คุณเจ้าของร้านกับเพื่อนบ้าน...

7.1

เขียนโดย oxygen

วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 07.46 น.

  10 ตอน
  9 วิจารณ์
  13.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 05.09 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

4) มาริสะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ในขอบเขตการดูแลพื้นที่สิบไร่เศษ ๆ ของผมมีผู้คนมากมายอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อยู่ในวัยทำงาน ผู้สูงอายุเป็นส่วนน้อย และมีเด็ก ๆ ประมาณหนึ่ง ซึ่งในบรรดาเด็ก ๆ ที่เป็นทั้งเด็กเล็ก เล็กโตที่อยู่ในพื้นที่ของผม จะมีอยู่ไม่กี่คนที่ผมพูดได้คำเดียวว่า... ‘ลืมไม่ลง’

     ตูม!!!

     เสียงระเบิดดังสนั่นมาจากหน้าร้าน แน่นอนว่าผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะลุกจากเก้าอี้ตัวเดิมไปหาต้นตอของเรียงระเบิดนั้น

     “มาเล่นกันเหอะคุณเจ้าของร้าน”

     ‘มาริสะ’ เป็นสาวที่โตกว่ามาฮิโระนิดหน่อย เป็นคนร่าเริง กระฉับกระเฉง ค่อนข้างแก่นแก้วแสนซนเหมือนเด็กผู้ชาย สวมเสื้อเอวลอยสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้ายีนส์ เช่นเดียวกับกางเกงขาสั้นสูงเหนือเข่าที่เธอสวม โดยรางเท้าที่เธอใส่เป็นแบบเสริมพื้น ทำจากหนังอย่างดี หุ้มสูงมาจนเกือบถึงที่หัวเข่า แต่ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เท่ากับถุงมือที่เธอสวมใส่อยู่ ซึ่งเป็น ‘อาวุธ’ ที่เธอสร้างขึ้นมาเอง และเธอให้ชื่อมันว่า [Power gloves]

     ถุงมือของเธอนั้นสามารถเก็บกัก ‘พลังงาน’ ในรูปแบบต่าง ๆ เอาไว้ในตัวมันเองได้ และสามารถปลดหล่อยออกมาได้ในรูปแบบการระเบิด ซึ่งเป็นการยิงออกไปจากฝ่ามือในระยะไม่เกิน5เมตร แล้วถ้าจะถามว่าทำไมผมรู้น่ะเหรอ... ก็นี่มันครั้งที่64แล้วที่คุณเธอมาบึ้มร้านผม

     “ไม่ตลกเลยนะมาริ” ผมเรียกเธอห้วน ๆ “เธอคิดจะพังร้านฉันรึไง”

     “ก็ไม่พังนี่นา” มาริพูดพลางเดินปรี่เข้ามาหา “มาเล่นกันเถอะ”

     “แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ”

     “ชิลโนไปเรียนเสริม โคอิชิต้องช่วยงานพี่สาว อุซามิต้องเฝ้าร้านให้ที่บ้าน อลิสมีการบ้านเป็นงานฝีมือ”

     ผมรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที เพราะพอรู้อยู่ว่าคนที่เล่นกับมาริสะได้มีไม่กี่คน แล้วแต่ละคนที่เธอพูดชื่อมา ก็เป็นทั้งหมดที่รับมือเธอไหว

     “แล้วเธอไม่มีการบ้านเหรอ”

     “เรียบร้อยแล้วค่ะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ควักสมุดการบ้านคณิตศาสตร์ออกมาส่งให้ดู

     ‘น้ำตาตูจะไหล’

     ผมได้แต่คิดในใจ เพราะเธอเก่งขนาดที่สร้างเครื่องมือแบบถุงมือนี้ขึ้นมาได้ ฝีมือการใช้เวทมนตร์ก็พอไปวัดไปวาได้ แต่การบ้านเลขที่ส่งให้ดูดันตอบผิดแทบทุกข้อซะอย่างงั้น

     เฮ้อ---

     ผมถอนหายใจยาว

     “ก่อนอื่น” ผมพูดขึ้นพร้อมกับส่งสมุดคืนให้สาวน้อยตรงหน้า “การบ้านที่เธอทำมาน่ะ ผิดแทบทั้งหมดเลยนะรู้ไหม”

     แววตาของเธอดูเศร้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน

     “แปลว่าจะอดเล่นเหรอคะ” มาริสะพูดเสียงอ่อย ก้มหน้างุด

     “สัญญามาก่อนว่าจะกลับไปแก้ให้เรียบร้อย”

     คนที่ตัวเล็กกว่าหูผึ่งเงยหน้าด้วยตาที่เป็นประกายระยับยินดี

     “สัญญาค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล

     “แค่สามนาทีนะที่จะเล่นด้วย”

     “ค่ะ” เธอตอบรับเสียงใส

     ป๊อก!

     ผมดีดนิ้ว บรรยากาศรอบข้างก็กลายเป็นเวทีประลองที่ทำจากหินลูกบาศก์ ที่นำมาเรียงชิดกันขนาดสามสิบเมตรคูณสามสิบเมตรทันที และในมุมของแต่ละด้านของเวที มีเสาโรมันตั้งอยู่ ขณะที่เลยออกไปจากเวทีนั้น เป็นพื้นลานหญ้ากว้าง ๆ ที่ไม่มีอะไรเลย

     “กติกา” ผม ซึ่งอยู่ในมุมหนึ่งของสนามพูดขึ้น “คนที่ตกเวทีก่อนแพ้ หมดเวลา ถ้าฉันไม่ตกเวทีฉันแพ้ สู้กันด้วยทุกอย่างที่ตัวเองมี”

     “รับทราบค่ะ” มาริสะตอบเสียงใสโบกมือไปมาว่าเข้าใจ

     “งั้นก็มาเริ่มกันเลย”

     ผมโยนเหรียญขึ้นไปบนอากาศ และทันทีที่เหรียญลงพื้น ผมก็ดีดตัวพุ่งเข้าหามาริสะทันที

     วูบ!

     สันมือที่ผมสับลงไปใส่มาริสะ กลับทะลุผ่านร่างเธอไปเฉย ๆ และชั่วอึดใจ ผมก็ปลิวออกไปหลายเมตร โดยมาริสะอีกคนที่อยู่ดานข้าง

     “ฉลาด” ผมอดชมนางมารน้อยคนนี้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่เธอทำก็คือ การใช้ [M-Card] ซึ่งเป็นการ์ดที่บรรจุเวทมนตร์เอาไว้ภายใน โดยในปัจจุบัน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง เรียกได้ว่าเป็นของสามัญเหมือนโทรศัพท์มือถือในสมัยก่อนเลยก็ว่าได้

     การ์ดที่เธอใช้ไปเมื่อครู่คือ ‘ทิ้งร่าง’ สามารถทำให้ผู้ใช้สร้างร่างปลอมเอาไว้ที่เดิมที่เคยอยู่ได้เป็นเวลา 8วินาที ขณะที่ร่างจริง จะอยู่ในสถานะล่องหน 9วินาที

     “โดนแล้วล่ะหนึ่งหมัด”

     มาริสะชูกำปั้นโต ๆ เพราะถุงมือของเธอขึ้นมาอย่างได้ใจ

     “งั้นฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ”

     ผมใช้การ์ดพร้อมกันทีเดียวสามใบ

     ใบแรกคือ ‘คลื่นอัดกระแทก’ เป็นการ์ดพื้น ๆ ที่ทำให้เป้าหมายกระเด็นออกไป และสร้างดาเมจพอ ๆ กับการโดนชกให้อีกด้วย โดยข้อดีของการ์ดใบนี้คือ การโจมตีที่ออกไปจากการ์ด ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

     ใบที่สอง ‘ขยายพลัง’ การ์ดใบนี้ไม่สามารถใช้เกี่ยว ๆ ได้ แต่สามารถขยายพลังจากการ์ดที่ใช้คู่กันได้ ซึ่งจะมีดาเมจมากขึ้น รัศมีกว้างขึ้น

     ใบที่สาม ใบสุดท้าย ‘ทะลวงการป้องกัน’ การ์ดใบนี้จะทำให้การโจมตีที่ออกไป ซึ่งจำกัดเฉพาะเวทมนตร์เท่านั้น สามารถทะลุการป้องกันรูปแบบต่าง ๆ ได้

     ตูม!

     มาริสะที่ยกมือสองข้างขึ้นมา หมายว่าจะดูดเอาพลังที่ผมปล่อยออกไปจากการ์ดเข้าไปในถุงมือกลิ้งหลุน ๆ ไปหลายเมตร แต่เธอก็ยังดีดตัวลุกขึ้นมายิ้มร่าอยู่ได้

     “คุณเจ้าของร้านคะ”

     “อะไร”

     “เดี๋ยวจะโจมตีแบบสุด ๆ ใส่เลยนะคะ อย่าหลบล่ะ”

     ‘ตลก’

     ผมนึกประชดในใจ ขณะที่มาริสะยกมือขึ้นทั้งสองข้าง แล้วฟาดฝ่ามือทั้งสองลงมาที่พื้นที่แรง

     วินาทีนั้น ผมรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะงานงอก

     พื้นสั่นไหว และปูดบวมขึ้นมาพร้อม ๆ กับแสงบางอย่างที่เสียดแทงออกมาจากร่องหิน

     ตูม!!!!

     จากลานประลองกว้าง ๆ กลายเป็นหลุมลึกที่มีเสาตั้งอยู่สี่ทิศไปแทน ขณะที่ฝุ่นฟุ้งกระจายไปตามแรงลม บดบังสายตา ตัดรัศมีการมองเห็นจนเกือบจะพูดได้ว่าใช้มือคลำยังง่ายซะกว่า

     “เละเทะแบบนี้จะสู้ยังไงล่ะเนี่ย” ผมบ่นกับตัวเอง

     เมื่อฝุ่นจากลง สิ่งที่ผมเห็นคือ บนยอดเสาอีกต้นหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามกับผม มาริสะกำลังเล็งถุงมือมาที่ผม แต่เธอไม่ได้แบมือเหมือนทุกที แต่กลับเป็นการชี้นิ้วชี้มาแทน

     “ไม่ตลกเลยนะนั่น”

     ผมหลุดปากออกไปด้วยความตกใจ แล้วสิ่งที่ผมกลัวก็เป็นไปตามคาด

     “ปัง”

     มาริสะที่ยิ้มกว้างพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ ขณะที่ถุงมือของเธอนั้น ยิงลำแสงสีแดงเส้นยาวออกมา ความแรงของพลังที่ถูกบีบอัด และยิงออกมานั้นทำให้เสาที่ผมเคยนั่งยอง ๆ อยู่ขาดเป็นสองซีก แต่ถุงมือของมาริสะเองก็ไม่สามารถรับพลังของตัวมันเองไม่ไหวเช่นกัน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ถุงมือของเธอฉีกกระจายออกจากกัน ขณะเดียวกัน ความแรงจากการยิงของเธอนั้น ก็ทำให้เธอหงายหลังตกต้นเสาไปก่อนที่ผมจะเท้าถึงพื้น

     ปี๊บ----

     เสียงแหลมร้องดังขึ้น บ่งบอกว่าเวลาหมด ครบสามนาทีแล้ว

บรรยากาศรอบข้างกลับมาเป็นอย่างเดิมอีกครั้ง ซึ่งทั้งทางผม และมาริสะไม่มีใครบาดเจ็บ เนื่องจากสถานที่ที่ผมพามาริสะไปเป็นมิติที่ผมสร้างขึ้นมาเอง และในมิตินั้น ต่อให้บาดเจ็บแค่ไหน เมื่อยกเลิกการใช้มิติที่สร้างขึ้นมา ทุกอย่างก็จะกลับเป็นเหมือนปกติ แต่ก็แค่สิ่งมีชีวิตเท่านั้น สิ่งที่ไม่มีชีวิต หรือสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป ก็คือหมดกัน เพราะอย่างนั้น แม้มาริสะจะไม่บาดเจ็บ แต่ถุงมือของเธอก็พังอยู่ดี

     “แพ้อีกแล้ว” เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นมาปัดเสื้อผ้า เพราะเมื่อครู่เธอนอนหงายอยู่บนพื้น

     “แต่การโจมตีสุดท้ายนั่นก็ยอดไปเลยน่ะนะ” ผมชม “แต่อย่าเอาไปใช้กับเพื่อนล่ะ มันรุนแรงเกินไป”

     “ค่ะ” มาริสะรับคำก่อนที่จะเก็บเศษซากถุงมือของเธอใส่ถุงผ้าที่เหน็บมากับหูกางเกง “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณเจ้าของร้าน”

     “ขอให้จริงเถอะ” ผมพูดพลางถอนหายใจ

เธอยิ้มกว้างส่งให้แล้วจึงโบกมือวิ่งกลับบ้านเธอไป

     “เจอกันครั้งต่อไป ต้องหนักกว่านี้แหง” ผมสบถกับตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา