ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง
เขียนโดย มังกุมภ์
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
29) อกหักมารักกับม๊า ตอน.3 (จบแว้ว)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่คุยโทรศัพท์ครั้งนั้น เราก็คุยกันบ่อยขึ้น จากอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง กลายเป็นคุยกันทุกวัน วันหนึ่งขณะที่คุยกันอยู่ ผมก็ชวนเธอมาเป็นแฟนกันอีกรอบ เธอก็ยังหัวเราะอยู่เหมือนเดิม ผมเลยต่อรอง
"เอางี้ ถ้ายังไม่มั่นใจ เป็นเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ จันทร์ถึงศุกร์เป็นเพื่อนกัน"
ผมยื่นข้อเสนอให้เธอ ซึ่งพอได้ฟังเธอก็หัวเราะดังลั่น ถามกลับมาว่า
"อยากเป็นแฟนมากเลยเหรอเนี่ย?" เธอถามกลับมา
"มากดิ ไม่งั้นจะขอมาเป็นปีๆเหรอ" ผมตอบกลับไป
"ก็ได้" เสียงเธอตอบมา
หลังจากนั้นเราก็คบเป็นแฟนกันทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะเสาร์อาทิตย์อย่างที่ผมเสนอไป กิจวัตรประจำวันก็คือ ผมจะนั่งรถจากบ้านป้าไปหาเธอที่หอแล้วไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนเธอ เลิกเรียนก็หาไรกินกัน ดูหนัง นั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนเธอ ก็ตามสเต็ปที่คนเป็นแฟนเขาทำกันนั่นแหละ เหตุการณ์หวานแหววแบบนี้อยู่เป็นปีๆ จนกระทั่งวันหนึ่งผมเริ่มคิดว่า ผมหยุดเรียนมานาน ก็สองปีได้แล้ว สมควรจะเรียนกะเขาซักที ผมเลยไปสมัครเรียนที่ ม.เอกชนที่หนึ่ง ที่เดียวกับที่พี่ชายผมเรียน
พอเริ่มเรียน จากที่ผมเจอเธอทุกวัน ก็กลายเป็นสองสามวันครั้ง บางทีอาทิตย์นึงแทบจะไม่ได้เจอกัน โทรศัพท์จากที่คุยกันทุกวันเป็นชั่วโมง ก็เริ่มน้อยลงเป็นวันละห้านาทีสิบนาที
เทอมแรกสอบเสร็จ ผลออกมาผมได้เกรดเกือบๆ 3 ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะตัวผมเองรู้ตัวว่าพอเรียนไปเรื่อยๆ ความขี้เกียจของผมจะเริ่มมากขึ้น เกรดก็จะหดลงเรื่อยๆ ตุนไว้ก่อนแหละดี หลังจากสอบเสร็จ ปิดเทอม ผมก็มีเวลาอยู่กับแฟนมากขึ้นอีกหน่อย พอขึ้นเทอมใหม่ ผมเริ่มเรียนหนักมากขึ้น รายงานเยอะมากขึ้น ทำให้เวลาที่พบเธอก็น้อยลงไปอีก ในที่สุดก็ถึงเวลาของผม..เธอบอกเลิก
ในวันหนึ่งผมไปหาเธอที่หอ เธอบอกว่าตอนนี้เธอมีแฟนใหม่แล้ว เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันนี่แหละ เรียน ม.เดียวกัน มีเวลาให้กันมากกว่าผม ในตอนนั้นผมก็เถียงกลับไปว่าถึงไม่มีเวลาแต่ถ้าเข้าใจกันมันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ผมเองที่หายไปก็ไม่ได้ไปแอบมีแฟนใหม่ เป็นเพราะเรียนทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะให้เหตุผลยังไง สรุปว่าสุดท้ายเราก็เลิกกันจนได้
ผมพาร่างเหมือนคนไร้วิญญาณไปเรียนหนังสือ เพื่อนในกลุ่มซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด ต่างก็พลอยเศร้าไปกับผมด้วย บางคนถึงกับร้องไห้ตามในบางครั้งที่ผมฟุบหน้ากับโต๊ะระหว่างเรียน เรียกได้ว่าตอนนั้นเป็นอันรู้กันทั้งsecว่า ผมอกหัก เพื่อนๆและอาจารย์ต่างก็ช่วยกันปลอบใจ แต่ในช่วงนั้น ไม่มีอะไรที่ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นจากอาการอกหักได้เลย เพื่อนผมก็ชวนไปกินเหล้าหลังเลิกเรียน เพราะไม่รู้จะช่วยปลอบใจยังไงดี
"เอส มึงอย่าร้องไห้บ่อยได้มั๊ย กูจะร้องไห้ตามอีกแล้ว นี่กูร้องไห้ตามมึงมากกว่าตอนกูเลิกกับแฟนอีกนะเนี่ย"
หนึ่งในเพื่อนสาวของผมพูดปลอบขณะที่ซัดเหล้าไปแล้วกว่าครึ่งขวด
"เออใช่ กูก็เหมือนกัน เนี่ยแฟนกู งอนกูแล้ว เพราะว่ากูมัวเป็นห่วงมึงนี่แหละ มันว่ากูไม่ห่วงมันเลย ห่วงแต่มึง"
เพื่อนสาวอีกคนพูดออกมาพร้อมกับโอบไหล่ผม
"เรื่องรายงาน มึงไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวพวกกูจัดการให้ แต่มึงต้องห่วงเรื่องเรียนนะ ไม่งั้นจะแย่"
อีกคนว่ามาพร้อมกับกระดกเหล้าในแก้ว
ผมเริ่มน้ำตาไหลอีกรอบ เพราะเสียใจเรื่องแฟนบอกเลิก + ซึ่งใจเพื่อนๆที่คอยเป็นห่วงผมตลอด เหตุการณ์ผ่านไปจนกระทั่งสอบเสร็จ ผลก็คือ เกรดเฉลี่ยจากเกือบๆสาม กลายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ 2 แต่ผมก็ไม่สนใจเพราะยังไม่หายเฮิ๊ด แหม..เฮิ๊ดนานจริ๊ง
ผมกลับบ้านที่ระยองด้วยใบหน้าหมาจ๋อย นอนคุยกับยายซักพักก็ลงมาในครัว ซึ่งแม่ผมกำลังง่วนทำอะไรอยู่หน้าเตา ผมนั่งเหม่อๆ อยู่ที่โต๊ะกินข้าวมองแม่ที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา แม่หันมาเห็นก็ยิ้มๆถามว่าเป็นอะไร
"แม่ หนูเลิกกับแฟนแล้วนะ" ผมบอกแม่ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"พี่เอ มันโทรมาบอกแม่เหมือนกัน ทำไมถึงเลิกล่ะ" เสียงแม่ถามมาเหมือนถามไปงั้นๆ
"เขามีแฟนใหม่อ่ะ บอกว่าหนูไม่มีเวลาให้" ผมพูดพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น
"เหรอ มิน่าช่วงหลังๆหนูโทรหาแม่แลไม่ค่อยจะคุยเลย" แม่พูดมา แต่ก็ง่วนอยู่หน้าเตาเหมือนเดิม
ช่วงอยู่ กทม. กิจวัตรประจำวันของผมนอกจากคุยกะแฟนแล้วคือ ผมต้องโทรหาแม่ทุกวัน เพราะว่าแม่กับยายจะห่วงผมกับพี่มาก เรื่องที่แม่กับยายห่วงคือ กลัวหิว กับ กลัวป่วย เพราะฉะนั้น ถ้ามีเวลาว่างผมต้องโทรรายงานแม่กับยาย ว่ากินข้าวแล้วสบายดี นั่นแหละ แม่กับยายถึงจะสบายใจในวันนั้น
"หนูเสียใจอ่ะแม่ เทอมนี้ผลสอบแย่มากเลย ไม่มีสมาธิเรียนเลย" ผมบ่นๆ
"เรื่องเรียนหนูไม่ต้องไปเครียดมากหรอก เรียนเท่าที่ไหว ตกก็สอบใหม่" แม่พูดมา
"แล้ว...ล่ะตอนนี้อยู่ที่ไหน อยู่ระยองหรือ กทม." แม่ถามถึงแฟนผมที่เลิกกันไป
"ไม่รู้เหมือนกันแม่ ล่าสุดคุยกับไอ้แป๊ก มันบอกว่ากลับมาระยองนี่ แต่ตอนนี้อาจจะอยู่กับแฟนใหม่ก็ได้มั้ง"
ผมตอบแม่ไปแบบเซ็งๆ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเป็นเดือนๆแล้วแต่อาการผมก็ไม่หายซักที ผมคิดในใจว่าเมื่อไหร่กูจะหายจากอาการนี้ซะทีวะ ใครก็ได้ช่วยกูที!
"คนเค้าสวยอ่ะเนอะ ก็ต้องมีคนมาชอบมาจีบเยอะเป็นธรรมดา เขาจะเปลี่ยนใจไปชอบใครก็ไม่แปลกหรอก " แม่พูดพร้อมกับเดินมาหาผมที่โต๊ะ
"ตอนนี้หนูก็อยู่กับแม่ รักกับแม่ไปก่อนละกัน"
พูดจบ แม่ก็วางอาหารจานโปรดของผมลงตรงหน้า ซึ่งที่ง่วนๆอยู่หน้าเตา ก็คือทำรายการโปรดให้ผมนี่เอง
"......." ผมก้มลงมองอาหารในจานแบบอึ้งๆพูดไม่ออก เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นแม่นั่งมองผมยิ้มๆ
ช่วงเวลานั้นเอง ความรู้สึกเศร้า อกหัก เฮิ๊ดเพราะแฟน หายออกจากตัวผมในทันที ผมก้มกินอาหารจานโปรดตรงหน้าน้ำตาคลอ ไม่ใช่เพราะความเสียใจเรื่องแฟน แต่เป็นเพราะรู้สึกถึงความรักของผู้หญิงคนหนึ่งที่รักลูกตัวเอง ผมไม่จำเป็นต้องคิดโปรโมชั่น ข้อเสนอ เงื่อนไข หรือใช้เวทมนต์คาถาอะไรที่จะทำให้แม่มารักผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรที่ไหน มีเวลาให้แม่หรือไม่ แม่ก็ยังรักผมอยู่เหมือนเดิม และจะไม่มีอะไรในโลกนี้หรือนอกโลกที่ทำให้แม่เลิกรักผมได้แน่นอน
นิ้วของผมเริ่มกระดิกอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมอยากจะสะกิดไหล่แม่แล้วก้มไปกราบเท้าซักสามที
--รักแม่นะก๊าบ--
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ