[ชีวิตจริง] หลอนๆที่หอพักชาย (ตัวละครขีดเขียน)

8.5

เขียนโดย LazyGirl

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 04.54 น.

  1 ตอน
  18 วิจารณ์
  4,064 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน พ.ศ. 2558 05.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ตอนเดียวจบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นประสบการณ์ตรงจากพี่ชายของ LazyGirl แต่เอาเพื่อนๆในขีดเขียนมาเป็นตัวละครเฉยๆ
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเรื่องผี วิญญาณ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
            ปล. เรื่องนี้มีคำหยาบน้ะจ้ะ
 
 
 
                มีวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่กลางป่าห่างไกลจากตัวเมือง ถึงจะไกลแต่ไม่ได้หมายความว่าขาดความเจริญ และที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นานจึงมีนักเรียนไม่มากและไม่ค่อยมีคนรู้จัก
                เนื่องจากวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลจึงเปิดหอพักให้นักเรียนได้พักอาศัย มีทั้งหอชาย และหอหญิง
                และวิทยาลัยแห่งนี้ยังเป็นโรงเรียนเตรียมที่เปิดสอน 3 สาขา คือ บริหารธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์
                นักเรียนที่นี่มักจะบ่นเป็นประจำว่า 'ปวดขา' เพราะที่นี่กว้างขวางมาก จากหอชายไปอาคารเรียน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ด้วยความยิ่งใหญ่ของที่นี่ จึงต้องมีการจัดถนนให้เหมาะสม มีเลนซ้ายเลนขวาให้รถยนต์ และมีเกาะกลางถนนใครคู่รักมานั่งจู๋จี๋กันยามเย็น(?) และที่นี่ยังมีสระปลาขนาดใหญ่อยู่หน้าห้องสมุดสำหรับคู่รักที่ต้องการเดินด้วยกันในมุมมืด...
                ที่นี่ถือว่าเป็นเเหล่งมั่วสุมชั้นยอด
                ส่วนตัว LazyGirl เคยเข้ามาศึกษาปีแรกตอนอายุ 15 ย่าง 16 รู้สึกว่าเป็นโรงเรียนที่มีอิสรเสรี จะทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน
                
                แต่เรื่องที่จะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 1 ปีก่อนที่ LazyGirl จะเข้ามาเรียนที่นี่...
 
 
 
 
                มีเด็กชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งซึ่งมีนามว่า ‘น็อต’(น๊อตคุง) เขาเป็นชายใจร้อน ไม่ยอมใคร และไม่เคยกลัวใคร
                ก่อนที่เขาจะมาเรียนที่นี่ เขาเคยเป็นนักเลงใหญ่ในชุมชน มีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยจนกลายเป็นที่รู้จัก โรงเรียนเก่าที่เขาจากมาเป็นโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงในด้านการเรียน ความหล่อเหลา และปัญหายกพวกตีกัน พวกเพื่อนชายของเขาก็เป็นวัยรุ่นใจร้อนเช่นเดียวกับเขา หากเพื่อนมีปัญหาก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยโดยไม่คิดชีวิต
                หลังจากที่เรียนจบม.3 เขาก็สอบเข้าม.4ที่โรงเรียนเดิม แต่เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนที่มีปะวัติ ทางโรงเรียนจึงบอกให้ไปปรับพฤติกรรม
                “เรื่องมากว่ะ กูไม่เข้าก็ได้” เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิค และทำตัวให้เลวสุดๆเหมือนอย่างที่พี่ชายของตนเคยทำ
                ด้วยที่เขาเป็นคนใจร้อนไม่กลัวตายจึงทำให้คนในครอบครัวต่างกังวล กลัวว่าอนาคตจะย่ำแย่และกลายเป็นนักเลงข้างถนน พ่อของเขาจึงใช้เส้นสายที่มีอยู่ฝากเข้าเรียนที่วิทยาลัยชื่อดังกลางป่าห่างไกลจากตัวเมืองที่ได้กล่าวไปเมื่อตอนต้น อยู่ให้ไกลจากเมืองให้มากที่สุด จะได้ไม่ทำเรื่องแย่ๆอีก
                เขารู้สึกเบื่อเพราะที่นี่มีแต่ป่า ภูเขา ต้นไม้ ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งเพื่อน เขาอยู่ที่นี่คนเดียวโดยไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเก่าเลย
                แต่เมื่ออยู่หอพักที่คับแคบ การมีห้องนอนส่วนตัวนั้นเป็นไปไม่ได้ เขาต้องแชร์ห้องกับคนอื่นๆซึ่งทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนใหม่ รูมเมทของเขาคือ โรบิ้น(Robin) ชายสูงผิวคล้ำสไตล์คนใต้ และ บอม (ไอบอม)ชายร่างสูงผิวใสหน้าเนียนราวผู้หญิง
               ในช่วงแรกพวกเขา 3 คน อาจจะเข้ากันไม่ได้ แต่อยู่นานไปก็เริ่มสนิทกัน
                น็อตมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นเพราะมักจะมีคนมาหาเรื่องเขาอยู่บ่อยๆ ชกต่อยกันด้วยความไม่พอใจ สุดท้ายก็จับมือแล้วเป็นเพื่อนกันในที่สุด เป็นมิตรภาพของผู้ชายที่ผู้หญิงอย่างคนเขียนก็ไม่เข้าใจ
                ถึงน็อตจะเรียนที่วิทยาลัยนี้ แต่วันเสาร์-อาทิตย์ที่อยู่บ้าน เขาก็จะไปดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่า คนเมาสติไม่ดีมักจะมีเรื่องให้ซวยอยู่ตลอด บางคนก็ปากหาเรื่อง บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องคนอื่น แต่คนอื่นดันเข้ามาอ้อนตีนเอง ลูกผู้ชายรักกัน ไม่เคยกลัวตาย เมื่อเพื่อนมีปัญหา เราก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย
                เลือดในกายมันร้อน เขาและเพื่อนมีเรื่องชกต่อยกับอีกกลุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ต่างฝ่ายต่างเมา ตีกันในช่วงที่สติไม่ดีนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
                รอยแผลที่ถูกใบมีดบาดและแผลฟกช้ำบนใบหน้า ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า ‘มีเรื่องบ่อยเกินไปแล้ว’
                ในช่วงฤดูร้อนเขาจึงบวชให้แม่ เมื่ออยู่นานไปเขาก็สนิทกับเจ้าอาวาสในวัดเหมือนกับเป็นญาติพี่น้อง และท่านก็ช่วยลงคาถาอาคม สักน้ำมันให้เป็นเครื่องป้องกันตัว หากมีเรื่องอีกจะได้ไม่ต้องเจ็บหนักมาก
                ด้วยเหตุนี้ ทุกวันพระเวลาอยู่หอพักที่วิทยาลัย เขาต้องออกมาสวดมนต์ที่หน้าระเบียงเพื่อไม่ให้ ‘บอม’ รูมเมทที่ขี้กลัวที่สุดตกใจ
 
                คืนหนึ่งที่หอพักชาย
                “เฮ้ย ไอ้น็อต เมื่อคืนมึงสวดมนต์ที่หน้าระเบียงปะ?” บอมเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเจอน็อตนอนอยู่บนเตียงพอดี เขาถามข้อข้องใจทันทีที่เจอเจ้าของเสียงอันน่าขนลุกเมื่อคืนนี้
 
                คืนที่ผ่านมาเป็นวันพระ ในขณะที่บอมกำลังหลับอย่างสบายบนเตียงที่อ่อนนุ่ม จู่ๆก็มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้น เสียงนั้นดังมาจากทางระเบียงหลังห้อง เขาลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตามองดูรอบๆ แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ...
                ‘กูโดนผีอำหรือเปล่าวะ’
                เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้าขึ้นมาคลุมโปงทันที
               
                “เออ กูเอง” น็อตหันไปตอบบอม คำตอบของเขาทำให้บอมรู้สึกโล่ง ‘เมื่อคืนนี้กูไม่ได้โดนผีอำสินะ’
                “โคตรน่ากลัวเลยว่ะ วันหลังมึงไปสวดไกลๆเลยนะ กูนอนไม่หลับ” พูดจบ บอมก็หยิบบุหรี่ไปสูบในห้องน้ำทันที
                แต่คืนที่ผ่านมา น็อตไม่ได้เป็นคนสวด...
                เขาเพลียและหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
 
 
 
                วันหนึ่ง
                อาคารเรียน
                14.30
              “เนยๆ มาดูนี่ดิ” น็อตนอนคว่ำบนพื้นห้องเรียนแล้วกวักมือเรียก ‘ เนย’ (บัทเตอร์) แฟนสาวของเขาให้มาดูอะไรบางอย่างบนจอโน๊ตบุ๊ค
                “ไหนๆโอ๊ะ! นั่นรูปน็อตสมัยยังอ้วนนี่นา ฮ่าๆ” เนยวิ่งกระโดดข้ามหัวน็อตที่นอนอยู่กับพื้นแล้งนั่งลงข้างๆเขา
                “เฮ้ยเนย! ข้ามหัวน็อตได้ไงวะ?”
                “อ้าว ทำไมอะ ข้ามไม่ได้เหรอ?” เนยยังไม่เลิกเล่น เธอยกมือขึ้นยีหัวน็อตจนฟูไปหมด น็อตขมวดคิ้วไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
                “ไอ้น็อตมันเป็นอะไรวะ” ม่อน(amonchawin)ชายร่างเล็กเพื่อนสนิทของน็อตพึมพำออกมาเบาๆ เขานั่งสังเกตการณ์มองดูคู่รักอยู่หน้าประตูห้องเรียน 
                 ม่อนมักจะถูกอาจจารย์ตักเตือนเรื่องกางเกงเข้าเดฟจนน่าเกลียดเป็นประจำ ตอนนี้เขาไปตัดกางเกงให้เป็นขาม้าประชดอาจารย์ไปแล้ว และไม่มีอาจารย์ท่านไหนตักเตือนเรื่องการแต่งกายของเขาอีกเลย
                “ไม่รู้ว่ะ น็อตมันไม่ชอบให้ใครเล่นหัวเหรอวะ?” กี้(คุกกี้คามุอิ)ป้อนขนมเข้าปากแล้วหันหน้าไปถามม่อนที่นั่งข้างๆ แต่คำตอบของม่อนคือ ‘ไม่รู้’
                “เนย...น็อตกลับหอก่อนนะ” น็อตบอกลาแฟนสาวแล้วลุกขึ้นยืน คิ้วของเขายังขมวดกันเหมือนคนอารมณ์เสีย เล่นหัวแค่นี้ถึงกับไม่พอใจเลยเหรอ?
                “อ้าว ทำไมรีบกลับล่ะ? งอนเหรอ?”
                “เปล่า แค่ง่วงน่ะ ไปก่อนนะ” พูดจบ เขาก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้เนยเน่านั่งงงต่อไป
 
                หอพักชาย
                เมื่อน็อตกลับมาถึงห้อง เขาก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆโรบิ้นอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าเขาจะอะไรนักหนากับอีแค่เล่นหัว? แต่โรบิ้นไม่ได้สนใจเพราะเขากำลังตีฮอนอย่างเมามันส์อยู่ ส่วนบอมก็ยืนสูบบุหรี่อยู่ในห้องน้ำเหมือนทุกวัน ไม่ได้แคร์ปอดของเพื่อนในห้องเลย
                “บอมอยู่ไหมวะ” บิว (kanaki) เพื่อนหนุ่มร่างเล็กบอบบางเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถามหาบอม
                 ห้องนี้เหมือนเป็นห้องสาธารณะ ใครมีอะไร เป็นอะไร ก็จะแวะมาห้องนี้ตลอด หรือเพราะห้องนี้มีบุหรี่ฟรีกันเเน่?
                “กูอยู่นี่” บอมโผล่หัวออกมาจากห้องน้ำแล้วจ้องหน้าเพื่อนของตัวเองอย่างเซ็งๆ
                “มึงสูบบุหรี่ใช่ไหม? กูขอตัวนึงดิ” พูดจบ บิวก็ตรงไปหาบอมทันที ‘วันนี้จะได้ดูดบุหรี่ฟรีโว้ยยย’
                “บิว…ไอ้น็อตมันเป็นอะไรวะ ดูมันกำมือแน่นเลย” บอมควักบุหรี่ออกจากซองแล้วส่งให้บิว เขาสังเกตเห็นเพื่อนของตนมีท่าทีแปลกๆจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
                น็อตนั่งก้มหน้ากำมือแน่นอยู่บนเตียง เขาเป็นอะไร?
                “มันไปโกรธใครที่ไหนมาวะ?” บอมยังถามต่อ
                “หน้ามันแดงเลยว่ะ…น็อต เป็นไรวะ” บิวถามขณะจุดบุหรี่ แล้วทันใดนั้น…
                “อ๊ากกกก!!!”
                เฮ้ย มันเป็นอะไรวะ!!
                จู่ๆชายร่างโตที่นั่งกำมือแน่นก็ลุกขึ้นอาละวาดตะโกนเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าของเขาแดงก่ำอย่างไม่รู้สาเหตุ โรบิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆรีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปหาบอมกับบิวที่หน้าห้องน้ำทันที ท่าทางของเขาเหมือนไม่ใช่มนุษย์ เสียงที่แปล่งออกมาจากลำคอนั้นก็ไม่ใช่เสียงของเขา ราวกับว่าในตัวของเขามีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน เพื่อนๆต่างตะโกนเรียกชื่อเเละบอกให้น็อตใจเย็นๆแต่ก็ไม่เป็นผล เขาทั้งยืนทั้งคลานเหมือนกับคนเป็นบ้า จู้่ๆคนที่นิ่งเงียบกลับมีท่าทางประหลาดผิดไปจากเดิม เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หันมาเหมือนคนไม่มีสติ นั่นทำให้ทั้ง 3 คนมั่นใจเลยว่า ‘ของขึ้น’
                บอมและบิวโยนบุหรี่เข้าไปในห้องน้ำแล้วค่อยๆเดินไปหาน็อตอย่างระมัดระวัง ใจหนึ่งก็กลัว แต่อีกใจก็อยากช่วยเพื่อน
                “บอม! จับขาไอ้น็อตดิ้!!” โรบิ้นพุ่งตัวไปล็อคแขนชายร่างโตจากทางด้านหลังแล้วตะโกนสั่งเพื่อนที่ยืนทำหน้าเลิกลั่กตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
                “ก..กูเหรอ!?”
                “เออ! ไอ้บิวด้วย!!”
                “ทำไมต้องกูด้วยวะ!” บิวบ่นก่อนจะเข้าไปดึงขาน็อตไว้
                ผลั่ก!!
                แต่บิวมีร่างกายเล็กนิดเดียวจึงสู้แรงของน็อตไม่ไหว เขาถูกน็อตเตะตัวกระเด็นออกมา
                “บิวเป็นไงบ้างวะ!” บอมรีบเข้ามาประคองเพื่อนแล้วหันไปมองน็อตที่อาละวาดอย่างกลัวๆ ตัวเขาสั่นไปหมด และตอนนี้โรบิ้นก็ถูกผลักมาอีกคนแล้ว!
                “ไอ่เหี้ยน็อตทำไมแรงมันเยอะจังวะ!!” โรบิ้นตามน็อตไปที่ระเบียงก่อนจะตะโกนหาเพื่อนอีกครั้ง “ไอ้บิว ไอ้บอม มึงมาช่วยกูก่อน!”
                “เออๆ” บอมลากบิวไปทางระเบียง ‘กูกลัวใจจะขาดยังจะเรียกกูไปอีก!’
                เขาทั้ง3คนต่อสู้กับน็อตที่ไม่ได้สติ แรงเขามีมากเกินไปจนคน3คนเอาไม่อยู่…เหมือนกับว่านี่ไม่ใช่พละกำลังของน็อตเพียงคนเดียว
               
                เรื่องนี้จบอย่างไรไม่ทราบ เพราะพี่ชายของ LazyGirl ไม่ได้บอกไว้  เขาบอกแค่ว่า ‘จำอะไรไม่ได้เลย อยู่ดีๆมันก็หายไปเอง’
 
            
 
                เย็นวันหนึ่ง
               หลังหอพักชาย
                สถานที่อับผู้คนและหญ้ารกรุงรังทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองไม่ค่อยเห็น นั่นคือ ‘หลังหอพักชาย’
                ถึงจะอยู่หลังหอพักแต่ก็มีถนนตัดผ่านเพื่อผู้ปกครองจะได้สะดวกในการขับรถขนของสัมภาระให้ลูก ถนนสายนี้เป็นถนนที่นักเรียนชายจากสาขาวิศวเครื่องกลมักจะมาลองรถเป็นประจำ
                ขึ้นชื่อว่า ‘วิศวเครื่องกล’ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องรถ
                ตัวละครที่กล่าวๆมาทั้งหลายส่วนใหญ่เรียนเครื่องกล เมื่อพวกเขาประดิษฐ์ของเล่นอะไรมาก็จะมาลองกันที่นี่ เช่น รถขนาดเล็ก (เหมือนมอเตอร์ไซค์นี่แหละ แต่สภาพมันมีแต่โครงกับตัวเครื่องอะ -_-)
                ไม่ว่าใครที่เรียนสาขานี้ก็เคยลองขับรถที่ช่วยกันทำมาเเล้วทั้งนั้น พวกเขาลองเพื่อเช็คดูว่ามันไปได้ไกลแค่ไหน และมีอะไรที่ต้องซ่อมหรือเปล่า ทุกคนที่ขับมันต้องมาแฉลบที่หัวโค้งหลังหอพักชายทุกครั้ง
                มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว…
                พวกเขาจึงเอาพวกมาลัยมาไหว้ หลังจากนั้นก็ไม่แฉลบ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่รถเสียแทน
 
 
                แล้ววันนี้ก็มีชายกลุ่มหนึ่งมาที่นี่
                พวกเขามาเพื่อ...
                ฟู่วววว
                ควันสีฟ้าล่องลอยสู่อากาศ ที่นี่เป็นสถานที่ที่นิยมในการสูบบุหรี่อีกแห่งของนักเรียนชาย
                “ทำไมลมมันแรงจังวะ กูจุดไม่ได้เลย” ช็อปเปอร์ (ช็อปเปอร์) ช่ายร่างเล็กหน้าหวานบ่นอย่างหงุดหงิด เขาคาบบุหรี่จนมันเปียกไปหมดแล้วยังจุดไฟแช็คไม่ได้สักที ลมก็ใช่ว่าจะพัดมาแถวนี้ แต่ทำไมไม่ติดสักทีล่ะ
                พั่บบ!
                “ดู๊! มึงดู! พอไฟเเช็คติดแล้วกูเอาบุหรี่จ่อมันเท่านั้นแหละ ดับต่อหน้าต่อตา” ซ็อปเปอร์ขึ้นเสียงสูงแล้วชูไฟแช็คร้อนๆใส่มิกซ์ (Prinkipas) จนเขาต้องหันหน้าหนี
                “กูเห็นมึงจุดจนมือดำหมดแล้ว พอเถอะ สงสัยแม่มึงไม่อยากให้ดูด” มิกซ์หัวเราะแล้วพ่นควันใส่หน้าเพื่อนตัวเองอย่างขำๆ ช็อปเปอร์ก็เป็นอีกคนที่ติดบุหรี่เหมือนกับบอม ถ้าเลิกได้ก็คงจะดี
                “เออ กูไม่สูบก็ได้!” ช็อปเปอร์เบ้ปากแล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างงอนๆ ไม่แน่ใจว่าเขางอนมิกซ์หรือบุหรี่ในมือตัวเองกันแน่
                “อะ งั้นเอาไฟแช็คกูไป” เคีย (smoulder) ยื่นไฟแช็คให้ช็อปเปอร์ผู้น่าเวทนาแล้วดูดบุหรี่ในมือของตัวเองต่ออย่างชิลๆ
                “ขอบคุณมาก” เขารับมันมาเเล้วจัดการจุดต่อ
                พั่บ…
                “ทำไมมันดับอีกแล้ววะ!”
                “มึงนี่ไม่มีพรสวรรค์เลย เอามา เดี๋ยวกูจุดให้” เคียยื่นมือเข้าไปช่วย เขามั่นใจว่าไฟแช็คสีชมพูของเขาไม่มีทางพลาด จุดกี่ครั้งกี่ครั้งก็ติด ถ้าครั้งนี้พลาดก็เลิกแดกซะไอ้ช็อป
                พั่บบ…
                “เอ้า! ไรวะ!” เคียขมวดคิ้วงุนงงกับแสงไฟที่ดับไปต่อหน้าต่อตา ไฟก็ออกจะแรง แต่พอจะจุดไฟกลับดับซะงั้น
                ด้วยความหงุดหงิดที่จุดไม่ได้ มิกซ์และเคียจึงช่วยกันจุดบุหรี่ให้ช็อป เเต่ทำเท่าไหร่ก็จุดไม่ได้ จนช็อปเปอร์คิดจะเลิกบุหรี่จริงๆ
                “ช่างแม่ง มึงดูดกับกูแล้วกัน” เคียขมวดคิ้วแล้วยื่นบุหรี่ตัวเองให้ช็อปเปอร์
                “เออ มึงน่าจะให้กูมาตั้งนานละ” ชายร่างบางรับบุหรี่นั่นขึ้นมาแล้วอ้าปากคาบ
                ป๊อก!!
                มันหักคาปากของเขา
                จู่ๆมันจะหักได้ยังไง
                …
                ทั้ง3คนเงียบแล้วมองบุหรี่มวลนั้นอย่างอึ้งๆ…
                “ไอ่เหี้ยช็อปเปอร์…กูว่ามึงโดนแล้วล่ะ…” มิกซ์ยืนมองชายร่างบางที่ทำหน้าซีดอย่างนิ่งๆ เราไม่ควรมาอยู่ที่แถวนี้ในเวลาใกล้ค่ำแบบนี้เลย
                “ไม่เอานะ…" ช็อปพูดอย่างช้าๆก่อนจะถอยหลังไปทีละก้าว...
                "กูไม่สูบก็ได้เว้ย!!” ชายร่างบางทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้ววิ่งกลับขึ้นหอทันที โดยทิ้งให้ชายสองคนยืนนิ่งเป็นศิลาอยู่ที่เดิม
                “มิกซ์…มึงไม่ไปเหรอ?” เคียถามด้วยเสียงสั่นๆ เขาดูกลัวมากกว่าใครทั้งหมด
                “ไปดิ ก็รอมึงเนี่ย”
                “ก..กูก้าวขาไม่ออกว่ะ…”
                “ต้องให้อุ้มไหม?” มิกซ์ยืนจ้องหน้าเคียอย่างขำๆ เพราะหน้าของเพื่อนในตอนนี้ตลกยิ่งกว่าหม่ำจ๊กมกซะอีก
                 เเหมะ...
                หูของเขาที่ดีเป็นเลิศได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง มันค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับเสียงน้ำกระทบกับหญ้าบนพื้น…
                  ...
                “ไอ้เหี้ยเคียฉี่ราด!!!”
 
 
 
                ช็อปวิศวเครื่องกล
                19.47 (7.47)
                นักเรียนชายหน้าโหดโฉดเถื่อนเลว น็อต โรบิ้น  บอม ม่อน กี้ บิว เคีย เดินออกมาจากช็อปวิศวะหลังจากทำงานเสร็จเรียบร้อย เวลานี้ควรจะกลับหอได้แล้ว เพราะเวลา 2 ทุ่ม อาจารย์จะเรียกรวมและเช็คชื่อนักเรียนชายทั้งหมดที่หอพัก  
                ช็อปเครื่องกลห่างจากหอพักไม่มาก เรียกว่าใกล้ก็ยังได้ ออกจากช็อปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงที่หมาย นั่นเป็นทางที่ใกล้หอมากที่สุด แต่พวกเขากลับไม่ไปทางนั้น…
                “เราไปเดินรอบสระปลาก่อนเข้าหอดีไหมวะ?” กี้ทำเสียงเริงร่าออกปากชวนเพื่อนๆไปเดินเล่นยามเย็น
                “ไปทำส้นตีนไรแถวสระปลา มืดก็มืด อ้อมก็อ้อม มึงไม่อยากกลับไปนอนหอเร็วๆเหรอวะ?” ม่อนขมวดคิ้วสงสัยไม่เข้าใจความคิดเพื่อน เขาจะอยากเดินรอบสระปลาทำไมตอนนี้ สระปลาก็ใช่ว่าจะแคบ มันกว้างมากจนสร้างบ้านได้ทั้งหลังเลย
                “กูว่าไอ้กี้มันอยากดูสาวๆก่อนเข้าหอมากกว่าว่ะ ใช่ไหม?” เคียออกปากแซวเพื่อนรักของตนอย่างขำๆ จริงๆเคียก็มีสาวที่หมายตาอยู่เหมือนกัน บางทีถ้าเราไปเดินรอบสระเวลานี้ อาจจะเจอนางในฝันระหว่างทางก็ได้ เพราะผู้หญิงชอบคิดว่าตัวเองอ้วน ก็เลยออกมาวิ่งรอบสระปลา หรือไม่ก็ตีแบดมินตันหน้าทางเข้าวิทลัย เป็นการออกกำลังกายเผาผลาญพลังงานยามเย็น
                แต่ตกดึกชะนีพวกนั้นก็หิวแล้วไปกินมาม่าอีก วิ่งเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลดหรอก...
                “ตามนั้นแหละ ฉันอยากดูสาวๆ บางทีอาจจะเจอน้องพลอย(ฺBudsaracome) น้องจุ๊บแจง(LazyGirl) น้องซากุ(ฺBlacksakura) น้องไกด์(นางฟ้าน้อยเเสนสวย) น้องมิกุ(มิกุ) น้องแต๋ม(acertam) น้องเชอร์รี่(ไอบอม) น้องแอน(Ankicis) พี่นิ(กวนมึนตีบ) พี่หยก(locket) และอีกมากมาย พวกมึงไม่ชอบเหรอ กูว่าพวกนั้นน่ารักดีออก” กี้ทำเสียงหื่นเพ้อฝันจนเหมือนโรคจิต
                “มึงชอบน้องๆก๊กนั้นเหรอ? กูว่าพวกนั้นแม่งเตี้ยจะตาย ทั้งอ้วนทั้งเตี้ย สเป็คมึงเป็นแบบนั้นเหรอวะ?” โรบิ้นขัดลำทายความเพ้อฝันกี้ในทันที
                “มึงพูดแล้วนะบิ้น อย่าให้กูเห็นว่ามึงนั่งแชทกับน้องแต๋มล่ะ” บอมที่เป็นรูมเมทและอยู่กับโรบิ้นตลอดจึงรู้ความเคลื่อนของเขา บอมมักจะเห็นโรบิ้นนั่งคุยเเชทเฟสบุ๊คกับน้องเเต๋มอยู่เสมอ เเล้วยังมีหน้ามาว่าน้องพวกนั้นอีก 
                “โห…บิ้นมันร้ายนี่หว่า” บิวใช้ศอกสะกิดโรบิ้นเป็นเชิงแซว
                “เออ พวกมึงก็ดูๆไปเถอะ ที่นี่มันนอกเมือง ไม่มีสาวที่ไหนให้ดูแล้วนอกจากพวกเนี้ย!” กี้พูดขึ้นบ้าง
                “สรุปพวกมึงจะเดินกันใช่ไหม? ถ้างั้นก็เดินไป กูอยากกลับไปนอนหอแล้ว” ม่อนผลักเพื่อนๆให้เดินไปข้างหน้าแล้วตัวเองเดินตามหลังกับน็อตสองคน
                เดินไปได้ครึ่งสระ พวกเพื่อนที่เดินนำหน้าก็แซวสาวไปเรื่อยๆจนโดนด่ากลับมา
                “โอ๊ะ นี่มันน้องพลอยบุษราคัมนี่นา >3<”
                “ไม่ต้องมาเรียกชื่อกู!”
                แค่เรียกชื่อทำไมต้องด่ากูด้วยวะ…
                เคียคิดในใจ
                น็อตนับเพื่อนทั้งหมดมี 8 คน รวมคนที่เดินอยู่ด้านหลัง เขาไม่รู้ว่าคนที่เดินตามมาเป็นใครเพราะสายตาสั้นบวกกับความมืดในเวลาทุ่มกว่าทำให้เขามองไม่เห็น แต่ก็ไม่ใส่ใจ
                แต่สีหน้าของเขาแย่ลงเรื่อยๆ มันรู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล ตอนเราอยู่ช็อปเครื่องกลมีอยู่ทั้งหมดกี่คนนะ? 7 หรือ 8 ?
                ลางสังหรณ์ทำให้เขาเริ่มรู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น…
                วันนี้เป็นวันพระ และพวกเขาเดินมาด้วยกัน 7 คน เวลา 7.47pm
                …
                “น็อต มึงไหวปะเนี่ย?” ม่อนที่เป็นเพื่อนคนสนิทของน็อตรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนนี้น็อตก็เหมือนจะไม่ไหวแล้วด้วย
                “ไม่เป็นไร รีบๆกลับหอเถอะ”
                พวกเพื่อนของเขาแซวสาวจนสุดทาง เดินมาหน้าโรงอาหารก็ทักเพื่อนๆและน้องๆ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นหอด้วยสีหน้าที่ระรื่น
                เมื่อพวกเขาทั้งหมดถอดรองแล้วเดินเข้าไปในใต้ถุน เตรียมพร้อมขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน มีอาจารย์ท่านหนึ่งโผล่ออกมาจากมุมมืด
                “พวกเธอไปทำอะไรมา?” อาจารย์ชายท่านนั้นคือ ด็อกเตอร์พร้าว (Budsaracome) เป็นอาจารย์สอนฟิสิกซ์ท่านเดียวที่วิทยาลัยแห่งนี้ ท่านเป็นอาจารย์ที่พูดภาษาคนธรรมดาไม่ค่อยสันทัด แต่ถนัดพูดภาษาด็อกเตอร์มากกว่า นักเรียนส่วนใหญ่จึงไม่เข้าใจที่เขาพูด เวลาเรียนจึงมีแต่คนหลับ และที่สำคัญเขาพกกุมารทองมาสอนด้วย
                “ไปเดินรอบสระมาครับ” เคียตอบทันทีที่อาจารย์ถาม อาจารย์คงไม่ด่าเรื่องที่ไปแซวสาวมาหรอกนะ
                “มานี่สิ” อาจารย์พร้าวไม่พูดอะไรต่อแต่กวักมือเรียกเขาทั้งหมด 7 คนให้มานั่งล้อมวงแทน
                ‘อาจารย์จะเทศนาอะไรให้พวกเราฟังวะ?’
                “น็อต เธอไม่ต้องมา เธอไปตรงโน้น หันหลังแล้วหลับตาซะ” ด็อกเตอร์ชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ไม้สีน้ำตาลข้างบันได ห่างจากจุดที่เพื่อนของเขานั่งประมาณ 5 เมตรได้
                เพื่อนๆที่นั่งล้อมวงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ อาจารย์จะทำอะไรกันแน่?
                เมื่อพวกเขานั่งล้อมวงกันเสร็จ จู่ๆ ก็มีกลิ่นเหม็นลอยมา มันเหม็นมากจนแสบจมูก
                “เหม็นตีนใครวะ!” บิวตะโกนขึ้นแล้วบีบจมูกตัวเอง ใครแม่งไม่ล้างเท้าเนี่ย!!
                คนอื่นๆก็เห็นด้วย มันเหม็นเกินคำบรรยาย เหม็นมาก…เหม็นสาบเหมือนคนตาย
                หลังจากที่ทุกคนเงียบ บทสวดมนต์ที่บอมคุ้นหูก็ดังขึ้น เป็นบทสวดบทเดียวกับที่เขาได้ยินในคืนนั้น แต่เสียงคนสวดไม่ใช่เสียงน็อต มันเป็นเสียงของอาจารย์พร้าวต่างหาก
                น็อตที่นั่งหลับตาหันหลังให้เพื่อน พอได้ยินบทสวดนั้นก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปดู เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…สายตาที่ไม่ค่อยดีของเขาทำให้เห็นภาพลางๆ เขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนของตัวเอง…
                “เฮ้ย ไอ้ม่อน! ใครยืนจับบ่าของมึงวะ?” น็อตตะโกนจนคนอื่นๆหันมามองกันหมด ม่อนที่ถูทักแบบนั้นก็พอจะเข้าใจสาเหตุของอาการปวดไหล่ของเขาแล้ว เพราะจู่ๆเขาก็ปวดไหล่ขึ้นมา ปวดตอนที่เดินริมสระปลากับเพื่อนๆเมื่อกี้นี้
                “อืม…มีคนจับไหล่เธอจริงๆ”  อาจารย์พร้าวพูดแทรก “และผมเห็นคนเดินตามหลังพวกคุณมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
                 คนเดินตาม?
                “อาจารย์เห็นตั้งแต่ตอนไหนครับ?” บอมรีบถามด้วยความกลัว
                “หน้าโรงอาหาร แต่ผมคิดว่าเขาตามคุณมาตั้งนานแล้วล่ะ”
 
 
 
                และคืนนั้น…
                “ไอ้เหี้ยน็อต กูนอนด้วย”
                “กูด้วย”
                “กูไม่นอนคนเดียวแน่…”
                เพื่อนๆทั้งหลายหอบข้าวของ หมอนและผ้าห่มของตัวเองมาที่ห้องของน็อตที่มีบอมกับโรบิ้นอยู่ด้วย ห้องคับแคบมันแคบยิ่งกว่าเดิมเพราะเพื่อนทุกคนต่างกลัวเรื่องเล่าที่อาจารย์พร้าวเล่าให้ฟัง
                อาจารย์เล่าว่ามีคนตกลงมาจากที่สูงแล้วคอหักตายอยู่แถวนั้น และที่วิทยาลัยนี้ยังมีอีกหลายศพที่อาจารย์ไม่ได้พูดถึง เช่นประตูหอพักหญิวห้อง 2-203 ที่ถูกเจิม คนตายที่ไหลมากับสายน้ำแล้วติดกับสะพานข้ามฟากระหว่างวิทยาลัยกับถนนใหญ่ อาคารเรียนที่ใช้เรียนใช้สอนอยู่ทุกวันนี้ก็สร้างทับที่เก่าโดยไม่มีพิธีกรรมอะไรสักอย่าง พวกที่มีเซ้นส์จะรู้ดี และจะเข้าถึงไวกว่าคนอื่นๆ
               
               
          

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา