เรื่องของคุณมะนาว (เสี้ยวหนึ่งจากความคิด)
10.0
เขียนโดย นายน่าเบื่อ
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.14 น.
1 ตอน
3 วิจารณ์
8,853 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 22.32 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องของคุณมะนาว
ความเงียบสงบยามราตรียังคงครอบครองร้านกาแฟแห่งนี้ แต่ในใจของเขาผู้เป็นสิ่งแปลกปลอมของร้านยังส่งเสียงอยู่ในหัว ภาพเก่า ๆ ของคำบอกเลิก บอกล่า และปฏิเสธยังกลับมาหาเขาซ้ำเดิม คืนนี้สำหรับชายนุ่มช่างยาวนาน เสียงของเวลาไม่อาจส่งไปขัดห้วงภวังค์ของเขาได้ แม้สายตาของเขาจะมองออกไปยังผนังสีครามและรูปก้อนเมฆที่เหมือนของจริงจนน่าแปลกใจ ภาพพวกนั้นก็เดินทางไปไม่ถึงสมอง ดั่งสิ่งมีชีวิตเดียวของร้านกาแฟในเวลาเที่ยงคืนไร้ซึ่งตัวตน เสียงความคิดกำลังฉายความผิดหวัง ความเหงา ความเศร้า จากรักครั้งแรกมาช้า ๆ ละครของตัวเองฉายซ้ำในหัว และความรู้สึกเหล่านั้นก็เป็นเข็มเล่มเดิมปักซ้ำในใจ นี่เขาทำอะไรผิดกัน ถึงต้องมาผิดหวังกับความรักในช่วงเวลาแบบนี้เกือบตลอดทุกครั้ง
แสงในร้านถูกปิดเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงไฟสลัวที่เค้าเตอร์เท่านั้น ชายหนุ่มยังนั่งฟุบเอาแขนรองหัวนาบลงไปกับเค้าเตอร์ เหมือนโลกของเขาจะทำงานไปเลื่อย ๆ มันอาจเดินไปพร้อมกับเวลาที่ช้ามาก หรือเวลาที่ไวมาก แต่มันก็ยังไม่สำคัญในตอนนี้ ละครอดีตของชายหนุ่มยังฉายในหัวตัวเองมาไม่จบสิ้น แต่ละรอกคลื่นอารมณ์ในจิตใจกำลังสงบลง ยิ่งเขามองเห็นเรื่องเดิม ๆ ของตัวเองมากเท่าไหร่ อารมณ์ในตัวก็ยิ่งสงบ เสียงของฉากในความทรงจำยิ่งชัดเจนในโสต เขาก็ยิ่งทำความเข้าใจกับความว่างเปล่า ดั่งคลื่นที่กำลังสงบเล่นตลกร้าย ละครฉากสุดท้ายของการอกหักเริ่มเล่น ชายหนุ่มบอกรักหญิงคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องมันเหมือนเกิดเมื่อหนึ่งวินาทีที่ผ่านมา แต่มันก็ผ่านมาหลายวันและนานในความรู้สึก เขาบอกรักในแบบเดิม สถานที่พิเศษ โรแมนติกเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ แย่กว่านั้นเขายังถูกหลบหน้าอีกด้วย ช่วงเวลาที่ใกล้วันสำคัญแบบนี้ อกหักอีกแล้ว
“เราไม่ได้ชอบมะนาว เราไม่ชอบคนขี้หึง เราเห็นมะนาวเป็นเพื่อน” เธอบอกแบบนั้น ก่อนจะเดินหนีออกไปจากชีวิตที่เจ็บปวด คำพูดของเธอยังดังก้องในหัวของเขา ประโยคเหล่านั้นกังวานพอจะสะท้อนกลับไปมา และคมพอจะทิ้งแผลเหวอะหวะไว้ในความรู้สึกอีกครั้ง เขารู้ว่ากล้าบอกรักก็ต้องกล้ารับคำตอบ แต่ตัวเขาคงเป็นได้แค่ไอ้มะนาว ที่มีดีแค่ความบ้าบอ ไอ้มะนาวที่ถูกความรักทอดทิ้งเสมอ
หากท้องฟ้าในร้านจะสามารถกลายเป็นราตรีได้ มะนาวอยากให้ท้องฟ้าเป็นแบบนั้น ในยามนี้ เขามองดูร้านที่ว่างไร้ผู้คน มันต่างกับกลางวันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เขาประทับใจมันเริ่มเปลี่ยนไปหรือแสงจากไฟสีส้มหรี่สลัวทำให้เขากลายเป็นคนบ้ารึเปล่า ? มะนาวกำลังเพ้อมองทุกอย่างด้วยหัวใจที่กำลังสั่นไหว ความอดทนของมะนาวมาถึงจุดสุดท้าย ใบหน้าของเขากำลังร้อนเห่อ ภาพที่เห็น ฉากที่เคยสัมผัส กลิ่นที่จำได้ดีในร้านกาแฟ มะนาวหลับตาลงช้า ๆ นึกถึงความรักที่ไม่สมหวังอีกครั้ง แล้วเข้าก็พบความจริงที่ในตอนนี้เขาอยู่ลำพัง และเขามีน้ำตา
เช้ามาถึงไวกว่าที่มะนาวคิด อากาศในตอนเช้าค่อยข้างเย็น เสียงคนเปิดประตูหน้าถังร้าน ก่อนจะได้ยินเสียงไขกุนแจ มะนาวลืมตาตื่นขึ้นด้วยอาการเวียนในท้อง เขาไม่รู้เลยว่าเข้าได้นอนไหม แม้เข้าจะเผลอหลับไปเขาก็ยังเห็นภาพเก่า ๆ เหตุการณ์อกหักของตัวเอง เหมือนเขาทำมันไปมาซ้ำ ๆ จิตของเขาอ่อนล้าและเหนื่อยอ่อน ไม่ทันที่มะนาวจะรู้สึกตัวดี เขาก็ถูกสัมผัสเย็นจากมือของใครบางคนทาบลงบนหน้าผาก เขาตกใจถอยหลัง แล้วเสียงตึงก็ดังขึ้นในร้านกาแฟ
“เป็นไรมั้ยวะ ทำไมมานอนตรงนี้” เสียงอันคุ้นเคยเอ่ยออกมา ก่อนจะเข้าไปพยุงมะนาวให้ลุกยืนช้าๆ มะนาวมองผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้ามุ่งมั่น ยิ้มที่มุ่งมั่น และร่างกายที่สมส่วน คนตรงหน้ากำลังยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น แต่เขาพึ่งได้นอนไปไม่นาน ในความรู้สึกของเขามันเหมือนเพียงเสี่ยวนาทีด้วยซ้ำ พี่ชายของเขาไม่น่ามาขัดจังหวะเลย
“ มาไม่ให้เสียง อย่าทำอีกนะคอหักตายทำไง” เสียงของมะนาวไม่สดใส จนพี่ชายสังเกตได้ มะกรูดมองคนตรงหน้าอย่างวิเคราะห์ เขารู้ว่าน้องชายกำลังอกหัก แต่เขาไม่คิดว่าพิษรักจะทำให้คนอย่างมะนาวเจ็บปวดขนาดอดหลับอดนอน ด้วยความที่มะนาวเป็นคนมองโลกในแง่ดี อย่างน้อยพี่ชายอย่างมะกรูดก็คิดว่ามะนาวมองโลกในแง่นั้น
“ไม่สบายรึเปล่า วันนี้พักก่อนไหม” เสียงถามอ่อนโยนและอบอุ่น แทรกผ่านความรู้สึกของมะนาวอย่างง่ายดาย มันเหมือนเขากำลังโหยหาบางสิ่ง มะนาวไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหล เขามองหน้ามะกรูดพี่ชายด้วยอารมณ์ปนเป กระแสความรู้สึกของคนอกหักอ่อนแอ ก่อนที่จะทันรู้ตัว มะกรูดก็ถูกร่างถึก ๆ ของน้องชายกอดเต็มรัก ไม่บ่อยนักที่น้องชายของเขาจะแสดงด้านอ่อนแอออกมา สองแขนของมะกรูดกอดตอบน้องชายอย่างสงสัย บางทีเขาอาจจะยังไม่เข้าใจนิสัยจริง ๆ ของน้องชายอายุ 17 คนนี้อย่างถ่องแท้ แต่เขารู้เพียงแต่ว่า วันพรุ่งนี้มะนาวจะต้องเข้มแข็งขึ้นให้ได้
“ไม่เป็นไร วันนี้นาวร้องออกมาให้พอ เดี๋ยวมันก็จะเป็นความทรงจำดีดีเอง”
ถ้าหากเทียบกับความเป็นชายวัยรุ่น ถ้าหากใครผ่านมาเห็นคงมองว่าประหลาด แน่นอนหากมองด้วยสายตามันเป็นความแปลกประหลาดที่วัยรุ่นกอดกันกลางร้าน แต่หากมองด้วยหัวใจ บางสิ่งจะบอกออกมาอย่างไม่มีความจำเป็น ในหัวมะนาวอ่อนล้า ในใจกำลังจะตื่นกลับมาอ่อนน้อม เขาจำได้ว่ากอดกับพี่ชายครั้งล่าสุดก็ตอนที่พ่อและแม่เสียไป ความอบอุ่นของกอดมันนานในความทรงจำ บางทีมันอาจเลือนรางไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่เคยนึกว่าก่อนเลยว่า ความหมายของครอบครัวจะแจ่มชัดแบบนี้ ในกอดที่มะนาวเลือกจะอ่อนแอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงเป็นการยอมรับความรู้สึกอันบอบบาง
แสงแฟลตสว่างแวบเดียวก่อนหายไป ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง หากแต่บุคคลผู้มาใหม่กลับยืนดูภาพบนหน้าจอมือถือของตัวเอง แล้วเงยขึ้นมองสองพี่น้องที่ส่งความรู้สึกอบอุ่นไปทั่วร้าน สามสายตาสบกันอย่างพอเหมาะพอดี ผู้มาใหม่ยิ้มให้สองพี่น้อยด้วยความอบอุ่น หากแต่มันกลับแฝงความสนุกสนานปนมาให้สังเกตได้อีกด้วย มือถือเลื่อนมาตรงหน้าของสองพี่น้อง รูปในนั้นดูอบอุ่น อ่อนโอนแข็งกระด้างในแบบผู้ชายตัวใหญ่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเหมือนกลัวว่าบรรยากาศอันบอบบางจะปลิวหายไป
เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันอีกหน หากแต่เมื่อฟังดีดี เสียงของทั้งสามคนแตกต่างกันเหลือเกิน
มะนาวอาจหัวเราะด้วยเสียงที่มาจากความหม่นหมอง มะกรูดหัวเราะด้วยเสียงแห่งความขบขัน และผู้มาใหม่หัวเราะด้วยความสนุกในรอบเช้า แม้เสียงจะต่างกัน แต่พวกเขาหัวเราะเรื่องเดียวกัน เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลงก็เกิดความเงียบอีกหน
“นายเปิดร้านกันเถอะ ส่วนนาวไปพักก่อนไหมพี่ว่าหน้าตานาวดูแย่วะ” มะกรูดหันไปบอกผู้มาใหม่ที่มีชื่อว่านาย ก่อนจะบอกมะนาวให้พัก เสียงของมะกรูดดังขึ้นในหัวมะนาวสะท้อนไปมา สายตามะนาวเริ่มหม่นลงอีกหน เหม่อจ้องบนใบหน้าของนายอย่างเลื่อนลอย ถ้าจำไม่ผิดสาวที่เขาบอกรักก็เคยมองหน้านายอย่างหลงใหล เป็นอีกครั้งที่ในหัวคิดถึงเรื่องของเธอ คนที่หักอกเขาขาดเยื่อใย
เขารู้เสมอว่าความรักไม่มีใครผิดหรือถูก มันมีแต่ใจใครจะยอมรับเท่านั้น ตอนที่สองขาก้าวเดินไปยังห้องพักชั้นบนของร้าน นาวได้ยินเสียงเปิดหน้าถังเหล็ก เสียงเครื่องชงกาแฟช็อตแรกของวัน มันตอกย้ำให้นึกถึงเธอทุกอย่าง ยิ่งได้ยินยิ่งอ่อนแรง ทุก ๆ ที่ในร้านเต็มไปด้วยความทรงจำที่วนเวียน แต่ละก้าวของมะนาวไม่มั่นคง เดินตัวโอนเอนหมดแรง แล้วตัวเขาก็ล่องลอย หงายหลังลงมาจากบันได เขารู้สึกว่าตัวเองเบาบาง ดั่งขนนกลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกายไม่ใช่ของเขาในเสี้ยวนาทีนั้น มะนาวหลับตาลงว่างเปล่า เขารู้สึกถึงความสงบที่ควรได้รับ และหลงลืมเรื่องของเธอไปชั่วหลับตาเดียว สติของเขาขาดปลิว นิทรามาหาเขาอีกครั้งด้วยยินดี
ความเงียบสงบยามราตรียังคงครอบครองร้านกาแฟแห่งนี้ แต่ในใจของเขาผู้เป็นสิ่งแปลกปลอมของร้านยังส่งเสียงอยู่ในหัว ภาพเก่า ๆ ของคำบอกเลิก บอกล่า และปฏิเสธยังกลับมาหาเขาซ้ำเดิม คืนนี้สำหรับชายนุ่มช่างยาวนาน เสียงของเวลาไม่อาจส่งไปขัดห้วงภวังค์ของเขาได้ แม้สายตาของเขาจะมองออกไปยังผนังสีครามและรูปก้อนเมฆที่เหมือนของจริงจนน่าแปลกใจ ภาพพวกนั้นก็เดินทางไปไม่ถึงสมอง ดั่งสิ่งมีชีวิตเดียวของร้านกาแฟในเวลาเที่ยงคืนไร้ซึ่งตัวตน เสียงความคิดกำลังฉายความผิดหวัง ความเหงา ความเศร้า จากรักครั้งแรกมาช้า ๆ ละครของตัวเองฉายซ้ำในหัว และความรู้สึกเหล่านั้นก็เป็นเข็มเล่มเดิมปักซ้ำในใจ นี่เขาทำอะไรผิดกัน ถึงต้องมาผิดหวังกับความรักในช่วงเวลาแบบนี้เกือบตลอดทุกครั้ง
แสงในร้านถูกปิดเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงไฟสลัวที่เค้าเตอร์เท่านั้น ชายหนุ่มยังนั่งฟุบเอาแขนรองหัวนาบลงไปกับเค้าเตอร์ เหมือนโลกของเขาจะทำงานไปเลื่อย ๆ มันอาจเดินไปพร้อมกับเวลาที่ช้ามาก หรือเวลาที่ไวมาก แต่มันก็ยังไม่สำคัญในตอนนี้ ละครอดีตของชายหนุ่มยังฉายในหัวตัวเองมาไม่จบสิ้น แต่ละรอกคลื่นอารมณ์ในจิตใจกำลังสงบลง ยิ่งเขามองเห็นเรื่องเดิม ๆ ของตัวเองมากเท่าไหร่ อารมณ์ในตัวก็ยิ่งสงบ เสียงของฉากในความทรงจำยิ่งชัดเจนในโสต เขาก็ยิ่งทำความเข้าใจกับความว่างเปล่า ดั่งคลื่นที่กำลังสงบเล่นตลกร้าย ละครฉากสุดท้ายของการอกหักเริ่มเล่น ชายหนุ่มบอกรักหญิงคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องมันเหมือนเกิดเมื่อหนึ่งวินาทีที่ผ่านมา แต่มันก็ผ่านมาหลายวันและนานในความรู้สึก เขาบอกรักในแบบเดิม สถานที่พิเศษ โรแมนติกเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ แย่กว่านั้นเขายังถูกหลบหน้าอีกด้วย ช่วงเวลาที่ใกล้วันสำคัญแบบนี้ อกหักอีกแล้ว
“เราไม่ได้ชอบมะนาว เราไม่ชอบคนขี้หึง เราเห็นมะนาวเป็นเพื่อน” เธอบอกแบบนั้น ก่อนจะเดินหนีออกไปจากชีวิตที่เจ็บปวด คำพูดของเธอยังดังก้องในหัวของเขา ประโยคเหล่านั้นกังวานพอจะสะท้อนกลับไปมา และคมพอจะทิ้งแผลเหวอะหวะไว้ในความรู้สึกอีกครั้ง เขารู้ว่ากล้าบอกรักก็ต้องกล้ารับคำตอบ แต่ตัวเขาคงเป็นได้แค่ไอ้มะนาว ที่มีดีแค่ความบ้าบอ ไอ้มะนาวที่ถูกความรักทอดทิ้งเสมอ
หากท้องฟ้าในร้านจะสามารถกลายเป็นราตรีได้ มะนาวอยากให้ท้องฟ้าเป็นแบบนั้น ในยามนี้ เขามองดูร้านที่ว่างไร้ผู้คน มันต่างกับกลางวันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เขาประทับใจมันเริ่มเปลี่ยนไปหรือแสงจากไฟสีส้มหรี่สลัวทำให้เขากลายเป็นคนบ้ารึเปล่า ? มะนาวกำลังเพ้อมองทุกอย่างด้วยหัวใจที่กำลังสั่นไหว ความอดทนของมะนาวมาถึงจุดสุดท้าย ใบหน้าของเขากำลังร้อนเห่อ ภาพที่เห็น ฉากที่เคยสัมผัส กลิ่นที่จำได้ดีในร้านกาแฟ มะนาวหลับตาลงช้า ๆ นึกถึงความรักที่ไม่สมหวังอีกครั้ง แล้วเข้าก็พบความจริงที่ในตอนนี้เขาอยู่ลำพัง และเขามีน้ำตา
เช้ามาถึงไวกว่าที่มะนาวคิด อากาศในตอนเช้าค่อยข้างเย็น เสียงคนเปิดประตูหน้าถังร้าน ก่อนจะได้ยินเสียงไขกุนแจ มะนาวลืมตาตื่นขึ้นด้วยอาการเวียนในท้อง เขาไม่รู้เลยว่าเข้าได้นอนไหม แม้เข้าจะเผลอหลับไปเขาก็ยังเห็นภาพเก่า ๆ เหตุการณ์อกหักของตัวเอง เหมือนเขาทำมันไปมาซ้ำ ๆ จิตของเขาอ่อนล้าและเหนื่อยอ่อน ไม่ทันที่มะนาวจะรู้สึกตัวดี เขาก็ถูกสัมผัสเย็นจากมือของใครบางคนทาบลงบนหน้าผาก เขาตกใจถอยหลัง แล้วเสียงตึงก็ดังขึ้นในร้านกาแฟ
“เป็นไรมั้ยวะ ทำไมมานอนตรงนี้” เสียงอันคุ้นเคยเอ่ยออกมา ก่อนจะเข้าไปพยุงมะนาวให้ลุกยืนช้าๆ มะนาวมองผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้ามุ่งมั่น ยิ้มที่มุ่งมั่น และร่างกายที่สมส่วน คนตรงหน้ากำลังยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น แต่เขาพึ่งได้นอนไปไม่นาน ในความรู้สึกของเขามันเหมือนเพียงเสี่ยวนาทีด้วยซ้ำ พี่ชายของเขาไม่น่ามาขัดจังหวะเลย
“ มาไม่ให้เสียง อย่าทำอีกนะคอหักตายทำไง” เสียงของมะนาวไม่สดใส จนพี่ชายสังเกตได้ มะกรูดมองคนตรงหน้าอย่างวิเคราะห์ เขารู้ว่าน้องชายกำลังอกหัก แต่เขาไม่คิดว่าพิษรักจะทำให้คนอย่างมะนาวเจ็บปวดขนาดอดหลับอดนอน ด้วยความที่มะนาวเป็นคนมองโลกในแง่ดี อย่างน้อยพี่ชายอย่างมะกรูดก็คิดว่ามะนาวมองโลกในแง่นั้น
“ไม่สบายรึเปล่า วันนี้พักก่อนไหม” เสียงถามอ่อนโยนและอบอุ่น แทรกผ่านความรู้สึกของมะนาวอย่างง่ายดาย มันเหมือนเขากำลังโหยหาบางสิ่ง มะนาวไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหล เขามองหน้ามะกรูดพี่ชายด้วยอารมณ์ปนเป กระแสความรู้สึกของคนอกหักอ่อนแอ ก่อนที่จะทันรู้ตัว มะกรูดก็ถูกร่างถึก ๆ ของน้องชายกอดเต็มรัก ไม่บ่อยนักที่น้องชายของเขาจะแสดงด้านอ่อนแอออกมา สองแขนของมะกรูดกอดตอบน้องชายอย่างสงสัย บางทีเขาอาจจะยังไม่เข้าใจนิสัยจริง ๆ ของน้องชายอายุ 17 คนนี้อย่างถ่องแท้ แต่เขารู้เพียงแต่ว่า วันพรุ่งนี้มะนาวจะต้องเข้มแข็งขึ้นให้ได้
“ไม่เป็นไร วันนี้นาวร้องออกมาให้พอ เดี๋ยวมันก็จะเป็นความทรงจำดีดีเอง”
ถ้าหากเทียบกับความเป็นชายวัยรุ่น ถ้าหากใครผ่านมาเห็นคงมองว่าประหลาด แน่นอนหากมองด้วยสายตามันเป็นความแปลกประหลาดที่วัยรุ่นกอดกันกลางร้าน แต่หากมองด้วยหัวใจ บางสิ่งจะบอกออกมาอย่างไม่มีความจำเป็น ในหัวมะนาวอ่อนล้า ในใจกำลังจะตื่นกลับมาอ่อนน้อม เขาจำได้ว่ากอดกับพี่ชายครั้งล่าสุดก็ตอนที่พ่อและแม่เสียไป ความอบอุ่นของกอดมันนานในความทรงจำ บางทีมันอาจเลือนรางไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่เคยนึกว่าก่อนเลยว่า ความหมายของครอบครัวจะแจ่มชัดแบบนี้ ในกอดที่มะนาวเลือกจะอ่อนแอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงเป็นการยอมรับความรู้สึกอันบอบบาง
แสงแฟลตสว่างแวบเดียวก่อนหายไป ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง หากแต่บุคคลผู้มาใหม่กลับยืนดูภาพบนหน้าจอมือถือของตัวเอง แล้วเงยขึ้นมองสองพี่น้องที่ส่งความรู้สึกอบอุ่นไปทั่วร้าน สามสายตาสบกันอย่างพอเหมาะพอดี ผู้มาใหม่ยิ้มให้สองพี่น้อยด้วยความอบอุ่น หากแต่มันกลับแฝงความสนุกสนานปนมาให้สังเกตได้อีกด้วย มือถือเลื่อนมาตรงหน้าของสองพี่น้อง รูปในนั้นดูอบอุ่น อ่อนโอนแข็งกระด้างในแบบผู้ชายตัวใหญ่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเหมือนกลัวว่าบรรยากาศอันบอบบางจะปลิวหายไป
เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันอีกหน หากแต่เมื่อฟังดีดี เสียงของทั้งสามคนแตกต่างกันเหลือเกิน
มะนาวอาจหัวเราะด้วยเสียงที่มาจากความหม่นหมอง มะกรูดหัวเราะด้วยเสียงแห่งความขบขัน และผู้มาใหม่หัวเราะด้วยความสนุกในรอบเช้า แม้เสียงจะต่างกัน แต่พวกเขาหัวเราะเรื่องเดียวกัน เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลงก็เกิดความเงียบอีกหน
“นายเปิดร้านกันเถอะ ส่วนนาวไปพักก่อนไหมพี่ว่าหน้าตานาวดูแย่วะ” มะกรูดหันไปบอกผู้มาใหม่ที่มีชื่อว่านาย ก่อนจะบอกมะนาวให้พัก เสียงของมะกรูดดังขึ้นในหัวมะนาวสะท้อนไปมา สายตามะนาวเริ่มหม่นลงอีกหน เหม่อจ้องบนใบหน้าของนายอย่างเลื่อนลอย ถ้าจำไม่ผิดสาวที่เขาบอกรักก็เคยมองหน้านายอย่างหลงใหล เป็นอีกครั้งที่ในหัวคิดถึงเรื่องของเธอ คนที่หักอกเขาขาดเยื่อใย
เขารู้เสมอว่าความรักไม่มีใครผิดหรือถูก มันมีแต่ใจใครจะยอมรับเท่านั้น ตอนที่สองขาก้าวเดินไปยังห้องพักชั้นบนของร้าน นาวได้ยินเสียงเปิดหน้าถังเหล็ก เสียงเครื่องชงกาแฟช็อตแรกของวัน มันตอกย้ำให้นึกถึงเธอทุกอย่าง ยิ่งได้ยินยิ่งอ่อนแรง ทุก ๆ ที่ในร้านเต็มไปด้วยความทรงจำที่วนเวียน แต่ละก้าวของมะนาวไม่มั่นคง เดินตัวโอนเอนหมดแรง แล้วตัวเขาก็ล่องลอย หงายหลังลงมาจากบันได เขารู้สึกว่าตัวเองเบาบาง ดั่งขนนกลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกายไม่ใช่ของเขาในเสี้ยวนาทีนั้น มะนาวหลับตาลงว่างเปล่า เขารู้สึกถึงความสงบที่ควรได้รับ และหลงลืมเรื่องของเธอไปชั่วหลับตาเดียว สติของเขาขาดปลิว นิทรามาหาเขาอีกครั้งด้วยยินดี
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ