จากฉัน...ถึงฉัน
เขียนโดย Kendo_Jirawat
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.38 น.
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 08.06 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) จากฉัน...ถึงฉัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลาที่คุณมีปัญหาคุณก็คงอยากจะระบายให้ใครสักคนได้ฟัง ใครคนนั้นที่จะรับฟังเราได้ทุกปัญหาและทุกเรื่องราวในชีวิตของเรา แต่บางทีมันก็หายากเหมือนกันนะ คนที่จะรับฟังเราได้ทุกเรื่องราว มีคนเคยบอกผมว่าสถาบันครอบครัวนั้นสามารถรับฟังเราได้ทุกเรื่อง แต่นั่นมันก็คงจะใช้ได้เฉพาะกับคนอื่นซึ่งคงไม่ใช่ผม ทำไมน่ะเหรอครับ? เพราะผมอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว ครอบครัวของผมทั้งพ่อและแม่ต่างก็จากผมไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ผมกลับรอดชีวิตเพียงคนเดียว การสูญเสียครั้งนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นทุกอย่างในชีวิตตอนนั้นมันไร้ความหมาย แล้วผมจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรเพียงลำพัง...
ความฝันก่อนตื่นของผมทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นภาพอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้นเสมอ ถึงแม้ว่าผมจะอยากลืมมันไปมากเพียงใดแต่มันก็คงจะไม่มีทางจางหายไปจากชีวิตของผม ความทรงจำอันแสนเจ็บปวด ทุกวันหลังตื่นตอนเช้าผมจะไปยืนสูดอากาศยามเช้าตรงระเบียงห้อง ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะเห็นพ่อยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงหน้าบ้าน และจากระเบียงห้องของผม ก็สามารถที่จะมองเห็นห้องครัวที่อยู่บริเวณชั้นล่างอย่างพอดิบพอดี ทุกวันผมจะเห็นแม่วุ่นกับการทำอาหารเช้าอยู่ในครัว แต่ในวันนี้ผมคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเหล่านั้นอีกแล้ว
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็รีบออกจากบ้านเพื่อที่จะไปทำงาน แต่ในวันนี้ที่หน้าประตูรั้วของบ้านผมมีถุงข้าวต้มแขวนอยู่ นี่คงเป็นข้าวต้มที่พี่ออยซื้อมาฝากผม พี่ออยเป็นพยาบาลสาวที่อยู่ข้างบ้านของผม พี่ออยเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ถ้าผู้ชายคนไหนได้พี่ออยเป็นแฟนก็คงจะเป็นคนที่โชคดีมากๆเลยล่ะ ผมเดินมาหน้าบ้านพี่ออยเพื่อจะมาขอบคุณที่ซื้อข้าวต้มมาฝาก
“อ้าวบียังไม่ไปทำงานเหรอ?”
“กำลังจะออกไปแล้วครับพี่ออย ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้าวต้ม”
“ไม่เป็นไรๆ บีก็เหมือนน้องชายพี่คนหนึ่ง มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะอย่าเก็บไว้คนเดียว เครียดมากๆเดี๋ยวหน้าแก่แล้วไม่หล่อนะบี”
“ครับพี่ออย”
“แต่ยังไง เย็นนี้พี่ขอฝากท้องด้วยนะจ๊ะบี”
“ได้สิครับ แล้วพี่ออยจะไปทำงานเลยไหมครับจะได้ออกไปพร้อมกัน”
“ไปสิๆ บีรอพี่เดี๋ยวเดียวนะ เข้ามานั่งกินข้าวต้มรอก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาไปกินที่ทำงานเลยดีกว่าครับ”
“งั้นบีรอก่อนนะ พี่ขอเวลาสิบนาที”
“ได้ครับ”
**********
หลังจากเลิกงานผมก็แวะที่ตลาดเพื่อซื้อของมาทำมื้อเย็นรอพี่ออย ประมาณหกโมงเย็นพี่ออยก็กลับมาถึงบ้าน เรายกอาหารออกมานั่งกินกันที่บริเวณหน้าบ้าน เราพูดคุยกันเรื่องการทำงานของวันนี้ แล้วจู่ๆพี่ออยก็เอ่ยเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“พี่ยังไม่เห็นบีจะมีแฟนเลยนะ บีไม่ชอบใครบ้างเหรอ?”
“ไม่มีหรอกครับ”
“พี่เป็นห่วงบีนะ ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นบีก็ไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนเลย บีน่าจะหาใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนนะ เวลาที่บีทุกข์ใจจะได้มีคนคอยรับฟังบีบ้าง พี่อยากให้บีเปิดใจลองเปลี่ยนตัวเองดู บีจะได้มีความสุขสักทีนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ออยผมอยู่คนเดียวดีกว่า แค่มีพี่ออยอยู่เป็นเพื่อนแค่นี้ก็พอแล้วล่ะครับ”
“งั้นเอาอย่างนี้ไหมบี พี่เคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่งเขาบอกว่ามีหนึ่งวิธีในการเปลี่ยนแปลงตัวเองคือ ถ้าเรามีปัญหาหรือเรื่องกังวลใจให้ลองเขียนจดหมายถึงตัวเองดู บอกสิ่งที่เราอยากทำและปัญหาที่เราอยากจะแก้ไขแล้วฝากจดหมายฉบับนั้นไว้กับใครสักคนที่เราไว้ใจ แล้วมาเปิดดูหลังจากแปดสัปดาห์ต่อมาที่เราเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว วิธีนี้อาจจะทำให้บีดีขึ้นก็ได้นะ ลองดูไหมบี?”
“ถ้าพี่ออยคิดว่ามันจะทำให้ผมดีขึ้น งั้นลองดูก็ได้ครับ”
หลังจากนั้นผมก็เริ่มเขียนสิ่งต่างๆเขียนสิ่งที่ผมกังวลและสิ่งที่ผมอยากทำให้สำเร็จลงไปในจดหมายฉบับนั้น แล้วผมก็เอาจดหมายฉบับนี้ไปฝากไว้กับพี่ออยคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด อีกแปดสัปดาห์เจอกันนะ นายบีคนใหม่
**********
ผ่านมาแล้วสี่สัปดาห์ หลายๆอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ผมจัดบ้านใหม่เพื่อพยายามที่จะลืมภาพในอดีตที่แสนเจ็บปวด ส่วนพี่ออยก็มีแฟนแล้ว เลยทำให้เราอาจจะไม่ได้กินข้าวด้วยกันบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็ยังคงได้เจอกันทุกเช้าเหมือนเดิม และที่ข้างบ้านของพี่ออยวันนี้ก็มีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ด้วย
“บี อยู่หรือเปล่าบี” เสียงของพี่ออยเรียกผมอยู่ที่บริเวณหน้าประตูรั้ว
“มีอะไรเหรอครับพี่ออย”
“คือคนที่เขาย้ายมาอยู่ใหม่ เขายกของไม่ไหว พี่เลยอยากให้บีไปช่วยเขาหน่อยนะจ๊ะ”
“ได้สิครับ”
คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย เธอชื่อมินต์ เธอทำงานที่เดียวกับผมแต่เราก็ไม่เคยได้คุยกันหรอก ผมแค่เคยเห็นเธออยู่บ่อยๆเท่านั้น
“สวัสดีครับผมชื่อบีนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“อ้าว นายทำงานที่เดียวกับเราใช่ไหม เราชื่อมินต์นะยินดีที่ได้รู้จักนะบี”
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเจออีกคนที่ผมพูดคุยกันถูกคอ เพราะนอกจากพี่ออยแล้ว ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครที่ผมจะพูดคุยได้ทุกเรื่องแบบนี้ ความสัมพันธ์ของผมกับมินต์ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เรามีความรู้สึกดีๆต่อกัน จนในอีกหนึ่งเดือนต่อมาเราก็ตกลงคบกันเป็นแฟน ในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมไม่ฝันถึงอุบัติเหตุในอดีตอีกเลย ผมคงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้สำเร็จแล้วจริงๆ
วันนี้เป็นวันเสาร์ผมนัดกับพี่ออยเพื่อจะเปิดจดหมายของผมเมื่อแปดสัปดาห์ก่อนเรามานั่งกันที่บริเวณหน้าบ้านเเละเปิดจดหมายนั่งอ่านพร้อมกัน
ถึง บี
‘สวัสดีบี ตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง มีแฟนหรือยังแล้วแฟนชื่ออะไร? จะใช่พี่ออยหรือเปล่านะ ช่วงเวลาที่เขียนจดหมายฉบับนี้ ตอนนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะชอบใครได้เลยนอกจากพี่ออย พี่ออยเป็นทุกอย่างของเรา พี่ออยครับถ้าพี่นั่งอ่านอยู่กับผมในอีกแปดสัปดาห์ข้างหน้า ผมอยากจะบอกพี่ออยนะครับว่าผมชอบพี่ออยถึงพี่จะคิดว่าผมเป็นน้องชายคนหนึ่งก็ตาม... แล้วงานเป็นไงบ้างงานหนักขึ้นหรือเปล่า? บ้านได้จัดใหม่หรือยัง จะได้ลืมๆเรื่องราวในอดีตสักที แต่อย่าลืมพ่อกับแม่นะ สุดท้ายนี้ถ้านายได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ก็ขอให้นายมีความสุขกับชีวิตใหม่นะ จากบี’
“อ้าวบีชอบพี่เหรอเนี่ย? ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย”
“ก็ตอนนั้นผมไม่เห็นใครจริงๆนอกจากพี่ออยนี่ครับ”
“แต่ตอนนี้บีก็มีตัวจริงของบีแล้วนี่ พี่ดีใจจริงๆนะที่ได้เห็นบีคนเดิมคนที่ร่าเริงกลับมาอีกครั้ง”
“ผมก็ต้องขอบคุณพี่ออยมากนะครับที่คอยช่วยดูแลและช่วยเหลือผมมาตลอดเลย”
“ไม่เป็นไรๆ บีก็เหมือนน้องชายของพี่คนหนึ่ง พี่จะทิ้งน้องชายคนนี้ได้ยังไงกันล่ะ”
“ขอบคุณนะครับพี่ออย ขอบคุณจริงๆ”
เราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้แต่เราเลือกที่จะอยู่กับมันได้ มีความสุขกับชีวิตใหม่แต่ก็ไม่ลืมคนที่จากไปแล้ว จดจำเรื่องราวดีๆความทรงที่ดีไว้ เพราะคนที่จากเราไปแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไปไหนไกลเลยแต่เขายังอยู่ในใจเราเสมอ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ