ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  53.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

16) เพื่อนโผล่ตอนโพล้เพล้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                   ช่วงเหตุการณ์ ปี1-2 นี่แหละ

 

          ตอนเรียนประถม-มัธยม ผมมีเพื่อนชื่อ คมสัน อยู่สองคน ทำให้เกิดปัญหาเล็กน้อยเวลาเรียกชื่อ  เพราะเวลาเจ้าของชื่อถูกเรียกหรือถูกอ้างอิง ก็ต้องมีการถามกันต่อว่า สันไหน?  ก็เลยมีการระบุกันว่า "สันเล็ก" กับ "สันใหญ่" ตามขนาด

          ตัวผมจะสนิทกับสันใหญ่มากกว่า เพราะว่าบ้านอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ และขี่bmx เที่ยวเล่นกันบ่อยๆ สันใหญ่ จะเป็นคนที่ผอมแห้ง ตาจะโตโปนๆ เหมือนแอ๊บแบ๊ว24ชั่วโมง แต่พอเวลาผ่านไป จากเด็กผอมแห้ง มันกลับกลายเป็นหนุ่มใหญ่ สูงเกือบ190 แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือ ตาโปนๆนั่นเอง

          พอโตขึ้น เราก็แยกย้ายกันไปเรียนคนละที่ นานๆก็จะเจอกันที โดยบังเอิญมั่งหรือตั้งใจไปหามั่ง แล้วแต่โอกาส

          วันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังเดินออกจาก ม. เพื่อจะข้ามถนนไปกินเตี๋ยวเรือฝั่งตรงข้าม ผมก็ได้เจอกับ "สันเล็ก" ที่ป้ายรถเมล์  เมื่อเจอกันก็ทักทายคุยกันด้วยความดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า เพราะผมเพิ่งรู้ว่าสันเล็กก็เรียนที่เดียวกับผมเหมือนกัน

          คุยกันยังไม่เต็มที่ รถเมล์ที่สันเล็กรอก็มาถึง ก่อนจะขึ้นรถเมล์ สันเล็ก หันมาพูดกับผมว่า

          "เฮ้ยเอส รู้เรื่องสันใหญ่ป่าว แม่มตายแล้วนะ ตายหลายเดือนแล้ว"

          สันเล็กพูดพร้อมกับโบกมือแล้ววิ่งกระโดดขึ้นรถไป ทิ้งให้ผมนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่ป้ายนั่นเอง ทำไมถึงแข็งทื่อเหรอครับ ? ก็เพราะว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมเพิ่งเจอสันใหญ่น่ะสิครับ

          มันเป็นเวลาเย็นโพล้เพล้ ท้องฟ้ากำลังเป็นสีแดง ที่เขาเรียกว่าผีตากผ้าอ้อมนั่นแหละ ผมกลับบ้านที่ระยอง แล้วก็เอา bmx คู่ชีพออกไปปั่นเล่นเรียกเหงื่อ เพราะตอนเรียน ไม่ได้ออกกำลังเลย ระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งเป็นเวลาโพล้เพล้ที่ว่านี่แหละ ผมก็ได้เจอสันใหญ่ขี่แมงกะไซด์สวนมา

          จุดที่ผมเจอมันเป็นซอยเปลี่ยว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านสันใหญ่เท่าไหร่ สันใหญ่ขี่มาช้าๆ สวนกับผม แล้วพูดทักว่า "กลับมาเมื่อไหร่เอส?" ผมแทบจะมองไม่เห็นหน้าของสันใหญ่ เพราะเริ่มมืดแล้ว พอมาถึงใกล้ๆ ก็ได้เห็นตาโปนๆโตๆของสันใหญ่ พร้อมกับรอยยิ้มเห็นฟันซี่โตๆ

          "เพิ่งมาถึงเมื่อบ่ายนี่เอง แวะไปหามึงที่บ้านไม่มีคนอยู่" ผมตอบกลับ

          "ไม่มีคนอยู่บ้านหรอก กลับบ้านก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่"  สันใหญ่ตอบมายิ้มๆ

          เราแยกกันในลักษณะนี้นี่เอง

          พอผมนึกถึงเหตุการณ์นี้ ผมก็ขนลุกเกรียว พร้อมกับรู้สึกเศร้าๆ ที่เพื่อนคนหนึ่งมาตายจากกันก่อนวัยอันควร แต่ที่ผมยังไม่รู้คือ สันใหญ่ตายยังไง? มานั่งนึกๆถึงตอนที่เจอกัน ผมคิดว่า สันใหญ่อาจจะตายโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว เช่น รถคว่ำ หรือไหลตาย อะไรแบบนี้ เพราะตอนที่เจอนั้นก็เหมือนว่ามันขี่รถกลับบ้านเหมือนทุกๆวัน

          เวลาผ่านไปผมก็เริ่มลืมๆเรื่องของสันใหญ่ไป เพราะว่าใกล้สอบแล้ว จนกระทั่งปิดเทอม ผมก็กลับบ้านที่ระยอง

          หลังจากกินข้าวนอนแผ่พักผ่อนจนอิ่มแล้ว  ผมก็ขี่ bmx คู่ชีพออกไปเรียกเหงื่อด้วยความเพลิดเพลินเพราะไม่ได้จับมานาน ด้วยความเพลินกับกีฬาที่ตัวเองรัก ทำให้เวลาวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนได้เดทกับสาวสวยเป็นครั้งแรก สามสี่ชั่วโมงเหมือนแค่แว๊บบเดียว

          กว่าจะรู้สึกตัวอีกที นาฬิกาที่ข้อมือก็บอกเวลาหกโมงเย็นแล้ว  ผมจึงรีบปั่น bmx กลับบ้าน เพราะเริ่มหิวและอยากอาบน้ำเพราะเหงื่อแตกเต็มตัว บรรยากาศตอนนั้น ไม่ต่างจากวันที่ผมได้เจอสันใหญ่ครั้งล่าสุดเลย ท้องฟ้าเป็นสีแดงแบบขมุกขมัว

          เมื่อมาถึงจุดเดิมที่ผมเจอสันใหญ่ ก็ทำให้ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสันใหญ่มันตายแล้วนี่หว่า พอนึกออก ขนก็เริ่มลุก ถึงจะเป็นเพื่อน แต่มันก็เป็นผีไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ในใจก็ภาวนาขออย่าให้ไอ้สันเพื่อนรักโผล่มาเลย

          ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง~ แทบจะร้องเป็นเพลงคู่กรรมออกมา เพราะภาพที่ปรากฏข้างหน้าคือ เงารางๆของสันใหญ่ขี่มอ'ไซค์คันเดิมของมันอยู่ปากซอยลิบๆนู่น เสียงเครื่องสองจังหวะที่ผมคุ้นหูว่าเป็นมอ'ไซค์ของมันเริ่มดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

          ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าตัวเองขี่bmx หรือว่าจอด แต่ที่แน่ๆคือผมตัวแข็งทื่อ ขนที่คอไปจนถึงผมบนหัวเริ่มตั้งแบบรู้สึกได้  ตอนนั้นได้แต่รอรับสิ่งที่จะได้เจอตรงหน้า

          ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้น สันใหญ่ขี่มอ'ไซด์เข้ามาจอดตรงเยื้องๆผม แต่คราวนี้มีผู้หญิงซ้อนท้ายมาด้วย ที่ทำให้ผมเหวอกว่าเดิมคือ ผู้หญิงคนนั้นกอดไอ้สันแน่น ตาโตโปนเหมือนมันไม่มีผิด

          "ปิดเทอมแล้วเหรอเอสส~" 

          เสียงสันใหญ่ถามมาดังๆ มันยิ้มเห็นฟันซี่โต พร้อมกับตาโปนๆที่ตอนนี้เหมือนจะออกแดงก่ำๆด้วย

          "ส..สัน..มะ..มึง..ตะ..ตาย..แล้ว..มะ.ไม่..ใช่..เหรอ?"

          ผมถามมันเสียงสั่น

          "ใครบอกมึง?"

          มันถามผมเสียงดัง ตาโปนกว่าเดิมจนผมกลัวว่ามันจะถลนออกมา บอกตรงๆว่าเยี่ยวจะแตกแล้วคร๊าบบ

          "ไอ้สันเล็กบอกกู กูเจอมันที่ กทม.."

          ผมตอบแบบตะกุกตะกัก เพราะกลัวผีเพื่อนจะโชว์สเต็ปแหกแหวกหิ้ว ตามสไตล์ผีหลอก

          "ไอ้ห่าา มึงฟังผิดป่าว ที่ตายน่ะแม่กู ไม่ใช่กู๊"

          เสียงสันใหญ่ตอบมาพร้อมกับหัวเราะ

          "อะ..อ้าวว"

          ความกลัวกระเด็นหายไปเหมือนโดนเตะด้วยแข้งนักมวย

          "แล้วนี่มึงไปไหนมาเนี่ย ตาแดงก่ำเลยมึง"

          ผมถามผีเพื่อนพร้อมหัวเราะแก้เก้อ

          "ไปแดกเหล้าบ้านเพื่อนมา กูกับแฟนเมาหัวจะทิ่มแล้วเนี่ย"

          มันตอบมาพร้อมกับเรอเอิ๊กก

          ผมคุยกับสันใหญ่พักนึงเรื่องแม่ของสันใหญ่ ท่านป่วยมาตั้งแต่สมัยผมยังเด็กๆแล้ว ล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็ถึงเวลาที่ท่านต้องไปสู่ภพภูมิใหม่อันเป็นสัจธรรมของมนุษย์เรา ผมจึงเล่าเรื่องที่ได้เจอกับสันเล็กให้สันใหญ่ได้ฟัง พอฟังจบ สันใหญ่ก็หัวเราะพร้อมพูดว่า         

          "มึงก็รู้ว่าไอ้สันเล็กมันพูดไม่ค่อยชัด นี่มันรีบด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่"

          แล้วเราก็แยกย้ายกัน เพราะสันใหญ่เริ่มลิ้นไก่สั้น คุยแทบจะไม่ไหวแล้ว ระหว่างทางที่ปั่น bmx กลับบ้าน ผมก็นึกถึงคำพูดของสันเล็กที่บอกว่า "แม่มตาย"  ที่แท้ก็คือ "แม่มันตาย" นี่เองด้วยความที่ปกติพูดไม่ค่อยชัดอยู่แล้วยิ่งมารีบๆด้วยก็เลยได้ศัพท์ย่อๆฉบับสันเล็กมาหนึ่งคำ

          "โถ..พี่สันเล็กคร๊าบบ..กลัวจะตกรถเมล์จนทำให้กูเกือบมีเรื่องไปเล่าเดอะช๊อคซะแล้ว"

 

                                        ~=จบ=~

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา