เหยื่อ
-
เขียนโดย Dewy_49
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.42 น.
1 บท
1 วิจารณ์
3,515 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557 10.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รถแท็กซี่เก่าปุโลทั้งคันหนึ่งวิ่งอยู่ย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ในเวลานี้หลายคนคงกำลังพักผ่อน นอนอยู่ใต้ผ้าห่มที่หนานุ่ม อาจกำลังฝันถึงวันดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หรืออาจนอนไม่หลับเพราะเรื่องกังวลต่างๆ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร
ผมซึ่งกำลังนั่งขับรถแท็กซี่ปุโลทั้งสีเหลืองเขียวคันนี้ ยังคงต้องดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย จะมีก็เพียงวิทยุ FM บางสถานีที่ยังพอจะมีเสียงเพลงขับกล่อมสลับกับข่าวต่างๆให้เป็นเพื่อนคลายเหงาได้บ้าง
ถึงแม้มันจะเหงาแต่อย่างน้อยผมก็พอใจที่ได้หลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวงในยามกลางวันได้ และที่สำคัญการขับรถแท็กซี่ตอนกลางคืนนั้น มักจะรายได้ดีเพราะได้ทริปหนักจากบรรดาเหล่านักเที่ยวเสมอ
แม้บางครั้งจะต้องแลกมาด้วยกลิ่นอ้วกและกลิ่นเหล้าคละคลุ้งภายในรถก็ตาม รถของผมยังคงวิ่งไปตามท้องถนนที่มีแสงไฟจากท้องถนนสาดส่องให้แสงสว่างราวกับกลางวัน ดังที่หลายๆคนเคยพูดไว้ กรุงเทพฯไม่เคยหลับ
ขณะที่ผมขับรถพร้อมกับฟังวิทยุอยู่นั้น ได้มีข่าวหนึ่งแทรกเข้ามา “เมื่อช่วงเวลา 22.30 น. ได้มีผู้แจ้งว่าพบ ชิ้นส่วนแขนซึ่งคาดว่าเป็นชิ้นส่วนของหญิงสาวทิ้งไว้ในพงหญ้าในเขตก่อสร้าง ใกล้กับถนนเพรชบุรีตัดใหม่ หากมีข่าวคืบหน้าเราจะรายงานให้ทราบต่อไป”
ผมคิดในใจคนเราทุกวันนี้ช่างโหดร้ายกันเสียจริงๆ ข่าวนี้ดังมาได้2-3 วันแล้ว ตั้งแต่มีคนเริ่มพบชิ้นส่วนของหญิงสาวในที่ต่างๆ ไม่มีใครทราบว่าผู้เคราะห์ร้ายเป็นใคร ทราบเพียงว่าเป็นหญิงสาวต่างชาติ เนื่องจากสภาพแขนและขาที่พบมีลักษณะผิวขาว และเรียวยาวกว่าที่จะเป็นคนไทย
แต่ตำรวจไม่สามารถระบุรูปพรรณได้ เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่พบชิ้นส่วนที่เหลือของหญิงสาว และที่น่าประหลาดใจคือชิ้นส่วนที่พบแต่ละชิ้นนั้นสภาพไม่ได้เน่าตามสภาพที่ควรจะเป็นเนื่องจากตั้งแต่พบชิ้นส่วนแรกนั้นผ่านมา 3 วันสภาพชิ้นส่วนที่พบวันต่อๆมาน่าจะเน่าบวมหมดแล้วแต่กลับยังคงสภาพเดิมเหมือนเพิ่งเสียชีวิตยิ่งเพิ่มความฉงนให้กับเจ้าหน้าที่มากขึ้นไปอีก
ซึ่งจากการคาดเดาและสันนิษฐานร่วมกันของเหล่าสภากาแฟของพวกผมแล้วนั้น มีความเห็นตรงกันว่าน่าจะเป็นเรื่องของสามีภรรยาฝรั่งคู่หนึ่งมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันก่อนที่สามีจะบันดาลโทสะแล้วพลั้งฆ่าภรรยาตาย แต่จะทำลายศพเลยก็ไม่สามารถทำได้
จึงหั่นศพภรรยาเป็นท่อนๆแล้วค่อยๆนำออกมาทิ้งไว้ในสถานที่ต่างๆ โดยน่าจะแช่ศพไว้ในตู้เย็นเพื่อไม่ให้ศพเน่า ผมสันนิษฐานให้เพื่อนๆฟังด้วยหน้าตาเคร่งครึมที่เลียนแบบมาจากซี่รี่ย์ต่างประเทศ เรียกเสียงเฮฮาได้เป็นอย่างดี
พลางคิดแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ แต่แล้วผมก็ต้องค่อยๆแตะเบรคเมื่อมี ฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนโบกรถอยู่ข้างทาง ผมค่อนข้างแปลกใจเนื่องจากแถวนี้ไม่มีโรงแรมหรือที่พักดังๆที่ฝรั่งมักชอบที่จะเข้าพัก ผมค่อยๆจอดรถเทียบลดกระจกลง ผมจึงได้เห็นหน้าฝรั่งคนนั้นชัดเจน
เป็นชาวต่างชาติอายุน่าจะไม่เกิน 30 ปี ผมสีบลอนรูปร่างสูงใหญ่ มีเคราบริเวณคาง หน้าตาผอมตอบยิ่งเพิ่มความดุให้หน้าตาดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีก
“Suwannabhumi Airport” ผมอึ่งไปนิดหนึ่งด้วยความรู้ป.4ของผม ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่ง แต่ด้วยความที่ชอบดูหนังซี่รี่ต่างประเทศแบบซับไทย พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ ผมพูดทวนคำอีกครั้ง “สุวรรณภูมิ” พร้อมกับทำท่าเครื่องบินให้ดู
ฝรั่งหนุ่มพยักหน้า ฝรั่งพูดอะไรผมจับใจความไม่ค่อยได้แต่เห็นทำมือชี้ๆ ผมจึงลงจากรถไปดู จึงพบกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่มากๆ ผมเปิดกระโปงท้ายรถปรากฏว่าไม่สามารถยัดกระเป๋าเข้าไปได้ ผมจึงเดินมาเปิดประตูด้านหลังแล้วยัดกระเป๋าใบใหญ่ซึ่งเมื่อผมยกปรากฎว่ามันหนักมาก เมื่อผมยัดกระเป๋าเข้าไปด้านหลังแล้ว ทำให้ฝรั่งหนุ่มต้องนั่งข้างคนขับรถ
รถค่อยๆวิ่งออกไปอย่างช้า จากจุดที่ผมอยู่นั้นเดินทางไปสุวรรณภูมิใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 45 นาที ผมค่อยๆขับรถพลางคิดในใจว่าวันนี้ได้เงินก้อนโตซะแล้ว ผมขับรถไปเรื่อยๆและแล้วก็สิ่งหนึ่งปะทะกับจมูกของผมกลิ่นเหมือนเนื้อเน่าหรืออะไรบางอย่างที่เน่ามากๆ โชยอยู่ในรถ ผมค่อยเหลือบมองฝรั่งหนุ่ม ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร ผมแปลกใจเล็กน้อย หรือว่าเขาไม่ได้กลิ่นกันนะ
ผมมองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นกระเป๋าใบใหญ่สีดำทะมึนวางนอนอยู่ ความคิดแวบหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในสมองผม ถ้าในกระเป๋านั้นคือเป็นศพหญิงสาวต่างชาตินั้นละ ถ้ากลิ่นที่ผมได้รับเมื่อกี้คือกลิ่นศพละ งั้นชายหนุ่มที่นั่งข้างๆผมก็คือฆาตกรอย่างนั้นหรือ ไม่ๆผมพยายามลบความคิดนี้ออกไปจากหัว มันจะสรุปเร็วเป็นหนังไปหน่อยไหม
แล้วสติผมก็ถูกดึงกลับมาเพราะข่าวที่แทรกเข้ามา “เมื่อสักครู่ได้มีผู้แจ้งว่าพบชิ้นส่วนของหญิงสาวปริศนาเพิ่มเติมคือส่วนของแขน ในพงหญ้าในซอยเพรชบุรี 3 ทำให้ตอนนี้มีชิ้นส่วนของหญิงสาวแล้วทั้งหมด 4 ชิ้นคือ แขนและขาอย่างละ 2 ชิ้น หากมีความคืบหน้า เราจะรายงานให้ทราบต่อไป”
ผมฟังแล้วได้แต่นั่งตัวเกร็ง เพราะถนนนั้นคือถนนที่ผมเพิ่งรับฝรั่งหนุ่มคนนี้ขึ้นมา แล้วตอนนี้เมื่อผมเหลือบมองไปที่ฝรั่งหนุ่ม ผมเห็นท่าทางกระสับกระส่ายและมีเม็ดเหงื่อพุดขึ้นบนใบหน้า ทั้งๆที่อากาศในรถนั้นเย็นจนยะเยือก ความคิดอีกแวบวิ่งเข้ามาในสมองผม ฝรั่งหนุ่มคนนี้ต้องการหนีออกนอกประเทศแน่ๆ
โดยไม่กล้าทิ้งศพไว้ในโรงแรมเพราะที่โรงแรมมีประวัติการเข้าพักของแขกอยู่ และฝรั่งหนุ่มต้องไม่กล้าทิ้งศพไว้ที่อื่นอีกเพราะหากทิ้งศพแล้วรู้ว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นใครก็จะสามารถสืบหาคนร้ายได้ ไอ้ฝรั่งโหดนี่จะต้องเอาศพไปทิ้งไว้ในสนามบินสุวรรณภูมิแน่นอนเพราะกว่าจะมีใครรู้ว่าข้างในกระเป๋ามีศพ ฝรั่งคนนี้มันคงนั่งยิ้มอยู่บนเครื่องบินแล้ว
ผมคิดแบบในหนังซี่รีย์ที่ผมชอบดู ผมนั่งตัวเกร็งตัดสินใจเพิ่มความเร็วรถให้มากขึ้น อยากให้ถึงจุดหมายไวขึ้น ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองฝรั่งหนุ่มอีกแล้ว
กลิ่นเหม็นเน่าลอยมาอีกครั้ง ผมกลั้นหายใจพยายามไม่มองกระจกหลัง ข้างหน้ามีสถานีตำรวจติดกับปั้มน้ำมันที่เปิดไฟสว่างไสวให้รู้ว่ายังมีการให้บริการอยู่ ฝรั่งหนุ่มหันมาเขย่าแขนผม และจ้องมองผมสายตาดูดุดัน พูดรั่วและเร็วผมฟังไม่รู้เรื่องจับใจความไม่ได้เลย ฝรั่งคนนั้นพูดซ้ำจับใจความได้ว่าโปลิสๆๆ หรือว่าฝรั่งหนุ่มมันจะสงสัยว่าผมจะรู้ว่ามันคือฆาตกรที่เป็นข่าว ด้วยความกลัวผมส่ายหน้าตอบกลับไปว่า “โนๆๆๆๆๆ” ให้ฝรั่งมันรู้ว่าผมไม่เอามันไปมอบตัวหรอก ผมไม่มีเจตนาส่งตัวให้ตำรวจหรอกนะ ผมได้แต่พูดซ้ำๆ “พรีสๆๆๆๆ” ที่จำมาจากในหนังเวลาที่คนเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายพยายามร้องขอชีวิตจากฆาตกร
ได้ผลฝรั่งคนนั้นหยุดเขย่าแขนผม กลับไปนั่งกระสับกระส่ายเหมือนเดิม ผมเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก ไม่เกิน15 นาทีน่าจะจุดหมาย ตอนนี้เงินทองไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของผมแล้ว ผมยินดีส่งให้ฟรีหากฝรั่งจะไม่ทำร้ายผม ฝรั่งคนนั้นเริ่มกัดเล็บท่าทีเครียดยิ่งกว่าเดิม
ผมคิดในใจหรือมันกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับผมดี ผมจะรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี คิดซิในหนังเวลาพระเอกใกล้จนมุมมักจะมีผู้ช่วยมาช่วยเสมอ แล้วชีวิตจริงตอนนี้ผมจะหาผู้ช่วยที่ไหนมาช่วยผม
ผมจะได้กลับไปหาลูกหาเมียผมอีกไหม ผมไม่น่ารับไอ้ฝรั่งฆาตกรคนนี้ขึ้นมาเลย แม่งไม่น่าเห็นแก่เงินเลย
ผมจะกลายเป็นศพไม่มีหัวไม่มีแขนขาไหม ผมได้แต่โทษตัวเองในใจ แล้วความคิดหนึ่งก็เข้ามาในสมองถ้าผมขับรถเร็วพอ มันจะต้องไม่กล้าที่จะทำร้ายผมเพราะถ้ามันทำอะไรผม มันก็ต้องตายไปกับผมแน่ๆ ผมเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก
กลิ่นเหม็นเน่าของศพลอยมาอีกครั้ง สองข้างถนนมีเพียงบ้านเรือนที่ดับไฟหมด มีเพียงป้ายปั้มน้ำมันที่เห็นแต่ไกลว่ายังเปิดให้บริการ
ฝรั่งหันมาเขย่าแขนผมอีกครั้ง พร้อมกับบอกอะไรที่จับใจความไม่ได้ และก่อนที่จะถึงปั้มน้ำมัน ฝรั่งหนุ่มก็กระทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง
ฝรั่งหนุ่มกำมัดแน่นชูขึ้นต่อหน้าผม แล้วแบมือออกอย่างรวดเร็วแล้วเสียง “ปูดดดดดดดด” ไม่ต้องให้ทำซ้ำผมแตะเบรคเลี้ยวรถเข้าปั้มทันที ผมตกเป็น"เหยื่อ"ซะแล้ว
ผมซึ่งกำลังนั่งขับรถแท็กซี่ปุโลทั้งสีเหลืองเขียวคันนี้ ยังคงต้องดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย จะมีก็เพียงวิทยุ FM บางสถานีที่ยังพอจะมีเสียงเพลงขับกล่อมสลับกับข่าวต่างๆให้เป็นเพื่อนคลายเหงาได้บ้าง
ถึงแม้มันจะเหงาแต่อย่างน้อยผมก็พอใจที่ได้หลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวงในยามกลางวันได้ และที่สำคัญการขับรถแท็กซี่ตอนกลางคืนนั้น มักจะรายได้ดีเพราะได้ทริปหนักจากบรรดาเหล่านักเที่ยวเสมอ
แม้บางครั้งจะต้องแลกมาด้วยกลิ่นอ้วกและกลิ่นเหล้าคละคลุ้งภายในรถก็ตาม รถของผมยังคงวิ่งไปตามท้องถนนที่มีแสงไฟจากท้องถนนสาดส่องให้แสงสว่างราวกับกลางวัน ดังที่หลายๆคนเคยพูดไว้ กรุงเทพฯไม่เคยหลับ
ขณะที่ผมขับรถพร้อมกับฟังวิทยุอยู่นั้น ได้มีข่าวหนึ่งแทรกเข้ามา “เมื่อช่วงเวลา 22.30 น. ได้มีผู้แจ้งว่าพบ ชิ้นส่วนแขนซึ่งคาดว่าเป็นชิ้นส่วนของหญิงสาวทิ้งไว้ในพงหญ้าในเขตก่อสร้าง ใกล้กับถนนเพรชบุรีตัดใหม่ หากมีข่าวคืบหน้าเราจะรายงานให้ทราบต่อไป”
ผมคิดในใจคนเราทุกวันนี้ช่างโหดร้ายกันเสียจริงๆ ข่าวนี้ดังมาได้2-3 วันแล้ว ตั้งแต่มีคนเริ่มพบชิ้นส่วนของหญิงสาวในที่ต่างๆ ไม่มีใครทราบว่าผู้เคราะห์ร้ายเป็นใคร ทราบเพียงว่าเป็นหญิงสาวต่างชาติ เนื่องจากสภาพแขนและขาที่พบมีลักษณะผิวขาว และเรียวยาวกว่าที่จะเป็นคนไทย
แต่ตำรวจไม่สามารถระบุรูปพรรณได้ เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่พบชิ้นส่วนที่เหลือของหญิงสาว และที่น่าประหลาดใจคือชิ้นส่วนที่พบแต่ละชิ้นนั้นสภาพไม่ได้เน่าตามสภาพที่ควรจะเป็นเนื่องจากตั้งแต่พบชิ้นส่วนแรกนั้นผ่านมา 3 วันสภาพชิ้นส่วนที่พบวันต่อๆมาน่าจะเน่าบวมหมดแล้วแต่กลับยังคงสภาพเดิมเหมือนเพิ่งเสียชีวิตยิ่งเพิ่มความฉงนให้กับเจ้าหน้าที่มากขึ้นไปอีก
ซึ่งจากการคาดเดาและสันนิษฐานร่วมกันของเหล่าสภากาแฟของพวกผมแล้วนั้น มีความเห็นตรงกันว่าน่าจะเป็นเรื่องของสามีภรรยาฝรั่งคู่หนึ่งมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันก่อนที่สามีจะบันดาลโทสะแล้วพลั้งฆ่าภรรยาตาย แต่จะทำลายศพเลยก็ไม่สามารถทำได้
จึงหั่นศพภรรยาเป็นท่อนๆแล้วค่อยๆนำออกมาทิ้งไว้ในสถานที่ต่างๆ โดยน่าจะแช่ศพไว้ในตู้เย็นเพื่อไม่ให้ศพเน่า ผมสันนิษฐานให้เพื่อนๆฟังด้วยหน้าตาเคร่งครึมที่เลียนแบบมาจากซี่รี่ย์ต่างประเทศ เรียกเสียงเฮฮาได้เป็นอย่างดี
พลางคิดแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ แต่แล้วผมก็ต้องค่อยๆแตะเบรคเมื่อมี ฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนโบกรถอยู่ข้างทาง ผมค่อนข้างแปลกใจเนื่องจากแถวนี้ไม่มีโรงแรมหรือที่พักดังๆที่ฝรั่งมักชอบที่จะเข้าพัก ผมค่อยๆจอดรถเทียบลดกระจกลง ผมจึงได้เห็นหน้าฝรั่งคนนั้นชัดเจน
เป็นชาวต่างชาติอายุน่าจะไม่เกิน 30 ปี ผมสีบลอนรูปร่างสูงใหญ่ มีเคราบริเวณคาง หน้าตาผอมตอบยิ่งเพิ่มความดุให้หน้าตาดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีก
“Suwannabhumi Airport” ผมอึ่งไปนิดหนึ่งด้วยความรู้ป.4ของผม ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่ง แต่ด้วยความที่ชอบดูหนังซี่รี่ต่างประเทศแบบซับไทย พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ ผมพูดทวนคำอีกครั้ง “สุวรรณภูมิ” พร้อมกับทำท่าเครื่องบินให้ดู
ฝรั่งหนุ่มพยักหน้า ฝรั่งพูดอะไรผมจับใจความไม่ค่อยได้แต่เห็นทำมือชี้ๆ ผมจึงลงจากรถไปดู จึงพบกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่มากๆ ผมเปิดกระโปงท้ายรถปรากฏว่าไม่สามารถยัดกระเป๋าเข้าไปได้ ผมจึงเดินมาเปิดประตูด้านหลังแล้วยัดกระเป๋าใบใหญ่ซึ่งเมื่อผมยกปรากฎว่ามันหนักมาก เมื่อผมยัดกระเป๋าเข้าไปด้านหลังแล้ว ทำให้ฝรั่งหนุ่มต้องนั่งข้างคนขับรถ
รถค่อยๆวิ่งออกไปอย่างช้า จากจุดที่ผมอยู่นั้นเดินทางไปสุวรรณภูมิใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 45 นาที ผมค่อยๆขับรถพลางคิดในใจว่าวันนี้ได้เงินก้อนโตซะแล้ว ผมขับรถไปเรื่อยๆและแล้วก็สิ่งหนึ่งปะทะกับจมูกของผมกลิ่นเหมือนเนื้อเน่าหรืออะไรบางอย่างที่เน่ามากๆ โชยอยู่ในรถ ผมค่อยเหลือบมองฝรั่งหนุ่ม ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร ผมแปลกใจเล็กน้อย หรือว่าเขาไม่ได้กลิ่นกันนะ
ผมมองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นกระเป๋าใบใหญ่สีดำทะมึนวางนอนอยู่ ความคิดแวบหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในสมองผม ถ้าในกระเป๋านั้นคือเป็นศพหญิงสาวต่างชาตินั้นละ ถ้ากลิ่นที่ผมได้รับเมื่อกี้คือกลิ่นศพละ งั้นชายหนุ่มที่นั่งข้างๆผมก็คือฆาตกรอย่างนั้นหรือ ไม่ๆผมพยายามลบความคิดนี้ออกไปจากหัว มันจะสรุปเร็วเป็นหนังไปหน่อยไหม
แล้วสติผมก็ถูกดึงกลับมาเพราะข่าวที่แทรกเข้ามา “เมื่อสักครู่ได้มีผู้แจ้งว่าพบชิ้นส่วนของหญิงสาวปริศนาเพิ่มเติมคือส่วนของแขน ในพงหญ้าในซอยเพรชบุรี 3 ทำให้ตอนนี้มีชิ้นส่วนของหญิงสาวแล้วทั้งหมด 4 ชิ้นคือ แขนและขาอย่างละ 2 ชิ้น หากมีความคืบหน้า เราจะรายงานให้ทราบต่อไป”
ผมฟังแล้วได้แต่นั่งตัวเกร็ง เพราะถนนนั้นคือถนนที่ผมเพิ่งรับฝรั่งหนุ่มคนนี้ขึ้นมา แล้วตอนนี้เมื่อผมเหลือบมองไปที่ฝรั่งหนุ่ม ผมเห็นท่าทางกระสับกระส่ายและมีเม็ดเหงื่อพุดขึ้นบนใบหน้า ทั้งๆที่อากาศในรถนั้นเย็นจนยะเยือก ความคิดอีกแวบวิ่งเข้ามาในสมองผม ฝรั่งหนุ่มคนนี้ต้องการหนีออกนอกประเทศแน่ๆ
โดยไม่กล้าทิ้งศพไว้ในโรงแรมเพราะที่โรงแรมมีประวัติการเข้าพักของแขกอยู่ และฝรั่งหนุ่มต้องไม่กล้าทิ้งศพไว้ที่อื่นอีกเพราะหากทิ้งศพแล้วรู้ว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นใครก็จะสามารถสืบหาคนร้ายได้ ไอ้ฝรั่งโหดนี่จะต้องเอาศพไปทิ้งไว้ในสนามบินสุวรรณภูมิแน่นอนเพราะกว่าจะมีใครรู้ว่าข้างในกระเป๋ามีศพ ฝรั่งคนนี้มันคงนั่งยิ้มอยู่บนเครื่องบินแล้ว
ผมคิดแบบในหนังซี่รีย์ที่ผมชอบดู ผมนั่งตัวเกร็งตัดสินใจเพิ่มความเร็วรถให้มากขึ้น อยากให้ถึงจุดหมายไวขึ้น ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองฝรั่งหนุ่มอีกแล้ว
กลิ่นเหม็นเน่าลอยมาอีกครั้ง ผมกลั้นหายใจพยายามไม่มองกระจกหลัง ข้างหน้ามีสถานีตำรวจติดกับปั้มน้ำมันที่เปิดไฟสว่างไสวให้รู้ว่ายังมีการให้บริการอยู่ ฝรั่งหนุ่มหันมาเขย่าแขนผม และจ้องมองผมสายตาดูดุดัน พูดรั่วและเร็วผมฟังไม่รู้เรื่องจับใจความไม่ได้เลย ฝรั่งคนนั้นพูดซ้ำจับใจความได้ว่าโปลิสๆๆ หรือว่าฝรั่งหนุ่มมันจะสงสัยว่าผมจะรู้ว่ามันคือฆาตกรที่เป็นข่าว ด้วยความกลัวผมส่ายหน้าตอบกลับไปว่า “โนๆๆๆๆๆ” ให้ฝรั่งมันรู้ว่าผมไม่เอามันไปมอบตัวหรอก ผมไม่มีเจตนาส่งตัวให้ตำรวจหรอกนะ ผมได้แต่พูดซ้ำๆ “พรีสๆๆๆๆ” ที่จำมาจากในหนังเวลาที่คนเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายพยายามร้องขอชีวิตจากฆาตกร
ได้ผลฝรั่งคนนั้นหยุดเขย่าแขนผม กลับไปนั่งกระสับกระส่ายเหมือนเดิม ผมเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก ไม่เกิน15 นาทีน่าจะจุดหมาย ตอนนี้เงินทองไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของผมแล้ว ผมยินดีส่งให้ฟรีหากฝรั่งจะไม่ทำร้ายผม ฝรั่งคนนั้นเริ่มกัดเล็บท่าทีเครียดยิ่งกว่าเดิม
ผมคิดในใจหรือมันกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับผมดี ผมจะรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี คิดซิในหนังเวลาพระเอกใกล้จนมุมมักจะมีผู้ช่วยมาช่วยเสมอ แล้วชีวิตจริงตอนนี้ผมจะหาผู้ช่วยที่ไหนมาช่วยผม
ผมจะได้กลับไปหาลูกหาเมียผมอีกไหม ผมไม่น่ารับไอ้ฝรั่งฆาตกรคนนี้ขึ้นมาเลย แม่งไม่น่าเห็นแก่เงินเลย
ผมจะกลายเป็นศพไม่มีหัวไม่มีแขนขาไหม ผมได้แต่โทษตัวเองในใจ แล้วความคิดหนึ่งก็เข้ามาในสมองถ้าผมขับรถเร็วพอ มันจะต้องไม่กล้าที่จะทำร้ายผมเพราะถ้ามันทำอะไรผม มันก็ต้องตายไปกับผมแน่ๆ ผมเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก
กลิ่นเหม็นเน่าของศพลอยมาอีกครั้ง สองข้างถนนมีเพียงบ้านเรือนที่ดับไฟหมด มีเพียงป้ายปั้มน้ำมันที่เห็นแต่ไกลว่ายังเปิดให้บริการ
ฝรั่งหันมาเขย่าแขนผมอีกครั้ง พร้อมกับบอกอะไรที่จับใจความไม่ได้ และก่อนที่จะถึงปั้มน้ำมัน ฝรั่งหนุ่มก็กระทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง
ฝรั่งหนุ่มกำมัดแน่นชูขึ้นต่อหน้าผม แล้วแบมือออกอย่างรวดเร็วแล้วเสียง “ปูดดดดดดดด” ไม่ต้องให้ทำซ้ำผมแตะเบรคเลี้ยวรถเข้าปั้มทันที ผมตกเป็น"เหยื่อ"ซะแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ