เรื่องไม่เป็นเรื่อง
1) ชาเมล่อนกับเงิน 40 บาท( เรื่องนี้ใครผิด ..?)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ในวันที่อากาศร้อนระอุและเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยอย่างมากมายจากการทำงาน แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องฟ่าฟัน
กับการจราจรในเมืองหลวงที่ต้องใช้สมาธิและความอดทนอย่างมากมาย ไม่ให้ตัวเองต้อง
สติแตกกับเพื่อนร่วมทางที่ดูเหมือนว่าจะรีบร้อนไม่แพ้กันถึงได้ต้องแซงไป แซงมา
ปาดไป ปาดมา โดยที่ไม่ยอมเปิดไฟเลี้ยวบอกกันล่วงหน้าสักหน่อย ให้ทำใจแตะเบรคได้ทัน
" เฮ้ย!!!! ไอ้......฿&%"'฿'#"'':;-;/:' "
ชายหนุ่มสบถออกมาสารพัดยกมาทั้งสวนสัตว์ เพื่อระบายอารมณ์ ไม่อย่างนั้นคงจะได้จอดรถฉะ
กันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย สงครามประสาทก็ยังคงดำเนินต่อไปอีกเกือบๆชั่วโมง จนชาหนุ่ม
ชักจะเริ่มหงุดหงิด เวียนหัวและรู้สึกว่าของเสียในรูปแบบน้ำของเขามันจะเกินลิมิตที่เขาจะทนได้แล้วเขาจึงตัดสินใจ เลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง และรีบ
วนไปตามลานจอดรถเพื่อตามหาที่จอดรถที่ช่างหายากไม่ต่างจากเงินเลย ช่องทุกช่องถูก จอไป
ด้วยรถหลากหลายสี หลากหลายยี่ห้อ มีบางคันก็สวยซะจนสะดุดตา แต่บางคันนี่ก็น่าจะเอาไป
ปลูกผักชีน่าจะดีกว่า แต่ก็นะในยุคสมัยที่เศรษฐกิจฝืดเคือง น้ำมันก็แพง เช่นนี้มีรถอะไรที่มัน
เหยียบแล้วมันวิ่งได้ก็ใช้ๆไปเหอะ
และแล้วก็เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจเขา จึงได้ประทานที่จอรถ
ที่อยู่ติดกับประตูทางเข้าห้างให้เข้าพอดิบพอดี เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้น จึงเปิดไฟกระพิบ
และถอยรถออกห่างจากรถที่กำลังจะออก เพื่อเป็นสัญญาณว่า ' ผมจะจอดที่คุณนะ ' ชายหนุ่ม
ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเหยียบคันเร่งเพื่อเข้าจอด แต่ดูเหมือนว่ารถที่ทำท่าจะออกมะกี้จะยังไม่เสร็จ
ธุระสักที คนในรถที่น่าจะเป็นผู้หญิงยังคงก้มๆเงยๆอยู่ในรถ ซึ่งชายหนุ่มก็พยายามใจเย็นที่จะรอ
เพราะที่ตรงนี้ดูเหมือนจะเพอร์เฟคที่สุดแล้ว และแล้วก็ผ่านไปหลายนาทีกว่าที่คุณเธอจะ
เยื้องย่างออกไปจากช่องจอดได้ทำเอาชายหนุ่มชักจะอารมณ์เสียในความลีลา ของคุณเธอ
แต่เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง หรอกนะ ปล่อยไปก็ได้
หลังจากที่เขาถอยรถเข้าไปในช่องจอดแล้ว เขาจึงรีบพุ่งตัวออกจากรถแล้วรีบวิ่ง
อย่างรวดเร็วเพื่อไปเข้าห้องน้ำทำภารกิจกำจัดของเสียที่เขาเก็บสะสมมานาน จนตอนนี้
มันเหมือนว่าขึ้นมาสูงถึงคอเขาเสียแล้วมั้งเนี่ย
หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็เดินยิ้มหน้าบานออกมาจากห้องน้ำเพราะรู้สึก
สบายอกสบายใจ อย่างบอกไม่ถูก และตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะไปเผชิญสงครามบนท้องถนนได้
แล้ว แต่เนี่องจากที่เขาสูญเสียน้ำไปมาก ทำให้เขารู้กระหายน้ำขึ้นมา เขาจึงตัดสินเดินขึ้น
บันไดเลี่อนเพื่อจะไปยังฟู๊ดคอร์ด เพื่อหาน้ำกินสักหน่อย พอขึ้นมาถึงชั้นหกที่เป็นฟู๊ดคอร์ด
ของที่นี่เขาจึงเดินทอดน่องไปตามทางเดินเพื่อตามหาร้านขายน้ำที่ใช้เงินสดซื้อได้โดยไม่ต้อง
แลกคูปองให้มันยุ่งยากวุ่นวาย เพราะเขาจะรีบกลับบ้าน และเดินมาสักพักเขาก็ไปสะดุดตากับ
ร้านๆนึงที่ห่างออกจากบริเวณฟู๊ดคอร์ดเล็กน้อย เป็นร้านที่ขายน้ำขวดและชายี่ห้อต่างๆมากมาย
และมีคุณป้าวัยน่าจะห้าสิบหน่อยๆนั่งอยู่หน้าตู้แช่ ชายหนุ่มจึงรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหา
" ป้าครับ ร้านนี้ใช้เงินสดได้ไหมครับ "
พอชายหนุ่มเดินมาถึงจึงถามคุณป้าคนขายอย่างสุภาพสุดๆ
" ไม่ต้องหรอกจ๊ะ "
คุณป้าตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร
" งั้นป้ามีชาเมล่อนไหมครับ "
ชายหนุ่มถามถึงชาที่เขาชอบและกินอยู่เป็นประจำ
" ชาเมล่อนไม่มีหรอกลูก เหนื่ิอยๆมาแบบนี้เอาเย็นๆไปกินละกันนะ "
พอคุณป้าพูดจบก็หันไปเปิดตู้แช่ด้านหลังแล้วหยิบเย็นๆที่แกบอกส่งมาให้ชายหนุ่ม
" ขวดนี้ไม่ค่อยเย็นเลยครับ มีเย็นกว่านี้มั้ย "
พอชายหนุ่มรับมาถือปรากฏว่ามันไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่จะส่งคืนไปให้คุณป้าเพื่อขอเปลี่ยนที่มันเย็นกว่า
" มี๊ !!!! "
คุณป้าตอบกลับด้วยเสียงสูงปรี๊ดแล้วหันกลับไปเปลี่ยนอีกอีกขวดที่มันเย็นกว่ามาส่งให้ชายหนุ่ม
" เท่าไหร่ครับป้า "
พอชายหนุ่มรับมาแล้วถือแล้วรู้สึกได้ถึงความเย็นแล้ว จึงถามราคาคุณป้าพร้อมกับมือทึ่ล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อเตรียมหยิบเงิน
" ยี่ ห้าบาท ลูก "
พอรู้ราคาแล้วชายหนุ่มจึงดึงเศษเงินจากกระเป๋าแต่ในกระเป๋าเขาตอนนี้มีแต่แบงค์ยี่สิบอยู่
สามใบไม่มีเหรียญ เขาจึงวางแบงค์ยี่สิบสองใบไว้บนโต๊ะ
พอคุณป้าคนขายเห็นแบงค์ยี่สิบสองใบนั้นเธอก็ทำหน้างงๆแล้วหยิบกระเป๋าใส่เหรียญของตัว
เองมาเปิดแล้วเทมันลงบนโต๊ะ แล้วหยิบเหรียญขึ้นมานับไปนับมา เหมือนทอนไม่ถูก
ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่รู้สึกแปลกใจ และคิดว่าคงมีอะไรผิดปรกติ
" ป้าครับตกลง ชาขวดนี้มันเท่าไหร่ "
ชายหนุ่มตัดสินใจถามราคาอีกรอบเพื่อจะได้ช่วยแกคิดว่าควรจะทอนเท่าไหร่ดี
" สิบเจ็ด "
ป้าแกตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
" อ้าวว !! สิบเจ็ดเหรอครับ "
พอชายหนุ่มได้ฟังราคาที่แท้จริง เขาจึงดึงแบงค์ยี่สิบที่วางอยู่บนโต๊ะกลับมาใบนึง เพราะรู้แล้วว่าป้าแก งง อะไร และพอคุณป้าเห็นว่าเขาดึงเงินกลับเธอยิ่งทวีความงงเข้าไปใหญ่ คิ้วของคุณป้าเริ่มผูกโบว์แล้วมองหน้าชายหนุ่มแบบงงๆ
" ตกลงเธอให้เงินมาเท่าไหร่กันแน่ "
คุณป้าริ่มขึ้นเสียงใส่ชายหนุ่ม ทำให้คนที่ถูกตวาดใส่เริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมามั่ง
" ก็เมื่อกี้ผมฟังเป็นยี่สิบห้าบาท ผมเลยให้แบงค์ยี่สิบไปสองใบไงครับ "
ชายหนุ่มชักอารมณ์ขึ้นมั่งถึงเขาจะฟังผิดจริงๆมันก็ไม่น่าจะทอนยากอะไรนี่นาก็แค่ทอนเขากลับมายี่สิบสามก็หมดเรื่อง
" มีเศษสองบาทมั้ย "
คำถามถามของคุณป้ายิ่งเพิ่มความงงให้กับชายหนุ่มอีกหลายเท่าเพราะเค้าไม่เข้าใจว่าทำไม
ป้าแกต้องมาขออีสองบาททั้งๆที่เขาก็ให้เกินไปแล้วนี่นา ส่วนคุณป้ามองเห็นเครื่องหมายหมายคำถามขึ้นอยู่บนหน้าชายหนุ่ม ยิ่งทำให้หงุดหงิดเพิ่มอีกหลายเท่าเพราะเธอก็คิดว่าเธอจะทอนให้ห้าบาทเลยถามว่ามีสองบาทมั้ย
ต่างคนก็ต่างไม่เข้าใจเหตุผลของอีกฝ่าย
" แล้วตกลงต้องทอนเท่าไหร่ .?"
คุณป้าถามอย่างหมดความอดทน
" ก็ให้สี่สิบก็ต้องทอนยี่สิบสามสิ "
ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างรำคาญเพราะคิดว่าคุณป้าถามว่าถ้าให้สี่สิบต้องทอนเท่าไหร่
แต่คุณป้ากลับคิดว่าชายหนุ่มคิดจะโกงเธอเลยโมโหใหญ่
" ต้องทอนสามบาทต่างหากหล่ะ "
คุณป้าหยิบเงินสามบาทแล้วปาลงบนโต๊ะอย่างแรง
" แปะ!!! "
ชายหนุ่มเห็นป้าทำแบบนี้เลยชักไม่พอใจคว้าเงินสามบาทแล้วเดินออกไปทันที
( ตกลงเรื่องนี้ใครผิด....???? )
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ