Future control อนาคตฉัน เดิมพันด้วยรักของเธอ
5.6
เขียนโดย yasang
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 04.15 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
15.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 00.29 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
7) บทที่ 6 สุ่มหาเป้าหมาย (RW)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ๖
เสียงรัวนิ้วมือลงบนแป้นคีย์บอร์ดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง โดยมีนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบจับจ้องไปยังตัวเลขในโปรแกรมเอ็กเซลอย่างตั้งอกตั้งใจ
ขณะเดียวกันก็มีเสียงฝีเท้าของร่างสูงอีกคน กำลังปรี่เข้ามาหา พร้อมรอยยิ้มแทบฉีกไปถึงหู
“ว่าไงอากิ ทำงานซะใจจดใจจ่อเชียวนะ ตั้งแต่อากิมาอยู่ช่วงพลัดเย็นแทนเจ๊หร่าย รู้ไหมว่าผมก็สบายหูขึ้น เพราะไม่ต้องมีใครมาคอยบ่น” สแน๊กว่าพลางยิ้มกว้างอีกวาระหนึ่ง
อากิยังคงเงียบและรัวข้อมูลลงบนแป้นพิมพ์ต่อไป ไม่ได้แม้แต่จะชำเลืองมองเพื่อนสมัยเด็ก
“...จริงด้วยสินะ ผมว่าอากิก็คงดีใจไม่น้อย เพราะไม่ต้องมีคนมาบ่นว่าต้องไปเช็ดจานนะ หรือว่าห้ามทำพื้นห้องน้ำเปียก”
“พูดจบหรือยัง” หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลว่าพลางเหลือบมองชายหนุ่มที่มีเพียงรอยยิ้มเจื่อน
“แหม ๆ อย่าเพิ่งโกรธสิอากิ ผมรู้ว่าเจ๊หร่ายลงโทษอากิ ที่แอบไปเถลไถลเมื่อวันโน้น...” เขารากเสียงยาว เมื่อวันโน้นก็หมายถึงวันที่อากิแอบไปรับไอริณไปเที่ยวนั่นเอง
“อยากพูดอะไรกันแน่สแน๊ก” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความรำคาญ
“อะ อ้อ ก็หมายความว่า...” ลดใบหน้าลงมาอยู่ระดับเดียวกับชายหนุ่ม พลางชี้นิ้วไปยังร่างบางที่กำลังยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนน้ำแจกันดอกไม้บนโต๊ะรับรองลูกค้า“ไม่เห็นจะเป็นการลงโทษตรงไหนเลย เพราะว่าวันนี้ดันมีอเกนส์อยู่ด้วย”
“อ๊ากกก” สแน๊กร้องเสียงหลงโดยมีใบหน้าหล่อเหลาของอากิยกยิ้มอยู่เบื้องหลัง
น่าแปลกที่หลังจากคำพูดของสแน๊กจบไป มือที่รัวอยู่บนแป้นก็สามารถยกขึ้นมาดีดที่หน้าผากชายหนุ่มได้อย่างรวดเร็ว
“หึ ๆ แกไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับฉัน มีงานทำก็ไปทำซะ ส่วนเรื่องวันนี้เดี๋ยวฉันจะไปบอกเจ๊หร่าย บอกว่าแกพูดว่าเจ๊หร่ายขี้บ่น อะไรเทือกนั้น แล้วฉันจะคอยดูว่าระหว่างฉันที่โดนลงโทษให้ทำงานแทนเพียงหนึ่งอาทิตย์ กับแก สแน๊ก แกอาจจะได้ทำงานแทนเจ๊หร่ายเป็นเดือน ๆ เลย เป็นไง คิดว่าดีใช่ไหมล่ะ” ว่าพลางยกยิ้มที่มุมปาก
“อะ เอ่อ อากิผมแค่แซวเล่นเองนะ ไม่เห็นต้องหน้าแดงเลย”
อากิหันขวับไปจดจ้องเพื่อนเจ้าอารมณ์ขันคนนี้ ด้วยแววตาฉุนกึก
“...”
“คือว่า...ผมขอโทษก็แล้วกันอากิ”
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ไอริณเดินเข้ามาพร้อมหอบดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไว้ในมือ
“เปล่าหรอกอเกนส์ ผมเอาขยะไปทิ้งก่อนน้า” สแน๊กพูดแล้วรีบปลีกตัวออกไป เขาไม่อยากกวนอากิอีกแล้ว ไม่งั้นคนที่จะถูกลงโทษคนต่อไปคงเป็นตัวเขาเอง
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
“มีสิ”
ร่างสูงละสายตาจากคอมพิวเตอร์แล้วมองมายังเด็กสาว ก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร
ไอริณเดินไล่หลังอากิมาตามทางเท้า ซึ่งพวกเขาทั้งคู่เพิ่งกลับจากตลาดใกล้บริเวณห้าง หลังจากไปซื้อดอกไม้เพื่อเตรียมไว้สำหรับเปลี่ยนใส่แจกันในวันพรุ่งนี้ เพราะไอริณมีความจำเป็นต้องอยู่ผลัดเวลาเย็นแทนอิน เนื่องจากเด็กสาวมีธุระที่ต่างจังหวัด
“อเกนส์ว่าที่จริงดอกสีม่วง ๆ เมื่อกี้ก็สวยดีนะอากิ แต่ว่าไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร” ร่างบางเปรยขึ้น พลางยกมัดดอกไม้ที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาดู
“ดอกไม้ไง”
“จ้า ๆ ดอกไม้ก็ดอกไม้”
“เออ แล้วนี่อินเค้าไปไหน ทำไมอเกนส์ต้องมาเข้าผลัดแทน”
“อ๋อ อเกนส์ไปบ้านพ่อที่ต่างจังหวัด เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญ บอกแค่ว่าไปสองวัน แล้วก็ไปกับแม่ อเกนส์ก็ไม่ได้ซักไซ้อีก”
“อื้ม”
ร่างสูงเดินช้าลงเพื่อให้สาวน้อยเดินตามทัน เขาเผลอมองคนตัวเล็กนานไปหน่อยจนเจ้าตัวรู้สึกได้และเงยหน้าจากดอกไม้ขึ้นมามองเขา
“อะไรติดหน้าเหรอคะ” ไอริณถามพลางหรี่ตาจ้องชายหนุ่ม
“เปล่า” พยายามควบคุมเสียงให้นิ่งที่สุด
“ไม่ใช่ค่ะ อเกนส์หมายถึง อะไรติดหน้าอากิต่างหาก ช่วยก้มลงมาหน่อยค่ะ”
เมื่อชายหนุ่มลดหน้าให้มาอยู่ในระดับเดียวกับเด็กสาว มือบางก็เอื้อมไปหยิบพลางอย่างบนคิ้วของชายหนุ่ม
“อากิ มีดอกนุ่นติดอยู่ที่คิ้วด้วย”
“ทำไมไม่บอกแต่แรกอ่ะ เดินผ่านคนมาเป็นร้อยแล้ว ถึงว่าทำไมพวกผู้หญิงถึงมอง”
“แล้วทำไมถึงมองล่ะคะ” ถามกลั้วหัวเราะ
“ถามได้ ก็หล่อไง”
“แหนะ อเกนส์คิดว่าเพราะนุ่นอันนี้มากกว่า มันทำให้อากิเหมือนคนแก่ คนแก่คิ้วขาว” ว่าแล้วก็หัวเราะร่า
ตุบ เสียงลูกบอลกระดอนมาชนกำแพงแล้วกลิ้งหลุน ๆ มาอยู่ต่อหน้าสาวน้อย เธอมองไปแล้วพบว่าเป็นของเด็กชายตัวน้อย อายุราวเจ็ดขวบ ไอริณฝากดอกไม้ไว้ที่ชายหนุ่มแล้วก้มเก็บบอลลูกนั้นโยนไปให้หนุ่มน้อยที่ยืนรออยู่ แต่น่าแปลกที่เมื่อโยนไปแล้วลูกบอลกลิ้งไปยังตำแหน่งที่เด็กคนนั้นเคยยืนอยู่ แต่ว่า...ตอนนี้กลับไม่มีใคร
ร่างสูงเพ่งมองไปยังจุดสิ้นสุดที่ลูกบอลหยุดกลิ้ง ในใจก็มีความคิดพิลึก ๆ วูบหนึ่ง แล้วจึงมองมาที่ไอริณซึ่งกำลังยืนทำหน้างุนงงอยู่ข้าง ๆ
“คิดมากน่า ไปเหอะดึกแล้ว รีบเข้าร้านกัน”
“อะ เอ่อ ค่ะ” ไอริณเดินตามแต่ก็ยังหันกลับไปมองตำแหน่งเดิมอยู่สองสามครั้ง
“วันนี้เชฟขอปิดครัว โดยการต้อนรับอเกนส์ ที่มาช่วยทำงานแทนอินในวันนี้ เอาเป็นว่ทุกคนมากินให้อร่อยไปเลย” พ่อครัวกล่าวเปิดอาหารรอบดึก ก่อนจะชนแก้วน้ำชากับทุกคน
ในเวลาจวนห้าทุ่มวันนี้ ที่ร้านเหลือเพียง พ่อครัว อากิ สแน๊ก และอเกนส์ อันที่จริงคนทั้งสามนั้นได้เวลาที่ต้องกลับบ้านกันแล้ว แต่ด้วยความที่วันนี้ไอริณรอป้ามารับกลับบ้าน เพราะผู้เป็นป้าเห็นว่าวันนี้เธอจะต้องเลิกงานดึก จึงไม่อยากให้ขับรถกลับตามลำพัง และด้วยเหตุที่ว่าคุณป้าสุดที่รักกำลังเดินทางกลับจากงานแต่งงานลูกสาวของเพื่อนที่จังหวัดลำปาง จึงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึง
“ขอบคุณค่ะเชฟ” สาวน้อยยิ้มโรย ๆ พลางยกชาขึ้นดื่ม
ไม่รู้หรอกว่าเธอไม่สามารถเก็บอาการง่วงเหงาหาวนอนไปจากสายตาของเขาได้
“เย้ ๆ อเกนส์ชิมปูอัดนี่ อร่อยอย่าบอกใครเลย” สแน๊กคีบปูอัดวางบนจานของเด็กสาวสามชิ้น
“อร่อยจริงด้วย” พูดหลังจากเคี้ยวไปได้สักพักหนึ่ง
“เห็นไหมล่ะ งั้นอเกนส์ต้องกินเยอะ ๆ”
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยพ่อครัวและอากิก็ไปทำความสะอาดครัว โดยพวกเขาปฏิเสธไม่ให้ไอริณทำเพราะพวกเขาอาสาว่าจะเลี้ยงแล้ว จึงไม่อยากให้สาวน้อยมาคอยกังวลกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการล้างจาน
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเดินออกมาจากในครัว มองไปยังบริเวณให้บริการลูกค้า เห็นสแน๊กนั่งหลับอยู่ถัดจากไอริณ โดยมีเสื้อคลุมสีครีมของเด็กสาวห่มไว้บ่นบ่า
อากิมองแผ่นหลังเล็กของร่างบาง ที่ยังคงตั้งตรงไม่ได้ฟุบหลับเหมือนคนข้าง ๆ ชายหนุ่มค่อยเดินเข้าไปใกล้ เห็นเธอเสียบหูฟังไว้ที่หูทั้งสองข้าง เบื้องหน้ามีสมุดจดบันทึก ที่วาดรูปของเส้นประสาทมากมายและหลากหลายสีสัน ดูเหมือนมันจะถูกจำแนกตามสีด้วยถ้าชายหนุ่มจำไม่ผิด
วีดิโอการสอนบนสมาร์ทโฟนของสาวน้อยก็ยังคงดำเนินต่อไป มือบางที่จับดินสอก็พยายามจดทุกอย่างที่ครูสอน ใบหน้าของเธอดูมีความตั้งใจกับสิ่งที่ทำอยู่มาก ตั้งใจจนไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีสายตาที่อ่านได้ยากจ้องมองอยู่
เด็กสาวเอี้ยวตัวหมายจะหยิบปากกาสีในกระเป๋าดินสอเพิ่ม ทำให้เธอสะดุ้งกับการยืนอยู่ของชายหนุ่ม ก่อนจะถามยิ้ม ๆ
“อะไรเหรออากิ เก็บครัวเสร็จแล้วเหรอคะ” ถามพลางดึงหูฟังออก
“เรียบร้อยแล้วล่ะ นี่ง่วงอยู่ใช่ไหม”
“อื้ม ง่วงมากเลยอากิ แต่ว่าป้ายังมาไม่ถึง น่าจะอีกครึ่งชั่วโมง” ว่าแล้วก็ฟุบแก้มซ้ายลงบนโต๊ะ โดยที่ยังมองไปยังร่างสูง “ขอโทษนะอากิ ที่ต้องมารอเป็นเพื่อนอเกนส์แบบนี้”
“ไม่มีความจำเป็นที่ต้องขอโทษหรอก คิดมากไปแล้ว” หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเอื้อมมือลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน สายตาที่สอดประสานไปยังนัยน์ตาคู่น้อย บ่งบอกอะไรหลายอย่าง แต่เจ้าตัวกลับไม่สามารถอธิบายได้
และแน่นอนการกระทำนี้มีคนคอยลอบมองอยู่ จนร่างสูงรู้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง
เมื่อมองออกไปนอกร้าน ผู้คนบางตาจนแทบจะไม่มีใคร ก็นี่มันจวนจะเที่ยงคืน ใครที่ไหนจะมาเดินเตร่รอบห้างที่ปิดแล้วแบบนี้ ชายหนุ่มเพ่งพิศด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เจือด้วยความระมัดระวังหวาดระแวงในคราวเดียวกัน
“อะไรอยู่หน้าร้านเหรอ อากิ” ไอริณถามพลางทำท่าจะชันศีรษะขึ้น แต่ถูกมือของชายหนุ่มปรามเอาไว้
“เปล่า ไม่มีอะไร นอนก่อนเถอะ” ตอบเสียงเรียบ พร้อมยิ้มให้เด็กสาวคลายกังวล
คนตัวเล็กไม่ขัด เพราะตอนนี้เธอเองรู้สึกง่วงมาก ไออุ่นจากฝ่ามือให้ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในคราวเดียว สาวน้อยจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
“แม่ครับ ผมทำข้อนี้ไม่ได้” ฮายาชิวัยเจ็ดขวบมองดูใบหน้าของผู้เป็นแม่ แล้วละมือจากการบ้านที่กำลังทำ
“แม่ครับ” เสียงใสที่เรียกซ้ำออกไป ทำให้พีรยาตื่นจากภวังค์
“ว่าไงจ๊ะลูก” หันมาพูดกับลูกชายตัวน้อยพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า
เจ้าตัวน้อยเลื่อนสมุดการบ้านไปให้หญิงสาวดู แล้วว่า “ผมทำข้อนี้ไม่ได้ครับ”
“ไหน ๆ แม่ขอดูหน่อยซิ” เธอกำลังวิเคราะห์โจทย์ และกำลังจะอธิบายพีชคณิตข้อนี้ให้ลูกชายคนเล็กของเธอฟัง หากต้องชะงักไปก่อน
“ทำไมแม่ไม่อยู่กับพ่อล่ะครับ” ถามแล้วเอื้อมไปหยิบถั่วแดงหวานมากิน ไม่ลืมที่จะสบตาผู้เป็นแม่และพูดต่อโดยไม่สนใจว่าอาหารยังเต็มปาก “แม่ไม่ร่าเริงเลย แค่ก แค่ก”
“เคี้ยวก่อนแล้วค่อยพูดสิลูก” เธอใช้มือลูบหลังของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสำลัก ในใจก็เป็นกังวลว่าจะตอบเขาอย่างไรดี
เสียงพูดจากสาวใช้ดังขึ้นหน้าบ้านประตูโชจิ ก่อนพีรยาจะอนุญาตให้เปิดเข้ามา
“คุณพีรยาคะ รถและของเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ขอให้บอกพวกเราเลยนะคะ” สาวใช้พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น พีรยาตอบรับไปแล้วจึงหันมาหาลูกชายที่กำลังจ้องหน้ารอฟังคำตอบจากเธอ
“ไปกัน” เธอลูบศีรษะฮายาชิก่อนจะลุกขึ้น
“ทำไมพ่อไม่คุยกับแม่ ทำไมแม่ไม่อยู่กับพ่อ” คำถามของเด็กน้อยดูจะวกวน หากก็สร้างความละเหี่ยใจในการตอบไม่น้อย
ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอและลูกต้องย้ายออกมาอยู่บ้านชานเมืองในไยซุ แต่ยังนับว่าอยู่ในจังหวัดชิซุโอกะ อย่าว่าจะตอบลูกเลย แม้ตอบตัวเองเธอก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะสามีก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง มากไปกว่าคำพูดแสนเย็นชา แม้หน้าเขาก็ยังไม่มองจนในวันสุดท้ายก่อนที่เธอจะย้ายออกมา
“เอ...ทำไมหนุ่มน้อยของแม่ถึงได้กังวลเรื่องนี้กันนะ แม่อยากให้หนูสนใจโจทย์คณิตข้อเมื่อกี้มากกว่า โอเคไหมจ๊ะ”
“...ก็ได้ครับ” เธอยิ้มให้หนุ่มน้อย รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ถามอะไรต่อ เอาเถอะน่า เด็กก็คือเด็ก ถามหาพ่อก็ไม่เป็นไร เพราะสักพักเดี๋ยวเขาก็ลืม
เสียงกระทบกันของเครื่องครัวที่กำลังถูกชะล้างให้สะอาดโดยไอริณและอินดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนอินจะเริ่มเปิดหัวข้อสนทนา
“บอลสีเหลืองนั่นใช่ไหม อเกนส์” สีตาเธอดูตื่นตระหนก มองมาที่ใบหน้าเนียนใสของไอริณ แล้วพูดต่อ “หึ๋ย ไม่อยากจะบอกว่าขนลุก อินก็เคยเจอนะ ทำแบบเดียวกับอเกนส์นั่นแหละ แต่ว่าเตะนะ ไม่ได้โยนให้”
“จริงเหรอเนี่ย ไม่ใช่ผีแน่นะ”
เด็กสาวทั้งสองสนทนาเกี่ยวกับเด็กชายปริศนาและลูกบอลของเขาเมื่อวันก่อน
“อืม ๆ อินคิดว่าไม่ใช่ผีหรอก เขาอาจจะตกใจไง ที่มีเด็กผู้หญิงสวย ๆ น่ารัก ๆ เก็บบอลให้” ว่าพลางทำท่าระริกระรี้
ตั้งแต่อยู่กับอินมาได้พักใหญ่ ไอริณสังเกตว่าเธอไม่ได้ถือตัวหรือว่าเงียบขรึมตามบุคลิก แต่สาวหน้าหมวยคนนี้กลับมีความขบขัน เฮฮา ไม่ต่างจากสแน๊ก ที่เหลือก็แค่อย่าให้คนทั้งสองได้โคจรมาพบกัน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าอาจจะต้องหัวเราะจนท้องแข็งเป็นแน่ สาวน้อยเคยประสบมาแล้ว
“ไม่จริงม้าง อเกนส์คิดว่าเด็กกลัวมากกว่า”
“แต่จะว่าไปนะ มันค่อนข้างแปลกอยู่ ตอนที่อินไปบ้านพ่อที่ต่างจังหวัด มันรู้สึกตงิด ๆ เหมือนมีคนติดตามเรายังไงไม่รู้แฮะ” พูดแล้วเอื้อมไปเช็ดมือ จากนั้นหันมาหาคู่สนทนา
“หึ ยังไงเหรอ ที่ว่ามีคนติดตาม ใช่แบบเดียวกับที่ติดตามในไอจีหรือเปล่า” สาวน้อยถามยิ้ม ๆ
“โนว ๆ” อินส่ายหน้าพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา “แม่อินยังบอกเลยนะ ว่ารู้สึกเหมือนกัน แต่ว่าก็แค่ตอนอยู่สนามบินนั้นแหละ เพราะว่าหลังจากนั้น พ่อก็มารับและรีบพุ่งปี๊ดออกไปเลย ไม่อยากจะคิดว่าอินจะสวยจนมีคนติดตามแบบนี้” พูดด้วยเสียงเนือย ๆ ราวกับจะประชดตัวเอง
“อื้ม นั่นสินะ ถึงอินจะสวยแต่ถ้ามีคนติดตามแบบนี้ มันก็ดูหน้ากลัวยังไงชอบกล”
“ใช่ไหมล่ะ อินไม่เอาด้วยหรอก สโตกเกอร์อะไรพวกนี้” ว่าพลางย่นจมูกอย่างไม่พอใจนัก
สโตกเกอร์คือคนที่แอบตามคนที่ตัวเองชอบ หรือจะเป็นประมาณว่าติดตามคนที่เป็นเป้าหมาย คนเหล่านี้อาจจะมีอาการทางจิตปนอยู่ด้วยหน่อย ๆ ไอริณคิด
ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนมันเพิ่งเกิดกับเธอมาหยก ๆ น่าแปลกที่เราสามารถรู้สึกได้ว่ามีสายตาบางคู่กำลังมองเราอยู่ แน่นอนไม่ใช่มองเพียงแวบเดียวเหมือนคนที่เดินสวนกัน แต่มันเป็นการมองจ้องเขม็งอย่างไม่วางตา มองจนแทบทะลุร่างอะไรเทือกนั้น
“อเกนส์ มานี่ทีสิ” อากิเรียกไอริณ ก่อนจะเดินนำเธอออกไปหน้าร้าน เหลือเพียงอินที่ยืนอยู่ในครัว
“โย่วอิน ไปหาพ่อมา เป็นไงบ้าง” สแน๊กทักทายเด็กสาว
“ก็หนุกดีพี่ จะบอกเลยว่ามีเรื่องชวนปวดหัวด้วย”
“เรื่องอะไร ไหนลองเล่า” เขาเดินเข้ามาใกล้เพื่อรอคำตอบ
“พูดแล้วจะหาว่าคุย ฉันสวยมากจนมีสโตกเกอร์ตามแจเลยล่ะ หึ ๆ” หัวเราะอย่างขมขื่นเสียมากกว่า
“เหรอ ๆ ตามเพราะว่าเป็นตัวประหลาดหรือเปล่าอิน” ถามติดตลกแม้จะตกใจในหัวข้อสนทนาอยู่เล็กน้อย
“อย่างงั้นก็ดีสิพี่ ฉันไม่อยากให้ใครมาพิศวาสตามฉันเพราะหน้าตาหรอกนะ เผื่อมันเป็นโรคจิตฉันจะทำยังไง”
“อืม นั่นสิ แล้วเรื่องเป็นไง ช่วยเล่าแบบละเอียดทีซิ” ชายหนุ่มว่าแล้วดึงเก้าอี้เข้ามานั่ง เหมือนรอรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
เสียงปิดประตูรถยนต์ของร้านอิจินิจิดังขึ้น ก่อนร่างบางจะปลดกระเป๋าเป้สีน้ำตาลใบเขื่องมาวางไว้ที่ตัก ร่างสูงเมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ พร้อมแล้วจึงค่อยเคลื่อนรถออกไปอย่างช้า ๆ
“ยังไม่ถึงบ้านเลย จะรีบขอบคุณไปทำไม” ชายหนุ่มพูดโดยไม่ได้มองหน้า
“อะ...เอ่อ” สาวน้อยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
วันนี้อากิเดินมาเรียกเธอให้ไปยังลานจอดรถซึ่งรถจักรยานยนต์ของเธอยางแบนทั้งสองล้อ ให้ความรู้สึกผิดปกติ วันนี้เลิกงานแล้ว หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลจึงอาสามาส่ง
“แปลกใจไหม” อากิเริ่มสนทนา
“เรื่องรถใช่ไหม”
“อืม” รับคำพร้อมหันมาพยักหน้าให้สาวน้อย
“เอ่อก็...แปลกใจมากพอสมควรเลย นี่อเกนส์ก็ไม่ได้ขับไปเหยียบเศษแก้วหรืออะไรทำนองนั้นเลยนะ แล้วก็มันแบนพร้อมกันทั้งสองล้อ”
“นั่นสินะ ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนอยากแกล้งเธอ”
“ยะ อยากแกล้งงั้นเหรอ” สาวน้อยย้ำพลางเหลือบมองร่างสูงช้า ๆ
“ช่างเหอะ อย่าคิดมากไป บางทีเซ่อ ๆ ซ่า ๆ อย่างเธออาจจะไปเหยียบอะไรมาและไม่ทันสังเกตก็ได้”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ดูคนที่คิดมากเสียเองจะเป็นหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลมากกว่า เพราะที่ยางทั้งสองของเด็กสาว มันไม่ได้มาจากอุบัติเหตุ แต่เพราะมีคนจงใจให้เป็นแบบนั้น
เรื่องแบบนี้...มันไม่น่าวางใจซะแล้ว
“พักนี้พยายามให้ป้ามารับดีไหม” ชายหนุ่มเสนอ ทำให้สาวน้อยที่นั่งข้าง ๆ ต้องหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าตั้งคำถาม “ทำหน้างงทำไม ฉันแค่บอกว่าเธอควรให้ป้ามารับ”
“ป้าอเกนส์ไม่สะดวกหรอกอากิ แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้รถก็น่าจะซ่อมเสร็จแล้ว” อันที่จริงรถของเธอซ่อมเสร็จตั้งแต่วันนี้แล้วด้วยซ้ำ และอากิเป็นห่วงจึงอาสามาส่ง
“ไม่กลัวโจรโรคจิตจับไปข่มขืนหรือไง” พูดเสียงเข้ม และดุดัน
นี่ฉันทำให้เขาโกรธเหรอ สาวน้อยคิด เมื่อรู้สึกอารมณ์เกรี้ยวกราดของชายหนุ่มกำลังจะปะทุ
“...” คนตัวเล็กไม่พูด เพราะไม่รู้จะพูดอะไร บวกกับไม่เข้าใจปฏิกิริยาที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วของคนตรงหน้า
อากิดูจะรู้ตัวว่าปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นไว้ในใจออกมาวูบหนึ่งจึงกล่าวขอโทษเด็กสาว แล้วพูดต่อ “ถ้าทำตามที่ขอไม่ได้ ช่วงนี้ฉันขอมาส่งเธอเองได้ไหม แค่ช่วงนี้” เขาพูดโดยไม่ได้มองหน้าสาวน้อย
“ตะ แต่ว่า อากิ...”
“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าแค่ช่วงนี้เท่านั้น...” นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบและดุดันมองมาที่สาวน้อย
เอาแต่ใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเอาแต่ใจชะมัด
“อื้ม ตามใจอากิ”
“แต่ว่าวันละห้าสิบบาทนะ”
“หา แพงไปเปล่า ถ้างั้นอเกนส์ขับรถกลับเองไม่ดีกว่าเหรอ” เด็กสาวกลั้วหัวเราะ รู้สึกโล่งอกขึ้นที่เขากลับมาอารมณ์ขันอีกครั้ง บทสนทนานี้ทำให้สาวน้อยลงความเห็นว่า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มีอารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก
“ใครจะไปยอมให้ขับกลับกันเล่า”
“จ้า ๆ ก็บอกแล้วไงว่าตามใจอา--”
ยังพูดไม่จบประโยคเสียงดัง ปัง จากท้ายรถก็ดังขึ้น มาพร้อมกับแรงกระแทกจนศีรษะของคนทั้งสองถลันไปข้างหน้า
ความกังวลและหวาดระแวงที่มีอยู่ก่อนก่อตัวสูงขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนที่สติจะช่วยยับยั้งเอาไว้ ในทันทีแขนซ้ายของเขารีบเอื้อมไปรั้งศีรษะของเด็กสาวเอาไว้ ราวกับชายหนุ่มที่กำลังปกป้องสมบัติล้ำค่า
ชายหนุ่มมองไปยังกระจกมองข้าง ดวงตาหรี่เล็กลงด้วยความคิดอันพลั่งพลู เจือปนด้วยความสับสนนานาชนิด
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่หลังรถคันนี้!
Yasang
15052559
เสียงรัวนิ้วมือลงบนแป้นคีย์บอร์ดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง โดยมีนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบจับจ้องไปยังตัวเลขในโปรแกรมเอ็กเซลอย่างตั้งอกตั้งใจ
ขณะเดียวกันก็มีเสียงฝีเท้าของร่างสูงอีกคน กำลังปรี่เข้ามาหา พร้อมรอยยิ้มแทบฉีกไปถึงหู
“ว่าไงอากิ ทำงานซะใจจดใจจ่อเชียวนะ ตั้งแต่อากิมาอยู่ช่วงพลัดเย็นแทนเจ๊หร่าย รู้ไหมว่าผมก็สบายหูขึ้น เพราะไม่ต้องมีใครมาคอยบ่น” สแน๊กว่าพลางยิ้มกว้างอีกวาระหนึ่ง
อากิยังคงเงียบและรัวข้อมูลลงบนแป้นพิมพ์ต่อไป ไม่ได้แม้แต่จะชำเลืองมองเพื่อนสมัยเด็ก
“...จริงด้วยสินะ ผมว่าอากิก็คงดีใจไม่น้อย เพราะไม่ต้องมีคนมาบ่นว่าต้องไปเช็ดจานนะ หรือว่าห้ามทำพื้นห้องน้ำเปียก”
“พูดจบหรือยัง” หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลว่าพลางเหลือบมองชายหนุ่มที่มีเพียงรอยยิ้มเจื่อน
“แหม ๆ อย่าเพิ่งโกรธสิอากิ ผมรู้ว่าเจ๊หร่ายลงโทษอากิ ที่แอบไปเถลไถลเมื่อวันโน้น...” เขารากเสียงยาว เมื่อวันโน้นก็หมายถึงวันที่อากิแอบไปรับไอริณไปเที่ยวนั่นเอง
“อยากพูดอะไรกันแน่สแน๊ก” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความรำคาญ
“อะ อ้อ ก็หมายความว่า...” ลดใบหน้าลงมาอยู่ระดับเดียวกับชายหนุ่ม พลางชี้นิ้วไปยังร่างบางที่กำลังยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนน้ำแจกันดอกไม้บนโต๊ะรับรองลูกค้า“ไม่เห็นจะเป็นการลงโทษตรงไหนเลย เพราะว่าวันนี้ดันมีอเกนส์อยู่ด้วย”
“อ๊ากกก” สแน๊กร้องเสียงหลงโดยมีใบหน้าหล่อเหลาของอากิยกยิ้มอยู่เบื้องหลัง
น่าแปลกที่หลังจากคำพูดของสแน๊กจบไป มือที่รัวอยู่บนแป้นก็สามารถยกขึ้นมาดีดที่หน้าผากชายหนุ่มได้อย่างรวดเร็ว
“หึ ๆ แกไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับฉัน มีงานทำก็ไปทำซะ ส่วนเรื่องวันนี้เดี๋ยวฉันจะไปบอกเจ๊หร่าย บอกว่าแกพูดว่าเจ๊หร่ายขี้บ่น อะไรเทือกนั้น แล้วฉันจะคอยดูว่าระหว่างฉันที่โดนลงโทษให้ทำงานแทนเพียงหนึ่งอาทิตย์ กับแก สแน๊ก แกอาจจะได้ทำงานแทนเจ๊หร่ายเป็นเดือน ๆ เลย เป็นไง คิดว่าดีใช่ไหมล่ะ” ว่าพลางยกยิ้มที่มุมปาก
“อะ เอ่อ อากิผมแค่แซวเล่นเองนะ ไม่เห็นต้องหน้าแดงเลย”
อากิหันขวับไปจดจ้องเพื่อนเจ้าอารมณ์ขันคนนี้ ด้วยแววตาฉุนกึก
“...”
“คือว่า...ผมขอโทษก็แล้วกันอากิ”
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ไอริณเดินเข้ามาพร้อมหอบดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไว้ในมือ
“เปล่าหรอกอเกนส์ ผมเอาขยะไปทิ้งก่อนน้า” สแน๊กพูดแล้วรีบปลีกตัวออกไป เขาไม่อยากกวนอากิอีกแล้ว ไม่งั้นคนที่จะถูกลงโทษคนต่อไปคงเป็นตัวเขาเอง
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
“มีสิ”
ร่างสูงละสายตาจากคอมพิวเตอร์แล้วมองมายังเด็กสาว ก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร
ไอริณเดินไล่หลังอากิมาตามทางเท้า ซึ่งพวกเขาทั้งคู่เพิ่งกลับจากตลาดใกล้บริเวณห้าง หลังจากไปซื้อดอกไม้เพื่อเตรียมไว้สำหรับเปลี่ยนใส่แจกันในวันพรุ่งนี้ เพราะไอริณมีความจำเป็นต้องอยู่ผลัดเวลาเย็นแทนอิน เนื่องจากเด็กสาวมีธุระที่ต่างจังหวัด
“อเกนส์ว่าที่จริงดอกสีม่วง ๆ เมื่อกี้ก็สวยดีนะอากิ แต่ว่าไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร” ร่างบางเปรยขึ้น พลางยกมัดดอกไม้ที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาดู
“ดอกไม้ไง”
“จ้า ๆ ดอกไม้ก็ดอกไม้”
“เออ แล้วนี่อินเค้าไปไหน ทำไมอเกนส์ต้องมาเข้าผลัดแทน”
“อ๋อ อเกนส์ไปบ้านพ่อที่ต่างจังหวัด เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญ บอกแค่ว่าไปสองวัน แล้วก็ไปกับแม่ อเกนส์ก็ไม่ได้ซักไซ้อีก”
“อื้ม”
ร่างสูงเดินช้าลงเพื่อให้สาวน้อยเดินตามทัน เขาเผลอมองคนตัวเล็กนานไปหน่อยจนเจ้าตัวรู้สึกได้และเงยหน้าจากดอกไม้ขึ้นมามองเขา
“อะไรติดหน้าเหรอคะ” ไอริณถามพลางหรี่ตาจ้องชายหนุ่ม
“เปล่า” พยายามควบคุมเสียงให้นิ่งที่สุด
“ไม่ใช่ค่ะ อเกนส์หมายถึง อะไรติดหน้าอากิต่างหาก ช่วยก้มลงมาหน่อยค่ะ”
เมื่อชายหนุ่มลดหน้าให้มาอยู่ในระดับเดียวกับเด็กสาว มือบางก็เอื้อมไปหยิบพลางอย่างบนคิ้วของชายหนุ่ม
“อากิ มีดอกนุ่นติดอยู่ที่คิ้วด้วย”
“ทำไมไม่บอกแต่แรกอ่ะ เดินผ่านคนมาเป็นร้อยแล้ว ถึงว่าทำไมพวกผู้หญิงถึงมอง”
“แล้วทำไมถึงมองล่ะคะ” ถามกลั้วหัวเราะ
“ถามได้ ก็หล่อไง”
“แหนะ อเกนส์คิดว่าเพราะนุ่นอันนี้มากกว่า มันทำให้อากิเหมือนคนแก่ คนแก่คิ้วขาว” ว่าแล้วก็หัวเราะร่า
ตุบ เสียงลูกบอลกระดอนมาชนกำแพงแล้วกลิ้งหลุน ๆ มาอยู่ต่อหน้าสาวน้อย เธอมองไปแล้วพบว่าเป็นของเด็กชายตัวน้อย อายุราวเจ็ดขวบ ไอริณฝากดอกไม้ไว้ที่ชายหนุ่มแล้วก้มเก็บบอลลูกนั้นโยนไปให้หนุ่มน้อยที่ยืนรออยู่ แต่น่าแปลกที่เมื่อโยนไปแล้วลูกบอลกลิ้งไปยังตำแหน่งที่เด็กคนนั้นเคยยืนอยู่ แต่ว่า...ตอนนี้กลับไม่มีใคร
ร่างสูงเพ่งมองไปยังจุดสิ้นสุดที่ลูกบอลหยุดกลิ้ง ในใจก็มีความคิดพิลึก ๆ วูบหนึ่ง แล้วจึงมองมาที่ไอริณซึ่งกำลังยืนทำหน้างุนงงอยู่ข้าง ๆ
“คิดมากน่า ไปเหอะดึกแล้ว รีบเข้าร้านกัน”
“อะ เอ่อ ค่ะ” ไอริณเดินตามแต่ก็ยังหันกลับไปมองตำแหน่งเดิมอยู่สองสามครั้ง
“วันนี้เชฟขอปิดครัว โดยการต้อนรับอเกนส์ ที่มาช่วยทำงานแทนอินในวันนี้ เอาเป็นว่ทุกคนมากินให้อร่อยไปเลย” พ่อครัวกล่าวเปิดอาหารรอบดึก ก่อนจะชนแก้วน้ำชากับทุกคน
ในเวลาจวนห้าทุ่มวันนี้ ที่ร้านเหลือเพียง พ่อครัว อากิ สแน๊ก และอเกนส์ อันที่จริงคนทั้งสามนั้นได้เวลาที่ต้องกลับบ้านกันแล้ว แต่ด้วยความที่วันนี้ไอริณรอป้ามารับกลับบ้าน เพราะผู้เป็นป้าเห็นว่าวันนี้เธอจะต้องเลิกงานดึก จึงไม่อยากให้ขับรถกลับตามลำพัง และด้วยเหตุที่ว่าคุณป้าสุดที่รักกำลังเดินทางกลับจากงานแต่งงานลูกสาวของเพื่อนที่จังหวัดลำปาง จึงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึง
“ขอบคุณค่ะเชฟ” สาวน้อยยิ้มโรย ๆ พลางยกชาขึ้นดื่ม
ไม่รู้หรอกว่าเธอไม่สามารถเก็บอาการง่วงเหงาหาวนอนไปจากสายตาของเขาได้
“เย้ ๆ อเกนส์ชิมปูอัดนี่ อร่อยอย่าบอกใครเลย” สแน๊กคีบปูอัดวางบนจานของเด็กสาวสามชิ้น
“อร่อยจริงด้วย” พูดหลังจากเคี้ยวไปได้สักพักหนึ่ง
“เห็นไหมล่ะ งั้นอเกนส์ต้องกินเยอะ ๆ”
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยพ่อครัวและอากิก็ไปทำความสะอาดครัว โดยพวกเขาปฏิเสธไม่ให้ไอริณทำเพราะพวกเขาอาสาว่าจะเลี้ยงแล้ว จึงไม่อยากให้สาวน้อยมาคอยกังวลกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการล้างจาน
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเดินออกมาจากในครัว มองไปยังบริเวณให้บริการลูกค้า เห็นสแน๊กนั่งหลับอยู่ถัดจากไอริณ โดยมีเสื้อคลุมสีครีมของเด็กสาวห่มไว้บ่นบ่า
อากิมองแผ่นหลังเล็กของร่างบาง ที่ยังคงตั้งตรงไม่ได้ฟุบหลับเหมือนคนข้าง ๆ ชายหนุ่มค่อยเดินเข้าไปใกล้ เห็นเธอเสียบหูฟังไว้ที่หูทั้งสองข้าง เบื้องหน้ามีสมุดจดบันทึก ที่วาดรูปของเส้นประสาทมากมายและหลากหลายสีสัน ดูเหมือนมันจะถูกจำแนกตามสีด้วยถ้าชายหนุ่มจำไม่ผิด
วีดิโอการสอนบนสมาร์ทโฟนของสาวน้อยก็ยังคงดำเนินต่อไป มือบางที่จับดินสอก็พยายามจดทุกอย่างที่ครูสอน ใบหน้าของเธอดูมีความตั้งใจกับสิ่งที่ทำอยู่มาก ตั้งใจจนไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีสายตาที่อ่านได้ยากจ้องมองอยู่
เด็กสาวเอี้ยวตัวหมายจะหยิบปากกาสีในกระเป๋าดินสอเพิ่ม ทำให้เธอสะดุ้งกับการยืนอยู่ของชายหนุ่ม ก่อนจะถามยิ้ม ๆ
“อะไรเหรออากิ เก็บครัวเสร็จแล้วเหรอคะ” ถามพลางดึงหูฟังออก
“เรียบร้อยแล้วล่ะ นี่ง่วงอยู่ใช่ไหม”
“อื้ม ง่วงมากเลยอากิ แต่ว่าป้ายังมาไม่ถึง น่าจะอีกครึ่งชั่วโมง” ว่าแล้วก็ฟุบแก้มซ้ายลงบนโต๊ะ โดยที่ยังมองไปยังร่างสูง “ขอโทษนะอากิ ที่ต้องมารอเป็นเพื่อนอเกนส์แบบนี้”
“ไม่มีความจำเป็นที่ต้องขอโทษหรอก คิดมากไปแล้ว” หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเอื้อมมือลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน สายตาที่สอดประสานไปยังนัยน์ตาคู่น้อย บ่งบอกอะไรหลายอย่าง แต่เจ้าตัวกลับไม่สามารถอธิบายได้
และแน่นอนการกระทำนี้มีคนคอยลอบมองอยู่ จนร่างสูงรู้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง
เมื่อมองออกไปนอกร้าน ผู้คนบางตาจนแทบจะไม่มีใคร ก็นี่มันจวนจะเที่ยงคืน ใครที่ไหนจะมาเดินเตร่รอบห้างที่ปิดแล้วแบบนี้ ชายหนุ่มเพ่งพิศด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เจือด้วยความระมัดระวังหวาดระแวงในคราวเดียวกัน
“อะไรอยู่หน้าร้านเหรอ อากิ” ไอริณถามพลางทำท่าจะชันศีรษะขึ้น แต่ถูกมือของชายหนุ่มปรามเอาไว้
“เปล่า ไม่มีอะไร นอนก่อนเถอะ” ตอบเสียงเรียบ พร้อมยิ้มให้เด็กสาวคลายกังวล
คนตัวเล็กไม่ขัด เพราะตอนนี้เธอเองรู้สึกง่วงมาก ไออุ่นจากฝ่ามือให้ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในคราวเดียว สาวน้อยจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
“แม่ครับ ผมทำข้อนี้ไม่ได้” ฮายาชิวัยเจ็ดขวบมองดูใบหน้าของผู้เป็นแม่ แล้วละมือจากการบ้านที่กำลังทำ
“แม่ครับ” เสียงใสที่เรียกซ้ำออกไป ทำให้พีรยาตื่นจากภวังค์
“ว่าไงจ๊ะลูก” หันมาพูดกับลูกชายตัวน้อยพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า
เจ้าตัวน้อยเลื่อนสมุดการบ้านไปให้หญิงสาวดู แล้วว่า “ผมทำข้อนี้ไม่ได้ครับ”
“ไหน ๆ แม่ขอดูหน่อยซิ” เธอกำลังวิเคราะห์โจทย์ และกำลังจะอธิบายพีชคณิตข้อนี้ให้ลูกชายคนเล็กของเธอฟัง หากต้องชะงักไปก่อน
“ทำไมแม่ไม่อยู่กับพ่อล่ะครับ” ถามแล้วเอื้อมไปหยิบถั่วแดงหวานมากิน ไม่ลืมที่จะสบตาผู้เป็นแม่และพูดต่อโดยไม่สนใจว่าอาหารยังเต็มปาก “แม่ไม่ร่าเริงเลย แค่ก แค่ก”
“เคี้ยวก่อนแล้วค่อยพูดสิลูก” เธอใช้มือลูบหลังของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสำลัก ในใจก็เป็นกังวลว่าจะตอบเขาอย่างไรดี
เสียงพูดจากสาวใช้ดังขึ้นหน้าบ้านประตูโชจิ ก่อนพีรยาจะอนุญาตให้เปิดเข้ามา
“คุณพีรยาคะ รถและของเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ขอให้บอกพวกเราเลยนะคะ” สาวใช้พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น พีรยาตอบรับไปแล้วจึงหันมาหาลูกชายที่กำลังจ้องหน้ารอฟังคำตอบจากเธอ
“ไปกัน” เธอลูบศีรษะฮายาชิก่อนจะลุกขึ้น
“ทำไมพ่อไม่คุยกับแม่ ทำไมแม่ไม่อยู่กับพ่อ” คำถามของเด็กน้อยดูจะวกวน หากก็สร้างความละเหี่ยใจในการตอบไม่น้อย
ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอและลูกต้องย้ายออกมาอยู่บ้านชานเมืองในไยซุ แต่ยังนับว่าอยู่ในจังหวัดชิซุโอกะ อย่าว่าจะตอบลูกเลย แม้ตอบตัวเองเธอก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะสามีก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง มากไปกว่าคำพูดแสนเย็นชา แม้หน้าเขาก็ยังไม่มองจนในวันสุดท้ายก่อนที่เธอจะย้ายออกมา
“เอ...ทำไมหนุ่มน้อยของแม่ถึงได้กังวลเรื่องนี้กันนะ แม่อยากให้หนูสนใจโจทย์คณิตข้อเมื่อกี้มากกว่า โอเคไหมจ๊ะ”
“...ก็ได้ครับ” เธอยิ้มให้หนุ่มน้อย รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ถามอะไรต่อ เอาเถอะน่า เด็กก็คือเด็ก ถามหาพ่อก็ไม่เป็นไร เพราะสักพักเดี๋ยวเขาก็ลืม
เสียงกระทบกันของเครื่องครัวที่กำลังถูกชะล้างให้สะอาดโดยไอริณและอินดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนอินจะเริ่มเปิดหัวข้อสนทนา
“บอลสีเหลืองนั่นใช่ไหม อเกนส์” สีตาเธอดูตื่นตระหนก มองมาที่ใบหน้าเนียนใสของไอริณ แล้วพูดต่อ “หึ๋ย ไม่อยากจะบอกว่าขนลุก อินก็เคยเจอนะ ทำแบบเดียวกับอเกนส์นั่นแหละ แต่ว่าเตะนะ ไม่ได้โยนให้”
“จริงเหรอเนี่ย ไม่ใช่ผีแน่นะ”
เด็กสาวทั้งสองสนทนาเกี่ยวกับเด็กชายปริศนาและลูกบอลของเขาเมื่อวันก่อน
“อืม ๆ อินคิดว่าไม่ใช่ผีหรอก เขาอาจจะตกใจไง ที่มีเด็กผู้หญิงสวย ๆ น่ารัก ๆ เก็บบอลให้” ว่าพลางทำท่าระริกระรี้
ตั้งแต่อยู่กับอินมาได้พักใหญ่ ไอริณสังเกตว่าเธอไม่ได้ถือตัวหรือว่าเงียบขรึมตามบุคลิก แต่สาวหน้าหมวยคนนี้กลับมีความขบขัน เฮฮา ไม่ต่างจากสแน๊ก ที่เหลือก็แค่อย่าให้คนทั้งสองได้โคจรมาพบกัน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าอาจจะต้องหัวเราะจนท้องแข็งเป็นแน่ สาวน้อยเคยประสบมาแล้ว
“ไม่จริงม้าง อเกนส์คิดว่าเด็กกลัวมากกว่า”
“แต่จะว่าไปนะ มันค่อนข้างแปลกอยู่ ตอนที่อินไปบ้านพ่อที่ต่างจังหวัด มันรู้สึกตงิด ๆ เหมือนมีคนติดตามเรายังไงไม่รู้แฮะ” พูดแล้วเอื้อมไปเช็ดมือ จากนั้นหันมาหาคู่สนทนา
“หึ ยังไงเหรอ ที่ว่ามีคนติดตาม ใช่แบบเดียวกับที่ติดตามในไอจีหรือเปล่า” สาวน้อยถามยิ้ม ๆ
“โนว ๆ” อินส่ายหน้าพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา “แม่อินยังบอกเลยนะ ว่ารู้สึกเหมือนกัน แต่ว่าก็แค่ตอนอยู่สนามบินนั้นแหละ เพราะว่าหลังจากนั้น พ่อก็มารับและรีบพุ่งปี๊ดออกไปเลย ไม่อยากจะคิดว่าอินจะสวยจนมีคนติดตามแบบนี้” พูดด้วยเสียงเนือย ๆ ราวกับจะประชดตัวเอง
“อื้ม นั่นสินะ ถึงอินจะสวยแต่ถ้ามีคนติดตามแบบนี้ มันก็ดูหน้ากลัวยังไงชอบกล”
“ใช่ไหมล่ะ อินไม่เอาด้วยหรอก สโตกเกอร์อะไรพวกนี้” ว่าพลางย่นจมูกอย่างไม่พอใจนัก
สโตกเกอร์คือคนที่แอบตามคนที่ตัวเองชอบ หรือจะเป็นประมาณว่าติดตามคนที่เป็นเป้าหมาย คนเหล่านี้อาจจะมีอาการทางจิตปนอยู่ด้วยหน่อย ๆ ไอริณคิด
ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนมันเพิ่งเกิดกับเธอมาหยก ๆ น่าแปลกที่เราสามารถรู้สึกได้ว่ามีสายตาบางคู่กำลังมองเราอยู่ แน่นอนไม่ใช่มองเพียงแวบเดียวเหมือนคนที่เดินสวนกัน แต่มันเป็นการมองจ้องเขม็งอย่างไม่วางตา มองจนแทบทะลุร่างอะไรเทือกนั้น
“อเกนส์ มานี่ทีสิ” อากิเรียกไอริณ ก่อนจะเดินนำเธอออกไปหน้าร้าน เหลือเพียงอินที่ยืนอยู่ในครัว
“โย่วอิน ไปหาพ่อมา เป็นไงบ้าง” สแน๊กทักทายเด็กสาว
“ก็หนุกดีพี่ จะบอกเลยว่ามีเรื่องชวนปวดหัวด้วย”
“เรื่องอะไร ไหนลองเล่า” เขาเดินเข้ามาใกล้เพื่อรอคำตอบ
“พูดแล้วจะหาว่าคุย ฉันสวยมากจนมีสโตกเกอร์ตามแจเลยล่ะ หึ ๆ” หัวเราะอย่างขมขื่นเสียมากกว่า
“เหรอ ๆ ตามเพราะว่าเป็นตัวประหลาดหรือเปล่าอิน” ถามติดตลกแม้จะตกใจในหัวข้อสนทนาอยู่เล็กน้อย
“อย่างงั้นก็ดีสิพี่ ฉันไม่อยากให้ใครมาพิศวาสตามฉันเพราะหน้าตาหรอกนะ เผื่อมันเป็นโรคจิตฉันจะทำยังไง”
“อืม นั่นสิ แล้วเรื่องเป็นไง ช่วยเล่าแบบละเอียดทีซิ” ชายหนุ่มว่าแล้วดึงเก้าอี้เข้ามานั่ง เหมือนรอรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
เสียงปิดประตูรถยนต์ของร้านอิจินิจิดังขึ้น ก่อนร่างบางจะปลดกระเป๋าเป้สีน้ำตาลใบเขื่องมาวางไว้ที่ตัก ร่างสูงเมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ พร้อมแล้วจึงค่อยเคลื่อนรถออกไปอย่างช้า ๆ
“ยังไม่ถึงบ้านเลย จะรีบขอบคุณไปทำไม” ชายหนุ่มพูดโดยไม่ได้มองหน้า
“อะ...เอ่อ” สาวน้อยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
วันนี้อากิเดินมาเรียกเธอให้ไปยังลานจอดรถซึ่งรถจักรยานยนต์ของเธอยางแบนทั้งสองล้อ ให้ความรู้สึกผิดปกติ วันนี้เลิกงานแล้ว หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลจึงอาสามาส่ง
“แปลกใจไหม” อากิเริ่มสนทนา
“เรื่องรถใช่ไหม”
“อืม” รับคำพร้อมหันมาพยักหน้าให้สาวน้อย
“เอ่อก็...แปลกใจมากพอสมควรเลย นี่อเกนส์ก็ไม่ได้ขับไปเหยียบเศษแก้วหรืออะไรทำนองนั้นเลยนะ แล้วก็มันแบนพร้อมกันทั้งสองล้อ”
“นั่นสินะ ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนอยากแกล้งเธอ”
“ยะ อยากแกล้งงั้นเหรอ” สาวน้อยย้ำพลางเหลือบมองร่างสูงช้า ๆ
“ช่างเหอะ อย่าคิดมากไป บางทีเซ่อ ๆ ซ่า ๆ อย่างเธออาจจะไปเหยียบอะไรมาและไม่ทันสังเกตก็ได้”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ดูคนที่คิดมากเสียเองจะเป็นหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลมากกว่า เพราะที่ยางทั้งสองของเด็กสาว มันไม่ได้มาจากอุบัติเหตุ แต่เพราะมีคนจงใจให้เป็นแบบนั้น
เรื่องแบบนี้...มันไม่น่าวางใจซะแล้ว
“พักนี้พยายามให้ป้ามารับดีไหม” ชายหนุ่มเสนอ ทำให้สาวน้อยที่นั่งข้าง ๆ ต้องหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าตั้งคำถาม “ทำหน้างงทำไม ฉันแค่บอกว่าเธอควรให้ป้ามารับ”
“ป้าอเกนส์ไม่สะดวกหรอกอากิ แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้รถก็น่าจะซ่อมเสร็จแล้ว” อันที่จริงรถของเธอซ่อมเสร็จตั้งแต่วันนี้แล้วด้วยซ้ำ และอากิเป็นห่วงจึงอาสามาส่ง
“ไม่กลัวโจรโรคจิตจับไปข่มขืนหรือไง” พูดเสียงเข้ม และดุดัน
นี่ฉันทำให้เขาโกรธเหรอ สาวน้อยคิด เมื่อรู้สึกอารมณ์เกรี้ยวกราดของชายหนุ่มกำลังจะปะทุ
“...” คนตัวเล็กไม่พูด เพราะไม่รู้จะพูดอะไร บวกกับไม่เข้าใจปฏิกิริยาที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วของคนตรงหน้า
อากิดูจะรู้ตัวว่าปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นไว้ในใจออกมาวูบหนึ่งจึงกล่าวขอโทษเด็กสาว แล้วพูดต่อ “ถ้าทำตามที่ขอไม่ได้ ช่วงนี้ฉันขอมาส่งเธอเองได้ไหม แค่ช่วงนี้” เขาพูดโดยไม่ได้มองหน้าสาวน้อย
“ตะ แต่ว่า อากิ...”
“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าแค่ช่วงนี้เท่านั้น...” นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบและดุดันมองมาที่สาวน้อย
เอาแต่ใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเอาแต่ใจชะมัด
“อื้ม ตามใจอากิ”
“แต่ว่าวันละห้าสิบบาทนะ”
“หา แพงไปเปล่า ถ้างั้นอเกนส์ขับรถกลับเองไม่ดีกว่าเหรอ” เด็กสาวกลั้วหัวเราะ รู้สึกโล่งอกขึ้นที่เขากลับมาอารมณ์ขันอีกครั้ง บทสนทนานี้ทำให้สาวน้อยลงความเห็นว่า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มีอารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก
“ใครจะไปยอมให้ขับกลับกันเล่า”
“จ้า ๆ ก็บอกแล้วไงว่าตามใจอา--”
ยังพูดไม่จบประโยคเสียงดัง ปัง จากท้ายรถก็ดังขึ้น มาพร้อมกับแรงกระแทกจนศีรษะของคนทั้งสองถลันไปข้างหน้า
ความกังวลและหวาดระแวงที่มีอยู่ก่อนก่อตัวสูงขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนที่สติจะช่วยยับยั้งเอาไว้ ในทันทีแขนซ้ายของเขารีบเอื้อมไปรั้งศีรษะของเด็กสาวเอาไว้ ราวกับชายหนุ่มที่กำลังปกป้องสมบัติล้ำค่า
ชายหนุ่มมองไปยังกระจกมองข้าง ดวงตาหรี่เล็กลงด้วยความคิดอันพลั่งพลู เจือปนด้วยความสับสนนานาชนิด
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่หลังรถคันนี้!
Yasang
15052559
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ