Attack On Titan : call your name
9.7
เขียนโดย KRYING
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.26 น.
1 ตอน
3 วิจารณ์
3,298 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) END.
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ปีกแห่งอิสรภาพ คือสิ่งที่ผมต้องการจะครอบครองมาโดยตลอด..”
เอเลนพูดเสียงแผ่ว ในมือของเขามีเครื่องแบบสีน้ำตาลนอนนิ่งอยู่ เป็นเครื่องแบบของผู้ปกป้องเมืองธรรมดา แต่สิ่งที่เด่นขึ้นกว่า อาจจะเป็นเพราะตราที่ถูกปักไว้อย่างประณีต ..ปีกนกไขว้กัน ใครต่อใครต่างก็รู้ว่ามันหมายถึงความเป็นอิสระ
..ที่แลกกับความตายของใครหลายคน เพื่อให้ใครอีกคนอยู่รอด
เป็นดั่งหมูในคอกที่ไร้หนทางหนีแม้จะพยายามดิ้นรนขนาดไหนแล้วก็ตาม มนุษยชาติยังไงก็ไม่มีทางล้มล้างไททัน มีเรี่ยวแรง มีกำลัง มีอาวุธ แต่ไม่มีพลัง ไม่ว่าอย่างไรมันก็แทบจะสูญเปล่า เอเลนตระหนักถึงข้อนี้ดี.. เด็กหนุ่มเคียดแค้นไททัน อยากจะกำจัดมันให้เสียสิ้นไป
โดยในหลายๆครั้ง.. ก็ลืมไปเลยว่าตนเองนั้น คือไททันตัวหนึ่งเหมือนกัน
อาจจะเพราะอย่างนั้น.. ที่ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีแต่ความรู้สึกผิด
โดยเฉพาะครั้งนี้.. ที่เขาสูญเสียหัวของคนคนนี้ให้ไอ้ยักษ์อัปลักษณ์นั่นไปง่ายๆอย่างไปน่าให้อภัย
“หัวหน้าครับ” เอเลนซบหน้าลงกับตราหน่วยสำรวจ “ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี”
น้ำใสๆรินไหลจากตาสีมรกตถูกเนื้อผ้าสีน้ำตาลซับจนมันกระจายเป็นวงกว้าง เลือดแห้งกรังแม้โดนน้ำก็ไม่อาจถูกล้างไปได้โดยง่าย เด็กหนุ่มปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย เผลอกัดริมฝีปากล่างของตนเองจนห้อเลือด มือก็กำตราสำคัญนั้นแน่นเสียจนเส้นเลือดขึ้น..
“ผมมันอ่อนแอ.. ผมมันคนอ่อนแอ”
กลับจากการออกไปนอกกำแพง นอกจากความสูญเสียเก้าสิบเปอร์เซ็นจากร้อยแล้ว ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะสามารถหนีขึ้นมาอยู่บนกำแพงได้แล้วพร้อมศพจำหนวนหนึ่งก็ตาม
แต่ทุกคนไม่ได้รู้สึกดีใจเลยซักนิด สถานที่ที่เราต่างเรียกมันว่าบ้าน มันไม่ต่างอะไรจากคอกสัตว์เลยสักนิด การพ่ายแพในวันนี้เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า มนุษยชาติไม่มีทางกวาดล้างเผ่าพันธุ์อัปลักษณ์ที่เดินเพ่นพ่านอยู่บริเวณโลกภายนอกนั่นได้
..ทุกๆวัน เป็นเหมือนรอแต่ให้พวกมันเข้ามาจับกิน
รีไวล์มองเจ้าตัวภาระที่เขารับเข้ามาดูแลด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองมันที่กำลังทรุดตัวลงคุกเข่าร่ำไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าศพท่ามกลางความโศกสลดของใครหลายคน ชายหนุ่มได้แต่มองมันเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร จะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ไม่ได้โตขึ้นเลยจริงๆ
รีไวล์เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ามัน เขาก้มหน้าลงมองศพๆนั้นใกล้ๆ แววตาของชายหนุ่มนั้นเปลี่ยนไป มือที่กำลังจะเอื้อมไปแตะบ่าไอ้เด็กเหลือขอชะงักแล้วตกลงข้างตัว..
“เอเลน”
“ห..หัวหน้า” เอเลนยังคงสะอึกสะอื้น พูดอะไรออกมาไม่เป็นคำ
“ลุกขึ้นซะ”
“หัวหน้าครับ..” เด็กหนุ่มละใบหน้าออกจากเสื้อเครื่องแบบสีน้ำตาลที่ชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงสดและน้ำตาราวเขื่อนแตก แต่ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
หยดแล้วหยดเล่า..
“หัวหน้า..”
“...”
“หัวหน้ารีไวล์..”
“...”
“ผม..มันคนอ่อนแอ”
“...”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งพอ แต่ผมคิดผิดมาตลอด ..ผมคิดผิดมาตลอดเลยครับหัวหน้า ผมไม่สามารถแม้แต่จะยื้อชีวิตใครได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม”
“...”
“ทุกสิ่งทุกอย่าง”
“...”
“..สิ่งสำคัญของผม”
สายลมเย็นๆพักมาวูบหนึ่ง เส้นผมที่เปียกชื้นสะบัดเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกนั้นไม่ได้ทำให้อยากมีชีวิตอยู่เลย มันมีแต่ความสิ้นหวังที่รู้สึกได้เพียงเท่านั้น
“เอเลน”
รีไวล์โอบกอดไอ้เด็กเหลือขอจากทางด้านหลัง สองมือของเขาโอบรัดใบหน้าของมันเอาไว้ ชายหนุ่มนิ่งอยู่อย่างนั้นนานนับนาทีท่ามกลางเสียงสะอื้นของไอ้ตัวภาระที่ส่งเสียงออกมาเป็นระยะๆ
“เอเลน”
“จำเอาไว้ ว่าเรายังเคยมีชีวิตอยู่ก็พอ”
“...”
สายลมเย็นๆวูบหนึ่งพัดผ่านมาอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างของรีไวล์ค่อยๆเลือนหายไป เอเลนทรุดตัวลงอีกครั้ง เขาเอื้อมโอบกอดร่างของชายผู้เป็นทุกอย่างอย่างไว้แนบแน่นราวกับไม่มีวันจะปล่อยร่างนั้นให้สลายไป
แสงจันทร์สาดส่องลงมา เผยให้เห็นลำตัวซีกซ้ายที่ขาดแหว่งหายไป เหลือเพียงแต่ลำตัวกับขาขวาเอาไว้ พร้อมใบหน้าที่มีเพียงครึ่งเสี้ยว..
“หัวหน้ารีไวล์!!!”
.
ATTACK ON TITAN : call your name.
เอเลนพูดเสียงแผ่ว ในมือของเขามีเครื่องแบบสีน้ำตาลนอนนิ่งอยู่ เป็นเครื่องแบบของผู้ปกป้องเมืองธรรมดา แต่สิ่งที่เด่นขึ้นกว่า อาจจะเป็นเพราะตราที่ถูกปักไว้อย่างประณีต ..ปีกนกไขว้กัน ใครต่อใครต่างก็รู้ว่ามันหมายถึงความเป็นอิสระ
..ที่แลกกับความตายของใครหลายคน เพื่อให้ใครอีกคนอยู่รอด
เป็นดั่งหมูในคอกที่ไร้หนทางหนีแม้จะพยายามดิ้นรนขนาดไหนแล้วก็ตาม มนุษยชาติยังไงก็ไม่มีทางล้มล้างไททัน มีเรี่ยวแรง มีกำลัง มีอาวุธ แต่ไม่มีพลัง ไม่ว่าอย่างไรมันก็แทบจะสูญเปล่า เอเลนตระหนักถึงข้อนี้ดี.. เด็กหนุ่มเคียดแค้นไททัน อยากจะกำจัดมันให้เสียสิ้นไป
โดยในหลายๆครั้ง.. ก็ลืมไปเลยว่าตนเองนั้น คือไททันตัวหนึ่งเหมือนกัน
อาจจะเพราะอย่างนั้น.. ที่ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีแต่ความรู้สึกผิด
โดยเฉพาะครั้งนี้.. ที่เขาสูญเสียหัวของคนคนนี้ให้ไอ้ยักษ์อัปลักษณ์นั่นไปง่ายๆอย่างไปน่าให้อภัย
“หัวหน้าครับ” เอเลนซบหน้าลงกับตราหน่วยสำรวจ “ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี”
น้ำใสๆรินไหลจากตาสีมรกตถูกเนื้อผ้าสีน้ำตาลซับจนมันกระจายเป็นวงกว้าง เลือดแห้งกรังแม้โดนน้ำก็ไม่อาจถูกล้างไปได้โดยง่าย เด็กหนุ่มปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย เผลอกัดริมฝีปากล่างของตนเองจนห้อเลือด มือก็กำตราสำคัญนั้นแน่นเสียจนเส้นเลือดขึ้น..
“ผมมันอ่อนแอ.. ผมมันคนอ่อนแอ”
กลับจากการออกไปนอกกำแพง นอกจากความสูญเสียเก้าสิบเปอร์เซ็นจากร้อยแล้ว ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะสามารถหนีขึ้นมาอยู่บนกำแพงได้แล้วพร้อมศพจำหนวนหนึ่งก็ตาม
แต่ทุกคนไม่ได้รู้สึกดีใจเลยซักนิด สถานที่ที่เราต่างเรียกมันว่าบ้าน มันไม่ต่างอะไรจากคอกสัตว์เลยสักนิด การพ่ายแพในวันนี้เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า มนุษยชาติไม่มีทางกวาดล้างเผ่าพันธุ์อัปลักษณ์ที่เดินเพ่นพ่านอยู่บริเวณโลกภายนอกนั่นได้
..ทุกๆวัน เป็นเหมือนรอแต่ให้พวกมันเข้ามาจับกิน
รีไวล์มองเจ้าตัวภาระที่เขารับเข้ามาดูแลด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองมันที่กำลังทรุดตัวลงคุกเข่าร่ำไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าศพท่ามกลางความโศกสลดของใครหลายคน ชายหนุ่มได้แต่มองมันเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร จะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ไม่ได้โตขึ้นเลยจริงๆ
รีไวล์เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ามัน เขาก้มหน้าลงมองศพๆนั้นใกล้ๆ แววตาของชายหนุ่มนั้นเปลี่ยนไป มือที่กำลังจะเอื้อมไปแตะบ่าไอ้เด็กเหลือขอชะงักแล้วตกลงข้างตัว..
“เอเลน”
“ห..หัวหน้า” เอเลนยังคงสะอึกสะอื้น พูดอะไรออกมาไม่เป็นคำ
“ลุกขึ้นซะ”
“หัวหน้าครับ..” เด็กหนุ่มละใบหน้าออกจากเสื้อเครื่องแบบสีน้ำตาลที่ชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงสดและน้ำตาราวเขื่อนแตก แต่ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
หยดแล้วหยดเล่า..
“หัวหน้า..”
“...”
“หัวหน้ารีไวล์..”
“...”
“ผม..มันคนอ่อนแอ”
“...”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งพอ แต่ผมคิดผิดมาตลอด ..ผมคิดผิดมาตลอดเลยครับหัวหน้า ผมไม่สามารถแม้แต่จะยื้อชีวิตใครได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม”
“...”
“ทุกสิ่งทุกอย่าง”
“...”
“..สิ่งสำคัญของผม”
สายลมเย็นๆพักมาวูบหนึ่ง เส้นผมที่เปียกชื้นสะบัดเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกนั้นไม่ได้ทำให้อยากมีชีวิตอยู่เลย มันมีแต่ความสิ้นหวังที่รู้สึกได้เพียงเท่านั้น
“เอเลน”
รีไวล์โอบกอดไอ้เด็กเหลือขอจากทางด้านหลัง สองมือของเขาโอบรัดใบหน้าของมันเอาไว้ ชายหนุ่มนิ่งอยู่อย่างนั้นนานนับนาทีท่ามกลางเสียงสะอื้นของไอ้ตัวภาระที่ส่งเสียงออกมาเป็นระยะๆ
“เอเลน”
“จำเอาไว้ ว่าเรายังเคยมีชีวิตอยู่ก็พอ”
“...”
สายลมเย็นๆวูบหนึ่งพัดผ่านมาอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างของรีไวล์ค่อยๆเลือนหายไป เอเลนทรุดตัวลงอีกครั้ง เขาเอื้อมโอบกอดร่างของชายผู้เป็นทุกอย่างอย่างไว้แนบแน่นราวกับไม่มีวันจะปล่อยร่างนั้นให้สลายไป
แสงจันทร์สาดส่องลงมา เผยให้เห็นลำตัวซีกซ้ายที่ขาดแหว่งหายไป เหลือเพียงแต่ลำตัวกับขาขวาเอาไว้ พร้อมใบหน้าที่มีเพียงครึ่งเสี้ยว..
“หัวหน้ารีไวล์!!!”
.
ATTACK ON TITAN : call your name.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ