนึงมันก็ดูแก่สำหรับคนในวัยเดียวกัน
__เธอพลาดท่ามีลูกตั้งแต่สิบเจ็ดปี อุบัติเหตุในครั้งนั้นมาจากความรู้สึกเพียงชั่ววูบของเธอแท้ๆ ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีแต่สุดท้ายก็หนีหลักวิทยาศาสตร์ไปไม่พ้น แต่มันก็เป็นบทเรียนที่สอนให้เธอได้รู้จักชีวิตมากขึ้น ความเป็นจริงกับหน้ากากที่โหดร้ายมันคอยสอนให้เธอเลือกทางที่ถูกอยู่เสมอ
__ทำไมเธอจึงไม่คิดทำแท้งเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆน่ะเหรอ? สาเหตุหลักเลยคือ เธอกลัวเจ็บ(555) แต่มันก็เท่านั้น ทำไปแล้วจะได้อะไร กุ๊กไก่เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ที่เป็นแค่คนรับจ้างหาเช้ากินค่ำ หากว่ามีน้องสาวสักคนมาคอยอ้อนคอยเอาใจน่าจะดีไม่น้อย
__แรกๆก็อายเหมือนกันที่มีคนมองเธอ มองท้องของเธอที่นับวันเริ่มจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คิดอย่างนั้นจิตของเธอก็ตก หลายครั้งที่กุ๊กไก่คิดจะทำแท้ แต่เพระคำพูดที่จองเตือนสติของแม่ย้ำตลอดเวลาทำให้เธอไม่หุนหันพลันแล้นจนเกินไป นานวันเข้าสายตาที่เธอเคยกลัวกลายเป็นความคุ้นชินขึ้นมาทีละนิดจนไม่เหลือเค้าของึวามกระดากอาย ท้องก็ท้องฉัน ลูกก็ลูกฉัน ทำไมฉันต้องอายคนอื่นเขาด้วย
__จากวันนั้นจนถึงวันนี้เธอไม่คิดเสียใจเลยที่ความผิดพลาดครั้งนิ่งใหญ่จะทำให้เธอเจ็บ แต่เธอกลับภูมิใจที่ถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เธอคงไม่รู้จักที่จะคิดในในมุมมองที่กว้างกว่านี้
__ชีวิตของคุณแม่วัยใสจะเป็นอย่างไรต่อไป ยังไงก็ขึ้นอยู่กับอนาคตล่ะนะ ส่วนเรื่องตรงหน้า ขอแค่เข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว
คติของคุณแม่ :: การทำแท้งไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอะไร ถ้าลูกเรียนรู้ที่จะทำผิดพลาด ลูกก็ต้องเรียนรู้วิธีการแก้ไขความผิดพลาดด้วยตัวลูกเอง
(เครดิต : ขุ่นแม่ที่รัก)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ