Hold Your Mind ขอได้ไหม ขอกุมหัวใจเธอ

-

เขียนโดย yasang

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.54 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,613 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559 18.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) เรื่องที่เราเข้าใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เว็บขีดเขียน

เรื่องที่เราเข้าใจ

 

 

           ยามเย็นใกล้พลบค่ำ หมู่มวลนกน้อยต่างพากันบินเต็มท้องฟ้าเพื่อหวนกลับรังของตน สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยพลันให้ความรู้สึกในใจของเด็กสาวรู้สึกแย่ไปด้วย โซฟากลางห้องโถงที่เคยเป็นที่นั่งพักผ่อนอันแสนสบาย แต่ในเย็นวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น

            สายตาจากผู้เป็นอาและอาสะใภ้จ้องมองมาที่เธอประดุจดั่งจะกินเลือดกินเนื้อ อีกด้านหนึ่งของโต๊ะกระจกคุณย่าที่นั่งทอดมองมาทางหลานสาวก็มีสายตาที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก จะต่างไปหน่อยก็คือ พ่อของเด็กสาวที่ดูจะเข้าใจและเห็นใจเธอมากที่สุด

            “เห็นเป็นเด็กเงียบ ๆ นี่วรรณไม่คิดเลยนะคะคุณแม่ ว่าแฟ้มจะเป็นคนชิงสุกก่อนห่ามแบบนี้ นี่ถ้าวรรณไม่ใช้ให้ลูกต้นอ้อเอาขนมมาให้ ปานนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง” วรรณลดา อาสะใภ้ของแฟ้มพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ พลางส่งสายตาหยามเหยียดมายังร่างบางเป็นระยะ ๆ

            “นั่นสิ นี่อาไม่คิดเลยว่าแฟ้มจะกล้าทำแบบนี้ในบ้านของตัวเอง” ธินกรผู้เป็นอาพูดเสริม

            “...แต่มันไม่ใช่แบบที่คุณอาแล้วก็คุณย่าคิดนะคะ แฟ้มไม่ได้”

            “หยุดเถียง! เธอเป็นแค่เด็ก กล้าดียังไงมาเถียงผู้ใหญ่ แฟ้มฟังย่านะ การที่แฟ้มอยู่ในห้องกับผู้ชายตอนกลางคืน แล้วทำอะไรบัดสีบัดเถลิง แบบนั้น ยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีกหรอ” ย่าของเด็กสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองหลานของตนไม่วางตา แล้วหันไปพูดกับพ่อของเด็กสาว “แกก็เหมือนกัน คอยอบรมสั่งสอนลูกให้ดี ไม่ใช่มันจะทำอะไรก็ให้ท้ายไปซะหมด อย่าคิดนะว่าทำตัวเป็นเด็กเรียนแล้วฉันจะไว้ใจ ว่าลูกสาวของแกจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก”

            “คุณแม่ครับ ทำไมถึงไม่ฟังแฟ้มอธิบายก่อน ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ธินวัฒน์ พ่อของแฟ้มพูดขึ้นบ้าง

            “มันจะเข้าใจพงเข้าใจผิดอะไรกัน!” ผู้เป็นย่าเอ็ดเสียงดัง จนร่างบางมีอันสะดุ้ง “ลูกสาวของแกมันอยู่ในห้องกับผู้ชายแบบนั้น แล้วที่สำคัญมันอยู่บนเตียง แกฟังไว้! ว่ามันอยู่บนเตียง คิดว่ามันจะทำอะไรกันล่ะ ทำทีเป็นเปิดสอนพิเศษ จะได้ชวนผู้ชายเข้าบ้านง่าย ๆ ล่ะสิ”

            “แต่แม่ครับผมบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

            “แกไม่ต้องมาเถียง!”

            “พ่อคะ พ่อแล้ว หนูไม่เป็นไร” ร่างบางเป็นอันต้องลุกจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่า พ่อและย่าจะปะทะอารมณ์กันรุนแรงขึ้น น้ำตาเริ่มคลอที่หน่วยตาของเด็กสาว

            “ไม่เป็นไรแฟ้ม พ่อจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ” มือหนาจับที่บ่าทั้งสองของลูกสาวพร้อมพูดปลอบใจ

            อะไรอีกล่ะที่จะทำให้ผู้เป็นพ่อเจ็บปวดเท่ากับได้เห็นน้ำตาของลูกสาวเพียงคนเดียว คนที่ไม่เคยสร้างความหนักใจให้เขาเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเธอกลับรับผิดชอบหน้าที่เกินกว่าที่เด็กมอปลายหลายคนจะรับไหว จึงไม่แปลกที่ธินวัฒน์จะเข้าใจลูกสาวของตนมากที่สุด

            ปัญหาที่มีก็เพียงแต่ข้อเปรียบเทียบต่าง ๆ นานาที่มีมาตั้งแต่ ธินวัฒน์ แต่งงานกับ ราตรี แม่ของแฟ้ม ซึ่งตอนนั้นทำให้ผู้เป็นย่าของเด็กสาวไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะอะไรนั้น ก็เพราะมันเป็นการขัดคำสั่งของย่า ในตอนแรก ธินวัฒน์และธินกร  มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่มันเป็นการคลุมถุงชน และเพิ่งมาเปิดเผยให้รู้ในภายหลัง มันเป็นเรื่องยากนักที่จะเห็นแก่สมบัติมากมาย และทิ้งหญิงที่ตนรัก มาแต่งงานกับหญิงที่ผู้เป็นแม่ตระเตรียมไว้ให้ ตั้งแต่นั้นมาผู้เป็นแม่จึงถ่ายเทความรักไปยังธินกรและวรรณลดา รวมถึงลูกสาวของพวกเขาคือ ต้นอ้อ ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแฟ้ม  จะต่างก็แต่ความรักความเมตตาที่มีให้เท่านั้น

            “พี่วัฒน์ผมว่าพี่ไม่ต้องพูดยืดยาวหรอก ลูกของพี่ทำแบบนั้น มันแก้ตัวไม่ขึ้นแล้ว” ธินกรผู้เป็นอาของแฟ้มพูดกับพี่ชาย ด้วยน้ำเสียงที่เดาได้ไม่ยาก

            “อย่างที่บอกแหละค่ะคุณแม่ แก้ตัวยังไงก็แก้ไม่ขึ้น อายุเท่าต้นอ้อแท้ ๆ แต่กลับทำตัว ต่ำ ๆ”

            “วรรณลดา คุณพูดเกินไปแล้วนะ”

            “พ่อค่ะ ชั่งเถอะค่ะ ชั่งเถอะ...” เสียงสั่นเครือออกมาจากลำคอของเด็กสาว พลางเข้าไปรั้งแขนของบิดาเอาไว้ “หนูไม่เป็นไรแล้ว...”

            “แกไม่ต้องเอาน้ำตามาล่อ ฉันเตือนแกแล้วนะตาวัฒน์ แม่มันเป็นยังไง ลูกมันก็เป็นยังงั้นแหละ” ย่าพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน ตามด้วยลูกชายและลูกสะใภ้สุดที่รัก โดนไม่ลืมที่จะทิ้งคำด่าทอและสายตาหยามเหยียดไว้ให้เด็กสาวและพ่อของเธอ

            “ลูก...ทำไมหนูไม่ให้พ่ออธิบายล่ะลูก” พูดพลางเอื้อมมือหนาไปลูบที่ศีรษะของลูกสาว ครั้นได้เห็นน้ำตาไหลรินอาบแก้มก็รู้สึกสงสารลูกของตนจับใจ

            “...” แฟ้มส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้าพูดกับพ่อของตน “พ่อค่ะ แฟ้มไม่ได้ทำแบบนั้น แฟ้มไม่ได้ทำ”

            “เอาเถอะ พ่อรู้...พ่อรู้ดีลูก”

 

 

            เวลาร่วมตีสองเด็กสาวเพิ่งจะทำการบ้านเสร็จ ก่อนจะหยิบหนังสืออ่านนอกเวลาที่อ่านไปเกือบครึ่งเล่มแล้วขึ้นมา แต่ก็ต้องวางลงที่เดิม เพราะความง่วงมีมากกว่าความรู้สึกอยากอ่าน ยิ่งเธอคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเย็น ก็ยิ่งทำให้ใจฝ่อไปอีกระลอก

            ร่างบอบบางเดินมาหยุดอยู่ที่บานหน้าต่าง ผ้าม่านสีครีมถูกรูดเปิดจนสุด เผยให้เห็นท้องฟ้าในยามค่ำคืนอย่างชัดเจน ท้องฟ้าเปิด มีก้อนเมฆลอยอยู่เพียงประปราย เมฆที่ก้อนใหญ่หน่อยก็เลื่อนลอยช้า ๆ ส่วนก้อนไหนที่เล็กลงมาก็พัดละลิ่วปลิวตามสายลมจนแตกกระจายไม่เหลือเป็นก้อน ดวงจันทร์และกระต่ายน้อยบนนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม เป็นเพื่อนคุยให้เด็กสาวไม่ทอดทิ้งเธอไปไหน...

            “อยู่เป็นเพื่อนกันอีกหน่อยนะ อย่าเพิ่งไปไหน” เธอพึมพำพร้อมทอดสายตาไปยังท้องนภายามค่ำคืน

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้เจ้าของต้องเดินไปยังตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นที่เก็บโทรศัพท์ มองดูรายชื่อแล้วจึงกดรับ

            “ฮ...ฮัลโหลค่ะ” พูดด้วยน้ำเสียงปกติ

            [แฟ้ม!] ปลายสายพูดขึ้นบ้าง

            “...”

            [แฟ้มโดนดุเรื่องพี่ใช่มั้ย แฟ้ม ฟังพี่อยู่หรือเปล่า]

            “ฟังค่ะ...” พยายามสกัดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ไม่อยากให้มันเล็ดลอดออกมา

            [...แฟ้มโดนตำหนิเรื่องพี่ใช่มั้ย]

            “อ...เอ่อ ไม่นะคะพี่แทน ไม่มีใครว่าอะไรแฟ้มหรอก”

            [โกหก !]

            “...”

            [...อย่าโกหกพี่]

            “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

            [เรื่องวุ่นวายก็เพราะพี่]

            “พี่แทน...ชั่งมันเถอะค่ะ คนอื่นไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แฟ้มรู้ว่าแฟ้มไม่ได้ทำอะไรแบบที่เขาคิดกันก็พอ แล้วก็อีกอย่างนะคะ มันก็เพราะแฟ้มเอง ที่พยายามไปถอดแว่นพี่แทน ยังไงซะมันก็เป็นเพราะแฟ้ม” พูดกลั้วหัวเราะน้อย ๆ เพื่อหวังให้ปลายสายเลิกเป็นกังวล

            [มันก็เพราะพี่ด้วยนั้นแหละ]

            “อย่าคิดมากเลยค่ะ”

            [เรานั้นแหละ! อย่าคิดมาก กังวลเรื่องอะไรอยู่แสดงออกให้คนอื่นรู้บ้างก็ได้ อย่ารับไว้คนเดียว เอาเป็นว่าที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการเอง โอเค้]

            “ต...แต่ว่าพี่แทนคะ”

            [ไม่แต่ทั้งนั้น แล้วนี่ทำไมยังไม่นอน คิดมาก หรือว่าทำการบ้าน หรือว่าอ่านหนังสือ]

            “...แฟ้มทำการบ้านค่ะ แล้วก็”

            [คุยกับกระต่ายบนดวงจันทร์ ใช่มั้ย เห็นแทมเล่าให้พี่ฟัง ว่าแฟ้มชอบทำแบบนั้น]

            “...” ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อรู้ว่าลูกศิษย์ตัวน้อยใส่ใจในเรื่องที่ตนเคยเล่าให้ฟัง

            คุยกันอีกสักพักจึงวางสาย และเข้านอนในเวลาย่างเข้าสามนาฬิกาของวันใหม่ ร่างบางในชุดนอนสีขาวทิ้งตัวลงนอนช้า ๆ นำผ้าห่มเลื่อนขึ้นมาปิดที่ระดับอก สายตามองเหม่อไปยังผ้าม่านที่ไหวปลิวจากแรงลมที่พัดมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหลับลง หวังให้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนี้สลายไปกลายเป็นแค่เพียงความฝัน

 

 

            “ทำไมหนูต้องทำด้วยค่ะแม่ แค่งานเสิร์ฟอาหารแค่นี้ทำไมถึงไม่จ้างคนให้มันเยอะ ๆ ล่ะค่ะ หนูมีธุระอย่างอื่นต้องไปทำนะ ทำไมต้องมาเสียเวลาทำอะไรแบบนี้ด้วย”

            “นี่! ต้นอ้อแกฟังแม่นะ อย่าพูดแบบนี้ให้คุณย่าได้ยิน วันนี้ยัยเด็กแฟ้มมันไม่กล้ามาที่นี่ แกต้องรีบมาทำคะแนนเอาไว้ ฉันไม่อยากให้สมบัติของย่าแม้แต่ชิ้นเดียวตกไปเป็นของยัยเด็กนั่น เข้าใจนะ”

            “โถ่แม่!”

            “อ้าว ต้นอ้อหลานย่า วันนี้มาช่วยงานหรอลูก เป็นเด็กดีจริง ๆ นะ” ผู้เป็นย่าเดินเข้ามาขัดจังหวะ แม่ลูกที่กำลังเกือบจะเถียงกัน

            “สวัสดีค่ะคุณย่า วันนี้อ้อตั้งใจจะมาช่วยคุณย่าทำงานน่ะค่ะ เห็นว่าคนขาด” ปั้นหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้เป็นย่าคิดว่าตนตั้งใจในการมาครั้งนี้

            “ดีจังหลานย่า แม่วรรณนี่ก็สอนลูกดีซะจริง” หยุดพูดแล้วมองธินวัฒน์ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำหน้าที่พ่อครัวและเด็กเสิร์ฟไปพร้อม ๆ กัน แล้วจึงพูดว่า “ดีกว่าบางคน ที่เอาแต่ตามใจลูกจนมันจะใจแตกอยู่แล้ว”

            ธินวัฒน์ชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร มีแต่ตั้งหน้าตั้งหน้าทำงานต่อไป

            “เถ้าแก่ มีคนมาพบค่ะ” เสียงพนักงานที่ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านตะโกนเข้ามา ก่อนจะปรากฏร่างสูงของชายหนุ่ม พร้อมด้วยแม่ของเขาที่กำลังเดินเข้ามาตามพนักงาน

            “ใครล่ะนั้น” ผู้เป็นย่าถาม คนที่ร้านจะเรียกท่านว่าเถ้าแก่ทุกคน เพราะท่านเป็นคนควบคุมการดำเนินกิจการทั้งหมด

            “แม่คะ คนนั้นมัน...”

            “สวัสดีค่ะ” ผู้มาใหม่กล่าวสวัสดีเถ้าแก่ของร้าน พลางพุ่มมือไหว้

            “สวัสดีครับ ผม...คนที่อยู่กับแฟ้มเมื่อคืนวันอาทิตย์ครับ”

            “เธอเองหรอ” ย่าถามพลางมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า

            “ครับ! ผมเอง”

_________________________

           ขอบคุณภาพจาก http://allthingsotaku.tumblr.com/

 yasang

19032559

           

 

           

 

 

           

             

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา