ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  52.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

46) Computer service

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                                            Computer service
                 

          เรื่องนี้ผมเคยเกริ่นไว้นานแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้เอาลงซักที วันนี้ว่างๆ มามะ มาอ่านที่ผมกำลังจะโม้ให้อ่านกัน
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมขอของแม่โดยให้เลือกระหว่างแมงกะไซด์กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็อย่างที่บอกว่ามา แม่ให้คอมพิวเตอร์
เพราะกลัวผมไปนอนนับแหนบอยู่ใต้ท้องรถสิบล้อ เลยทำให้มีเรื่องมาเล่าให้อ่านกันในตอนนี้แหละ
    

          หลังจากไปเดินดูตามห้างร้าน เทียบสเปคอะไรต่างๆแล้ว ร้านที่ถูกที่สุดคุ้มสุด คือร้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านผมนี่แหละ
เมื่อตกลงใจได้แล้ว ผมก็วิ่งไปซื้อในทันที เมื่อได้เครื่องมาแล้ว ด้วยความเห่อ ก็เริ่มบรรเลงเลยครับ กดนู่นนั่นนี่มั่วไปตามเรื่อง
ตามประสาคนใช้คอมไม่เก่งแหละ ถึงจะเคยเรียนมามั่ง แต่มันก็แค่งูๆปลาๆ ไม่เหมือนเวลามีเครื่องตรงหน้า ซึ่งจะมั่วจะอะไร
ก็ทำได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวใครจะว่าอะไร ซึ่งไอ้ความซนของผมนี่แหละ จึงทำให้คอมมีปัญหาบ่อย ทั้งเรื่อง Software และ Hardware
ซึ่งเวลามีปัญหาที ผมก็วิ่งข้ามไปร้านคอมที่ซื้อ แจ้งปัญหาให้ทางร้านทราบ ร้านก็จะส่งช่างมาดูให้ แต่ว่าช่างของร้าน จะมาประจำ
เฉพาะ เสาร์ - อาทิตย์เท่านั้น
    

          มีอยู่วันหนึ่ง คอมเครื่องแรกในชีวิตผมก็มีอาการแปลกๆเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า จนทำให้ผมต้องวิ่งข้ามถนนไปร้าน
ประจำ หลังจากแจ้งพี่สาวที่อยู่ประจำร้านแล้ว ก็กลับมารอที่บ้าน ซึ่งผมก็ทำใจไว้แล้วว่า คงต้องรอไปอีกสามวัน เพราะยังไม่ถึงวันเสาร์แต่ระหว่างที่ผมกำลังนอนกลิ้งฟังเพลงอยู่ในห้อง ที่ประตู ก็มีร่างของผู้ชายคนหนึ่ง มายืนมองผม พอเห็นผมก็สะดุ้งเล็กๆ เพราะไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก พี่เขามาในลักษณะ เหงื่อเต็มตัวเปียกชุดเตะบอลที่สวมใส่ พี่เขาคงเห็นผมทำหน้า งงๆ เลยแนะนำตัวว่า
          

          "พี่มาดูคอมให้ครับ"
    

          ผมจึงถามไปว่าพี่เป็นช่างคนใหม่เหรอครับ ก็ได้ความว่า พี่เขาเป็นน้องเจ้าของร้านนี่แหละ ไม่ใช่ช่าง แต่ก็พอใช้งานได้ระดับหนึ่งซึ่งผมก็ลุกเปิดเครื่องให้พี่เขาได้เช็คสุขภาพคอมซึมเศร้าของผม หลังจากตรวจอาการเสร็จ จัดการให้เรียบร้อย พี่เขาก็ขอตัวกลับ
พร้อมกับพูดขอโทษที่ทำเก้าอี้ผมเปียก เพราะเพิ่งไปเตะบอลมา เหงื่อเลยเต็มตัว ผมหัวเราะพร้อมกล่าวขอบคุณ ซึ่งพี่เขาก็บอกว่า
ถ้าเมื่อไหร่มีปัญหาอีก ก็ให้แจ้งพี่สาวที่ร้าน ซึ่งเป็นแฟนของพี่เค้าเอง พี่เค้าว่างจะแวะมาดูให้ ว่างๆก็ไปนั่งเล่นที่ร้านได้ เพราะว่า
แฟนพี่เค้าเฝ้าร้านคนเดียว จะได้มีเพื่อนคุย ผมรับปาก เพราะในใจก็อยากไปนั่งเล่นอยู่แล้ว คอมที่ร้านสเป็คดีกว่าของผมอีก
  

           ตั้งแต่นั้นมาผมก็กลายเป็นขาประจำร้านคอม คือเข้าไปถึงทักทายพี่สาว แล้วก็นั่งเล่นคอมตัวโชว์ในทันที พี่สาวก็ใจดีเสริฟน้ำแถมขนมให้ผมอยู่เป็นประจำ ในบางวัน พี่ผู้ชายหยุดงาน ก็นั่งเล่นอยู่กับผมด้วย เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่จนเริ่มสนิทกันมากขึ้น

           พี่ผู้ชายมีชื่อพี่ว่า "พี่เจ๋ง" ถ้าอยากนึกหน้าว่าเป็นอย่างไร ผมให้นึกถึงนักกินท่านหนึ่งที่ตอนนี้กำลังโด่งดังเรื่อง "กินแหลก"
นะครับ เพราะหน้าตาเหมือนกันเกือบ 90% เลยทีเดียว  ผมสนิทกับพี่เจ๋งระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มากขนาดรู้เรื่องราวส่วนตัวของพี่เค้า

          จนกระทั่งวันหนึ่งเป็นเวลาสองสามทุ่มแล้ว ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านคอม ซึ่งวันนี้ไม่เห็นพี่สาวเฝ้าร้าน มีแต่พี่เจ๋งนั่งดื่มเบียร์มาตั้งแต่บ่ายดูท่าทางพี่เค้าก็คงมึนระดับหนึ่ง พี่เจ๋งบอกฝากร้านไว้กับผม เพราะเห็นผมยังไม่กลับบ้าน และคิดว่าป่านนี้คงไม่มีลูกค้าที่ไหนมาแล้วผมจึงถามพี่เจ๋งว่าพี่จะไปไหน ก็ได้คำตอบมาว่า จะไปตามง้อแฟน เพราะทะเลาะกันตั้งแต่เช้า พี่สาวเค้าเลยออกไปนั่งเล่นอยู่ที่บ้านเพื่อนพอรู้ว่าพี่เจ๋งจะไปตามง้อแฟน ผมก็ขอไปด้วย เหตุที่ขอไปด้วยก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แมงกะไซด์ของพี่เจ๋ง ดูแล้วคงจะแรงผมอยากลองนั่ง แต่ผมอ้างว่า
    

          "พี่เมาแบบนี้จะไปคนเดียวได้ไง เอสไปเป็นเพื่อนดีกว่า"
    

          ทางด้านพี่เจ๋ง ซึ่งกำลังเมานิดๆพอได้ยินที่ผมพูด ก็ทำหน้าซึ้งเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะกอดคอผมพร้อมกับบอกว่า
        

           "พี่ซึ้งน้ำใจเอสที่เป็นห่วงพี่ ต่อไปนี้ เราเป็นพี่น้องกัน"
    

          พูดจบก็ปิดร้านพาผมบึ่งแมงกะไซด์เข้าตลาดเพื่อไปง้อแฟนในทันที  ไม่กี่นาทีต่อมา ผมมายืนหน้าชาขาสั่นอยู่หน้าบ้านเพื่อนแฟนของพี่เจ๋ง เพราะรถที่ว่าแรงอยู่แล้ว ยังแรงสู้ใจพี่เจ๋งตอนเมาไม่ได้  พี่เจ๋งเข้าไปง้อแฟนแล้ว ส่วนผมยืนเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากเพราะลมตีหน้าด้วยความเร็ว พร้อมกับคิดในใจว่า กูไม่น่ามาเลย ขากลับจะรอดไหมวะเนี่ย
    

          หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้เที่ยวกับเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่ง ระหว่างที่นั่งๆอยู่ ก็มีญาติผมคนหนึ่งเดินมาทัก พร้อมกับขอให้ผมขี่แมงกะไซด์ไปส่งมันหน่อย มันนัดรุ่นพี่ไว้ใกล้ๆนี่แหละ แต่ขี้เกียจเดิน ผมจึงยืมแมงกะไซด์เพื่อนไปส่งญาติคนนี้ พอไปถึงจุดหมาย ก็เจอคนสองคน นั่งยองๆอยู่หน้าบ้านที่ญาติผมจะไปนี่แหละ ญาติบอกให้ผมส่งแค่ตรงนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านนั้นประมาณ10-15 เมตร  เพราะกลัวหมาในบ้านจะเห่าเสียงดัง
    

          เมื่อเพ่งมองดีๆ ทำให้ผมเห็นว่า หนึ่งในคนที่นั่งยองๆรอญาติผมอยู่นั้น คือเพื่อนในห้องเรียนเดียวกับผมนี่เอง ผมจึงตะโกนทักเพื่อนไปว่า
         "อวัยวะเพศชายยยยย"
    

          ซึ่งพอเพื่อนผู้นั้นเห็นผมตะโกนทัก ก็หัวเราะดังลั่นพร้อมกับทักประโยคเดียวกันกลับมา ระหว่างที่ผมกำลังจะทักกลับไปอีก พลันสายตาก็เห็นบุรุษที่สองที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อนผม พอเห็นผมก็ถึงกับสะดุ้งวาบ เพราะคนที่นั่งอยู่ เป็นนักเลงตัวเอ้ของแถวนั้น ซึ่งผมไม่คิดว่าจะมานั่งอยู่กับเพื่อนผม ผมเลยยิ้มแหยๆให้กับเพื่อนพร้อมกับโบกมือขอตัวเผ่นก่อน
    

          ครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ส่งญาติ ระหว่างที่ผมกำลังดื่มกินอยู่กับเพื่อนๆในร้าน เพื่อนผมคนที่ผมด่าทักก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ พร้อมกับบอกว่า
  

           "เอส  พี่กูจะกระทืบมึง!"
    

          ผมถึงกับตาเหลือก พร้อมกับถามว่า ด้วยเหตุอันใด ท่านพี่ถึงอยากจะฝากรอยเท้าผม
    

          "ตอนที่มึงตะโกนด่ากู พี่เค้านึกว่าด่าเค้า" เพื่อนผมตอบมาด้วยใบหน้าเครียดๆ
    

          "อ้าว แล้วมึงไม่บอกเหรอว่ากูด่ามึง ไม่ใช่ด่าพี่เค้า " ผมถามกลับไปด้วยจิตใจหวิวๆคล้ายจะเป็นลม
    

          "บอกแล้ว แต่พี่เค้าไม่ฟัง เค้าหาว่ามึงด่าข้ามหัวเค้า เค้าไม่ชอบ" เพื่อนร่วมห้องตอบมา
    

          "ถ้างั้น กูฝากขอโทษพี่เค้าละกันวะ เออ ถ้ากูด่าเค้า กูจะยอมนอนให้กระทืบเลย นี่กูไม่ได้ด่าเค้านี่หว่า " ผมตอบไป เริ่มจะไม่เข้าใจอารมณ์นักเลงท่านนี้
    

          "เออ ได้ แต่มึงระวังตัวหน่อยนะ พี่เค้าบอก เจอมึงที่ไหนจะกระทืบให้ขี้แตกเลย" เพื่อนบอกมาพร้อมกับตบไหล่ผม
  

           อยากจะบอกว่า ไม่ต้องกระทืบหรอกครับ แค่ได้ยินคำขู่แบบนี้ฉี่ก็จะปริบแล้วครับ คืนนั้น ผมก็นั่งภาวนาไปว่า ขออย่าให้พี่เค้าเข้ามาร้านนี้เล้ยย เหตุการณ์ผ่านไปประมาณสองสามวัน เที่ยงวันหนึ่ง พี่เจ๋งชวนผมไปกินเตี๋ยวเรือร้านหนึ่ง ซึ่งพี่เจ๋งไปค้นพบมา บอกว่ารสชาติเด็ดดวง กินแล้วอารมณ์ดี เอ้ย กินแล้วอร่อย เลยชวนผมไปด้วย หลังจากเราซัดเตี๋ยวเรือจนพุงกาง ผมก็ซ้อนแมงกะไซด์พี่เจ๋งกลับบ้าน ระหว่างทาง พี่เจ๋งบอกขอจอดซื้อบุหรี่ร้านข้างหน้าแป๊บนึง พอแมงกะไซด์จอด ผมก็สะดุ้งวาบ เมื่อเห็นนักเลงสายตื้บที่ฝากคำขู่ผมไว้
    

          ฝ่ายพี่นักเลง พอเห็นว่าเป็นผมก็ตาลุกวาวทำท่าจะเดินเข้ามา แต่อยู่ๆ ก็ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงพี่เจ๋งตะโกนขอซื้อบุหรี่กับเจ้าของร้าน
    

          "อ้าว เจ๋ง ไปไหนมา" พี่นักเลงทัก
    

          "พาน้องไปกินเตี๋ยวเรือมา"
  

           เสียงพี่เจ๋งตอบมาแว่วๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้มองหน้าพี่เจ๋งเพราะมัวแต่มองหน้าพี่นักเลงด้วยความหวิวในใจ พอได้บุหรี่ พี่เจ๋งก็ขี่แมงกะไซด์ออกจากร้านมีผมซ้อนท้ายมองพี่นักเลงด้วยสายตาเหวอๆ โดยที่พี่นักเลงท่านนั้นยืนอยู่กับที่ ไม่วิ่งมาตื้บผมให้สมกับอารมณ์ที่หมายไว้
  

           พอถึงที่ร้านคอม หลังจากนั่งแผ่ด้วยความอิ่ม พี่เจ๋งกำลังจะจุดบุหรี่ ผมก็ถามพี่เจ๋งว่า รู้จักพี่นักเลงคนนั้นด้วยเหรอ
  

           "รู้ ทำไมเหรอ?" พี่เจ๋งชะงัก ถามปากขมุขขมิบ เพราะคาบบุหรี่อยู่
  

           "คือ พี่เค้าเคยบอกว่าจะกระทืบเอสง่ะ"  ผมตอบยิ้มๆแหยๆ หวั่นๆ
    

          "หือ มันจะกระทืบเอสเรื่องอะไร?" พี่เจ๋งถามกลับ มองหน้าผม ผมเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  

           "เมื่อกี๊ เอสน่าจะบอกพี่ตอนเจอมัน พี่จะได้จัดการให้" พี่เจ๋งพูดยิ้มๆก่อนจะอัดบุหรี่เข้าเต็มปอด ก่อนจะปล่อยควันลอยขึ้นเพดาน
    

          "แต่ไม่ต้องห่วง มันเห็นเอสมากับพี่แล้ว มันไม่กล้าทำไรหรอก ต่อไปไม่ต้องเรียกมัน พี่ เรียกมัน "ไอ้" เลย" พี่เจ๋งพูดยิ้มๆ
    

          "โหย พี่ อย่าถึงกับเรียก ไอ้เลย  เจอกันอีกที ถ้าพี่ไม่อยู่ด้วย ยกมือไหว้ ไม่รู้จะรอดหรือป่าว " ผมพูดแบบเจี๋ยวๆหวั่นๆ
    

          " หึหึ ไม่ต้องกลัว หลังจากคืนนี้ มันเจอเอสที่ไหน มันจะเดินหนี" พี่เจ๋งพูดยิ้มๆ แต่แววตาพี่เจ๋งที่ผมเห็นตอนนั้น
เป็นแววตาที่ผมไม่เคยเห็นจากพี่ชายร่วมสาบานคนนี้มาก่อน บอกตรงๆ ณ ตอนนั้นเลยว่า ผมกลัวพี่เจ๋งมากกว่าพี่นักเลงอีก ...กึ๋ย
    

          แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอีกหลายวัน  ในคืนหนึ่ง ผมกับเพื่อนเดินเข้าสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่ง เพื่อนั่งดื่มโม้กันตามประสา ระหว่างเดินเข้าไป ผมก็ต้องชะงัก  เพราะเจอพี่นักเลงคนเก่านั่งอยู่ตรงบาร์เหล้าทางขวามือ เพื่อนผม พอเห็นผมชะงัก ก็ชะงักตาม ยิ่งเห็นด้วยว่าผมชะงักเพราะใคร ก็ยืนตัวแข็งทื่อ เพราะรู้เรื่องระหว่าง ผมกับพี่นักเลงคนนี้ หนึ่งในนั้น ถึงกับขอตัวเข้าห้องน้ำดื้อๆ
    

          ฝ่ายพี่นักเลง พอเห็นว่ากลุ่มที่เข้ามามีผมอยู่ด้วย ก็จ้องเขม็ง ก่อนจะกระดกเหล้าพรวดเดียวหมดแก้ว แล้วลุกขึ้นเดินมา บอกตรงๆว่า เหมือนวิญญาณจะชิงวิ่งออกจากร่างผมไปก่อนแล้วก๊าบบ
  

           แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิด เมื่อพี่นักเลงเดินมาถึงตรงหน้าผม  พี่เค้าก็เลี้ยวซ้ายเดินออกประตูไปซะงั้น ทิ้งให้ผมกับเพื่อนๆยืนตัวแข็งทื่อ
    

          "ทำไมพี่เค้าไม่อัดมึงวะเอส" หนึ่งในสมาชิกกลุ่มชะงักแม๋น ถามผม
    

          "กูไม่รู้" ผมตอบแบบเหวอๆ แต่ในใจคิดถึงใครคนนึง ที่เคยบอกผมไว้ว่า

          "มันเจอเอสที่ไหน มันจะเดินหนี"
  

           ผมเก็บความสงสัยไว้หนึ่งคืน จนวันต่อมา ผมวิ่งข้ามไปร้านคอมเพื่อถามพี่เจ๋ง พี่เจ๋งอาบน้ำแต่งตัวเหมือนจะออกไปไหน พอฟังผมเล่าเหตุการณ์ก็ยิ้มๆ ซึ่งผมถามว่าพี่เจ๋งไปคุยอะไรกับพี่เค้าหรือป่าว พี่เจ๋งหัวเราะเบาๆแล้วตัดบทว่า ไปนั่งหาไรกินริมทะเลกันดีกว่า พูดจบก็เดินกอดคอผมขับรถไปทะเล
    

          ผมเอง พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ซื้อคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง แต่พี่เค้าเซอร์วิสยันความปลอดภัยในชีวิตกันเลยทีเดียวเชียว.



 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา