Future control อนาคตฉัน เดิมพันด้วยรักของเธอ
5.6
เขียนโดย yasang
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 04.15 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
15.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 00.29 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
6) บทที่ 5 เริ่มก่อตัว (RW)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ๕
“จ...เจ็บนะอากิ”
“ก็ใครให้ทำหน้ามึนกันล่ะ” ร่างสูงพูดขึ้น หลังใช้มือหนาเอื้อมไปดีดหน้าผากของไอริณ
“ถ้าอย่างนั้น อเกนส์ไม่ไปด้วยแล้ว” เด็กสาวทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ ไวพอกันหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลจึงกดสวิตซ์ล๊อครถทันที พลางหันมายักคิ้วเป็นเชิงว่าตนเป็นผู้กำชัยชนะ
“อากิ” เอ่ยพลางกลอกตาแบบเซ็ง ๆ
เธอไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มจะมาลากตัวเธอออกไปด้วยทำไม แถมยังมาที่บ้านแล้วพูดคุยกับลุงและป้าอย่างสนิทชิดเชื้อ ประดุจคนที่รู้จักกันมานาน และไอริณก็ไม่พอใจนักกับรอยแดงจากฝีมือของเขา ซึ่งตอนนี้เริ่มปรากฏชัดขึ้น บนหน้าผากของเด็กสาว
“หืม”
“ไม่ต้องมากวนเลย อเกนส์จะไม่ไปด้วยแล้วนะ ถ้าอากิยังจะแกล้งแบบนี้” ว่าในขณะที่ยังไม่ละมือจากที่เปิดประตู
วันนี้ชายหนุ่มนำรถของร้านอิจินิจิมาใช้ในการรับของ ซึ่งแน่นอนว่าไอริณเห็นมันจอดอยู่บริเวณเยื้อง ๆ หน้าร้านอยู่ทุกวัน แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้ขึ้นก็วันนี้นี่เอง
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเริ่มออกรถ พลางเหลือบมองสาวน้อยข้าง ๆ ที่กำลังใช้มือลูบวนบริเวณหน้าผากอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ทำไมต้องไว้ผมหน้าม้าด้วย” ร่างสูงถามขณะละสายตาจากเด็กสาว
คนตัวเล็กหันมามองด้วยใบหน้าไม่สู้จะบึ้งตึงนัก และกำลังจะตอบคำถาม
“จริงสิ อเกนส์คงจะหัวเหม่ง” เป็นประโยคที่หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลพูดขัดขึ้น พลางยกยิ้มน้อย ๆ
“...” ไอริณขมวดคิ้ว และมองไปที่ใบหน้าได้รูปของชายหนุ่ม แม้มันจะดูเหมือนภาพวาดที่จิตรกรสรรค์สร้างมาเป็นอย่างดี แต่คำพูดหยอกล้อของเขา มันทำให้สาวน้อยไม่ชอบใจ “ดีจะตายไป หัวเหม่งก็คือสมองเยอะไง” สาวน้อยให้เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ
“แสดงว่ายอมรับว่าตัวเองหัวเหม่งสินะ” คลี่ยิ้มพร้อมหันมามองสาวน้อย มือหนากะจะเอื้อมมาเปิดหน้าม้าของเด็กสาว แต่ถูกเธอปัดออกโดยสัญชาตญาณ
“อากิ!”
“แค่จะดูว่าเหม่งจริงมั้ย แต่ไม่ดูก็ได้ ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว กลัวจะแสบตา” พูดจบก็หัวเราะเสียงดังท่วมรถ หน็อยผู้ชายคนนี้ เวลาได้กวนเธอ ก็ไม่รู้จะกวนไปถึงไหน คิดแล้วไอริณรู้สึกอ่อนใจ และไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะหนุ่มคนนี้ลูกเล่นแพรวพราว ไม่ว่าจะตอนเฮฮา หรือว่าเงียบขรึม
“ตัดสินคนที่หน้าผากหรือไง” เด็กสาวพูดเสียงทื่อ ๆ โดยไม่ได้สบตา
“...ก็นิดนึงนะ” ตอบโดยไม่ได้มองหน้าเช่นกัน
“นี่อากิ อเกนส์บอกไว้เลยนะว่า ความสวยงามมีค่าเพียงเล็กน้อย อย่าตัดสินใครเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ไม่งั้นจะเสียใจทีหลัง” ไอริณถือโอกาสบอกข้อคิดดี ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในทุกยุคสมัย
“เปล่าซะหน่อย” อากิพูดเสียงเรียบ “ที่ว่าก็นิดนึงน่ะหมายถึง...” ชายตามาทางร่างบาง ที่กำลังมองมาทางเขาเหมือนกัน
“หมายถึงอะไร...”
“ก็หมายถึง...ถ้าจะชอบใครสักคน ก็จะเลือกที่หน้าผากเหม่ง ๆ นี่แหละ” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังผ่านโสตประสาท แต่กลับทำให้วาบหวิวบริเวณกล้ามเนื้อใต้อกข้างซ้ายยังไงชอบกล
ไอริณที่เคยมองจ้องเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น ในตอนนี้เด็กสาวได้ถอนสายตาไปทางถนนหนทางด้านหน้าแทน ไม่มีคำพูดใดต่อจากนี้
อากิดูจะรู้สึกพอใจในคำพูดที่ใช้หยอกล้อเด็กสาว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขาคิดแบบนั้นจริง ถ้าไม่ใช้คุณผู้อ่านซะแล้ว ชายหนุ่มกลั้นเสียงหัวเราะคิกคักไหวแทบไม่ไหว ก่อนจะเอามือเอื้อมไปลูบศีรษะของไอริณ ที่ในตอนนี้นั่งตัวแทบไม่กระดิก
“พูดไม่ออกเลยล่ะสิ”
คนตัวเล็กหันมามองใบหน้ากระจ่างใสของชายหนุ่ม ดวงตาที่มองมายังสาวน้อยดุจจะสาดส่องเข้าไปค้นในจิตใจของเด็กสาว ปานจะให้รู้ได้ว่าคำพูดของเขาส่งผลกระทบอะไรกับใจเธอบ้าง
“แค่คิดไม่ถึง...ว่าอากิจะมีมุกจีบสาวแบบนี้”
“นี่คิดว่าผมจีบอเกนส์หรอ” ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ (ลึก ๆ แล้วเด็กสาวก็คิดถูกล่ะนะ)
“อื้ม ก็พอดีอเกนส์หัวเหม่ง แล้วก็ดันเพิ่งรู้ว่าอากิจะจีบผู้หญิงหัวเหม่ง เฮ้อ...” ถอนหายใจ แล้วพูดต่อ “ถ้ารู้แบบนี้ ขอเกิดมาหัวแบนแต๊ดแต๋ดีกว่า”
ร่างสูงหัวเราะกับคำพูดเชิงตัดพ้อของสาวน้อย ซึ่งตอนนี้กำลังทอดสายตาออกไปนอกตัวรถ หาได้สบตากับเขาไม่
“แล้วจีบติดหรือเปล่า”
“...” ไอริณหันมาพลางส่ายหน้า
รถกระบะของร้านอิจินิจิ เลี้ยวเข้าสู่สนามบิน แล้วตรงไปสู่บริเวณรับของ เมื่อรถจอดสนิทร่างสูงจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน แล้วลงจากรถ ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว เดินไปได้ราวห้าก้าว ชายหนุ่มก็หมุนตัวกลับมาพลางใช้นิ้วมือแกร่งเคาะที่กระจกฝั่งคนขับ ไอริณเอื้อมมือไปกดเปิดกระจก
“ลืมเอกสารหรอคะ” ถามพลางเหลียวดูที่เบาะหลัง
“เปล่า ๆ” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ ให้เด็กสาว
ท่าทางกรุ้มกริ่ม ของร่างสูงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแปลกใจปนขบขัน ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วถามต่อ
“แล้วลืมอะไรล่ะคะ”
“ล๊อครถด้วย เดี๋ยวโดนลักพาตัวอีก ขี้เกียจไปตามหา” พูดจบก็ผละออกจากรถแล้ววิ่งเข้าไปยังตัวอาคารของทางสนามบิน ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองที่รถด้วยสายตาอ่านไม่ออก แต่ก็ไม่ได้ปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า
“พิลึกคน” ไอริณพึมพำ ก่อนเอื้อมมือไปกดล๊อคประตู
เสียงเพลงบทรถเปิดไว้อย่างแผ่วเบา ดังเข้ามายังโสตประสาท เด็กสาวลืมตาช้า ๆ เนื่องจากสายลมพัดมากระทบกับใบหน้าเนียนใสอย่างสม่ำเสมอ ไอริณเริ่มขยับตัวจนทำให้คนขับรถรู้ว่าเธอกำลังออกจากนิทรา
“เมื่อคืนนอนดึกหรอ เห็นหลับซะน้ำลายยืด แถมสัปหงกจนหัวชนกระจกไปหลายรอบ” อากิเอื้อมมือไปเพิ่มความดังของเพลง แล้วกล่าวต่อ “ไม่รู้กระจกจะร้าวหรือเปล่า”
ร่างบางคิดว่าคงเป็นอย่างที่เขาพูด เพราะรู้สึกมึนและชาที่ขมับด้านซ้าย และด้วยคร้านจะต่อปากต่อคำ เด็กสาวจึงมองออกไปนอกกระจกรถที่เปิดเพียงเล็กน้อย แล้วจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันมาหาหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาล
“ของ รับของแล้วหรอคะ” ถามพลางยันตัวให้นั่ง จึงสังเกตได้ว่าเบาะของเธอปรับให้เอนลงเล็กน้อยเพื่อสบายต่อการนอน คงจะไม่ใช่ใครหรอก นอกจากร่างสูงผู้นี้เป็นคนปรับให้
“เรียบร้อยแล้ว แต่พอดีมีคนหลับ ก็เลยยังพามาขับรถเล่น”
“ทำไมไม่ปลุกล่ะคะ”
“ก็...ไม่อยากปลุก” ปรายตามองแล้วคลี่ยิ้มให้สาวน้อย โดยไม่สนใจว่าคนฟังจะคิดยังไงกับเหตุผล
“...” ไอริณมองหน้าชายหนุ่มอีกวาระหนึ่ง
“ไม่ต้องเลย” มือบางยกขึ้นบังมือของร่างสูง เมื่อเห็นว่าเขากำลังหมายตาที่หน้าผากของเธอ
“หว้า รู้ทันซะได้”
ถึงแม้จะงุนงงกับการมาในครั้งนี้ แม้ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บรรยากาศโดยรอบนั้นดีมาก มากจนพอจะชดเชยกับเหตุผลแปลกของสารถีในคราวนี้ได้
ต้นสนสูงเรียงรายตั้งแต่ทางเข้าสวนสาธารณะ บางใบกลายเป็นสีเหลืองและร่วงหล่นลงบนพื้นถนน จึงไม่แปลกที่บนพื้นจะลานตาไปด้วยสีเหลืองปนเขียว กลิ่นหญ้าสนามที่ถูกตัดแต่งใหม่ ๆ พร้อมทั้ง กลิ่นดินยามชุ่มช้ำน้ำ ทำให้รู้สึกว่าอากาศที่หายใจเข้าไปช่างสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งนัก
“อเกนส์ยังไม่ตอบผมเลย” ถามพลางถอยรถเข้าซองจอด
มือบางของไอริณซึ่งกำลังจะปลดสายเข็มขัดนิรภัยชะงักไปนิดกับคำถาม นี่เธอยังไม่ได้ตอบอะไรเขางั้นหรือ คิดแล้วก็หันไปมองชายหนุ่ม พลางว่า “อเกนส์ลืมตอบอะไรงั้นหรือคะ”
“อืม ผมถามว่าเมื่อคืนนอนดึกหรือเปล่า”
“อ่อ...ก็ราว ๆ ตีสองค่ะ”
“ระวังหน้าแก่แล้วจะไม่สวยเอานะ” พูดกลั้วหัวเราะ
“...งั้นก็ดีเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องมีใครมาจีบ” สาวน้อยยิ้ม แล้วจึงเปิดประตูลงรถไป ชายหนุ่มร่างสูงสง่ามองตามหลังร่างบาง ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเปรยอยู่คนเดียวว่า “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง เด็กน้อย...”
“จักรยานน้ำ” เด็กสาวอ่านป้ายไม้ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่บนสนามหญ้าใกล้ ๆ กับลานจอดรถ เห็นว่ามีลูกศรชี้ไปยังทิศตะวันตก เพื่อนำทางไปสู่สถานที่ที่ระบุบนป้าย เธอหันมาถามชายหนุ่มว่า “ที่นี่มีจักรยานน้ำด้วยหรออากิ”
“ป้ายมันไม่โกหกหรอกน่า” พูดเสียงเรียบพลางเดินเข้ามาหาไอริณ
“...” สาวน้อยไม่พูดอะไร เพียงแต่ขมวดคิ้วให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่ค่อยพอใจในคำตอบของเขาเท่าไหร่นัก
“เอาน่า ๆ ล้อเล่น เลิกขมวดคิ้วสักที เดี๋ยวหน้าก็ได้กลายเป็น*บลูด็อกหรอก” ร่างสูงเดินนำหน้าคนตัวเล็กไป รู้สึกขบขันกับใบหน้าที่ไม่รู้จะบึ้งตึงไปมากกว่านี้ได้หรือเปล่าของสาวน้อย เขาหันหลังไปหาคนที่กำลังเดินตาม ยกมือขึ้นสั่นหัวไอริณ พลางว่า “เลิกหน้าบึ้งได้แล้ว แซวนิดเดียวเอง”
ไอริณรู้สึกว่าอันที่จริงเธอก็ไม่ได้บูดบึ้งซะขนาดนั้น เพียงแต่รู้สึกมึน ๆ เพราะเพิ่งตื่น และอาจจะเพราะคำพูดยียวนของหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลซึ่งก็น่าจะเกี่ยวด้วยนิดหน่อย
“งั้นแค่นี้พอใจหรือยัง” สาวน้อยฉีกยิ้มเต็มที่ให้ชายหนุ่ม จนแทบมองไม่เห็นตาทั้งสองข้าง แน่นอนว่า ประชด!
“ไม่พอ”
“...” เงียบ
“ไหนยิ้มกว้างกว่านี้” อากิดูจะสนุกที่ได้กวนคนตัวเล็ก แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สนุกเท่าไหร่
“อากิ! อเกนส์จะไปปั่นจักรยานน้ำ ช่วยพาไปทีเถอะคะ ได้โปรด” ว่าพลางดึงมือคนที่มัวลีลาอยู่ ร่างสูงเดินไปตามแรงฉุดของสาวน้อย
มือบอบบางจับที่ข้อมือแกร่งของเขา เธอเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังที่หมาย โดยไม่รู้ว่าคนที่ตนฉุดมานั้นกำลังสำรวจสาวน้อยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดีที่เธอไม่เห็นสายตาของเขาในตอนนี้ เพราะมันคงทำให้รู้สึกอบอุ่นและอาจจะน่าครั่นคร้ามสำหรับเด็กสาว
ปอยผมด้านหน้าหลุดจากเปียที่ถักทอเอาไว้ลงมาลามเลียบริเวณแก้มชมพูระเรื่อ แสงแดดยามบ่ายแก่ทำให้ผิวขาวของสาวน้อยดูเปล่งปลั่งมากกว่าปกติ และยิ่งสัมผัสที่นุ่มนวลจากฝ่ามือของไอริณได้แผ่มายังข้อมือแกร่งของร่างสูง แค่นี้ก็สามารถทำให้อะไรบางอย่างใต้ซี่โครงด้านซ้ายสั่นสะท้านมากขึ้น
เอี๊ยด ๆ เสียงกลไกเหล็กภายใต้จักรยานน้ำรูปหงส์สีขาวดังขึ้น ไอริณที่ดูจะตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นนี้ ทว่าก็ไม่ลืมที่จะลากชายหนุ่มขึ้นมาด้วย
“ฮ่า ๆ อากิอย่าหน้าบูดสิ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นบลูด็อกหรอก” สาวน้อยหยอกล้อ (คิดว่าเธอคงจะเอาคืนที่อากิว่าเธอแน่นอนค่ะ ท่านผู้อ่าน)
“ผมแค่พามา ไม่ได้บอกว่าจะนั่งด้วยซะหน่อย” แม้จะพูดแบบนี้แต่เท้าทั้งสองก็ยังช่วยคนตัวเล็กปั่นไปเรื่อย ๆ
“เอาเถอะน่า ๆ คิดว่าเป็นเพื่อนอเกนส์ นะ ๆ” พูดด้วยน้ำเสียงเริงร่าเกินปกติ
“อืม...”
หงส์เหล็กถูกปั่นวนสระน้ำของสวนสาธารณะรอบแล้ว รอบเล่า หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลนั่งเท้าคางกับพนักวางแขนที่กั้นระหว่างคนทั้งสอง เท้าก็ยังคงปั่นไปไม่หยุด เขาคิดว่าจะรอจนกว่าไอริณจะพอใจ หรือเหนื่อยจนอยากกลับบ้านนั้นแหละ เพราะดูเธอจะกระเง้ากระงอดอยากเล่นให้นานที่สุด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ ลูกฉันตกน้ำไปแล้ว” เสียงร้องของหญิงอายุราวห้าสิบดังขึ้น
อากิและไอริณหันไปตามที่มาของเสียง สาวแก่คนนั้นยืนอยู่บริเวณสำหรับให้อาหารปลา ที่มีบันไดลาดลงไปสิบขั้น และนับว่าเป็นบันไดที่ทั้งชันทั้งแคบพอสมควร
หญิงผู้นั้นโบกไม้โบกมือเป็นเชิงต้องการขอความช่วยเหลือ ปากก็ร้อง ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไม่หยุด ที่แย่กว่านั้นคือแถวนั้นมีแต่เด็ก และผู้หญิง ร่างสูงมองไปยังสิ่งหนึ่งที่ลอยอยู่ปริ่มน้ำ มีฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นระยะ ดีที่มันห่างจากชายหนุ่มไปประมาณสิบเมตรเท่านั้น
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลหยิบเอาโทรศัพท์และกระเป๋าใส่ธนบัตรออกมายื่นให้สาวน้อย
“อเกนส์! ฝากด้วย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นราวกับว่าจะกระโดดลงไปในน้ำ
“อ...อากิ”
ไม่ใช่ราวกับว่าจะกระโดด แต่ร่างสูงสง่าในตอนนี้ได้ไปลอยอยู่ในน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาหันมาพยักหน้าให้ไอริณคล้ายกับว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“...อากิ ท...ที่หน้าผากนั่น” ร่างบางพึมพำ สีหน้าพลันถอดสีไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นห่วงงั้นหรอ...แล้วอะไรที่มันไหลออกมาจากหน้าผากด้านซ้ายกันเล่า
“ได้โปรด ๆ ช่วยลูกสาวฉันที เธอตกลงไปในน้ำ ได้โปรด...” หญิงแก่ยังคงตะโกนให้คนช่วย
ตอนนี้เธอเห็นชายหนุ่มซึ่งกำลังว่ายน้ำเข้าไปใกล้เพื่อช่วยลูกสาวของเธอ ดูสีหน้าเธอจะมีความหวังขึ้นมา ไอริณที่ทำได้เพียงนั่งดูและให้กำลังใจ เด็กสาวเป็นห่วงทั้งเด็กน้อยที่จมน้ำ ทั้งชายหนุ่มที่กำลังไปช่วย ร่างบางปั่นจักรยานน้ำเข้าไปใกล้หวังจะช่วยรับเด็กน้อยที่จมน้ำ หลังจากที่อากิอุ้มเธอได้สำเร็จ
ไอริณมองร่างสูงที่ตอนนี้เข้าประชิดตัวเด็กน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เห็นหน้าเด็กเพราะชายหนุ่มอยู่ในท่าที่หันหลังให้เธอ
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลดูจะนิ่งงันไปครู่หนึ่ง นี่! อย่าบอกนะว่า ม...ไม่ทัน
เขาหันหน้ามาทางเด็กสาว ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าไปใกล้
“รับไปที...” พูดเสียงเรียบ แทบจะไม่สื่ออารมณ์ว่าดีใจหรือเสียใจที่ช่วยชีวิตเด็กน้อยได้ เขายื่นเด็กน้อยที่ว่าขึ้นมาบนจักรยานน้ำที่สาวน้อยนั่งอยู่ ไอริณกำลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่ก็ต้องชะงักไป เพราะว่า...
“ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี แต่ว่าขอบคุณมาก ๆ นะจ๊ะพ่อหนุ่ม” หญิงแก่กล่าวกับร่างสูง ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน ๆ อยู่
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อย คราวหน้าต้องระวังให้มากกว่านี้นะครับ ไม่งั้นน้องอาจจะได้รับอันตราย” อากิให้คำแนะนำพลางเอามือบิดน้ำออกจากชายเสื้อที่เปียก
“แต่ว่าฉันต้องขอโทษด้วยนะ คือว่าแผลที่หน้าผากนั้น”
“อ่อ...นี่หรอครับ” ร่างสูงยกมือขึ้นและชี้ไปที่บาดแผลบนหน้าผาก ซึ่งตอนนี้ก็มีเลือดไหลออกมาประปราย “ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“แต่ฉันคิดว่า พ่อหนุ่มควรได้ค่าทำแผล...” เธอวางลูกของเธอลงที่พื้น แล้วกำลังจะรูดซิบเปิดกระเป๋า
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแผลเดี๋ยวหนูดูให้เอง...ไม่มีค่าใช้จ่ายหรอกค่ะ” ไอริณยิ้มให้กับหญิงผู้นั่น ก่อนจะหันมาดูบาดแผลบนหน้าของร่างสูง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“จะดีหรอหนู”
“ดีแน่นอนค่ะ”
โฮ่ง ๆ เสียงลูกสาวของหญิงผู้นั้นร้องขึ้น (โฮ่ง ๆ ถูกแล้วค่ะท่านผู้อ่าน) คล้ายจะขอบคุณ ขอโทษและบอกลา ที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของอากิต้องมามีบาดแผล
“เห่าอะไรล่ะลูก จาไมก้า” เธอปรามสุนัขที่เธอรักประดุจลูกสาว
“ต่อไปอย่าวิ่งออกจากกระเป๋าไปเรื่อยล่ะ จาไมก้า อย่าดื้อต้องเชื่อแม่ เข้าใจมั้ย” อากิว่าพลางลูบหัวสุนัขพันธุ์บลูด็อกสีขาวลายน้ำตาล ซึ่งมันได้แต่หายใจหอบและเลียที่มือของชายหนุ่ม ดูดี ๆ มันก็น่ารักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
เป็นเวลานานเนิ่นพอควร หญิงผู้นั้นก็เดินจากไปพร้อมกับสุนัขที่ตัวเปียกชุ่ม แต่ทางนี้ก็ไม่ต่างกัน เด็กสาวกับชายหนุ่มซึ่งตัวเปียกชุ่ม กำลังเดินไปยังลานหินอ่อนในร่ม เพื่อให้ชายหนุ่มได้นั่งพักและทำความสะอาดแผล
“จะเอาทิงเจอร์หรือว่าไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ดีคะ” ไอริณถามหลังจากใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดปากแผลที่ยาวประมาณเซนติเมตรกว่า ๆ เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เอาทั้งสองได้มั้ย อเกนส์เคยบอกว่ามันแสบไม่ใช่หรอ”
“...หืม อเกนส์คิดว่าไม่ได้หรอกค่ะ เพราะไม่รู้ว่าไม้ที่มันข่วนอากิน่ะสกปรกหรือเปล่า”
“ช่วยไม่ได้นะ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าโดดลงไปแล้วจะไปเจอแท่งไม้แหลม ๆ แบบนั้น แล้วแถมลูกสาวยังกลายเป็นหมาน้อยพันธุ์เดียวกับอเกนส์อีก” อากิบ่นแถมยังไม่ลืมที่จะแซวคนตัวเล็ก
“แหม...พันธุ์เดียวกับอเกนส์ใช่มั้ย!” ว่าแล้วก็กดสำลีลงไปแรง ๆ ครั้งถึงสองครั้ง จนมือหนาต้องเอื้อมมารั้งข้อมือบางเอาไว้
ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในท่านั่งหันหน้าให้สาวน้อย เมื่อรู้สึกเจ็บจากการแกล้งของไอริณ เขาจึงลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบ ประสานกับดวงตากลมโตของเด็กสาว ด้วยเวลาเพียงนิดเด็กสาวก็รีบหลบตาไปทางอื่น พลางว่า “หลับตาค่ะ อเกนส์จะใส่ยา”
ใส่ยาหรอ ไม่เห็นจะต้องหลับตาเลย ร่างสูงได้แต่เพียงคิด ไม่ได้พูดออกไป
มือบางเอื้อมหยิบขวดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จากในกระเป๋ายา ในขณะที่มือง่วนกับการเตรียมสำลีแผ่นใหม่ และผสมยาตามสัดส่วน คนตัวเล็กก็ลอบมองร่างสูงไปด้วย ตอนนี้เขาหลับตาสนิท และดูไม่มีวี่แววที่จะแกล้งเธอ
“จะใส่ยาอะไรให้อ่ะ เอาไม่แสบนะ” พูดในขณะที่ยังหลับตาพริ้ม
“ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไม่แสบหรอกค่ะ” ไอริณค่อย ๆ วางแผ่นสำลีลงบนบาดแผลที่ขึ้นสีแดงอ่อน ๆ ไม่ลืมที่จะสังเกตใบหน้าซึ่งมีผิวเรียบเนียนของชายหนุ่ม แต่วันนี้กลับมีบาดแผลกลับไป เธอซับรอบบริเวณแผลอย่างเบามือ แล้วจึงปิดด้วยพลาสเตอร์
มือบางใช้ทิชชูซับทั้งเหงื่อและน้ำออกจากใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะอยู่ในท่านั่งและเธอยืน แต่ระยะห่างระหว่างใบหน้าของคนทั้งสองก็แค่ราวหนึ่งฟุตเท่านั้น (อากิสูงหรือว่าไอริณตัวเล็กกันน้อ)
“อากิ...คืนนี้ถ้าอาบน้ำแล้วแกะพลาสเตอร์ออก ก็ไม่ต้องปิดแล้วก็ได้นะคะ อเกนส์คิดว่ามันจะอับเปล่า ๆ”
“ครับหมอ ผมไม่คิดเลยนะว่าหมอจะพกยาไปด้วยทุกที่แบบนี้”
ไอริณเบ้ปากด้วยอาการขบขันที่เขาเรียกเธอว่าหมอ แล้วจึงพูดต่อ “ถ้าไม่ปิดอเกนส์คิดว่ามันจะหายเร็วกว่า แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ” เสร็จแล้วไอริณก้มมองนาฬิกาข้อมือ พลันก็นึกอะไรบางอย่างออกแต่ยังไม่ทันได้พูด
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลค่อย ๆ ลืมตา ชั่ววินาทีเดียวก็สบตากับสาวน้อย ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นและสั่นสะท้านได้ในคราวเดียว ไอริณคิด ขณะเดียวกันมือก็เอื้อมมากุมข้อมือบางเอาไว้ ไอริณนิ่งมองข้อมือของตนสลับกับดวงตาของเขาโดยไม่ได้พูดอะไร
มืออีกข้างยกขึ้นลูบผมของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา พร้อมเอาปอยผมที่หล่นลงมาลามเลียที่แก้มขึ้นไปทัดไว้หลังใบหู สายลมพัดมาพลันทำให้เกิดเสียงของใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น กระจายไปคนละทิศละทาง
ไอริณไม่ได้ละสายตาไปจากเขา แต่ว่า สายตาแบบนี้...อยากจะหลบ
“ขอบคุณนะ อเกนส์...”
*บูลด็อก เป็นชื่อสำหรับสายพันธุ์ของสุนัขมักเรียกว่า อิงลิชบูลด็อก สายพันธุ์บูลด็อกอื่นๆ รวมทั้งอเมริกันบูลด็อก ,โอลด์อิงลิชบูลด็ิอก และเฟรนช์บูลด็อก เป็นสุนัขที่มีลักษณะใบหน้าย่นและมีจมูกโด่ง
Yasang
24042559
“จ...เจ็บนะอากิ”
“ก็ใครให้ทำหน้ามึนกันล่ะ” ร่างสูงพูดขึ้น หลังใช้มือหนาเอื้อมไปดีดหน้าผากของไอริณ
“ถ้าอย่างนั้น อเกนส์ไม่ไปด้วยแล้ว” เด็กสาวทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ ไวพอกันหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลจึงกดสวิตซ์ล๊อครถทันที พลางหันมายักคิ้วเป็นเชิงว่าตนเป็นผู้กำชัยชนะ
“อากิ” เอ่ยพลางกลอกตาแบบเซ็ง ๆ
เธอไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มจะมาลากตัวเธอออกไปด้วยทำไม แถมยังมาที่บ้านแล้วพูดคุยกับลุงและป้าอย่างสนิทชิดเชื้อ ประดุจคนที่รู้จักกันมานาน และไอริณก็ไม่พอใจนักกับรอยแดงจากฝีมือของเขา ซึ่งตอนนี้เริ่มปรากฏชัดขึ้น บนหน้าผากของเด็กสาว
“หืม”
“ไม่ต้องมากวนเลย อเกนส์จะไม่ไปด้วยแล้วนะ ถ้าอากิยังจะแกล้งแบบนี้” ว่าในขณะที่ยังไม่ละมือจากที่เปิดประตู
วันนี้ชายหนุ่มนำรถของร้านอิจินิจิมาใช้ในการรับของ ซึ่งแน่นอนว่าไอริณเห็นมันจอดอยู่บริเวณเยื้อง ๆ หน้าร้านอยู่ทุกวัน แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้ขึ้นก็วันนี้นี่เอง
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเริ่มออกรถ พลางเหลือบมองสาวน้อยข้าง ๆ ที่กำลังใช้มือลูบวนบริเวณหน้าผากอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ทำไมต้องไว้ผมหน้าม้าด้วย” ร่างสูงถามขณะละสายตาจากเด็กสาว
คนตัวเล็กหันมามองด้วยใบหน้าไม่สู้จะบึ้งตึงนัก และกำลังจะตอบคำถาม
“จริงสิ อเกนส์คงจะหัวเหม่ง” เป็นประโยคที่หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลพูดขัดขึ้น พลางยกยิ้มน้อย ๆ
“...” ไอริณขมวดคิ้ว และมองไปที่ใบหน้าได้รูปของชายหนุ่ม แม้มันจะดูเหมือนภาพวาดที่จิตรกรสรรค์สร้างมาเป็นอย่างดี แต่คำพูดหยอกล้อของเขา มันทำให้สาวน้อยไม่ชอบใจ “ดีจะตายไป หัวเหม่งก็คือสมองเยอะไง” สาวน้อยให้เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ
“แสดงว่ายอมรับว่าตัวเองหัวเหม่งสินะ” คลี่ยิ้มพร้อมหันมามองสาวน้อย มือหนากะจะเอื้อมมาเปิดหน้าม้าของเด็กสาว แต่ถูกเธอปัดออกโดยสัญชาตญาณ
“อากิ!”
“แค่จะดูว่าเหม่งจริงมั้ย แต่ไม่ดูก็ได้ ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว กลัวจะแสบตา” พูดจบก็หัวเราะเสียงดังท่วมรถ หน็อยผู้ชายคนนี้ เวลาได้กวนเธอ ก็ไม่รู้จะกวนไปถึงไหน คิดแล้วไอริณรู้สึกอ่อนใจ และไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะหนุ่มคนนี้ลูกเล่นแพรวพราว ไม่ว่าจะตอนเฮฮา หรือว่าเงียบขรึม
“ตัดสินคนที่หน้าผากหรือไง” เด็กสาวพูดเสียงทื่อ ๆ โดยไม่ได้สบตา
“...ก็นิดนึงนะ” ตอบโดยไม่ได้มองหน้าเช่นกัน
“นี่อากิ อเกนส์บอกไว้เลยนะว่า ความสวยงามมีค่าเพียงเล็กน้อย อย่าตัดสินใครเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ไม่งั้นจะเสียใจทีหลัง” ไอริณถือโอกาสบอกข้อคิดดี ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในทุกยุคสมัย
“เปล่าซะหน่อย” อากิพูดเสียงเรียบ “ที่ว่าก็นิดนึงน่ะหมายถึง...” ชายตามาทางร่างบาง ที่กำลังมองมาทางเขาเหมือนกัน
“หมายถึงอะไร...”
“ก็หมายถึง...ถ้าจะชอบใครสักคน ก็จะเลือกที่หน้าผากเหม่ง ๆ นี่แหละ” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังผ่านโสตประสาท แต่กลับทำให้วาบหวิวบริเวณกล้ามเนื้อใต้อกข้างซ้ายยังไงชอบกล
ไอริณที่เคยมองจ้องเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น ในตอนนี้เด็กสาวได้ถอนสายตาไปทางถนนหนทางด้านหน้าแทน ไม่มีคำพูดใดต่อจากนี้
อากิดูจะรู้สึกพอใจในคำพูดที่ใช้หยอกล้อเด็กสาว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขาคิดแบบนั้นจริง ถ้าไม่ใช้คุณผู้อ่านซะแล้ว ชายหนุ่มกลั้นเสียงหัวเราะคิกคักไหวแทบไม่ไหว ก่อนจะเอามือเอื้อมไปลูบศีรษะของไอริณ ที่ในตอนนี้นั่งตัวแทบไม่กระดิก
“พูดไม่ออกเลยล่ะสิ”
คนตัวเล็กหันมามองใบหน้ากระจ่างใสของชายหนุ่ม ดวงตาที่มองมายังสาวน้อยดุจจะสาดส่องเข้าไปค้นในจิตใจของเด็กสาว ปานจะให้รู้ได้ว่าคำพูดของเขาส่งผลกระทบอะไรกับใจเธอบ้าง
“แค่คิดไม่ถึง...ว่าอากิจะมีมุกจีบสาวแบบนี้”
“นี่คิดว่าผมจีบอเกนส์หรอ” ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ (ลึก ๆ แล้วเด็กสาวก็คิดถูกล่ะนะ)
“อื้ม ก็พอดีอเกนส์หัวเหม่ง แล้วก็ดันเพิ่งรู้ว่าอากิจะจีบผู้หญิงหัวเหม่ง เฮ้อ...” ถอนหายใจ แล้วพูดต่อ “ถ้ารู้แบบนี้ ขอเกิดมาหัวแบนแต๊ดแต๋ดีกว่า”
ร่างสูงหัวเราะกับคำพูดเชิงตัดพ้อของสาวน้อย ซึ่งตอนนี้กำลังทอดสายตาออกไปนอกตัวรถ หาได้สบตากับเขาไม่
“แล้วจีบติดหรือเปล่า”
“...” ไอริณหันมาพลางส่ายหน้า
รถกระบะของร้านอิจินิจิ เลี้ยวเข้าสู่สนามบิน แล้วตรงไปสู่บริเวณรับของ เมื่อรถจอดสนิทร่างสูงจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน แล้วลงจากรถ ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว เดินไปได้ราวห้าก้าว ชายหนุ่มก็หมุนตัวกลับมาพลางใช้นิ้วมือแกร่งเคาะที่กระจกฝั่งคนขับ ไอริณเอื้อมมือไปกดเปิดกระจก
“ลืมเอกสารหรอคะ” ถามพลางเหลียวดูที่เบาะหลัง
“เปล่า ๆ” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ ให้เด็กสาว
ท่าทางกรุ้มกริ่ม ของร่างสูงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแปลกใจปนขบขัน ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วถามต่อ
“แล้วลืมอะไรล่ะคะ”
“ล๊อครถด้วย เดี๋ยวโดนลักพาตัวอีก ขี้เกียจไปตามหา” พูดจบก็ผละออกจากรถแล้ววิ่งเข้าไปยังตัวอาคารของทางสนามบิน ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองที่รถด้วยสายตาอ่านไม่ออก แต่ก็ไม่ได้ปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า
“พิลึกคน” ไอริณพึมพำ ก่อนเอื้อมมือไปกดล๊อคประตู
เสียงเพลงบทรถเปิดไว้อย่างแผ่วเบา ดังเข้ามายังโสตประสาท เด็กสาวลืมตาช้า ๆ เนื่องจากสายลมพัดมากระทบกับใบหน้าเนียนใสอย่างสม่ำเสมอ ไอริณเริ่มขยับตัวจนทำให้คนขับรถรู้ว่าเธอกำลังออกจากนิทรา
“เมื่อคืนนอนดึกหรอ เห็นหลับซะน้ำลายยืด แถมสัปหงกจนหัวชนกระจกไปหลายรอบ” อากิเอื้อมมือไปเพิ่มความดังของเพลง แล้วกล่าวต่อ “ไม่รู้กระจกจะร้าวหรือเปล่า”
ร่างบางคิดว่าคงเป็นอย่างที่เขาพูด เพราะรู้สึกมึนและชาที่ขมับด้านซ้าย และด้วยคร้านจะต่อปากต่อคำ เด็กสาวจึงมองออกไปนอกกระจกรถที่เปิดเพียงเล็กน้อย แล้วจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันมาหาหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาล
“ของ รับของแล้วหรอคะ” ถามพลางยันตัวให้นั่ง จึงสังเกตได้ว่าเบาะของเธอปรับให้เอนลงเล็กน้อยเพื่อสบายต่อการนอน คงจะไม่ใช่ใครหรอก นอกจากร่างสูงผู้นี้เป็นคนปรับให้
“เรียบร้อยแล้ว แต่พอดีมีคนหลับ ก็เลยยังพามาขับรถเล่น”
“ทำไมไม่ปลุกล่ะคะ”
“ก็...ไม่อยากปลุก” ปรายตามองแล้วคลี่ยิ้มให้สาวน้อย โดยไม่สนใจว่าคนฟังจะคิดยังไงกับเหตุผล
“...” ไอริณมองหน้าชายหนุ่มอีกวาระหนึ่ง
“ไม่ต้องเลย” มือบางยกขึ้นบังมือของร่างสูง เมื่อเห็นว่าเขากำลังหมายตาที่หน้าผากของเธอ
“หว้า รู้ทันซะได้”
ถึงแม้จะงุนงงกับการมาในครั้งนี้ แม้ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บรรยากาศโดยรอบนั้นดีมาก มากจนพอจะชดเชยกับเหตุผลแปลกของสารถีในคราวนี้ได้
ต้นสนสูงเรียงรายตั้งแต่ทางเข้าสวนสาธารณะ บางใบกลายเป็นสีเหลืองและร่วงหล่นลงบนพื้นถนน จึงไม่แปลกที่บนพื้นจะลานตาไปด้วยสีเหลืองปนเขียว กลิ่นหญ้าสนามที่ถูกตัดแต่งใหม่ ๆ พร้อมทั้ง กลิ่นดินยามชุ่มช้ำน้ำ ทำให้รู้สึกว่าอากาศที่หายใจเข้าไปช่างสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งนัก
“อเกนส์ยังไม่ตอบผมเลย” ถามพลางถอยรถเข้าซองจอด
มือบางของไอริณซึ่งกำลังจะปลดสายเข็มขัดนิรภัยชะงักไปนิดกับคำถาม นี่เธอยังไม่ได้ตอบอะไรเขางั้นหรือ คิดแล้วก็หันไปมองชายหนุ่ม พลางว่า “อเกนส์ลืมตอบอะไรงั้นหรือคะ”
“อืม ผมถามว่าเมื่อคืนนอนดึกหรือเปล่า”
“อ่อ...ก็ราว ๆ ตีสองค่ะ”
“ระวังหน้าแก่แล้วจะไม่สวยเอานะ” พูดกลั้วหัวเราะ
“...งั้นก็ดีเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องมีใครมาจีบ” สาวน้อยยิ้ม แล้วจึงเปิดประตูลงรถไป ชายหนุ่มร่างสูงสง่ามองตามหลังร่างบาง ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเปรยอยู่คนเดียวว่า “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง เด็กน้อย...”
“จักรยานน้ำ” เด็กสาวอ่านป้ายไม้ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่บนสนามหญ้าใกล้ ๆ กับลานจอดรถ เห็นว่ามีลูกศรชี้ไปยังทิศตะวันตก เพื่อนำทางไปสู่สถานที่ที่ระบุบนป้าย เธอหันมาถามชายหนุ่มว่า “ที่นี่มีจักรยานน้ำด้วยหรออากิ”
“ป้ายมันไม่โกหกหรอกน่า” พูดเสียงเรียบพลางเดินเข้ามาหาไอริณ
“...” สาวน้อยไม่พูดอะไร เพียงแต่ขมวดคิ้วให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่ค่อยพอใจในคำตอบของเขาเท่าไหร่นัก
“เอาน่า ๆ ล้อเล่น เลิกขมวดคิ้วสักที เดี๋ยวหน้าก็ได้กลายเป็น*บลูด็อกหรอก” ร่างสูงเดินนำหน้าคนตัวเล็กไป รู้สึกขบขันกับใบหน้าที่ไม่รู้จะบึ้งตึงไปมากกว่านี้ได้หรือเปล่าของสาวน้อย เขาหันหลังไปหาคนที่กำลังเดินตาม ยกมือขึ้นสั่นหัวไอริณ พลางว่า “เลิกหน้าบึ้งได้แล้ว แซวนิดเดียวเอง”
ไอริณรู้สึกว่าอันที่จริงเธอก็ไม่ได้บูดบึ้งซะขนาดนั้น เพียงแต่รู้สึกมึน ๆ เพราะเพิ่งตื่น และอาจจะเพราะคำพูดยียวนของหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลซึ่งก็น่าจะเกี่ยวด้วยนิดหน่อย
“งั้นแค่นี้พอใจหรือยัง” สาวน้อยฉีกยิ้มเต็มที่ให้ชายหนุ่ม จนแทบมองไม่เห็นตาทั้งสองข้าง แน่นอนว่า ประชด!
“ไม่พอ”
“...” เงียบ
“ไหนยิ้มกว้างกว่านี้” อากิดูจะสนุกที่ได้กวนคนตัวเล็ก แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สนุกเท่าไหร่
“อากิ! อเกนส์จะไปปั่นจักรยานน้ำ ช่วยพาไปทีเถอะคะ ได้โปรด” ว่าพลางดึงมือคนที่มัวลีลาอยู่ ร่างสูงเดินไปตามแรงฉุดของสาวน้อย
มือบอบบางจับที่ข้อมือแกร่งของเขา เธอเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังที่หมาย โดยไม่รู้ว่าคนที่ตนฉุดมานั้นกำลังสำรวจสาวน้อยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดีที่เธอไม่เห็นสายตาของเขาในตอนนี้ เพราะมันคงทำให้รู้สึกอบอุ่นและอาจจะน่าครั่นคร้ามสำหรับเด็กสาว
ปอยผมด้านหน้าหลุดจากเปียที่ถักทอเอาไว้ลงมาลามเลียบริเวณแก้มชมพูระเรื่อ แสงแดดยามบ่ายแก่ทำให้ผิวขาวของสาวน้อยดูเปล่งปลั่งมากกว่าปกติ และยิ่งสัมผัสที่นุ่มนวลจากฝ่ามือของไอริณได้แผ่มายังข้อมือแกร่งของร่างสูง แค่นี้ก็สามารถทำให้อะไรบางอย่างใต้ซี่โครงด้านซ้ายสั่นสะท้านมากขึ้น
เอี๊ยด ๆ เสียงกลไกเหล็กภายใต้จักรยานน้ำรูปหงส์สีขาวดังขึ้น ไอริณที่ดูจะตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นนี้ ทว่าก็ไม่ลืมที่จะลากชายหนุ่มขึ้นมาด้วย
“ฮ่า ๆ อากิอย่าหน้าบูดสิ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นบลูด็อกหรอก” สาวน้อยหยอกล้อ (คิดว่าเธอคงจะเอาคืนที่อากิว่าเธอแน่นอนค่ะ ท่านผู้อ่าน)
“ผมแค่พามา ไม่ได้บอกว่าจะนั่งด้วยซะหน่อย” แม้จะพูดแบบนี้แต่เท้าทั้งสองก็ยังช่วยคนตัวเล็กปั่นไปเรื่อย ๆ
“เอาเถอะน่า ๆ คิดว่าเป็นเพื่อนอเกนส์ นะ ๆ” พูดด้วยน้ำเสียงเริงร่าเกินปกติ
“อืม...”
หงส์เหล็กถูกปั่นวนสระน้ำของสวนสาธารณะรอบแล้ว รอบเล่า หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลนั่งเท้าคางกับพนักวางแขนที่กั้นระหว่างคนทั้งสอง เท้าก็ยังคงปั่นไปไม่หยุด เขาคิดว่าจะรอจนกว่าไอริณจะพอใจ หรือเหนื่อยจนอยากกลับบ้านนั้นแหละ เพราะดูเธอจะกระเง้ากระงอดอยากเล่นให้นานที่สุด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ ลูกฉันตกน้ำไปแล้ว” เสียงร้องของหญิงอายุราวห้าสิบดังขึ้น
อากิและไอริณหันไปตามที่มาของเสียง สาวแก่คนนั้นยืนอยู่บริเวณสำหรับให้อาหารปลา ที่มีบันไดลาดลงไปสิบขั้น และนับว่าเป็นบันไดที่ทั้งชันทั้งแคบพอสมควร
หญิงผู้นั้นโบกไม้โบกมือเป็นเชิงต้องการขอความช่วยเหลือ ปากก็ร้อง ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไม่หยุด ที่แย่กว่านั้นคือแถวนั้นมีแต่เด็ก และผู้หญิง ร่างสูงมองไปยังสิ่งหนึ่งที่ลอยอยู่ปริ่มน้ำ มีฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นระยะ ดีที่มันห่างจากชายหนุ่มไปประมาณสิบเมตรเท่านั้น
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลหยิบเอาโทรศัพท์และกระเป๋าใส่ธนบัตรออกมายื่นให้สาวน้อย
“อเกนส์! ฝากด้วย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นราวกับว่าจะกระโดดลงไปในน้ำ
“อ...อากิ”
ไม่ใช่ราวกับว่าจะกระโดด แต่ร่างสูงสง่าในตอนนี้ได้ไปลอยอยู่ในน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาหันมาพยักหน้าให้ไอริณคล้ายกับว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“...อากิ ท...ที่หน้าผากนั่น” ร่างบางพึมพำ สีหน้าพลันถอดสีไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นห่วงงั้นหรอ...แล้วอะไรที่มันไหลออกมาจากหน้าผากด้านซ้ายกันเล่า
“ได้โปรด ๆ ช่วยลูกสาวฉันที เธอตกลงไปในน้ำ ได้โปรด...” หญิงแก่ยังคงตะโกนให้คนช่วย
ตอนนี้เธอเห็นชายหนุ่มซึ่งกำลังว่ายน้ำเข้าไปใกล้เพื่อช่วยลูกสาวของเธอ ดูสีหน้าเธอจะมีความหวังขึ้นมา ไอริณที่ทำได้เพียงนั่งดูและให้กำลังใจ เด็กสาวเป็นห่วงทั้งเด็กน้อยที่จมน้ำ ทั้งชายหนุ่มที่กำลังไปช่วย ร่างบางปั่นจักรยานน้ำเข้าไปใกล้หวังจะช่วยรับเด็กน้อยที่จมน้ำ หลังจากที่อากิอุ้มเธอได้สำเร็จ
ไอริณมองร่างสูงที่ตอนนี้เข้าประชิดตัวเด็กน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เห็นหน้าเด็กเพราะชายหนุ่มอยู่ในท่าที่หันหลังให้เธอ
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลดูจะนิ่งงันไปครู่หนึ่ง นี่! อย่าบอกนะว่า ม...ไม่ทัน
เขาหันหน้ามาทางเด็กสาว ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าไปใกล้
“รับไปที...” พูดเสียงเรียบ แทบจะไม่สื่ออารมณ์ว่าดีใจหรือเสียใจที่ช่วยชีวิตเด็กน้อยได้ เขายื่นเด็กน้อยที่ว่าขึ้นมาบนจักรยานน้ำที่สาวน้อยนั่งอยู่ ไอริณกำลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่ก็ต้องชะงักไป เพราะว่า...
“ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี แต่ว่าขอบคุณมาก ๆ นะจ๊ะพ่อหนุ่ม” หญิงแก่กล่าวกับร่างสูง ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน ๆ อยู่
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อย คราวหน้าต้องระวังให้มากกว่านี้นะครับ ไม่งั้นน้องอาจจะได้รับอันตราย” อากิให้คำแนะนำพลางเอามือบิดน้ำออกจากชายเสื้อที่เปียก
“แต่ว่าฉันต้องขอโทษด้วยนะ คือว่าแผลที่หน้าผากนั้น”
“อ่อ...นี่หรอครับ” ร่างสูงยกมือขึ้นและชี้ไปที่บาดแผลบนหน้าผาก ซึ่งตอนนี้ก็มีเลือดไหลออกมาประปราย “ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“แต่ฉันคิดว่า พ่อหนุ่มควรได้ค่าทำแผล...” เธอวางลูกของเธอลงที่พื้น แล้วกำลังจะรูดซิบเปิดกระเป๋า
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแผลเดี๋ยวหนูดูให้เอง...ไม่มีค่าใช้จ่ายหรอกค่ะ” ไอริณยิ้มให้กับหญิงผู้นั่น ก่อนจะหันมาดูบาดแผลบนหน้าของร่างสูง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“จะดีหรอหนู”
“ดีแน่นอนค่ะ”
โฮ่ง ๆ เสียงลูกสาวของหญิงผู้นั้นร้องขึ้น (โฮ่ง ๆ ถูกแล้วค่ะท่านผู้อ่าน) คล้ายจะขอบคุณ ขอโทษและบอกลา ที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของอากิต้องมามีบาดแผล
“เห่าอะไรล่ะลูก จาไมก้า” เธอปรามสุนัขที่เธอรักประดุจลูกสาว
“ต่อไปอย่าวิ่งออกจากกระเป๋าไปเรื่อยล่ะ จาไมก้า อย่าดื้อต้องเชื่อแม่ เข้าใจมั้ย” อากิว่าพลางลูบหัวสุนัขพันธุ์บลูด็อกสีขาวลายน้ำตาล ซึ่งมันได้แต่หายใจหอบและเลียที่มือของชายหนุ่ม ดูดี ๆ มันก็น่ารักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
เป็นเวลานานเนิ่นพอควร หญิงผู้นั้นก็เดินจากไปพร้อมกับสุนัขที่ตัวเปียกชุ่ม แต่ทางนี้ก็ไม่ต่างกัน เด็กสาวกับชายหนุ่มซึ่งตัวเปียกชุ่ม กำลังเดินไปยังลานหินอ่อนในร่ม เพื่อให้ชายหนุ่มได้นั่งพักและทำความสะอาดแผล
“จะเอาทิงเจอร์หรือว่าไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ดีคะ” ไอริณถามหลังจากใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดปากแผลที่ยาวประมาณเซนติเมตรกว่า ๆ เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เอาทั้งสองได้มั้ย อเกนส์เคยบอกว่ามันแสบไม่ใช่หรอ”
“...หืม อเกนส์คิดว่าไม่ได้หรอกค่ะ เพราะไม่รู้ว่าไม้ที่มันข่วนอากิน่ะสกปรกหรือเปล่า”
“ช่วยไม่ได้นะ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าโดดลงไปแล้วจะไปเจอแท่งไม้แหลม ๆ แบบนั้น แล้วแถมลูกสาวยังกลายเป็นหมาน้อยพันธุ์เดียวกับอเกนส์อีก” อากิบ่นแถมยังไม่ลืมที่จะแซวคนตัวเล็ก
“แหม...พันธุ์เดียวกับอเกนส์ใช่มั้ย!” ว่าแล้วก็กดสำลีลงไปแรง ๆ ครั้งถึงสองครั้ง จนมือหนาต้องเอื้อมมารั้งข้อมือบางเอาไว้
ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในท่านั่งหันหน้าให้สาวน้อย เมื่อรู้สึกเจ็บจากการแกล้งของไอริณ เขาจึงลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบ ประสานกับดวงตากลมโตของเด็กสาว ด้วยเวลาเพียงนิดเด็กสาวก็รีบหลบตาไปทางอื่น พลางว่า “หลับตาค่ะ อเกนส์จะใส่ยา”
ใส่ยาหรอ ไม่เห็นจะต้องหลับตาเลย ร่างสูงได้แต่เพียงคิด ไม่ได้พูดออกไป
มือบางเอื้อมหยิบขวดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จากในกระเป๋ายา ในขณะที่มือง่วนกับการเตรียมสำลีแผ่นใหม่ และผสมยาตามสัดส่วน คนตัวเล็กก็ลอบมองร่างสูงไปด้วย ตอนนี้เขาหลับตาสนิท และดูไม่มีวี่แววที่จะแกล้งเธอ
“จะใส่ยาอะไรให้อ่ะ เอาไม่แสบนะ” พูดในขณะที่ยังหลับตาพริ้ม
“ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไม่แสบหรอกค่ะ” ไอริณค่อย ๆ วางแผ่นสำลีลงบนบาดแผลที่ขึ้นสีแดงอ่อน ๆ ไม่ลืมที่จะสังเกตใบหน้าซึ่งมีผิวเรียบเนียนของชายหนุ่ม แต่วันนี้กลับมีบาดแผลกลับไป เธอซับรอบบริเวณแผลอย่างเบามือ แล้วจึงปิดด้วยพลาสเตอร์
มือบางใช้ทิชชูซับทั้งเหงื่อและน้ำออกจากใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะอยู่ในท่านั่งและเธอยืน แต่ระยะห่างระหว่างใบหน้าของคนทั้งสองก็แค่ราวหนึ่งฟุตเท่านั้น (อากิสูงหรือว่าไอริณตัวเล็กกันน้อ)
“อากิ...คืนนี้ถ้าอาบน้ำแล้วแกะพลาสเตอร์ออก ก็ไม่ต้องปิดแล้วก็ได้นะคะ อเกนส์คิดว่ามันจะอับเปล่า ๆ”
“ครับหมอ ผมไม่คิดเลยนะว่าหมอจะพกยาไปด้วยทุกที่แบบนี้”
ไอริณเบ้ปากด้วยอาการขบขันที่เขาเรียกเธอว่าหมอ แล้วจึงพูดต่อ “ถ้าไม่ปิดอเกนส์คิดว่ามันจะหายเร็วกว่า แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ” เสร็จแล้วไอริณก้มมองนาฬิกาข้อมือ พลันก็นึกอะไรบางอย่างออกแต่ยังไม่ทันได้พูด
หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลค่อย ๆ ลืมตา ชั่ววินาทีเดียวก็สบตากับสาวน้อย ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นและสั่นสะท้านได้ในคราวเดียว ไอริณคิด ขณะเดียวกันมือก็เอื้อมมากุมข้อมือบางเอาไว้ ไอริณนิ่งมองข้อมือของตนสลับกับดวงตาของเขาโดยไม่ได้พูดอะไร
มืออีกข้างยกขึ้นลูบผมของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา พร้อมเอาปอยผมที่หล่นลงมาลามเลียที่แก้มขึ้นไปทัดไว้หลังใบหู สายลมพัดมาพลันทำให้เกิดเสียงของใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น กระจายไปคนละทิศละทาง
ไอริณไม่ได้ละสายตาไปจากเขา แต่ว่า สายตาแบบนี้...อยากจะหลบ
“ขอบคุณนะ อเกนส์...”
*บูลด็อก เป็นชื่อสำหรับสายพันธุ์ของสุนัขมักเรียกว่า อิงลิชบูลด็อก สายพันธุ์บูลด็อกอื่นๆ รวมทั้งอเมริกันบูลด็อก ,โอลด์อิงลิชบูลด็ิอก และเฟรนช์บูลด็อก เป็นสุนัขที่มีลักษณะใบหน้าย่นและมีจมูกโด่ง
Yasang
24042559
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ