ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง
เขียนโดย มังกุมภ์
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
28) อกหักมารักกับม๊า ตอน.2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่ผมทำนายไพ่ยิปซีให้เธอแล้ว ผมก็ไปสะกิดเธอที่ร้านอยู่เกือบทุกวัน หรือทุกเวลาที่ว่าง จนใกล้จะเปิดเทอม ซึ่งผมก็รู้ว่าจะต้องห่างกันอีกแล้ว เพราะว่าเราเรียนกันคนละที่ และที่สำคัญคือ ตอนนี้เธอย้ายบ้านซึ่งเมื่อก่อนอยู่ใกล้ประมาณสามหมาหอบกลายเป็นสิบม้าชัก โอกาสที่ผมจะได้สะกิดเธอก็น้อยลงไปด้วย
ในเย็นวันหนึ่งที่ร้านหนังสือ เธอบอกว่าวันนี้จะทำเป็นวันสุดท้ายแล้ว เพราะใกล้เปิดเทอม ซึ่งเรากำลังจะขึ้น ม.6 เธอบ่นๆว่าคงเหนื่อยและคงไม่มีเวลามาทำร้านหนังสือนี้แล้วเพราะต้องเตรียมตัวเข้ามหา'ลัย ซึ่งก็น่าจะเป็นมหา'ลัยเปิด เพราะเธอหัวไม่ค่อยดีเรียนไม่เก่ง คงแข่งกับใครไม่ไหว
เธอย้อนถามผมถึงเรื่องเรียนต่อ ผมตอบแบบขี้เกียจๆว่า จบ ม.6 แล้วจะขอแม่หยุดซักปีสองปี ขอเที่ยวก่อน แล้วค่อยเรียนต่อ เธอมองผมแบบทึ่งๆในความขี้เกียจ
เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เจอเธอบ่อยๆ ผมเลยขอร้องให้เธอขี่แมงกะไซด์ไปส่งผมที่บ้าน ตอนแรกเธออิดออด แต่เห็นความตั้งใจของผมที่ปั่น BMX กลับไปเก็บที่บ้านแล้วย้อนกลับมาใหม่เพื่อการนี้จึงยอมไปส่ง ที่หน้าบ้านผม ผมทิ้งท้ายไว้ถึงเรื่องที่เคยขอเธอ คำตอบก็เหมือนเดิมคือ รอยยิ้ม และคำว่า "บ้า" และมีมะเหงกแถมให้ด้วย
ข้ามไปถึงตอนจบ ม.6เลยแล้วกัน เธอเข้า มหา'ลัยเปิดอย่างที่บอก โดยมียายแป๊กเพื่อนร่วมของเราตามไปเรียนด้วย ส่วนผมทำตามที่ตัวเองตั้งใจ คือ ขอกูเที่ยวให้หนำใจก่อนเต๊อะ ในตอนแรกผมไปอยู่กับพี่ชาย ซึ่งตอนนั้นอยู่บ้านเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นนักดนตรี พี่แกไหว้วานให้ผมไปช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ให้แกหน่อย ผมก็ไปตามคำชวนเพราะอยู่ว่างๆ ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ผมโดนแม่ของรุ่นพี่ท่านนั้นจับให้ไปช่วยคุมงานถมที่พร้อมกับรุ่นพี่ท่านนั้น(ไว้จะเล่ารายละเอียดให้อ่านตอนต่อไปเพราะฮามาก)
หลังจากจบงานถมที่ ผมก็กลับไปนอนเล่นอยู่บ้านพักใหญ่ ก่อนจะมาเรียนภาษาที่ กทม. โดยผมไปขออยู่ที่บ้านป้าผม ในคอร์สเรียนภาษานั้นเอง ผมก็ได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลูกครึ่งไทย - AV เอ้ย ไทย-ญี่ปุ่น เธอพกความโนเนะมาเต็มพิกัด เราฟุดฟิตโฟไฟอยู่ข้างๆกัน จนเริ่มสนิทกัน
วันหนึ่งเราได้คุยกันถึงเรื่องความรัก ผมจึงเล่าเรื่องของผมให้เธอฟัง เธอพยักหน้าหงึกๆ มองผมด้วยความทึ่ง แต่ไม่ได้ขอดูนิ้วว่ายังด้านอยู่หรือป่าว หลังจากนั้นหลายวัน เธอยื่นหนังสือให้ผมเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเล่มไม่ใหญ่ หน้าปกกุ๊กกิ๊กแบบญี่ปุ่น เธอบอกว่าเป็นหนังสือที่เธอชอบมาก และยกให้ผม เมื่อผมเปิดอ่านถึงได้รู้ว่า มันเป็นหนังสือพิธีกรรมต่างๆตามความเชื่อของวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่จะทำให้สมหวังในความรัก เธอบอกว่าให้ผมทำตามในหนังสือนี้ จะได้สมหวังในความรักซะที
ผมอ่านแต่ละวิธีแล้วก็ถามเธอกลับไปว่า มันจะได้ผลเหรอ ถึงวิธีจะไม่ยากเย็นอะไร แต่จะให้ผู้ชายแบบผมทำมันก็กระไรอยู่นะ (คือรู้สึกเขินตัวเอง มันน่าจะเป็นผู้หญิงทำมากกว่า) เธอกล้ารับรองว่าถ้าผมทำตามหนังสือเล่มนี้แล้วยังไม่สมหวังเธอยอมเป็นแฟนผมแทนเลย เมื่อต้นตำรับกล้าการันตีซะขนาดนี้ผมจึงรับปากไปว่า ไว้ผมจะลองทำละกัน
หลังจากจบคอร์สเรียนภาษาผมก็กลับมาอยู่ระยอง จนวันหนึ่งผมได้เจอกับยัยแป๊กโดยบังเอิญ ถามสารทุกข์สุกดิบกัน ผมก็ถามถึงสาวไหล่ถลอกว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะผมไม่ได้ติดต่อไม่มีเบอร์ติดต่อเธอเลย ยัยแป๊กบอกว่าเธอพักอยู่หอเดียวกันนี่แหละ ตอนนี้กำลังฮอตเพราะมีคนมาจีบเธอเยอะ แต่เธอก็ยังไม่เซย์เยสกับใคร
"จะมีได้ไงเขาจองไว้แล้ว" ผมพูดยิ้มๆ ยายแป๊กหัวเราะลั่น
"ถามจริงๆ ชอบมันมากเลยเหรอ?" ยายแป๊กถามผม
"ชอบดิ๊" ผมตอบยิ้มๆเหมือนเดิม
"เรานึกว่าเอสแกล้งมันเล่นๆซะอีก " แป๊กพูดมาจริงจัง
"ช่วงนั้นเราเลิกตามก็เพราะรู้ว่ามีแฟนไง พอรู้ว่าเลิกแล้วก็คุยต่อ" ผมตอบไป
"เราเชื่อแล้วว่าชอบจริง เพราะคงไม่มีใครบ้าตามเป็นปีๆแบบนี้หรอกเนอะ" แป๊กตอบมา
พอกลับถึงบ้านผมนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ ในใจก็เริ่มคิดถึงเธออีกเพราะคุยกับยัยแป๊กแล้วก็รู้สึกว่า เธอคงยังไม่อยากมีแฟนมั้ง สมองคิดแต่ตาก็มองหนังสือซึ่งวางเรียงกันเป็นตับ แล้วก็สะดุดกับหนังสือเล่มนึง เล่มที่เพื่อนสาวโนเนะของผมมอบให้ ผมไม่ได้ติดต่อเธออีกเลย เพราะทำเบอร์และที่อยู่เธอหาย เหลือแต่ความหวังดีอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เอาวะ เพื่อนรักอุตส่าห์ให้ ทำซะหน่อยจะเป็นไร ผมจึงเริ่มทำตามหนังสือ ซึ่งมันก็ไม่ยากอะไร วิธีแลจะติงต๊องด้วยซ้ำ ผมจำไม่ได้แล้วว่ารายละเอียดทำยังไงบ้าง แต่จะเป็นแนวๆ เขียนชื่อคนที่เราชอบอยู่ในมือหรือนิ้วก่อนนอนหลับอะไรแบบนี้ จนมาถึง"วิธีทำให้คนที่เรารักโทรมาหา" ผมอ่านหัวข้อพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ เพราะใบหน้าเจ้าของหนังสือลอยมา พร้อมกับคิดว่า ฉันจะทำตามให้แกโทรมาหาฉันดีไหมเนี่ย เพราะฉันทำเบอร์แกหาย
สุดท้ายผมทำตามหนังสือคือประมาณให้ยกหูโทรศัพท์หรือกดเบอร์อะไรซักอย่างแล้วให้พูดอะไรลงไปก่อนจะวางสาย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เบอร์ 191 แน่ๆ ผมทำเสร็จก็รู้สึกขำๆตัวเอง ที่บ้าทำเรื่องต๊องตามหนังสือ แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาด หลังจากนั้นสามวัน
ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามา
"เอสเหรอ?" เสียงคุ้นๆหูถามมาในสาย
"ใช่ ใครละนี่?" ผมถามกลับ
"เราเอง.." เสียงทางนั้นตอบมา
"เฮ้ย รู้เบอร์เราได้ไง" ผมถามกลับ
"ขอเบอร์จากไอ้แป๊ก" เธอตอบพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบกันสักพัก ผมก็ถามว่า
"แล้วโทรมานี่มีอะไรหรือป่าว?" ผมถามกลับอีก เพราะตื่นเต้น + งงๆ
"ก็..ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆ ก็อยากคุยด้วย" เสียงทางนั้นตอบมาแผ่วๆ
ผมหันขวับกลับไปมองหนังสือเล่มที่เพื่อนรักมอบให้ด้วยความทึ่งพร้อมกับคิดในใจว่า นี่สงสัยต้องหาผ้าสีมาพันรอบหนังสือซะแว้ว เอ๊ะ หรือว่าจะพันรอบเจ้าของหนังสือดีวะ?
(อ่านต่อตอน 3 นะก๊าบ ตอนจบแล้ว)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ