YOUTH (วัยเยาว์ที่เคยเจ็บปวด)
9.4
เขียนโดย Kendo_Jirawat
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.26 น.
1 CHAPTER
12 วิจารณ์
4,107 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 06.59 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) YOUTH (วัยเยาว์ที่เคยเจ็บปวด)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเพศไหน เพศชายหรือเพศหญิง และเพศทางเลือกต่างๆที่สังคมนี้ได้บัญญัติขึ้นมาอีกมากมายจนผมไม่สามารถที่จะจดจำได้ครบถ้วนทั้งหมด หากผมไม่ได้จดเอาไว้...แต่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ควรจะมีสิทธิที่จะแสดงออกถึงความรักของตนเอง นับว่าเป็นโชคดีของกลุ่มเพศทางเลือกในสมัยนี้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาสังคมเปิดกว้างมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากสื่อต่างๆทั้งละครโทรทัศน์ ซีรี่ย์ต่างๆหรือแม้แต่ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของคนที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ซึ่งต่างจากชีวิตของผมที่ถึงแม้เราจะรักกันมากแค่ไหนแต่เราก็ต้องคอยหลบๆซ่อนๆในการที่จะแสดงความรัก เพราะความรักของเราเป็นความรักที่ใครหลายๆคนนั้นยังคงไม่ยอมรับ
ผมชื่อเอ็มเรื่องราวความรักของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ช่วงนั้นผมมีแฟนชื่อเมย์เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าตาดีทีเดียวเรียกว่าเป็นสาวสวยประจำห้องของเราเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งเราเรียนจบชั้นมัธยมและกำลังเตรีจมตัวที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็ต้องย้ายไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่งทำให้เราห่างกันและสุดท้ายก็ลดสถานะลงเหลือแค่เป็นเพื่อนกัน
ช่วงที่เมย์จากไปสองอาทิตย์แรก ผมเสียใจมากร้องไห้ฟูมฟายไม่เป็นอันกินอันนอน บอกตรงๆเลยว่าช่วงนั้นผมรู้สึกว่าขาดเมย์ไปแล้วผมต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ ผมเสียใจมากจนคิดจะฆ่าตัวตาย และด้วยความที่จังหวัดที่ผมอยู่นั้นเป็นจังหวัดที่ติดชายฝั่งทะเล ผมเดินไปที่ริมหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง เมื่อมองลงไปก็จะเห็นหินโสโครกเรียงรายอยู่เต็มไปหมดประกอบกับช่วงนั้นเป็นฤดูมรสุมจึงทำให้เกิดคลื่นสูงหลายเมตรพัดเข้าสู่ชายฝั่ง คลื่นเหล่านั้นพัดเข้ามากระทบกับหินโสโครกอยู่เป็นระยะ ถ้ากระโดดลงไปยังไงก็ไม่น่าจะรอดแน่ๆ
ในช่วงวินาทีสุดท้ายที่ผมจะตัดสินใจกระโดดลงไป ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง
“คิดดีแล้วใช่ไหม? ที่จะทำแบบนี้”
เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ ต้นไม้ เพื่อนสนิทของผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ แต่ต้นไม้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯตั้งแต่ตอนที่เราเรียนจบชั้นประถมแล้ว ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบกับเขาที่นี่
“ต้นไม้?”
“ใช่ ดีใจนะที่นายยังจำเราได้”
“แล้ว...นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เรื่องมันยาวน่ะ นายกลับเข้ามานั่งคุยกันก่อนสิ”
ผมทำตามคำเชิญของต้นไม้เดินกลับออกมาจากริมหน้าผาที่สูงชันนั้นอย่างง่ายดาย และอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ทำให้มีเรื่องราวต่างๆที่อยากจะพูดคุยและถามไถ่กันมากมายต้นไม้เพิ่งจะย้ายกลับมาวันนี้ เขาบังเอิญเห็นผมขี่จักรยานผ่านหน้าบ้านของเขาและด้วยสีหน้าและแววตาที่เคร่งเครียดมากของผมทำให้เขาเป็นห่วงเลยตามมาดู เราคุยกันเพลินจนผมเกือบจะลืมเรื่องที่ผมกำลังเสียใจและคิดที่จะฆ่าตัวตายไปเลย จนกระทั่งต้นไม้ถามถึงสาเหตุของการที่ผมจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย ผมจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ต้นไม้ฟัง ต้นไม้พูดกับผมด้วยประโยค ประโยคหนึ่งว่า
“นายไม่เสียดายบ้างหรือไง? ทั้งๆที่นายยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย มีคนอีกตั้งมากมายที่ต้องการเวลาในการใช้ชีวิต แต่นายจะทิ้งมันไปง่ายอย่างนี้เนี่ยนะ”
คำพูดของต้นไม้ทำให้ผมคิดได้ นั่นสินะผมนี่โง่จริงๆ ทั้งๆที่ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลยแท้ๆแต่ผมกลับจะมาจบชีวิตเอาเสียว่าายๆแบบนี้ หลังจากวันนั้นผมก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่เข้มแข็งขึ้นและพร้อมที่จะให้ชีวิตต่อให้คุ้มค่ากับเวลาที่เหลืออยู่ ผมกับต้นไม้ได้เจอกันทุกวันอีกครั้งเหมือนตอนสมัยเด็กๆทำให้เราสนิทกันมากขึ้นไปอีกจนเรามีความรู้สึกดีๆให้กันจนเกินคำว่าเพื่อนสนิท และสองเดือนต่อมาเราตกลงเป็นแฟนกันแต่เรายังไม่ได้บอกคนในครอบครัว ความสัมพันธ์ของเราเลยเป็นแบบต้องหลบๆซ่อนๆกันไปก่อน
เย็นวันหนึ่งด้วยความที่ผมอึดอัดเต็มทีกับความสัมพันธ์ที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆของเรา ผมจึงตัดสินใจที่จะชวนต้นไม้มากินข้าวที่บ้านของผมเพื่อที่จะบอกกับครอบครัวของผมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับต้นไม้ ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีที่พ่อกับแม่ของผมเข้าใจถึงรสนิยมทางเพศผมกับต้นไม้เพราะพวกท่านไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่หัวโบราณนัก และพวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แล้วยังอยู่ในสายตาของพวกท่านมาโดยตลอด
แล้วปัญญาก็เกิดขึ้นเมื่อถึงคราวที่เราต้องไปสารภาพกับพ่อแม่ของต้นไม้ ครอบครัวของเขารับไม่ได้เมื่อรู้ว่าต้นไม้มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน ต้นไม้ทะเลาะและมีปากเสียงกับพ่อและแม่อย่างรุนแรง และเหตุการณ์ดูเหมือนจะร้ายแรงยิ่งขึ้นเมื่อต้นไม้หนีออกจากบ้านไปกว่าสัปดาห์ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน? และเขาก็ไม่ได้ติดต่อผมมาเลยเช่นกัน ทุกๆวันผมโดนพ่อและแม่ของต้นไม้ด่าว่าอยู่เป็นประจำทุกครั้งที่เจอหน้า ถูกผู้คนในละแวกนั้นตราหน้าว่าเป็นพวกวิปริตผิดเพศ บางทีผมก็คิดว่าความรักคร้งนี้ของผมมันผิดมากนักหรือไง? ทั้งๆที่รักของเราเริ่มต้นขึ้นด้วยความรู้สึกดีๆเป็นความรักที่บริสุทธิ์แล้วทำไมผลที่ได้ตอนนี้มันกลับมีแต่ความเจ็บปวด นี่สินะคือที่มาของคำว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ผมเริ่มจะเข้าใจแล้ว...
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นจากชั้นหนึ่งของบ้าน ผมรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านเพื่อรีบมายกหูโทรศัพท์ ด้วยความที่หวังมาตลอดว่าต้นไม้จะติดต่อกลับมาบ้าง
‘สวัสดีครับ’
‘สวัสดีเอ็ม...นี่ต้นไม้พูดนะ’
‘ต้นไม้! นายอยู่ที่ไหนน่ะ? ทุกคนเป็นห่วงนายมากเลยรู้บ้างไหม!’
‘เราสบายดี...ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม?’
‘อืม...นายอยู่ที่ไหนล่ะ?’
ต้นไม้นัดผมให้มาเจอกันที่ริมหน้าผาเดิมที่ผมเคยคิดที่จะกระโดดลงไปฆ่าตัวตายและที่นี่ก็เป็นที่ที่เราเจอกันอีกครั้งเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี เมื่อผมมาถึงก็เห็นต้นไม้ยืนรออยู่พร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวในมือของเขาสองดอก เขาส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกโหยหามาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมคิดถึงรอยยิ้มนี้เหลือเกิน ต้นไม้ยื่นดอกกุหลาบสีขาวให้ผมหนึ่งดอก
“อะไร?”
“กุหลาบขาวไง รับไว้สิ”
“เนื่องในโอกาสอะไร?”
“ไม่มีโอกาสพิเศษอะไรหรอกแค่อยากจะให้”
“ขอบใจนะ”
“เราคิดถึงนายมากๆเลยรู้ไหม”
“คิดถึงเหมือนกันแล้วนายไปอยู่ที่ไหนมา? ทำไมถึงไม่กลับบ้าน”
“เราไปอยู่บ้านเพื่อนมา เรายังไม่อยากลับบ้าน กลับไปก็ทะเลาะกับพ่อแม่เสียเปล่าๆ”
“เราว่านายกลับบ้านเถอะ ทุกคนเป็นห่วงนายมาก ถึงพ่อกับแม่ของนายจะไม่ยอมรับความรักของเราในตอนนี้ แต่เราเชื่อว่าถ้าเราทำให้เขาเห็นว่าเรามีความรักและความจริงใจให้กันมากแค่ไหน สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องยอมรับในความรักของพวกเราแน่นอน”
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ?”
“อื้มใช่ เราเชื่ออย่างนั้น พวกเขาก็เคยมีความรักมาก่อน สักวันเขาต้องเข้าใจเราแน่ๆ”
“กลับก็ได้...แต่ขอกำลังใจหน่อยได้ไหม”
“ยังไง?”
“ขอกอดที”
ต้นไม้โผเข้ากอดผมให้หายคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสัปดาห์ และในวันรุ่งขึ้นต้นไม้ก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของเขาเหมือนเดิม ในช่วงแรกพ่อกับแม่ของต้นไม้ไม่อยากให้เขามายุ่งเกี่ยวกับผมอีกแต่ต้นไม้ก็ไม่สนใจและเขายังคงมาหาผมที่บ้านทุกวัน แต่พอเวลาผ่านไปสุดท้ายพวกท่านก็เห็นถึงความมั่นคงในความรักของพวกเราที่มั่นคงกว่าความรักของชายหญิงบางคู่ด้วยซ้ำไป หลายปีที่ผ่านมาความรักของเราก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ความรักของเพศทางเลือกอย่างพวกเรานั้นไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยคราบน้ำตาเสมอไป จริงอยู่ที่อาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่อุปสรรคในวัยเยาว์ที่ผ่านมานั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ชั้นดีที่เราจะได้เรียนรู้และทำให้เราเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นอย่างในทุกวันนี้ยังไงล่ะครับ
ผมชื่อเอ็มเรื่องราวความรักของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ช่วงนั้นผมมีแฟนชื่อเมย์เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าตาดีทีเดียวเรียกว่าเป็นสาวสวยประจำห้องของเราเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งเราเรียนจบชั้นมัธยมและกำลังเตรีจมตัวที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็ต้องย้ายไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่งทำให้เราห่างกันและสุดท้ายก็ลดสถานะลงเหลือแค่เป็นเพื่อนกัน
ช่วงที่เมย์จากไปสองอาทิตย์แรก ผมเสียใจมากร้องไห้ฟูมฟายไม่เป็นอันกินอันนอน บอกตรงๆเลยว่าช่วงนั้นผมรู้สึกว่าขาดเมย์ไปแล้วผมต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ ผมเสียใจมากจนคิดจะฆ่าตัวตาย และด้วยความที่จังหวัดที่ผมอยู่นั้นเป็นจังหวัดที่ติดชายฝั่งทะเล ผมเดินไปที่ริมหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง เมื่อมองลงไปก็จะเห็นหินโสโครกเรียงรายอยู่เต็มไปหมดประกอบกับช่วงนั้นเป็นฤดูมรสุมจึงทำให้เกิดคลื่นสูงหลายเมตรพัดเข้าสู่ชายฝั่ง คลื่นเหล่านั้นพัดเข้ามากระทบกับหินโสโครกอยู่เป็นระยะ ถ้ากระโดดลงไปยังไงก็ไม่น่าจะรอดแน่ๆ
ในช่วงวินาทีสุดท้ายที่ผมจะตัดสินใจกระโดดลงไป ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง
“คิดดีแล้วใช่ไหม? ที่จะทำแบบนี้”
เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ ต้นไม้ เพื่อนสนิทของผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ แต่ต้นไม้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯตั้งแต่ตอนที่เราเรียนจบชั้นประถมแล้ว ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบกับเขาที่นี่
“ต้นไม้?”
“ใช่ ดีใจนะที่นายยังจำเราได้”
“แล้ว...นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เรื่องมันยาวน่ะ นายกลับเข้ามานั่งคุยกันก่อนสิ”
ผมทำตามคำเชิญของต้นไม้เดินกลับออกมาจากริมหน้าผาที่สูงชันนั้นอย่างง่ายดาย และอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ทำให้มีเรื่องราวต่างๆที่อยากจะพูดคุยและถามไถ่กันมากมายต้นไม้เพิ่งจะย้ายกลับมาวันนี้ เขาบังเอิญเห็นผมขี่จักรยานผ่านหน้าบ้านของเขาและด้วยสีหน้าและแววตาที่เคร่งเครียดมากของผมทำให้เขาเป็นห่วงเลยตามมาดู เราคุยกันเพลินจนผมเกือบจะลืมเรื่องที่ผมกำลังเสียใจและคิดที่จะฆ่าตัวตายไปเลย จนกระทั่งต้นไม้ถามถึงสาเหตุของการที่ผมจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย ผมจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ต้นไม้ฟัง ต้นไม้พูดกับผมด้วยประโยค ประโยคหนึ่งว่า
“นายไม่เสียดายบ้างหรือไง? ทั้งๆที่นายยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย มีคนอีกตั้งมากมายที่ต้องการเวลาในการใช้ชีวิต แต่นายจะทิ้งมันไปง่ายอย่างนี้เนี่ยนะ”
คำพูดของต้นไม้ทำให้ผมคิดได้ นั่นสินะผมนี่โง่จริงๆ ทั้งๆที่ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลยแท้ๆแต่ผมกลับจะมาจบชีวิตเอาเสียว่าายๆแบบนี้ หลังจากวันนั้นผมก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่เข้มแข็งขึ้นและพร้อมที่จะให้ชีวิตต่อให้คุ้มค่ากับเวลาที่เหลืออยู่ ผมกับต้นไม้ได้เจอกันทุกวันอีกครั้งเหมือนตอนสมัยเด็กๆทำให้เราสนิทกันมากขึ้นไปอีกจนเรามีความรู้สึกดีๆให้กันจนเกินคำว่าเพื่อนสนิท และสองเดือนต่อมาเราตกลงเป็นแฟนกันแต่เรายังไม่ได้บอกคนในครอบครัว ความสัมพันธ์ของเราเลยเป็นแบบต้องหลบๆซ่อนๆกันไปก่อน
เย็นวันหนึ่งด้วยความที่ผมอึดอัดเต็มทีกับความสัมพันธ์ที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆของเรา ผมจึงตัดสินใจที่จะชวนต้นไม้มากินข้าวที่บ้านของผมเพื่อที่จะบอกกับครอบครัวของผมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับต้นไม้ ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีที่พ่อกับแม่ของผมเข้าใจถึงรสนิยมทางเพศผมกับต้นไม้เพราะพวกท่านไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่หัวโบราณนัก และพวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แล้วยังอยู่ในสายตาของพวกท่านมาโดยตลอด
แล้วปัญญาก็เกิดขึ้นเมื่อถึงคราวที่เราต้องไปสารภาพกับพ่อแม่ของต้นไม้ ครอบครัวของเขารับไม่ได้เมื่อรู้ว่าต้นไม้มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน ต้นไม้ทะเลาะและมีปากเสียงกับพ่อและแม่อย่างรุนแรง และเหตุการณ์ดูเหมือนจะร้ายแรงยิ่งขึ้นเมื่อต้นไม้หนีออกจากบ้านไปกว่าสัปดาห์ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน? และเขาก็ไม่ได้ติดต่อผมมาเลยเช่นกัน ทุกๆวันผมโดนพ่อและแม่ของต้นไม้ด่าว่าอยู่เป็นประจำทุกครั้งที่เจอหน้า ถูกผู้คนในละแวกนั้นตราหน้าว่าเป็นพวกวิปริตผิดเพศ บางทีผมก็คิดว่าความรักคร้งนี้ของผมมันผิดมากนักหรือไง? ทั้งๆที่รักของเราเริ่มต้นขึ้นด้วยความรู้สึกดีๆเป็นความรักที่บริสุทธิ์แล้วทำไมผลที่ได้ตอนนี้มันกลับมีแต่ความเจ็บปวด นี่สินะคือที่มาของคำว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ผมเริ่มจะเข้าใจแล้ว...
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นจากชั้นหนึ่งของบ้าน ผมรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านเพื่อรีบมายกหูโทรศัพท์ ด้วยความที่หวังมาตลอดว่าต้นไม้จะติดต่อกลับมาบ้าง
‘สวัสดีครับ’
‘สวัสดีเอ็ม...นี่ต้นไม้พูดนะ’
‘ต้นไม้! นายอยู่ที่ไหนน่ะ? ทุกคนเป็นห่วงนายมากเลยรู้บ้างไหม!’
‘เราสบายดี...ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม?’
‘อืม...นายอยู่ที่ไหนล่ะ?’
ต้นไม้นัดผมให้มาเจอกันที่ริมหน้าผาเดิมที่ผมเคยคิดที่จะกระโดดลงไปฆ่าตัวตายและที่นี่ก็เป็นที่ที่เราเจอกันอีกครั้งเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี เมื่อผมมาถึงก็เห็นต้นไม้ยืนรออยู่พร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวในมือของเขาสองดอก เขาส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกโหยหามาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมคิดถึงรอยยิ้มนี้เหลือเกิน ต้นไม้ยื่นดอกกุหลาบสีขาวให้ผมหนึ่งดอก
“อะไร?”
“กุหลาบขาวไง รับไว้สิ”
“เนื่องในโอกาสอะไร?”
“ไม่มีโอกาสพิเศษอะไรหรอกแค่อยากจะให้”
“ขอบใจนะ”
“เราคิดถึงนายมากๆเลยรู้ไหม”
“คิดถึงเหมือนกันแล้วนายไปอยู่ที่ไหนมา? ทำไมถึงไม่กลับบ้าน”
“เราไปอยู่บ้านเพื่อนมา เรายังไม่อยากลับบ้าน กลับไปก็ทะเลาะกับพ่อแม่เสียเปล่าๆ”
“เราว่านายกลับบ้านเถอะ ทุกคนเป็นห่วงนายมาก ถึงพ่อกับแม่ของนายจะไม่ยอมรับความรักของเราในตอนนี้ แต่เราเชื่อว่าถ้าเราทำให้เขาเห็นว่าเรามีความรักและความจริงใจให้กันมากแค่ไหน สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องยอมรับในความรักของพวกเราแน่นอน”
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ?”
“อื้มใช่ เราเชื่ออย่างนั้น พวกเขาก็เคยมีความรักมาก่อน สักวันเขาต้องเข้าใจเราแน่ๆ”
“กลับก็ได้...แต่ขอกำลังใจหน่อยได้ไหม”
“ยังไง?”
“ขอกอดที”
ต้นไม้โผเข้ากอดผมให้หายคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสัปดาห์ และในวันรุ่งขึ้นต้นไม้ก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของเขาเหมือนเดิม ในช่วงแรกพ่อกับแม่ของต้นไม้ไม่อยากให้เขามายุ่งเกี่ยวกับผมอีกแต่ต้นไม้ก็ไม่สนใจและเขายังคงมาหาผมที่บ้านทุกวัน แต่พอเวลาผ่านไปสุดท้ายพวกท่านก็เห็นถึงความมั่นคงในความรักของพวกเราที่มั่นคงกว่าความรักของชายหญิงบางคู่ด้วยซ้ำไป หลายปีที่ผ่านมาความรักของเราก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ความรักของเพศทางเลือกอย่างพวกเรานั้นไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยคราบน้ำตาเสมอไป จริงอยู่ที่อาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่อุปสรรคในวัยเยาว์ที่ผ่านมานั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ชั้นดีที่เราจะได้เรียนรู้และทำให้เราเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นอย่างในทุกวันนี้ยังไงล่ะครับ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ