Future control อนาคตฉัน เดิมพันด้วยรักของเธอ

5.6

เขียนโดย yasang

วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 04.15 น.

  12 ตอน
  1 วิจารณ์
  15.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 00.29 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) บทที่ 4 สายใยบางเบา (RW)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 


 
 
 
           "เอายังไงดีล่ะ" เสียงชายที่กระชากข้อมือของไอริณพูดขึ้น
            "จะยังไงได้ล่ะ ก็ต้องพาไปหานายท่านน่ะสิ"
            ร่างบางฟังการสนทนาของชายฉกรรจ์ทั้งสอง ซึ่งเธอยังมองไม่เห็นแม้แต่ใบหน้า ได้ยินเพียงการสนทนา ที่ไม่รู้ว่าจะนำอันตรายในรูปแบบไหนมาสู่ตัวเธอ สาวน้อยใช้แรงสะบัดข้อมือ พลางว่า
             "ด...เดี๋ยวสิ! จะพาฉันไปไหน" ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
            "ก็พาไปหานายท่านไง แกมีหน้าที่ตามมาดี ๆ อย่าตุกติก" ชายที่ล็อกข้อมือของเด็กสาวพูดขึ้น
            สติ ตอนนี้มีแค่ตั้งสติเท่านั้นที่จะสามารถพาไอริณออกไปจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ในขณะที่เท้าทั้งสองก้าวไปตามแรงดึงของชายแปลกหน้า หัวสมองก็กำลังคิดไม่ตก แล้วนายท่านที่พวกมันว่าคือใครกัน   ไอริณกวาดสายตาไปรอบ ๆ คิดว่าแม้ข้างหลังนี้จะเป็นบริเวณทิ้งขยะ ซึ่งนาน ๆ ทีจะมีพนักงานจากร้านอื่นผ่านมาสักคนหรือสองคน ถ้าจะร้องขอความช่วยเหลือ มันก็น่าจะมีคนได้ยินบ้างแหละน่า คิดได้ดังนี้แล้วจึงพยายามจะตะโกน
            "ช่วย ด้ว..."
            แทบจะทันที ชายที่ล๊อกข้อมือ พูดพลางเอาบางอย่างจ่อไว้ที่หลังของร่างบาง ปลายวัตถุนั้นสัมผัสโดนหลังเป็นระยะ ๆ ไม่ยากเลยที่จะรู้ว่ามันคืออะไร "ฉันบอกแล้วใช่ไหม!! ว่าอย่าตุกติก"
            ทำอะไรไม่ได้แล้ว เด็กสาวรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า น้ำใส ๆ กำลังเอ่อล้นขอบตา เธอจึงเงียบและเดินต่อไป น้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้นมีความรู้สึกมากมายผสม ปนเปกันไปหมด
            นี่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเราจริง ๆ หรอ ไอริณหลับตาหวังจะให้ลืมตาขึ้นมา แล้วเรื่องทั้งหมดกลายเป็นความฝัน เปลือกตาที่หลับลง ทำให้น้ำตาไหลรินลงบนแก้มใส แล้วล่วงลงพื้นตามลำดับ เพราะหลับตาทำให้เธอมองไม่เห็นพื้นต่างระดับตรงหน้า เท้าเล็กสะดุดกับพื้นเจ้ากรรมจนไอริณต้องลงไปกองกับพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
            เสียงประตูเหล็กบานใหญ่ถูกเปิดออก แสงไฟส่องผ่านบานประตูออกมาทำให้ไอริณมองเห็นหน้าของบุคคลทั้งสอง แม้ว่าจะเป็นเพียงแสงสลัว ๆ แต่ก็พอจะเห็นว่าชายทั้งสองนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร คนแรกหน้าผากกว้าง ตาตี่ ริมฝีปากหนา ส่วนคนที่ล๊อคข้อมือเธอเอาไว้แม้จะมองไม่ถนัดแต่ก็พอสังเกตได้ว่า เขามีคิ้วดกหนา ใบหน้าดูเคร่งขรึมตลอดเวลา แถมยังมีรอยแผลเหมือนโดนใบมีดอยู่ที่บริเวณแก้มด้านซ้าย
            "ประตูนี่...หนักจังวะ" ชายตาตี่พูดขึ้นหลังจากดันประตูได้สำเร็จ
            "ชั่งเหอะ รีบพาเด็กนี่ไปหานายท่าน จะได้รีบคุยธุระให้เสร็จ ๆ ไป" ชายเจ้าของคิ้วอันดกหนาพูดขึ้นพลางผลักให้ไอริณเดินเข้าไปข้างใน
            แม้น้ำตายังไม่ทันแห้งหายไปจากแก้มทั้งสองข้าง แต่เด็กสาวก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้
            "ที่นี่หรอ" น้ำเสียงที่สั่นเครือแฝงไปด้วยความสงสัย เพราะจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ตรงนี้ มันห่างจากจุดที่เธอเพิ่งทิ้งขยะมาเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง
            "ก็ใช่น่ะสิ นายท่านของพวกเรารอเธออยู่ที่นี่" ชายตาตี่ตอบพร้อมผายมือเข้าไปข้างใน
            "ฮะ! ที่นี่หรอ?" ถามแล้วมองหน้าชายลักพาตัวทั้งสองคนสลับกันไปมา
            “ที่นี่นี่แหละ ไป ๆ เข้าไปได้แล้ว” ชายคิ้วดกพูดส่ง ๆ ก่อนจะหันมามองสาวน้อยแล้วพูดว่า "นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าพวกเราจะลักพาตัวเด็กอย่างเธอไปขายชายแดนน่ะ"  
            ไอริณพยักหน้า จนชายทั้งสองหลุดขำ แม้ว่าเสียงหัวเราะกับใบหน้าของเขาทั้งสองดูจะไม่เข้ากันนัก แต่มันกลับทำให้ร่างบางใจชื่นขึ้น               
            ทางเดินเข้าไปภายในถูกตกแต่งคล้ายกับร้านอิจินิจิมาก หากกลิ่นเสื่อทาทามิที่ปูตามทางเดินนั้นกลิ่นไม่ค่อยจะรัญจวนใจนัก นั่นทำให้สามารถคิดได้เลยว่ามันคงไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น
            ร่างบางเดินไปตามทางโดยมีชายผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าเป็นผู้ล็อกข้อมือ แล้วอีกคนเป็นผู้เดินนำหน้า  ไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าบานประตูโชจิสีขาวบานใหญ่
            "นายท่านขอรับ พวกข้าพาแขกของท่านมาแล้วขอรับ" ชายตาตี่พูดหลังจากที่นั่งลงหน้าประตู        
            "พวกเจ้า มากันแล้วรึ" เสียงหนึ่งดังออกมาจากในห้อง “นางก็อยู่กับพวกเจ้าใช่มั้ย”
            “ขอรับ”
            “งั้นก็...พานางเข้ามาได้”
            น้ำเสียงของชายที่ดังออกมาจากข้างในบ่งบอกได้ว่าเขาต้องเป็นคนมีอายุพอสมควร แต่ว่าทำไมบทสนทนาที่ได้ยินได้ฟังนี้ มันทะแม่ง ๆ"             
            เสียงบานประตูโชจิถูกเปิดออก เผยให้เห็นสภาพห้องภายใน ขนาดของห้องกว้างขนาด*สิบเสื่อทาทามิ เครื่องใช้เป็นแบบญี่ปุ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ฉากกั้น หรือภาพแขวนตกแต่งตามผนัง  ของพวกนี้ทำให้ภาพในวันที่สาวน้อยมาสัมภาษณ์งานที่ร้านอิจินิจิผุดขึ้นมาในหัว หากแต่ที่นี่มีชายที่แต่งชุดคล้ายท่านโชกุนนั่งอยู่พร้อมด้วยหญิงสาวคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ
            "มากันซะทีนะ ข้ารอเวลานี้มานาน...เชิญเข้ามาเลยแม่สาวน้อย" คนที่แต่งตัวเป็นท่านโชกุนพูดขึ้น พลางมองมาที่ไอริณ
            "ต้องขอโทษที่ทำให้นายท่านต้องรอนานนะขอรับ...พวกข้าดักรอนางอยู่สักพักหนึ่ง นางจึงจะปรากฏตัว" ชายคิ้วดกเริ่มสาธยาย
            ปมแห่งความสงสัยคลายลงเรื่อย ๆ เมื่อได้รู้แล้วว่าคนบงการคือท่านโชกุนคนนี้ ความกลัวของสาวน้อยเหมือนจะลดลงไปค่อนข้างมาก ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไร
            "พวกเจ้าคงไม่ได้ทำอะไรให้แขกของข้าตกใจหรอกนะ" ถามพลางหรี่ตามองชายทั้งสอง
            "ไม่เลยขอรับ...มีเพียงปรามไม่ให้นางส่งเสียงโวยวายเท่านั้น" ชายคิ้วดกตอบพร้อมกับชูตะเกียบคู่หนึ่งขึ้น "พวกผมเพียงแต่ใช้สิ่งนี้กับเธอเท่านั้นขอรับ" เขายิ้มเจื่อน ๆ พร้อมหันมามองเด็กสาว และยังไม่ลืมใช้ภาษาแปลก ๆ ในการสนทนา        
          เขาเดินนำร่างบางมานั่งที่เบาะตรงหน้าคนที่เรียกตนเองว่าโชกุน ส่วนตัวเขาเดินไปนั่งที่นั่งด้านซ้ายของห้อง แล้วชายตาตี่ก็เดินตามไปนั่งข้าง ๆ 
            "ได้เวลาแล้วล่ะ...แม่สาวน้อยข้ามีธุระอยากจะคุยกับเจ้าหน่อย” ยกจอกเหล้าขึ้นจิบ แล้วพูดต่อ “ข้ารู้ว่าเจ้าคงตกใจที่จู่ ๆ ก็โดนพาตัวมาที่นี่"
            เงียบ ไม่มีเสียงใด ๆ ออกจากริมฝีปากบางของเด็กสาว เพราะด้วยบทสนทนาแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้ แล้วก็สถานที่ที่เหมือนจัดฉากให้อยู่ในหนังญี่ปุ่นขนาดนี้ ถ้าไม่ฝันก็คงมีแต่ร้านอิจินิจิเท่านั้นแหละ จะมีที่อื่นไปได้ยังไง ครั้นแล้วความคิดและเรื่องราวก็กำลังปะติดปะต่อจนเด็กสาวต้องอุทานออกมา
            "นี่! หรือว่า”
            "...หรือว่าอะไรงั้นหรือแม่สาวน้อย"
            "ร...ร้านข้าง ๆ หรอ” มือบางชี้ไปที่หน้าของท่านโชกุนอุปโลกน์
            "อ้าว...นี่ลูกน้องของข้าไม่ได้บอกให้เจ้าทราบงั้นหรือ" ท่านโชกุนพูดพลางเหลือบมองลูกน้องทั้งสองทีละคน
            ไอริณส่ายหน้าแทนการตอบคำถาม
            "ช่างเถอะนะแม่สาวน้อย ร้านของข้านั้นมันไร้ชื่อเสียง แม้แต่เจ้ายังใช่เวลานึกตั้งนาน ไหนเลยจะมีลูกค้ามาสนใจร้านของข้า" ท่านโชกุนพูดขึ้น พลางทำสีหน้าหนักอกหนักใจ มาถึงตอนนี้ทำให้เธอพอจะเดาได้แล้วว่าเขาคือเจ้าของร้าน
            "ตัวเจ้านั้น เมื่อเข้ามาทำงานที่อิจินิจิก็เห็นทำชื่อเสียงดี ๆ ให้ทางร้านไม่ใช่หรือ” หยุดพูด เพื่อมองหน้าเด็กสาว แล้วจึงพูดต่อ “โดยเฉพาะแถลงการณ์สัตว์ทะเลอะไรนั้น ถึงชื่อมันจะดูตลกหน่อยก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะขึ้นไม่ใช่หรือไง รายได้ทางร้านก็รับไปเต็ม ๆ โดยที่เจ้าแทบจะไม่ได้อะไรเลย"     "เพื่ออะไรคะ" น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของสาวน้อยถามกลับไป เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรจากคำพูดยืดยาวนั้น
            “นั่นสิ ข้าก็คิดอยู่ว่า เจ้าจะไปทำงานที่อิจินิจิเพื่ออะไร ทั้งที่เงินทองก็ไม่ได้เข้ากระเป๋าเจ้า” ยกจอกเหล้าขึ้นจิบ มองมายังไอริณแล้วพูดต่อ "ข้าจะไม่อ้อมค้อมนะ ก็ถ้าข้าจะให้เจ้ามาทำงานที่ร้านข้า และให้เงินเจ้ามากกว่าที่อิจินิจิเป็นสองเท่า เจ้าจะสนใจไหมล่ะแม่สาวน้อย"
            “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ที่ถามว่าเพื่อไรน่ะ ฉันหมายถึงคุณพาตัวฉันมาที่นี่เพื่ออะไรต่างหาก” สาวน้อยหยุดกลืนน้ำลาย คิดว่าตนอยู่ในที่ที่ไม่สู้ว่าจะปลอดภัยเท่าไหร่ แต่จะให้ทนเงียบฟังคำพูดจากคนพรรค์นี้ เธอคงไม่ทนแน่
            "เฮ้อ...เหล้าพวกนี้มันชุ่มคอจริง ๆ แต่มันดูจะขัดคอไปหน่อย ก็เพราะคำพูดจาที่ไม่สมกับเด็กอย่างเจ้า" ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง แล้วหันหน้ามาหาเด็กสาวอย่างช้า ๆ "ว่าไงล่ะแม่สาวน้อย ข้อเสนอของข้ามันก็เพื่อตัวเจ้าเองนะ ทำงานเท่าเดิมแต่ได้เงินเป็นสองเท่า เจ้าแค่ช่วยคิดโปรโมชั่นดี ๆ ให้ร้านของข้า รับรองว่าเมื่อร้านได้เป็นที่นิยมและโด่งดังมากขึ้นรับรองว่าข้าจะมอบตำแหน่งใหญ่โตในร้านให้เจ้าอย่างแน่นอน"
            "ฉันคิดว่าคุณเข้าใจแล้วซะอีก"
            "แหม ๆ จะตอบตกลงก็ตอบมาเลยแม่สาวน้อย วัยอย่างเจ้าควรจะรีบเสาะแสวงหาทรัพย์เก็บเอาไว้ให้มาก ขืนไปทำที่ร้านอิจินิจิ ทำสักร้อยปีก็ไม่มีทางจะรวยได้หรอก" ผู้ที่คิดว่าตนเป็นท่านโชกุนร่ายยาวอีกวาระหนึ่ง
            "ฉันไม่ได้ทำเพื่อจุดประสงค์นั้น ไม่ได้ทำเพื่อเงิน แล้วก็ไม่ได้มองอะไรในรูปของเงินไปซะหมด คุณจำไว้เลยนะคะ ถ้าขืนคุณยังคิดแบบนี้อยู่ อีกร้อยปี ไม่สิ! จะอีกพันปีหรือแสนปีก็ไม่มีลูกค้าคนไหนให้ความสนใจในร้านของคุณเท่ากับร้านอิจินิจิหรอก จำไว้เลย!" คราวนี้เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแบบที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน ความกลัวได้หายไปแล้ว หายไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้กล้าพูดแบบนั้น พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับท่านโชกุน
            "นี่! เธอกล้าปฏิเสธเงื่อนไขดี ๆ ของฉันงั้นหรอ” ท่านโชกุนขึ้นเสียงพร้อมลุกขึ้นยืน
            ไอริณเป็นกังวลกับร่างใหญ่ของคนที่คิดว่าตนเป็นโชกุน กลัวว่าเขาจะลุกขึ้นเพื่อเข้าทำร้ายเธอ แต่พลันก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากข้างนอก
            "อย่า! อย่าเข้าไปนะ!  เห้ย! พวกแกกันมันเอาไว้ที"
            บานประตูโชจิถูกพังเข้ามาโดยใครคนหนึ่ง  หลังเสียงโครมครามดังขึ้นเด็กสาวก็หันไปพบกับคนต้นเสียง เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลปรากฏตัวเหนือซากปรักหักพังของบานประตู ลูกน้องทั้งสองของโชกุนทำท่าจะลุกขึ้นมาสู้กับชายผู้มาใหม่
            "คิดดีแล้วงั้นหรอ ที่จะลุกขึ้นมาน่ะ" อากิพูดด้วยเสียงเรียบและทุ่มต่ำพร้อมทอดดวงตาเฉียบไปยังลูกน้องของท่านโชกุน น่าแปลกที่มันทำให้ทั้งสองคนหยุดอยู่กับที่
            "นี่กำลังเล่นอะไรกันอยู่หรอ ขายของหรือเปล่า" เสียงสแน๊กที่ตามมาข้างหลังอากิพูดขึ้น "แหม ๆ นี่ท่านโชกุนอุปโลกน์หรอเนี่ย" เขาพูดในขณะที่เดินเข้าไปใกล้คนที่คิดว่าตนเป็นท่านโชกุน
            "พ...พวกแก เข้ามาได้ยังไง"
            "พัง" อากิตอบเสียงห้วน แล้วสอดส่ายสายตาเพื่อสำรวจรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปหาโชกุนอุปโลกน์ "ท่านโชกุน...ถ้าท่านคิดจะพาคนของเรามาที่นี่ก็ช่วยส่งสาส์นไปบอกอย่างเป็นทางการก่อนจะได้ไหม ทางเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง วิ่งวุ่นตามหานางจนต้องมาพังประตูของท่านแบบนี้" อากิรับบทล้อเลียนท่านโชกุน พร้อมนั่งลงใกล้ ๆ
            "แล้วอีกอย่างนะท่านโชกุน ก่อนที่ท่านจะมาชิงตัวสาวน้อยคนสำคัญของร้านข้าเพื่อให้นางมาเป็นคนของท่าน เรื่องนั้นขอให้เลิกคิดไปก่อน" ร่างสูงตัดบทและลุกขึ้นยืน ชายตามองคนที่ตนบอกว่าเป็นสาวน้อยคนสำคัญของร้านแล้วจึงพูดต่อ "ตอนนี้ข้าว่าท่านเอาเวลาไปจัดการกับแมลงสาบที่ท่อระบายน้ำหน้าร้านจะดีกว่านะ"
            "ท...ท่อระบายน้ำ" โชกุนทำหน้าเหวอ "ด...เดี๋ยว แล้วแกเห็นแมลงสาบพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่"
            "ตลอดเวลา และคิดว่าที่พวกลูกค้าเข้าร้านนี้น้อย ก็คงจะเพราะสาเหตุนี้ด้วยล่ะมั้ง และที่สำคัญนะข้าว่าท่านควรจะเอาเวลาที่จะมาแต่งตัวเป็นโชกุนเนี่ย ไปพัฒนาร้านจะไม่ดีกว่าหรอ" เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลร่ายยาวบ้าง หากก็ไม่ลืมที่จะชายตาไปมองร่างบางเป็นระยะ ๆ
            "อากิ...ผมจะโทรแจ้งตำรวจนะ" สแน๊กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไอริณตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดขึ้น
            "ด...เดี๋ยวสิพวกเธอ ให้โอกาสร้านเราหน่อยเถอะนะ" ท่านโชกุนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงขอร้อง แถมบทสนทนายังดูเป็นคนยุคปัจจุบันมากขึ้น หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลส่ายหน้า ทำให้โชกุนต้องพูดต่อ
            "ได้โปรดเถอะนะ ร้านเราอยู่ในช่วงขาลง แถมลูกค้าก็น้อยถ้าพวกเธอแจ้งตำรวจ มีหวังร้านต้องถูกปิดตัวลงแน่ มันไม่มีทางจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกฉันเอาหัวเป็นประกันเลยนะ แม่สาวน้อย เอาเป็นว่าพวกฉันขอโทษนะ"
            "พวกเราขอโทษครับ!!" ชายสองคนกล่าวขอโทษพลางก้มหน้าแทบติดพื้น
            อากิมองหน้าเด็กสาวเป็นเชิงรอการตัดสินใจ เธอไม่ได้กล่าวอะไรแต่พยักหน้าแทนคำตอบ ในวันนั้นชายหนุ่มซักไซ้สาวน้อยอยู่นาน เรื่องที่ว่าจะไม่แจ้งความต่อตำรวจ  เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยในอนาคต แล้วยังบอกให้สแน๊กพาเธอกลับไปที่ร้านก่อน ส่วนเขายังคงจะตกลงอะไรบ้างอย่างกับทางร้านคู่กรณีในครั้งนี้
 
            "จะไปไหน"
            "จ...จะเอาขยะไปทิ้ง" คนตัวเล็กสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นข้างหลัง
            หนึ่งสัปดาห์มานี้ อากิไม่ยอมให้สาวน้อยเอาขยะมาทิ้งเลยแม้แต่วันเดียว และในวันนี้ไอริณก็เห็นแล้วว่าได้โอกาส จึงหวังจะยกถุงขยะใบเขื่องมาทิ้งบ้าง (เธอไม่สบายใจที่สแน๊กต้องรับผิดชอบงานนี้เพียงคนเดียว) แต่ดันกลับโดนเห็นเสียก่อน
            "เดี๋ยวจะเอาไปทิ้งให้" พูดพร้อมเอื้อมมือมาจับถุงขยะในมือบางของเด็กสาว
            "ไม่เป็นไรอากิ เดี๋ยวอเกนส์ทำเอง" เธอพูดพลางเอามือป้องถุงขยะ
            "เอามาเถอะ ยังไม่เข็ดอีกหรอ ถ้าโดนจับไปอีกจะทำยังไง" ดึงถุงขยะจากมือบางไปได้สำเร็จ
            "ก็อากิคุยกันเรียบร้อยแล้วนี่นา อากิเป็นคนตกลงกับเขาเอง คราวนี้ก็ไม่กล้ามีใครกล้ามาทำอะไรหรอก เชื่อสิ  ให้อเกนส์รับผิดชอบงานของอเกนส์เถอะนะ" แล้วมือบางก็แย่งถุงขยะมาจากมือของร่างสูงได้สำเร็จ จากนั้นจึงรีบเปิดประตูร้านออกไป
            เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นสองครั้งติดกัน ครั้งแรกเป็นของคนตัวเล็ก และแน่นอน...ครั้งที่สองเป็นของใคร คุณผู้อ่านน่าจะรู้นะคะ
            "อากิ" เธอหันไปเรียกชื่อเขา ก่อนจะถอนใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก
            "ตาม..." เขาตอบเสียงสั้นและเรียบ ด้วยใบหน้าและแววตาที่สาวน้อยอ่านไม่ออก
            "ตาม ตาม ตาม" ไอริณบ่น ก่อนจะหันหน้าเดินต่อไป “ตามใจอากิเลย”
            ร่างสูงรู้สึกขบขันกับท่าทางโกรธ ๆ ของเด็กสาว ที่ดูจะไม่ได้พบเห็นได้บ่อยนัก เธอหิ้วถุงขยะใบใหญ่ตรงไปยังจุดทิ้งขยะเหมือนในวันแรก จะต่างก็ตรงที่มีชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลเดินตามมาข้างหลังด้วย
            "ฮึบ!" มือบางเหวี่ยงถุงขยะเพื่อให้พ้นแนวเหล็ก
            "แรงเยอะเหมือนกันนี่นา"
            "ที่จริงแล้วอเกนส์แข็งแรงนะอากิ" สาวน้อยตอบกลั้วหัวเราะ คงลืมไปแล้วว่ากำลังโกรธ
            "อื้ม" ร่างสูงพูดแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า
            "วันนี้ดาวเต็มท้องฟ้าเลยนะอากิ" ร่างบางแหงนหน้าขึ้นตามคนข้าง ๆ
            "ดาวมันก็เต็มฟ้าทุกวันไม่ใช่หรือไง"
            "นั่นสิ” ไอริณยิ้มแหย แล้วว่า “จริงอย่างที่อากิว่านั่นแหละ บางทีถ้าวันไหนพระจันทร์สว่างเกินไป เราก็มองไม่เห็นดาวซะแล้ว"
            "อันตรายทั้งหลายมันก็เหมือนกับดาวนั้นแหละ” หยุดมองไอริณ ซึ่งกำลังมองมาทางชายหนุ่มด้วยงุนงงในคำพูด “...ไม่ต้องทำหน้างงหรอก ก็อย่างที่บอก ไม่รู้ว่าอันตรายจะเข้ามาตอนไหน รู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงก็ต้องระวัง อย่าให้คนอื่นต้องมาคอยใจหายใจคว่ำเพราะเป็นห่วง” พูดเสียงเรียบ และสุขุม จนไอริณไม่กล้าพูดแทรก
            “ขอโทษนะ อเกนส์...” มือหนาเอื้อมมาลูบศีรษะของเด็กสาวอย่างเบามือ เธอก้มหน้านิ่งไม่ได้ว่ากระไร สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อยเฉื่อย เส้นผมปลิวไสวคลอเคลียบนแก้มของใสของสาวน้อย เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของร่างสูง แล้วจึงว่า
            “อากิขอโทษเรื่องอะไร อเกนส์เข้าใจแล้ว เรื่องอันตรายพวกนั้น” เงยหน้าประสานสายตากับนัยน์ตาสีน้ำตาล “แต่ว่าอากิก็ตกลงกับพวกเขาไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะทำอะไรทำนองนั้นอีก ดังนั้นอเกนส์ก็เลยไม่คิดว่ามันจะมีอันตรายอะไร แต่ว่า...” หยุดพูดไปพักหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ “ถ้าอากิไม่สบายใจ งั้นก็...”
            “ติ๊งต๊อง” เขาพูดขัดขึ้น พลางเอามือออกจากศีรษะของเธอ
            “อ...อะไร”
            “ไม่ได้ยินหรอ” ก้มหน้าลงมาใกล้ใบหูของไอริณ “ผมบอกว่าอเกนส์เป็นเด็กติ๊งต๊อง”
            “อากิ! ทำไมชอบว่าอเกนส์อยู่เรื่อยเลย คำก็เด็ก สองคำก็ติ๊งต๊อง สามคำก็เด็กติ๊งต๊อง อย่าลืมสิว่าอากิก็เด็กเหมือนกัน”
            “บ่นจบยัง” ถามพร้อมยิ้มยียวน
            "..." ไอริณเงียบ หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป ชายหนุ่มจึงหันมามองหน้าเธอ วางสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ แล้วจึงว่า “ขอโทษนะ”
            “...” เงียบ สีหน้างงงันฉายชัดอีกวาระหนึ่ง
            "ก็ถ้าโดนใครก็ไม่รู้จับตัวไป แล้วมันจะพาไปไหนก็ไม่รู้ ทั้งที่เป็นวันแรกที่อเกนส์ทำงานดึกแท้ ๆ แต่ผมไม่ได้ดูแลอเกนส์"
            "อากิ...คิดมากไปแล้วล่ะ แล้วก็นะอเกนส์คิดว่ามันเป็นการลักพาตัวที่ตลกมากเลย เพราะไม่มีการมัดมือหรือปิดตาเหมือนที่ทำกันในหนังด้วย แฮะ ๆ"
            มือหนาก็ถูกวางลงบนหัวของสาวน้อยอย่างนุ่มนวล เป็นครั้งที่สอง
            "ก็ถ้าคนที่มาจับเธอไปไม่ใช่คนที่ร้านข้าง ๆ นี้ล่ะ เธอจะทำยังไง ก็ถ้ามันเป็นพวกโจรโรคจิตล่ะ เธอจะทำยังไง แล้วก็ถ้าผมตามไปช่วยเธอไม่ได้ล่ะ เธอจะทำยังไง" ตลอดทุกคำพูดของอากิมือของเขาก็ยังคงลูบหัวทุยของคนตัวเล็กอยู่ น่าแปลกที่ฝ่ามือนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างประหลาด
 
 
            เช้าวันหยุดกลางเดือนกันยายน อากาศแจ่มใสอย่างเป็นพิเศษ กาลเวลาอันล่วงไปนั้นจะทำให้ผู้คนได้เติบโตขึ้น ประสบการณ์ที่หลั่งไหลเข้ามาในชีวิตล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยด้านดี ๆ อยู่เสมอ แม้มันอาจจะมาพร้อมความล้มเหลวหรือความบอบช้ำก็ตาม
            "ถุงหนังสือ ๆ ที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ อยู่ไหนนะ..." ร่างบางลุกจากเตียงเพื่อตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ ค้นดูในกระเป๋าเป้ และตามชั้นวางหนังสือ แต่ก็ไม่เจอของที่กำลังหา “หรือว่าจะลืมไว้ที่ร้าน" เมื่อนึกได้แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาอิน ที่ตอนนี้ทำงานในผัดเวลาเช้า
            เป็นอย่างที่คิด ไอริณลืมหนังสือของเธอไว้ที่ร้าน เด็กสาวจึงนัดหมายกับอินไว้ว่า ในเวลาเที่ยงตรง จะเข้าไปเอา ฝากให้อินเก็บไว้ให้ด้วย
            "หญ้าในสวนขึ้นเร็วมากเลยนะคะลุง” วันนี้เด็กสาวมีโอกาสได้ช่วยคุณลุงทำสวน เธอพึมพำกับลุงพลางยกกระบุงใส่หญ้าไปทิ้งยังทุ่งโล่งหน้าบ้าน
            "ฮ่า ๆ มันก็แบบนี้แหละหลาน แล้วก็กองนู้นอีกกองด้วยนะ" ลุงพูดพร้อมชี้ไปที่ใต้ต้นมะยม
            "ค่ะ...เดี๋ยวหนูจัดการให้"
            หลังจากช่วยงานในสวนหน้าบ้านเรียบร้อย ไอริณจึงจัดแจงอาบน้ำเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอกในวันนี้ อากาศร้อนแล้วทำงานจนเหงื่อออก พอได้มาอาบน้ำมันก็ทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นมากเลยทีเดียว
            "สิบโมงแล้วหรอเนี่ย" พูดขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จ "วันนี้ต้องซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปที่ร้าน งั้น...ใส่กางเกงดีกว่า" พูดอยู่คนเดียวก่อนจะหยิบเอี๊ยมยีนส์ขายาวในตู้ออกมาสวมทับกับเสื้อแขนกระบอกสีขาว จากนั้นจึงเตรียมตัวลงมากินข้าว โดยไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าเป้คู่ใจลงมาด้วย
            “ฮ่า ๆ จริงหรอพ่อหนุ่ม แหม ๆ ลุงนี่ไม่อยากจะเชื่อ” เสียงสนทนาดังขึ้นมาจากชั้นล่างของบ้าน ไอริณสงสัยว่าผู้เป็นลุงกำลังคุยอยู่กับใคร ทำไมถึงได้เฮฮาถึงเพียงนี้ สาวน้อยข้องใจจึงรีบสาวเท้าให้เร็วที่สุด เพื่อมายังชั้นล่าง
 
            "สแน๊กวันนี้มีพัสดุจากชิซุโอกะส่งมาที่สนามบินน่ะ เดี๋ยวช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหม" พ่อครัวพูดด้วยเสียงเกรงใจสุด ๆ
            "โถเชฟ ผมไม่อยากขับรถไปไกล ๆ เลย ให้อากิไปแทนได้หรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มเส้นตื้นประจำร้านพยายามบ่ายเบี่ยง อากิที่กำลังเค้น*นัตโตะอยู่ที่เคาน์เตอร์ห้องครัวไม่ได้พูดว่าอะไร เพียงแต่เงยหน้ามองคนทั้งสองแวบหนึ่ง พลันข้อศอกของหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลไปต้องเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์
            "อิน นี่ของใครหรอ"
            "อ๋อ...นั่นของอเกนส์ลืมเอาไว้ค่ะ เห็นบอกว่าเที่ยง ๆ จะเข้ามาเอา" อินตอบในขณะที่มือยังคงเคี่ยวซุปมิโซะต่อไปเรื่อย ๆ
            "หรอ..." เขาวางสีหน้าเรียบ เหมือนกำลังไตร่ตรองบางสิ่ง แล้ว่า "เชฟครับ ผมไปเอาของที่สนามบินให้เอง"
            "อ้าว...อากิจะไปหรอ ถ้าอย่างนั้นงานครัวเอาไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวให้สแน๊กมาทำแทน ไปตอนนี้เลยก็ได้นะอากิ เดี๋ยวเที่ยงแล้วรถจะติด" พ่อครัวพูดก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถและเอกสารรับของมายื่นให้
            "พัสดุรอบนี้ เป็นเครื่องครัวใช่มั้ยครับ"
            “ใช้แล้วล่ะ ถึงอยากให้รีบไปรับมา เพราะจะต้องเอามาทำความสะอาดก่อนใช้งานด้วย”
            “โอเคครับ งั้นผมขอตัวก่อน” ชายหนุ่มเดินถือกุญแจออกไปโดยไม่ลืมสิ่งของบางอย่าง ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์
 
            "อากิ...มาได้ยังไง" ไอริณเห็นคู่สนทนาของลุง ทำให้เธอตกใจไม่น้อย
            "มาเด็ก ๆ กินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปนะลูก อากิเองก็ไม่ต้องรีบยังไงซะวันนี้อเกนส์ก็ว่างทั้งวัน" คุณป้าที่กำลังจัดเตรียมสำรับอาหารพูดขึ้น
            "ว...ว่างหรอคะ" ร่างบางถามด้วยความสงสัย พร้อมทั้งมองหน้าผู้เป็นป้า และแขกผู้มาเยือนสลับกันไปมา
            "ก็วันนี้ต้องไปกับอากิไม่ใช่หรอ ที่สนามบินน่ะ"
            "หา...หนูนี่นะคะ ต้องไปกับอากิ ไปไหน แล้วไปทำอะไรหรอคะ" เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย  
            "ไม่เป็นไรครับ อเกนส์ไม่ต้องไปก็ได้ ผมแค่เอาของมาให้" เขายื่นถุงหนังสือให้สาวน้อย เธอรับแล้วกล่าวขอบคุณ หากก็ต้องตกใจกับคำพูดของป้าอีกวาระหนึ่ง
            “ไปได้อากิ วันนี้อเกนส์ว่าง จริงมั้ยลูก ไหน ๆ อากิก็เอาของมาให้แล้ว แค่นั่งรถไปสนามบินเป็นเพื่อนแค่นี้ จะเป็นอะไรไป จริงมั้ยจ้ะ” ประโยคสุดท้าย สกุณาหันมาถามอากิ
            “ผม...ยังไงก็ได้ครับ” หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลตอบยิ้ม ๆ โดยไม่ลืมเหลือบมองร่างบางที่กำลังง่วนกับการตักข้าวสวยใส่จาน ชั่วแวบหนึ่งไอริณบังเอิญหันมาสบตากับชายหนุ่ม จากนั้นเขาและเธอหลบสายตาแล้วเสมองไปทางอื่น ทั้งสองจึงไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนไปที่กำลังเกิดขึ้น และต่างก้ไม่มีใครหาคำตอบ
            “อากิเอาข้าวกี่ทัพพีคะ” สาวน้อยถาม มือไม้สั่นเพราะอะไรไม่รู้ แต่คนตัวเล็กกำลังพยายามควบคุมมันอยู่
            “ทัพพีเดียวพอแล้ว ขอบคุณครับ”
            อาหารฝีมือผู้เป็นป้ามื้อนี้อร่อยเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา แต่ที่แปลกไปสักนิดคงจะเพราะมีหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลมาร่วมทานอาหารด้วยนั่นเอง
            "อร่อยมากเลยครับ..."         
            "จริงหรอลูก งั้นอากิก็มากินบ่อย ๆ เลยนะ อเกนส์จะได้มีเพื่อนด้วย"
            "หือ..." เด็กสาวถือตะเกียบคาไว้ที่ปากได้แต่มองไปทางป้าที ทางชายหนุ่มที
            "ขอบคุณนะครับ แต่ว่าแกงนี่อร่อยจริง ๆ ครับ ทำให้ผมนึกถึงที่แม่เคยทำให้กิน" เขาพูดพร้อมหันไปหาผู้เป็นป้าของเด็กสาว จึงไม่รู้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่านะ ที่อากิพูดถึงแม่...
            "ว่าแต่อากิเนี่ย ทั้งหน้าทั้งชื่อ เหมือนคนญี่ปุ่นเลยนะจ๊ะ ป้าเห็นแวบแรกไม่คิดว่าจะพูดภาษาไทยได้" ผู้เป็นป้าเอ่ยชมชายหนุ่มผู้มาเยือน ซึ่งสาวน้อยก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดของป้า ใบหน้าคมสันแต่หากมองแล้วให้รู้สึกถึงความอ่อนหวานบนใบหน้า ยิ่งกอปรกับนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่เฉียบนั้นแล้ว ก็ยิ่งดูคล้าย กับดาราวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่สาวน้อยเคยเห็นในซีรีย์เรื่องดังหลายเรื่อง
            "ผมพูดภาษาไทยได้ครับ ที่จะพูดไม่ค่อยได้นั่นคงเป็นภาษาญี่ปุ่นมากกว่า"
            "แต่ป้าว่าอากิหล่อนะลูก...แถมตัวสูง เหมือนนายแบบอะไรทำนองนั้นเลยล่ะ เห็นด้วยกับป้าไหม อเกนส์" ผู้เป็นป้ากล่าวชมอากิ ก่อนจะหันมาพูดประโยคสุดท้ายกับหลานสาว
            "อ...อ๋อ ค่ะ" สาวน้อยอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง พลางมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม จึงรีบตอบรับคำพูดของผู้เป็นป้าไป
            "อิ่มแล้วครับ...ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับคุณลุง คุณป้า"
            "อิ่มแล้วหรอคะ เดี๋ยวรอ อเกนส์เก็บจานแป๊บนึงนะ" ร่างบางกำลังจะเอื้อมไปหยิบจานของชายหนุ่มที่เขายื่นมาให้
            "ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวทางนี้ลุงกับป้าจะจัดการเอง พวกหนูไปทำธุระเถอะจ้ะ" เมื่อถูกทัดทานจากผู้เป็นป้า ทั้งอากิและไอริณจึงเตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน โดนชายหนุ่มไม่ลืมที่จะพุ่มมือไหว้บุคคลทั้งสองก่อนออกมา
 
---ชิซุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น---
            "เด็กกะโปโลพวกนั้นน่ะเหรอ แกอย่าลืมสิว่าใครควรจะได้" เสียงทุ่มต่ำของชายในชุดสูทเรียบหรู ผู้มีรอยสักรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ที่ท้ายทอยพูดขึ้น พลางจิบไวน์องุ่นชั้นเลิศ “ครอบครัวที่แตกแยก พ่อหรือแม่ หรือว่าจะเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวน เมื่อเทียบกับคนดี ๆ อย่างฉันแล้ว ไอ้เด็กนั้นมันก็แค่เศษสวะไร้ประโยชน์”
            "..." ลูกน้องที่ยืนอยู่ได้แต่เงียบ ไม่มีคำพูด มีเพียงเม็ดเหงื่อผดขึ้นบริเวณกระหมับทั้งสอง
            “นี่แกไม่คิดจะสนับสนุนฉันหน่อยเหรอ” ใช้หางตามองคู่สนทนา “อย่าลืมสิ ว่าบุคคลอันเป็นที่รักของแกกำลังเติบโต รึแกอยากให้มันเฉาตายไปก่อน”
            “ม...ไม่ใช่อย่างนั่นนะครับ” พูดเสียงสั่น
            "ฮึ ๆ เอาเป็นว่า ฉันมีเครื่องมือก็แล้วกัน" รอยยิ้มที่มาพร้อมคำพูดแสนคลุมเครือ ยากนักที่จะรู้ว่ามันแฝงมากับอะไร
            "ง...งั้นหรือครับ"

 
*นัตโตะ เป็นอาหารพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่น ทำจากถั่วเหลือง หมักด้วยเชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis สายพันธุ์ natto นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า นัตโตอุดมไปด้วยโปรตีน เช่นเดียวกับมิโซะ ทำให้เป็นแหล่งโภชนาการที่สำคัญของญี่ปุ่นมาช้านานและคุณค่าทางโปรตีนที่สูงทำให้สามารถใช้แทนเนื้อสัตว์ได้ แต่เนื่องจากนัตโตมีกลิ่นแรงและมีลักษณะเป็นเมือกซึ่งเกิดจากการย่อยโปรตีนระหว่างการหมัก ดังนั้นจึงทำให้มีทั้งผู้ที่ชอบและไม่ชอบ ในญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันในแถบภาคตะวันออก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%95
 
ขอบคุณและขอโทษนักอ่านที่รักทุกท่านนะคะ
ยังไม่จบซักที อันที่จริงอยากให้ใกล้ตอนจบเร็ว ๆ
เพราะมีฉากที่อยากถ่ายทอดความรู้สึก อบอุ่นหัวใจให้ผู้อ่าน
แต่ผู้เขียนอยากให้งานเขียนออกมาดีที่สุด 
จึงนั่งแก้ไขเนื้อหาบางตอนที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ดังนั้น ต้องขอขอบคุณ ทุกกำลังใจ และขอโทษไปด้วย
รักนักอ่านค่ะ 
yasang
21042559
 
 
 
 
 
 
 
 
           
 
           
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา