ทางแยก...
6.3
เขียนโดย ๋Asmaluxt
วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.48 น.
1 session
1 วิจารณ์
3,666 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.53 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ทางแยก...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมักมีคนบอกว่าผม..ชอบเหม่ออยู่เสมอ.. ถ้าไม่มีใครบอกผมคงไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้อะไรมากมายนะ.. เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่เคยหลงทางนะ.....
“เอ๋?ที่นี่คือที่ไหนกันนะ?” ...ก็ขามันก้าวไปตามความเคยชิน... ต้องมีบ้างหล่ะที่รู้สึกไม่คุ้นกับทาง..
“อ้ะลืมแนะนำตัวเลย! ผมน่ะชื่อแสงน่ะ..”
“จะว่าไปนั้นนี่ก็ทางกลับบ้านเราสินะ” ขณที่เด็กชายกำลังเดินอยู่ ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา
“ชั้นจะฆ่า..ชั้นจะฆ่า..ชั้นจะฆ่าแก!” เด็กชายตกใจกับเสียงนั้นและยืนนิ่ง..แต่เมื่อผ่านไปจึงรู้ว่าเป็นเป็นเพียงเสียง ริงโทนของโทรศัพท์นั้นเอง
“ไม่น่าให้เจ้าเก่งมันเล่นเลยแฮะ ให้มันเล่นทีไรได้อะไรแปลกๆกลับมาทุกที”เด็กชายรำพึงรำพันกับตนและก้าวเดินต่อ..
ขณะนั้นเองร่างของเด็กชายก็ล้มลงอย่างแรง ”โอ้ย!เจ็บ สะดุดอะไรกันเนี่ย?” เอาเถอะ แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก เด็กชายคิดและเดินต่อ เวลาผ่านไปเด็กชายก็เดินมาถึงจุดที่เป็น “ทางแยก”
บริเวณรอบๆนั้นมีเพียงด้านหน้าซึ่งเป็นพื้นที่โล่งและซอยที่ดูเปลี่ยวๆด้านข้าง ขณะที่ผมกำลังกวาดสายตามองไปทั่วๆ ถนนผมก็มองเห็นบางอย่าง มันเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตร่างเล็ก “อ้าวพี่แสงนี่นา!” ร่างเล็กนั้นเรียกชื่อผมออกมา เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดูเหมือนจะอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วย เด็กชายจึงทักกลับไปว่า
“รู้จักพี่ด้วยหรือ?”
“ค่ะก็หนูเคยซ้อมเชียร์กับห้องพี่นี่ค่ะ”
“เหรอ..จำไม่ได้เลยแฮะ"
”ก็แน่สิคะหนูเห็นพี่นั้งเหม่อตลอดเลยนี่” เด็กหญิงท้วง
”หวา!อายจังเลยแฮะ”เด็กชายยิ้มแก้เขินในทันที
“ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะ”ผมถาม
“หนูชื่อน้ำตาลค่ะ”เด็กหญิงตอบ
”จะว่าไปนั้นแล้วน้องน้ำตาล..ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นเหรอ?”
“อ๋อเก็บกำไลน่ะค่ะ” ในพริบตานั้นเองจากใบหน้าที่มีสีหน้ายิ้มแย้มของเด็กหญิง กลับกลายเป็นใบหน้าที่โศกเศร้าในทันที ทันใดนั้นเองผมเหลือบตาไปเห็นกำไลที่ข้อมือของน้ำตาล รูปร่างมันดูคุ้นตาราวกับว่าผมเคยเห็นมันทุกวัน
“ตายละวาเราพูดอะไรขัดใจหรือเปล่า”เด็กชายคิด“อืม..สวยดีนะ ของสำคัญเหรอ?”เด็กชายจึงพูดเปลี่ยนเรื่องในทันที
”ค่ะสำคัญมากจริงๆค่ะ”ใบหน้าเด็กหญิงกลับมายิ้มอีกครั้ง
“อืม งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ”เด็กชายบอกลาเด็กหญิง
”ค่ะพี่แสง”
ทันใดนั้นที่ผมกำลังจะหันหลังกลับ “พี่แสงคะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
“อืม พรุ่งนี้เจอกันนะ”เด็กชายตอบเด็กหญิง พร้อมกับหันหลังกลับและเดินจากเด็กหญิงไป.. ในที่สุด...
หลายวันถัดมา.. เด็กชายก็เดินกลับบ้านตามความเคยชินของขาอีกเช่นเคย จนกระทั้งถึงทางแยกเดิม กับเด็กหญิงคนเดิมอีกเหมือนกับวันที่ผ่านมา
“นี่น้องน้ำตาลไม่กลัวบ้างหรือเดินกลับบ้านคนเดียว หมู่นี้พี่ได้ยินข่าวคนติดยาออกทำร้ายคนอื่นน่ะ” เด็กชายถามเด็กหญิง อย่างนิ่มนวล
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะก็หนู มีพี่แสงอยู่ทั้งคนนี่นา”เด็กหญิงตอบ
“อย่างพี่เนี่ยนะ?”เด็กชายท้วงกลับไป
จะว่าไปตั้งแต่วันที่ผมได้เจอน้องน้ำตาล ผมก็เหม่อน้อยลงมาก คงเพราะได้ยินเสียงได้คุยกับคนอื่นล่ะมั้ง แต่ว่าผมกลับได้ยินเสียงออย่างอื่นอีกแรกๆ ผมคิดว่าคงเป็นเสียงลมแต่ทว่า เสียงๆนั้นมันกลับดูเหมือนว่าเข้ามาใกล้ขึ้นทุกวันๆ..เด็กชายคิดในใจ
“อ้ะ6โมงแล้วงั้นพี่ขอกลับบ้านก่อนนะ”เด็กชายกล่าวลาเด็กหญิงหลังจากมองไปยังนาฬิกาที่ข้อมือ
“วันนี่ก็ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ”เด็กชาย พูดกับตนเองและเดินผ่านไป..
เด็กชายยังคงเดินกลับบ้านเป็นปกติและพบกับเด็กหญิงคนเดิมอีกหลายครั้ง จนกระทั้ง วันหนึ่งขณะนั้นเด็กชายกำลังคุยเด็กหญิงเช่นเดียวกับวันที่ผ่านมา อยู่ๆเด็กชายก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างรุนแรงแล้วพบว่าที่ขามีของเหลวสีชาดออกอยู่เต็มไปหมด
”เลือดนี่มันเลือดนี่นา”
ทั้งๆที่ขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญที่ขาผมมีรอยมีเหมือนมีคนบีบไว้แต่กลับไม่เห็นมือ เด็กชายเงยหน้าขึ้นกวาดตาไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นฝาถังขยะริมปากซอยฝั่งซ้ายก็เปิดออกและมีเลือดสาดกระจายออกมาเต็มไปหมด พื้นบริเวณนั้นถูกย้อมไปด้วยสีแดง เด็กหญิงตะโกนเรียกเด็กชายอยู่ข้างๆแต่เด็กชายยังคงตกใจอยู่กับภาพที่เห็น
“ใช่แล้วล่ะจำได้แล้วทั้งเลือดทั้งเสียงใช่แล้ว จำได้แล้ว..”เด็กชายรำพึงกับตนเองและคิด
ย้อนกลับไปหลายวันก่อน....“ชั้นจะฆ่า ชั้นจะฆ่า ชั้นจะฆ่าแก!”
เสียงริงโทนของโทรศัพท์ในวันนั้น ในตอนนั้นที่ผมสะดุด ผมไม่ได้สะดุดเฉยๆ แต่ตอนนั้นขาของเด็กชายขาดไปแล้วครึ่งหนึ่งและมีเลือดนองพื้นอยู่เต็มไปหมด เด็กชายหันหลังไปภาพที่เห็นคือ คนติดยาที่ออกข่าวอยู่ในขณะนี้
“แกจะมาฆ่าฉันสินะ”
น้ำเสียงสั่นของคนติดยาพูดทั้งน้ำตา เด็กชายได้แต่คิดในใจ “มันพูดบ้าอะไรกัน!”
ทันใดนั้นเด็กชายก็ถีบเอาที่อกของคนบ้าเข้าอย่างแรงด้วยขาอีกข้างจนชายร่างผอมซูบซีดกลิ้งไปหลายเมตร เด็กชายใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดคลานหนีไปอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วล่ะต้องหาที่ซ่อนตรงทางแยกถังขยะใบนั้น ใช่แล้วล่ะผมซ่อนในถังขยะใบนั้น” เด็กชายได้ภาวนาอยู่ในใจแต่ดูเหมือนมันจะไม่สัมฤทธ์ผล
ชายคนนั้นได้ลงเอาขวาน จามลงมาอย่างรุนแรงที่ร่างของเด็กชายและในที่สุดร่างของเด็กชายก็แหลกสลายกระจายเป็นเสี่ยงๆเลือดสาดกระจายทั่วไปด้วยการจามขวานอย่างรุ่นแรงนับพันครั้ง
ภาพต่อไปในขณะที่เด็กชายคิดย้อนหลังคือตำรวจสองนายกำลังคุยกันอยู่หน้าหลุมอะไรบางอย่าง
“นี่มันบ้าจริงเปล่าวะมันทำลายหลักฐานซะขนาดนี้” ตำรวจนายหนึ่งกล่าว
“โอ้ยกว่าจะกล่อมให้มันพูดความจริงได้ก็ลำบากแล้ว”ตำรวจอีกนายท้วง
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังเด็กชาย นั้นคือเสียงของเด็กหญิงน้ำตาล “พี่แสงคะจริงๆแล้วน่ะพี่แสง..ตายไปแล้วล่ะคะ”
เด็กชายตกใจกับคำที่ได้ยินและยืนนิ่งอยู่สักพัก จนในที่สุดเด็กหญิงได้เข้ามากอดเด็กชายทั้งน้ำตา
“ทั้งๆที่หนูเห็นทุกอย่างทั้งๆที่วันนั้นหนูกล้าเข้าไปคุยด้วย และเมื่อหนูได้คุยกับพี่มันก็มีความสุขจนเผลอคิดบ้า ๆ ว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้ตลอดไปก็คงดี ถ้าหนูบอกพี่ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็คงไม่ต้องทรมารแบบนี่อีกครั้ง” เด็กชายได้ฟังคำพูดของเด็กหญิงพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
“ไม่เป็นไรพี่ยังจะอยู่กับน้ำตาลต่อไปนะ”เด็กชายพูดปลอบใจเด็กหญิง พร้อมกับลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ..” และนี่ก็เป็นเรื่องทั้งหมดของของเด็กชายและเด็กหญิงในทางแยกนั้น
“แต่ไม่เป็นไรหรอกครับอีกสักพักน้ำตาก็จะเหือดแห้งไปตามสายลมความทรงจำสักวันก็ต้องเลือนหายไป แต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันจะคงอยู่ต่อไปตลอดการ นั้นคือสิ่งที่ผมได้รู้ในวันนี้...”
“สารวัตร!ครับตามคำให้การมีศพเด็กผู้หญิงโรงเรียนเดียวกันกับเด็กชายสภาพศพถูกหั่นเละฝังอยู่ด้านข้างครับ”
สุดทางแยก..
“เอ๋?ที่นี่คือที่ไหนกันนะ?” ...ก็ขามันก้าวไปตามความเคยชิน... ต้องมีบ้างหล่ะที่รู้สึกไม่คุ้นกับทาง..
“อ้ะลืมแนะนำตัวเลย! ผมน่ะชื่อแสงน่ะ..”
“จะว่าไปนั้นนี่ก็ทางกลับบ้านเราสินะ” ขณที่เด็กชายกำลังเดินอยู่ ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา
“ชั้นจะฆ่า..ชั้นจะฆ่า..ชั้นจะฆ่าแก!” เด็กชายตกใจกับเสียงนั้นและยืนนิ่ง..แต่เมื่อผ่านไปจึงรู้ว่าเป็นเป็นเพียงเสียง ริงโทนของโทรศัพท์นั้นเอง
“ไม่น่าให้เจ้าเก่งมันเล่นเลยแฮะ ให้มันเล่นทีไรได้อะไรแปลกๆกลับมาทุกที”เด็กชายรำพึงรำพันกับตนและก้าวเดินต่อ..
ขณะนั้นเองร่างของเด็กชายก็ล้มลงอย่างแรง ”โอ้ย!เจ็บ สะดุดอะไรกันเนี่ย?” เอาเถอะ แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก เด็กชายคิดและเดินต่อ เวลาผ่านไปเด็กชายก็เดินมาถึงจุดที่เป็น “ทางแยก”
บริเวณรอบๆนั้นมีเพียงด้านหน้าซึ่งเป็นพื้นที่โล่งและซอยที่ดูเปลี่ยวๆด้านข้าง ขณะที่ผมกำลังกวาดสายตามองไปทั่วๆ ถนนผมก็มองเห็นบางอย่าง มันเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตร่างเล็ก “อ้าวพี่แสงนี่นา!” ร่างเล็กนั้นเรียกชื่อผมออกมา เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดูเหมือนจะอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วย เด็กชายจึงทักกลับไปว่า
“รู้จักพี่ด้วยหรือ?”
“ค่ะก็หนูเคยซ้อมเชียร์กับห้องพี่นี่ค่ะ”
“เหรอ..จำไม่ได้เลยแฮะ"
”ก็แน่สิคะหนูเห็นพี่นั้งเหม่อตลอดเลยนี่” เด็กหญิงท้วง
”หวา!อายจังเลยแฮะ”เด็กชายยิ้มแก้เขินในทันที
“ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะ”ผมถาม
“หนูชื่อน้ำตาลค่ะ”เด็กหญิงตอบ
”จะว่าไปนั้นแล้วน้องน้ำตาล..ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นเหรอ?”
“อ๋อเก็บกำไลน่ะค่ะ” ในพริบตานั้นเองจากใบหน้าที่มีสีหน้ายิ้มแย้มของเด็กหญิง กลับกลายเป็นใบหน้าที่โศกเศร้าในทันที ทันใดนั้นเองผมเหลือบตาไปเห็นกำไลที่ข้อมือของน้ำตาล รูปร่างมันดูคุ้นตาราวกับว่าผมเคยเห็นมันทุกวัน
“ตายละวาเราพูดอะไรขัดใจหรือเปล่า”เด็กชายคิด“อืม..สวยดีนะ ของสำคัญเหรอ?”เด็กชายจึงพูดเปลี่ยนเรื่องในทันที
”ค่ะสำคัญมากจริงๆค่ะ”ใบหน้าเด็กหญิงกลับมายิ้มอีกครั้ง
“อืม งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ”เด็กชายบอกลาเด็กหญิง
”ค่ะพี่แสง”
ทันใดนั้นที่ผมกำลังจะหันหลังกลับ “พี่แสงคะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
“อืม พรุ่งนี้เจอกันนะ”เด็กชายตอบเด็กหญิง พร้อมกับหันหลังกลับและเดินจากเด็กหญิงไป.. ในที่สุด...
หลายวันถัดมา.. เด็กชายก็เดินกลับบ้านตามความเคยชินของขาอีกเช่นเคย จนกระทั้งถึงทางแยกเดิม กับเด็กหญิงคนเดิมอีกเหมือนกับวันที่ผ่านมา
“นี่น้องน้ำตาลไม่กลัวบ้างหรือเดินกลับบ้านคนเดียว หมู่นี้พี่ได้ยินข่าวคนติดยาออกทำร้ายคนอื่นน่ะ” เด็กชายถามเด็กหญิง อย่างนิ่มนวล
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะก็หนู มีพี่แสงอยู่ทั้งคนนี่นา”เด็กหญิงตอบ
“อย่างพี่เนี่ยนะ?”เด็กชายท้วงกลับไป
จะว่าไปตั้งแต่วันที่ผมได้เจอน้องน้ำตาล ผมก็เหม่อน้อยลงมาก คงเพราะได้ยินเสียงได้คุยกับคนอื่นล่ะมั้ง แต่ว่าผมกลับได้ยินเสียงออย่างอื่นอีกแรกๆ ผมคิดว่าคงเป็นเสียงลมแต่ทว่า เสียงๆนั้นมันกลับดูเหมือนว่าเข้ามาใกล้ขึ้นทุกวันๆ..เด็กชายคิดในใจ
“อ้ะ6โมงแล้วงั้นพี่ขอกลับบ้านก่อนนะ”เด็กชายกล่าวลาเด็กหญิงหลังจากมองไปยังนาฬิกาที่ข้อมือ
“วันนี่ก็ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ”เด็กชาย พูดกับตนเองและเดินผ่านไป..
เด็กชายยังคงเดินกลับบ้านเป็นปกติและพบกับเด็กหญิงคนเดิมอีกหลายครั้ง จนกระทั้ง วันหนึ่งขณะนั้นเด็กชายกำลังคุยเด็กหญิงเช่นเดียวกับวันที่ผ่านมา อยู่ๆเด็กชายก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างรุนแรงแล้วพบว่าที่ขามีของเหลวสีชาดออกอยู่เต็มไปหมด
”เลือดนี่มันเลือดนี่นา”
ทั้งๆที่ขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญที่ขาผมมีรอยมีเหมือนมีคนบีบไว้แต่กลับไม่เห็นมือ เด็กชายเงยหน้าขึ้นกวาดตาไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นฝาถังขยะริมปากซอยฝั่งซ้ายก็เปิดออกและมีเลือดสาดกระจายออกมาเต็มไปหมด พื้นบริเวณนั้นถูกย้อมไปด้วยสีแดง เด็กหญิงตะโกนเรียกเด็กชายอยู่ข้างๆแต่เด็กชายยังคงตกใจอยู่กับภาพที่เห็น
“ใช่แล้วล่ะจำได้แล้วทั้งเลือดทั้งเสียงใช่แล้ว จำได้แล้ว..”เด็กชายรำพึงกับตนเองและคิด
ย้อนกลับไปหลายวันก่อน....“ชั้นจะฆ่า ชั้นจะฆ่า ชั้นจะฆ่าแก!”
เสียงริงโทนของโทรศัพท์ในวันนั้น ในตอนนั้นที่ผมสะดุด ผมไม่ได้สะดุดเฉยๆ แต่ตอนนั้นขาของเด็กชายขาดไปแล้วครึ่งหนึ่งและมีเลือดนองพื้นอยู่เต็มไปหมด เด็กชายหันหลังไปภาพที่เห็นคือ คนติดยาที่ออกข่าวอยู่ในขณะนี้
“แกจะมาฆ่าฉันสินะ”
น้ำเสียงสั่นของคนติดยาพูดทั้งน้ำตา เด็กชายได้แต่คิดในใจ “มันพูดบ้าอะไรกัน!”
ทันใดนั้นเด็กชายก็ถีบเอาที่อกของคนบ้าเข้าอย่างแรงด้วยขาอีกข้างจนชายร่างผอมซูบซีดกลิ้งไปหลายเมตร เด็กชายใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดคลานหนีไปอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วล่ะต้องหาที่ซ่อนตรงทางแยกถังขยะใบนั้น ใช่แล้วล่ะผมซ่อนในถังขยะใบนั้น” เด็กชายได้ภาวนาอยู่ในใจแต่ดูเหมือนมันจะไม่สัมฤทธ์ผล
ชายคนนั้นได้ลงเอาขวาน จามลงมาอย่างรุนแรงที่ร่างของเด็กชายและในที่สุดร่างของเด็กชายก็แหลกสลายกระจายเป็นเสี่ยงๆเลือดสาดกระจายทั่วไปด้วยการจามขวานอย่างรุ่นแรงนับพันครั้ง
ภาพต่อไปในขณะที่เด็กชายคิดย้อนหลังคือตำรวจสองนายกำลังคุยกันอยู่หน้าหลุมอะไรบางอย่าง
“นี่มันบ้าจริงเปล่าวะมันทำลายหลักฐานซะขนาดนี้” ตำรวจนายหนึ่งกล่าว
“โอ้ยกว่าจะกล่อมให้มันพูดความจริงได้ก็ลำบากแล้ว”ตำรวจอีกนายท้วง
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังเด็กชาย นั้นคือเสียงของเด็กหญิงน้ำตาล “พี่แสงคะจริงๆแล้วน่ะพี่แสง..ตายไปแล้วล่ะคะ”
เด็กชายตกใจกับคำที่ได้ยินและยืนนิ่งอยู่สักพัก จนในที่สุดเด็กหญิงได้เข้ามากอดเด็กชายทั้งน้ำตา
“ทั้งๆที่หนูเห็นทุกอย่างทั้งๆที่วันนั้นหนูกล้าเข้าไปคุยด้วย และเมื่อหนูได้คุยกับพี่มันก็มีความสุขจนเผลอคิดบ้า ๆ ว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้ตลอดไปก็คงดี ถ้าหนูบอกพี่ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็คงไม่ต้องทรมารแบบนี่อีกครั้ง” เด็กชายได้ฟังคำพูดของเด็กหญิงพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
“ไม่เป็นไรพี่ยังจะอยู่กับน้ำตาลต่อไปนะ”เด็กชายพูดปลอบใจเด็กหญิง พร้อมกับลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ..” และนี่ก็เป็นเรื่องทั้งหมดของของเด็กชายและเด็กหญิงในทางแยกนั้น
“แต่ไม่เป็นไรหรอกครับอีกสักพักน้ำตาก็จะเหือดแห้งไปตามสายลมความทรงจำสักวันก็ต้องเลือนหายไป แต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันจะคงอยู่ต่อไปตลอดการ นั้นคือสิ่งที่ผมได้รู้ในวันนี้...”
“สารวัตร!ครับตามคำให้การมีศพเด็กผู้หญิงโรงเรียนเดียวกันกับเด็กชายสภาพศพถูกหั่นเละฝังอยู่ด้านข้างครับ”
สุดทางแยก..
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ