ความสำคัญ
8.7
เขียนโดย รอยยิ้ม
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.29 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
8,613 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 13.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) หนึ่งความสวยงาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เมื่อดวงตะวันโผล่ขึ้นเหนือท้องทะเล แสงแดดอ่อนสาดส่องทั่วเมือง กระแสลมพัดผ่านกายอย่างแผ่วเบา เบื้องหน้าคือแผ่นน้ำ ภาพตึกรามบ้านช่องถูกทิ้งไว้เพียงด้านหลัง ดวงตาจ้องมองนกนางนวลสองตัวที่บินฉวัดเฉวียนอยู่กลางอากาศ สองหูเงี่ยฟังเสียงสายลมผสมกับเกลียวคลื่นบรรเลงเพลงแห่งธรรมชาติ ความสุขสงบแผ่ซ่านภายในจิตใจ
ไม่น่าเชื่อ ทะเลบางแสนที่คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนจะดูสุขสงบในยามเช้า ร้านอาหาร รวมทั้งแหล่งสังสรรค์ล้วนหลับใหลเสมือนอ่อนล้าจากการอดหลับอดนอน บางแสนเองไม่ได้ต่างจากทะเลอื่นที่แอบซุกซ่อนความงดงามเอาไว้ เมื่อปราศจากแสงสีจากหลอดไฟนีออนตามท้องถนน เสียงเพลงกระหึ่มจากลำโพงตามร้านอาหาร รวมทั้งเศษขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนตามพื้นดิน ผืนน้ำ เราอาจได้มองดวงดาวชัดขึ้น ฟังกระแสลมที่พัดผ่านเกลียวคลื่น เห็นภาพหาดทรายขาวและน้ำใสสะอาดตา หากท้องทะเลพูดได้เราคงได้ยินเสียงก่นด่าถึงความมักง่ายของมนุษย์ร่วมไปด้วย
ความร้อนจากดวงอาทิตย์เริ่มเพิ่มอุณหภูมิ จุดสำคัญวันนี้คือ “สะพานปลา” อยู่ทางทิศใต้ของหาดวอนนภาซึ่งเป็นชายหาดตอนใต้สุดต่อจากหาดบางแสน สำหรับหาดวอนนภานักท่องเที่ยวนิยมนำเสื่อมาปูนั่งกันเองแบบง่าย ๆ เนื่องจากเก้าอี้ผ้าใบมีบริการเพียงต้นหาดเท่านั้น ชายหาดแห่งนี้มีจุดเด่นตรงแนวโขดหินจำนวนมาก ผู้มาเยือนจึงไม่นิยมลงเล่นน้ำ แต่มาหาความสำราญจากบรรยากาศที่มีเสียงเพลงตามร้านอาหารเปิดดังอย่างทั่วถึง
สะพานปลาทอดยาวลงสู่ทะเล อยู่ติดกับหาดวอนนภาฝั่งทิศใต้ เป็นจุดที่มีเรือชาวประมงจอดอยู่เรียงราย พบวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัย เมื่อตัดเรื่องแสงสีความบันเทิงยามค่ำคืนออก บางแสนก็เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีการดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ช่วงเช้ามืดถึงเช้าเรือประมงที่ออกจับสัตว์ทะเลยังชีพจะเข้าฝั่งเทียบท่า นำของสดที่ได้ขนส่งต่อไปยังร้านอาหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวทันต่อการบริโภค นำไปวางขายบ้างตามริมทางเดินให้ผู้ตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าได้เลือกซื้อเพื่อประกอบอาหาร อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของสะพานปลาคือนักตกปลาที่พร้อมใจกันหิ้วอุปกรณ์มานั่งรับลมโชย รอปลาติดเบ็ดอยู่ขอบสะพาน ขณะเดียวกันช่วงเย็นเราจะพบความสวยงามของแสงอาทิตย์ที่กำลังถูกท้องทะเลดูดกลืน
สองเท้าก้าวเดินตามทางทอดยาวอย่างเชื่องช้า พบวิถีชีวิต รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่ชาวบ้านต่างพูดคุยประหนึ่งเป็นเครื่องบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการตรากตำทำงานตั้งแต่แสงอรุณวันใหม่ยังไม่น้อมรับ พบความแตกต่างของน้ำทะเลบนสองฟากฝั่งสะพานปลา ด้านหนึ่งสวยงาม นิ่งสงบ อีกด้านเต็มไปด้วยริ้วคลื่นและขยะที่เกิดจากความมักง่ายของมนุษย์ลอยรวมกันบนผิวน้ำ เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์มีมากจนก่อความรำคาญ สายลมเย็นจางหาย แทนที่ด้วยไอแดดที่เริ่มแผดเผาเรือนร่าง ยามเช้ากำลังผ่านพ้น สองขาพาร่างกายเดินกลับไปยังจุดเดิม ทะเลสองฟากคงมีความต่างทั้งนิ่งสงบและเคลื่อนไหว แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนจากเดิมคือกองขยะเหล่านั้นถูกเก็บไปจนหมด คืนความงดงามสู่ผืนน้ำอีกครั้ง
การพบความงดงามที่ต่างกันของท้องทะเลช่วยยืนยันหลักความคิดมนุษย์ที่ว่า “ทุกสิ่งล้วนมีหลายมุมมอง” แม้มหาสมุทรจะนิ่งสงบและสวยงาม ใช่ว่าจะไม่เกรี้ยวกราด แม้ภูเขาจะมีต้นไม้ให้ความร่มรื่น ใช่ว่าวันหนึ่งจะไม่หมดไป คนเราก็มีหลายแง่มุมให้ค้นหา การรีบสรุปว่าสิ่งไหนเป็นอย่างไร อาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ความพิเศษที่ถูกซ่อนไว้ และแม้ธรรมชาติจะแฝงความร้ายกาจในตัว การช่วยดูแลให้เขาได้อยู่ในสภาพที่ควรจะเป็น อาจช่วยบรรเทาด้านร้ายที่สิ่งมีชีวิตกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นได้
ไม่น่าเชื่อ ทะเลบางแสนที่คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนจะดูสุขสงบในยามเช้า ร้านอาหาร รวมทั้งแหล่งสังสรรค์ล้วนหลับใหลเสมือนอ่อนล้าจากการอดหลับอดนอน บางแสนเองไม่ได้ต่างจากทะเลอื่นที่แอบซุกซ่อนความงดงามเอาไว้ เมื่อปราศจากแสงสีจากหลอดไฟนีออนตามท้องถนน เสียงเพลงกระหึ่มจากลำโพงตามร้านอาหาร รวมทั้งเศษขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนตามพื้นดิน ผืนน้ำ เราอาจได้มองดวงดาวชัดขึ้น ฟังกระแสลมที่พัดผ่านเกลียวคลื่น เห็นภาพหาดทรายขาวและน้ำใสสะอาดตา หากท้องทะเลพูดได้เราคงได้ยินเสียงก่นด่าถึงความมักง่ายของมนุษย์ร่วมไปด้วย
ความร้อนจากดวงอาทิตย์เริ่มเพิ่มอุณหภูมิ จุดสำคัญวันนี้คือ “สะพานปลา” อยู่ทางทิศใต้ของหาดวอนนภาซึ่งเป็นชายหาดตอนใต้สุดต่อจากหาดบางแสน สำหรับหาดวอนนภานักท่องเที่ยวนิยมนำเสื่อมาปูนั่งกันเองแบบง่าย ๆ เนื่องจากเก้าอี้ผ้าใบมีบริการเพียงต้นหาดเท่านั้น ชายหาดแห่งนี้มีจุดเด่นตรงแนวโขดหินจำนวนมาก ผู้มาเยือนจึงไม่นิยมลงเล่นน้ำ แต่มาหาความสำราญจากบรรยากาศที่มีเสียงเพลงตามร้านอาหารเปิดดังอย่างทั่วถึง
สะพานปลาทอดยาวลงสู่ทะเล อยู่ติดกับหาดวอนนภาฝั่งทิศใต้ เป็นจุดที่มีเรือชาวประมงจอดอยู่เรียงราย พบวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัย เมื่อตัดเรื่องแสงสีความบันเทิงยามค่ำคืนออก บางแสนก็เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีการดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ช่วงเช้ามืดถึงเช้าเรือประมงที่ออกจับสัตว์ทะเลยังชีพจะเข้าฝั่งเทียบท่า นำของสดที่ได้ขนส่งต่อไปยังร้านอาหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวทันต่อการบริโภค นำไปวางขายบ้างตามริมทางเดินให้ผู้ตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าได้เลือกซื้อเพื่อประกอบอาหาร อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของสะพานปลาคือนักตกปลาที่พร้อมใจกันหิ้วอุปกรณ์มานั่งรับลมโชย รอปลาติดเบ็ดอยู่ขอบสะพาน ขณะเดียวกันช่วงเย็นเราจะพบความสวยงามของแสงอาทิตย์ที่กำลังถูกท้องทะเลดูดกลืน
สองเท้าก้าวเดินตามทางทอดยาวอย่างเชื่องช้า พบวิถีชีวิต รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่ชาวบ้านต่างพูดคุยประหนึ่งเป็นเครื่องบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการตรากตำทำงานตั้งแต่แสงอรุณวันใหม่ยังไม่น้อมรับ พบความแตกต่างของน้ำทะเลบนสองฟากฝั่งสะพานปลา ด้านหนึ่งสวยงาม นิ่งสงบ อีกด้านเต็มไปด้วยริ้วคลื่นและขยะที่เกิดจากความมักง่ายของมนุษย์ลอยรวมกันบนผิวน้ำ เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์มีมากจนก่อความรำคาญ สายลมเย็นจางหาย แทนที่ด้วยไอแดดที่เริ่มแผดเผาเรือนร่าง ยามเช้ากำลังผ่านพ้น สองขาพาร่างกายเดินกลับไปยังจุดเดิม ทะเลสองฟากคงมีความต่างทั้งนิ่งสงบและเคลื่อนไหว แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนจากเดิมคือกองขยะเหล่านั้นถูกเก็บไปจนหมด คืนความงดงามสู่ผืนน้ำอีกครั้ง
การพบความงดงามที่ต่างกันของท้องทะเลช่วยยืนยันหลักความคิดมนุษย์ที่ว่า “ทุกสิ่งล้วนมีหลายมุมมอง” แม้มหาสมุทรจะนิ่งสงบและสวยงาม ใช่ว่าจะไม่เกรี้ยวกราด แม้ภูเขาจะมีต้นไม้ให้ความร่มรื่น ใช่ว่าวันหนึ่งจะไม่หมดไป คนเราก็มีหลายแง่มุมให้ค้นหา การรีบสรุปว่าสิ่งไหนเป็นอย่างไร อาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ความพิเศษที่ถูกซ่อนไว้ และแม้ธรรมชาติจะแฝงความร้ายกาจในตัว การช่วยดูแลให้เขาได้อยู่ในสภาพที่ควรจะเป็น อาจช่วยบรรเทาด้านร้ายที่สิ่งมีชีวิตกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นได้
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ