ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  52.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

24) สะดวกเกิ๊น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          คุณเคยเข้าร้านสะดวกซื้อแล้วเจอข้อความเดิมๆมั๊ย “สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” หรือ “รับหนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั๊ยคะ”   คำพูดพวกนี้เดี๋ยวนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว มีการพัฒนามากขึ้น พนักงานจะมีการโฟกัสสินค้าที่เราซื้อ แล้วแนะนำสินที่มีเอี่ยวให้เราด้วย เช่น มีวันหนึ่งผมอยากกินเบียร์ เลยเดินเข้าไปหยิบเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง พอมาถึงหน้าเค้าเตอร์ พนักงานเห็นเบียร์ก็ถามผมว่า
      “รับไส้กรอกทานคู่กับเบียร์มั๊ยคะ?”
      โอ้วว พอได้ยินคำถามนี้ผมก็เริ่มรู้สึกอยากกินไส้กรอกขึ้นมาทันที มันช่างเป็นแผนการตลาดที่ล้ำลึกเสียนี่กระไร
       ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าสาขาไหนได้พนักงานที่มีไหวพริบแบบสาขานี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของสาขา เพราะถ้าได้พนักงานเบลอๆ ก็อาจจะเบลอๆถามคนซื้อเบียร์ว่า “รับทุเรียนกวนเพิ่มมั๊ยคะ?” ซึ่งถ้าลูกค้าเบลอๆพยักหน้ารับไปกินคู่กัน คุณหมอก็มีงานเพิ่มแน่นอน
       ด้วยความที่เป็นร้านสะดวกซื้อ ซึ่งปัจจุบันมันสะดวกถึงขนาดคิดแทนเราได้ว่าเราควรจะเพิ่มอะไร มันก็เริ่มทำให้ผมเกิดกลายเป็นคนโรคจิตเสพติดคำถามพวกนี้ขึ้นมา
       บ้านผมเป็นร้านข้าวแกงซึ่งปกติ ก็ต้องมีการสต๊อกเครื่องปรุงพวกน้ำปลา น้ำตาล ซอสหอยนางรม อะไรพวกนี้ไว้ แต่ก็อย่างว่า มันก็มีบางครั้งบางคราวที่ของพวกนี้มันหมดแบบฉุกเฉิน อาจจะเป็นขวดสุดท้ายแล้วเผลอทำหล่นแตก ก็แน่ละ ผมก็ต้องปั่นจักรยานไปซื้อตามร้านสะดวกซื้อมาใช้แก้ขัดไปก่อน ซึ่งเหตุนี้เองทำให้ผมได้พบกับเธอ
       เธอผู้นี้เป็นพนักงานประจำร้านสะดวกซื้อสาขาใกล้บ้านผม เป็นสาวน้อยรูปร่างค่อนข้างไปทางอวบระยะเบ่งบาน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแม้ว่าเธอจะทำงานกะดึกก็ตาม ซึ่งต่างกับผมที่ในเวลาดังกล่าวหน้าตาเหมือนหมาง่วง เพราะว่าอยากนอนใจจะขาด แต่ยังนอนไม่ได้ ต้องช่วยคนแก่ในครัวทำกับข้าวเสียก่อน
       เธอเป็นผู้คิดแทนผมว่าควรจะกินไส้กรอกคู่กับเบียร์ ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้ผมมาก ผมไม่ต้องคิดเลยว่าผมควรซื้อไส้กรอกไปแดกเพิ่มกับเบียร์ แค่พยักหน้าหงึกๆ เธอก็แนะนำรุ่นไส้กรอกมาให้เรียบร้อยว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นพอดี เธอจัดให้ผมเสร็จสรรพ ผมมีหน้าที่แค่พยักหน้าแล้วก็จ่ายตังแค่นั้น
       พอออกมานอกร้าน ผมก็เหมือนถูกมนต์สะกดให้คิดถึงเธอจนแทบจะย้อนกลับเข้าไปอีกรอบ แต่ก็กลัวจะโดนสโม๊กกี้ไบท์อีกชุดใหญ่ เลยชะงักไว้ก่อนเพราะตังในกระเป๋าหมดแฟ่บแล้ว ผมปั่นbmx กลับบ้านแต่ใจกลับคิดถึงเธอผู้นั้น คิดๆๆ คิดลามไปถึงว่านี่ถ้ากูได้น้องเขาเป็นเมีย เขาคงคิดแทนกูไปยันเรื่องทำลุกแหงๆ อิอิ
       กลายเป็นว่าช่วงปิดเทอมใหญ่หัวใจจะวายนี้ ทุกๆตี 3 ผมจะปั่นbmxไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อนี้เกือบทุกวัน เหมือนผมกลายเป็นโรคจิตที่อยากรู้ว่าเธอจะชวนผมซื้ออะไรเพิ่ม แน่นอนว่าสินค้าที่เธอแนะนำมักจะต้องคู่ควรกับการซื้อหา เช่น ถ้าผมซื้อยาสีฟัน เธอก็จะแนะนำสเปรย์ฉีดปากให้เพื่อเพิ่มความหอมของกลิ่นปากให้ ซื้อแปรงสีฟันก็แนะนำไหมขัดฟันเพิ่ม เพื่องัดขี้ฟันออกมาให้เกลี้ยงเด็ดขาด แต่น่าเสียดายตอนหนึ่ง
       เรื่องมีอยู่ว่ามีรุ่นพี่ผมซึ่งย้ายไปทำงานอยู่เมืองนอก ได้กลับมาเที่ยวบ้านเกิด ก็เลยแวะมาหาผมที่ระยอง ด้วยความที่อยากถึงระยองแบบถึงที่สุด พี่เค้าก็เลยไปจีบสาวนางหนึ่งในผับแห่งหนึ่งซึ่งสาวเจ้าก็ตอบรับไมตรีของพี่แกเป็นอย่างดี ช่วงผับปิดหลังจากแวะกินข้าวต้มเรียบร้อย ระหว่างที่ขับรถไปส่งพี่เค้าที่โรงแรมพี่เค้าก็กระซิบบอกให้ผมจอดร้านสะดวกซื้อหน่อยจะซื้ออุปกรณ์ป้องกันบางอย่าง ผมก็จอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อเจ้าเดิม รุ่นพี่ก็เดินโงนเงนๆเข้าไปพร้อมกับหยิบการ์ดป้องกันซึ่งอยู่โซนหน้าประตูทางเข้าพร้อมกับจ่ายเงิน ผมซึ่งนั่งอยู่ในรถมองเข้าไปในร้านเห็นเธอผู้นั้นกำลังเอื้อนเอ่ยวจีอะไรบางอย่างกับรุ่นพี่ผมซึ่งก็เห็นรุ่นพี่พยักหน้าหงึกหงัก
       พอรุ่นพี่ขึ้นรถ ผมก็ถามแกว่า น้องเค้าแนะนำให้ซื้ออะไรเพิ่มเหรอ? รุ่นพี่ตอบมาว่า
        “กูไม่รู้กูเมา มันบอกไรกูพยักหน้าหมด ได้มาถุงนึงเนี่ย”
       พร้อมกับยกถุงซึ่งมีของอยู่เต็มเอี้ยด ซึ่งผมก็มิสามารถแหวกดูได้ว่ามันมีอะไรมั่ง เพราะต้องรีบไปส่งพี่เขาที่โรงแรม
        ครั้งล่าสุดที่ผมประทับใจมิรู้ลืมเกี่ยวกับเธอก็คือ ระหว่างที่ทำครัวอยู่นั้น ก็เกิดเหตุขึ้นคือ น้ำปลาหมด ผมจึงปั่นจักรยานไปซื้อน้ำปลาที่ร้านเดิมเวลาเดิมๆคือประมาณตีสาม เธอผู้นั้นก็ยิ้มแฉล้มรับอยู่หน้าเค้าเตอร์ พอผมตั้งขวดน้ำปลาตรงหน้า เธอก็เพ่งสินค้าแล้วนิ่งประมาณสามวินาที ก่อนจะถามผมว่า
         “รับซีอิ๊วเพิ่มมั๊ยคะ?”
         อะน้านนน ผมคิดในใจ เธอช่างห่วงใยในรสชาติอาหารของผมซะจริงๆ แต่ทว่า ซีอี๊วที่บ้านผมมีอยู่ประมาณสามลังใหญ่ๆ เพราะน้าสต๊อกไว้ตอนลดราคากระหน่ำนั่นเอง
         “ไม่เอาครับ ที่บ้านเหลือเพียบเลย” ผมตอบยิ้มๆ
         “ค่า ทั้งหมด...บาทค่าขอบคุณค่า” เธอตอบพร้อมกับยื่นถุงซีอี๊ว เอ้ย น้ำปลาให้ผม
         ผมปั่นbmx กลับบ้านพร้อมกับความสุขที่มีคนห่วงใยไปยันกระทั่งรสชาติอาหาร
         แต่ก็อย่างว่าแหละครับในองค์กรหนึ่งๆ เมื่อมีผู้สร้างมันก็ต้องมีผู้ทำลาย มีเติบโตก็ต้องมีเสื่อม ซึ่งไอ้ผู้ทำลายหรือไอ้เสื่อมเนี่ย มันอยู่กะเช้าครับ
         เช้าวันหนึ่งผมต้องขับรถไปธุระ ออกมาได้หน่อยเดียว ที่บ้านก็โทรมาพร้อมกับบอกว่าให้แวะซื้อกาแฟมาให้หน่อย ผมจึงจอดรถที่ร้านสะดวกซื้อที่เดิม เดินเข้าไปในร้าน ก็มีเสียงต้อนรับมาแบบขอไปที จนต้องหันหน้ามอง ก็พบกับอิน้องหน้าเกือบหมวยรายหนึ่ง (ขอใช้คำสุภาพว่า E นำหน้าหน่อยนะครับ) กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเค้าเตอร์ ผมเลยเดินเข้าไปด้านใน หยิบแก้วไปกดน้ำแข็งเพื่อที่จะได้กดกาแฟต่อ แต่ว่า ..น้ำแข็งที่กดมันหล่นมาแค่สองก้อน คือกดกี่ครั้ง ก็ไม่ออก ผมเลยได้น้ำแข็งมาแค่สองก้อนเล็กในแก้ว ซึ่งพอกดกาแฟใส่มันก็ละลายแทบจะหมดแล้ว ผมก็เดินถือกาแฟไปวางหน้าเค้าเตอร์พร้อมกับล้วงตังในกระเป๋า
         อิน้องเกือบหมวยคนนั้นละสายตาจากสิ่งที่จ้องอยู่มามองแก้วกาแฟซึ่งมีน้ำแข็งซึ่งหดเหลือประมาณเม็ดถั่วเขียวสองก้อน พร้อมทั้งทำหน้ากวนติงใส่ผม ซึ่งผมยอมรับเลยว่า ระดับความกวนติงนั้นสามารถเล่นละครเมียๆตบกันได้สบาย
         “เครื่องทำน้ำแข็งเสียเหรอค๊า”
          อิเกือบหมวยถามมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันประดุจคนใช้ของนางร้ายในละคร ซึ่งถ้าไม่เบลอขนาดเมายาแก้ไข้ก็คงจะรู้ได้ง่ายๆว่ามันจงใจพูดประชด
          “เออ!”
          ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเกือบๆตะคอกเพราะเริ่มจะหมั่นไส้ ฝ่ายอิเกือบหมวยเห็นลูกค้าหน้าโหดเสียงแข็งกลับก็เริ่มใจคอไม่ดี หันไปบอกเพื่อนที่ยืนแถวนั้นให้เช็คตู้ทำน้ำแข็ง
          “เสีย”
         เสียงเพื่อนตะโกนตอบมาจากทางตู้น้ำแข็ง
          “…บาทค่ะ”
          เสียงอิเกือบหมวยแผ่วลงจนเกือบกระซิบด้วยความเสียหน้าเพราะกวนติงผิดจังหวะ ผมโยนตังให้แทนการคอมเม้นการบริการของมัน พร้อมกับหยิบแก้วเดินออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดแต่เช้า ในใจคิดว่านี่ถ้าเป็นตอนตีสาม เธออาจจะชวนผมซื้อครัวซองไว้กินคู่กับกาแฟก็เป็นได้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเพียบพร้อม เราจะไปหวังอะไรกะอิเกือบหมวยที่หงุดหงิดมาทำงานโดยไม่รู้สาเหตุว่ามันง่านอะไรมา
         ผมกลับรถเพื่อเอากาแฟไปให้ที่บ้านก่อน พร้อมกับคิดในใจว่า ตีสามจะมาซื้ออะไรดี? การ์ดป้องกันดีไหม เพราะอยากรู้ว่าเธอจะชวนซื้ออะไรต่อ ... อิอิ
 
                                  --รับเรื่องสั้นซักเรื่องมั๊ยครับ?—
                                            ==จบ==

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา