บ้านสีดำ
9.3
เขียนโดย LingWah
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.53 น.
1 ตอน
1 วิจารณ์
3,271 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.56 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) บ้านสีดำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสี่คำเขียนเรื่อง /คำบังคับ : ฟอร์มาลีน , บ้านสีดำ , เข้าแคมป์ , ถูกสะกด
บ้านสีดำ
[เรื่องสั้นอย่างสั้น]
ราวกับถูกสะกดมิให้ละสายตาไปจากบ้านสีดำหลังนั้น พิชัยยืนนิ่งงันอยู่หน้าบ้านไม้อันเก่าโทรม ขาทั้งสองข้างแข็งเกร็งและสั่นระริก เหงื่อซึมชุ่มทั้งใบหน้าและไรผม หนุ่มใหญ่พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างกล้าหาญ บรรยากาศรอบกายเงียบสงัดและวังเวงเสียยิ่งกว่าป่าช้า—มันเป็นป่า ป่าที่ไม่มีแม้แต่เสียงร้องของแมลง
พิชัยกัดริมฝีปากแน่นยามที่ปลุกปลอบใจตัวเองให้เดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้น เขาไม่อยากเข้าไปเลย แต่ด้วยหน้าที่ที่รับผิดชอบ ด้วยจรรยาบรรณของครูผู้หนึ่ง พิชัยจำเป็นที่จะต้องเข้าไปข้างในนั้น—เขาต้องเข้าไปเพื่อตามหานักเรียนสามคนที่หายตัวไปจากค่าย
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อโรงเรียนจัดให้มีการเข้าค่าย(แคมป์)ฤดูร้อน เพื่อสอนให้เด็กๆ รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พิชัยเป็นหัวหน้าค่ายโดยมีครูผู้ช่วยอีกสองคนคอยช่วยเหลือ เขาดีใจมากที่ได้รับงานนี้ การเป็นครูคือความฝันสูงสุดในชีวิตของเขา และเขาก็รักการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี พิชัย มาวิน และเกสร ช่วยกันดูแลและนำเด็กๆ ทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ตั้งเต็นท์ ก่อกองไฟ ทำอาหาร จนมาถึงกิจกรรมเดินทางไกลซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ จะต้องแบ่งกลุ่มกันและออกเดินทางในระยะสั้นๆ รอบบริเวณค่ายเพื่อไปทำกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ต่างๆ
มีเด็กสามคนหายตัวไป—พิชัยทราบเรื่องหลังจากเรียกรวมทุกกลุ่มแล้วพบว่ามีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มารายงานตัว เขาให้ครูเกสรอยู่กับเด็กๆ ที่ค่าย ส่วนเขากับมาวินและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่ก็พากันออกตามหาเด็กๆ ทั้งสามคน พวกเขาแยกกันไปคนละทางเพราะต่างก็รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี พิชัยเดินไปเรื่อยๆ จิตใจพะวงอยู่ที่เด็กทั้งสามจนเดินออกนอกเส้นทางโดยไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัวอีกทีพิชัยก็หาทางกลับไม่ถูกเสียแล้ว คุณครูร่างใหญ่รวบรวมสติและความกล้าออกตามหาศิษย์ตัวน้อยทั้งสามต่อไปอย่างไม่หวั่นเกรงว่าตนจะหลงป่าไปด้วยอีกคน สายตาคมกวาดมองโดยรอบด้วยหวังว่าจะพบร่องรอยบ้างไม่มากก็น้อย และเขาก็พบมันเข้าจริงๆ
เศษผ้าเปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งติดอยู่ที่กิ่งไม้แห้งๆ บนพื้น พิชัยจำสีของผ้านั้นได้ สีบานเย็นประจำโรงเรียน วันนี้เด็กนักเรียนทุกคนต่างใส่เสื้อสีนี้—หัวใจของครูหนุ่มใหญ่เต้นระรัว เขารีบสืบเท้าเข้าไปค้นหาร่องรอยต่อไปทันที จากเศษผ้าเปื้อนเลือด กลายเป็นคราบเลือดที่หยดอยู่บนพื้น ยอดหญ้า และตามใบไม้เตี้ยๆ พิชัยสาวรอยต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับบ้านไม้สีดำหลังหนึ่ง
บ้านไม้เก่าผุที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางป่าหลังนี้ดูน่ากลัวและไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย พิชัยลังเลอยู่นานทีเดียวกว่าจะรวบรวมความกล้าเข้าไปข้างในได้ กลิ่นฟอร์มาลีนฉุนเฉียวพุ่งปะทะจมูกทันทีที่ก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไป ในกลิ่นฉุนของสารเคมีนั้นแฝงมาด้วยกลิ่นสาบของซากสัตว์ เสียงไม้ลั่นเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินของครูผู้ตื่นตระหนก แว่วเสียงดังคล้ายเสียงสับเนื้อมาจากห้องทางด้านใน พิชัยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขากำด้ามมีดเดินป่าในฝักที่เอวเอาไว้แน่นและกลั้นหายใจอย่างลืมตัวเมื่อผลักประตูไม้ผุๆ ให้เปิดออก และภาพที่เห็นก็ทำให้คุณครูต้องเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
บนโต๊ะไม้ตัวยาวที่ตั้งอยู่กลางห้องมีซากของสิ่งมีชีวิตนอนแน่นิ่งอยู่ หลังโต๊ะตัวนั้นยืนไว้ด้วยชายร่างใหญ่หนวดเครารกครึ้ม ในมือของเขามีมีดเล่มโตที่เปื้อนเลือดสีแดงเกรอะกรัง ล้อมรอบชายคนนั้น และลามไปจนทั่วทั้งห้องคือซากของสัตว์ที่ถูกสตัฟฟ์เอาไว้อย่างดี และที่มุมหนึ่งก็มีร่างของเด็กสามคนนั่งอยู่
“คุณครูมาแล้ว!” หนึ่งในสามคนนั้นร้องตะโกนขึ้น พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่วิ่งถลาเข้ามา เสียงเจื้อยแจ้วบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยในป่า เจ้าสุนัขวายร้ายที่บัดนี้นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนโต๊ะ และคุณลุงใจดีที่ช่วยเหลือ—พิชัยแทบจะล้มทั้งยืนด้วยความปีติที่ถาโถมเข้าใส่ไปในนาทีนั้น เขาไม่เคยโล่งใจและดีใจเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยเลย
บ้านสีดำ
[เรื่องสั้นอย่างสั้น]
ราวกับถูกสะกดมิให้ละสายตาไปจากบ้านสีดำหลังนั้น พิชัยยืนนิ่งงันอยู่หน้าบ้านไม้อันเก่าโทรม ขาทั้งสองข้างแข็งเกร็งและสั่นระริก เหงื่อซึมชุ่มทั้งใบหน้าและไรผม หนุ่มใหญ่พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างกล้าหาญ บรรยากาศรอบกายเงียบสงัดและวังเวงเสียยิ่งกว่าป่าช้า—มันเป็นป่า ป่าที่ไม่มีแม้แต่เสียงร้องของแมลง
พิชัยกัดริมฝีปากแน่นยามที่ปลุกปลอบใจตัวเองให้เดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้น เขาไม่อยากเข้าไปเลย แต่ด้วยหน้าที่ที่รับผิดชอบ ด้วยจรรยาบรรณของครูผู้หนึ่ง พิชัยจำเป็นที่จะต้องเข้าไปข้างในนั้น—เขาต้องเข้าไปเพื่อตามหานักเรียนสามคนที่หายตัวไปจากค่าย
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อโรงเรียนจัดให้มีการเข้าค่าย(แคมป์)ฤดูร้อน เพื่อสอนให้เด็กๆ รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พิชัยเป็นหัวหน้าค่ายโดยมีครูผู้ช่วยอีกสองคนคอยช่วยเหลือ เขาดีใจมากที่ได้รับงานนี้ การเป็นครูคือความฝันสูงสุดในชีวิตของเขา และเขาก็รักการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี พิชัย มาวิน และเกสร ช่วยกันดูแลและนำเด็กๆ ทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ตั้งเต็นท์ ก่อกองไฟ ทำอาหาร จนมาถึงกิจกรรมเดินทางไกลซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ จะต้องแบ่งกลุ่มกันและออกเดินทางในระยะสั้นๆ รอบบริเวณค่ายเพื่อไปทำกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ต่างๆ
มีเด็กสามคนหายตัวไป—พิชัยทราบเรื่องหลังจากเรียกรวมทุกกลุ่มแล้วพบว่ามีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มารายงานตัว เขาให้ครูเกสรอยู่กับเด็กๆ ที่ค่าย ส่วนเขากับมาวินและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่ก็พากันออกตามหาเด็กๆ ทั้งสามคน พวกเขาแยกกันไปคนละทางเพราะต่างก็รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี พิชัยเดินไปเรื่อยๆ จิตใจพะวงอยู่ที่เด็กทั้งสามจนเดินออกนอกเส้นทางโดยไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัวอีกทีพิชัยก็หาทางกลับไม่ถูกเสียแล้ว คุณครูร่างใหญ่รวบรวมสติและความกล้าออกตามหาศิษย์ตัวน้อยทั้งสามต่อไปอย่างไม่หวั่นเกรงว่าตนจะหลงป่าไปด้วยอีกคน สายตาคมกวาดมองโดยรอบด้วยหวังว่าจะพบร่องรอยบ้างไม่มากก็น้อย และเขาก็พบมันเข้าจริงๆ
เศษผ้าเปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งติดอยู่ที่กิ่งไม้แห้งๆ บนพื้น พิชัยจำสีของผ้านั้นได้ สีบานเย็นประจำโรงเรียน วันนี้เด็กนักเรียนทุกคนต่างใส่เสื้อสีนี้—หัวใจของครูหนุ่มใหญ่เต้นระรัว เขารีบสืบเท้าเข้าไปค้นหาร่องรอยต่อไปทันที จากเศษผ้าเปื้อนเลือด กลายเป็นคราบเลือดที่หยดอยู่บนพื้น ยอดหญ้า และตามใบไม้เตี้ยๆ พิชัยสาวรอยต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับบ้านไม้สีดำหลังหนึ่ง
บ้านไม้เก่าผุที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางป่าหลังนี้ดูน่ากลัวและไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย พิชัยลังเลอยู่นานทีเดียวกว่าจะรวบรวมความกล้าเข้าไปข้างในได้ กลิ่นฟอร์มาลีนฉุนเฉียวพุ่งปะทะจมูกทันทีที่ก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไป ในกลิ่นฉุนของสารเคมีนั้นแฝงมาด้วยกลิ่นสาบของซากสัตว์ เสียงไม้ลั่นเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินของครูผู้ตื่นตระหนก แว่วเสียงดังคล้ายเสียงสับเนื้อมาจากห้องทางด้านใน พิชัยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขากำด้ามมีดเดินป่าในฝักที่เอวเอาไว้แน่นและกลั้นหายใจอย่างลืมตัวเมื่อผลักประตูไม้ผุๆ ให้เปิดออก และภาพที่เห็นก็ทำให้คุณครูต้องเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
บนโต๊ะไม้ตัวยาวที่ตั้งอยู่กลางห้องมีซากของสิ่งมีชีวิตนอนแน่นิ่งอยู่ หลังโต๊ะตัวนั้นยืนไว้ด้วยชายร่างใหญ่หนวดเครารกครึ้ม ในมือของเขามีมีดเล่มโตที่เปื้อนเลือดสีแดงเกรอะกรัง ล้อมรอบชายคนนั้น และลามไปจนทั่วทั้งห้องคือซากของสัตว์ที่ถูกสตัฟฟ์เอาไว้อย่างดี และที่มุมหนึ่งก็มีร่างของเด็กสามคนนั่งอยู่
“คุณครูมาแล้ว!” หนึ่งในสามคนนั้นร้องตะโกนขึ้น พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่วิ่งถลาเข้ามา เสียงเจื้อยแจ้วบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยในป่า เจ้าสุนัขวายร้ายที่บัดนี้นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนโต๊ะ และคุณลุงใจดีที่ช่วยเหลือ—พิชัยแทบจะล้มทั้งยืนด้วยความปีติที่ถาโถมเข้าใส่ไปในนาทีนั้น เขาไม่เคยโล่งใจและดีใจเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยเลย
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ