ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง
เขียนโดย มังกุมภ์
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
11) ก๋วยเตี๋ยวสมหวัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ช่วงที่เรียนมหา'ลัย ซอยที่ผมพักอยู่นั้น ไม่ค่อยมีของกินขายเท่าไหร่ ที่พอจำได้ก็มีร้านอาหารตามสั่งอยู่สองร้านเล็กๆริมถนนในซอย กินไปก็ลุ้นไปว่ามอไซด์หรือรถยนต์จะวิ่งมาเสยหรือป่าว ในตอนกลางวันก็ยังพอได้อยู่ครับ แต่พอกลางคืนนี่สิ ร้านตามสั่งก็ปิด ถ้าหิว ไม่ต้มมาม่า ก็ต้องเดินออกไปปากซอย ซึ่งก็ไกลอยู่พอสมควรทีเดียว
คืนหนึ่ง ระหว่างที่กำลังนั่งเขียนโปรแกรมส่งอาจารย์พร้อมกับนั่งโม้กับเพื่อนในโลกโซเชี่ยลไปด้วย ท้องน้อยๆที่เริ่มจะพลุ้ยเพราะกินเบียร์เยอะ ก็ส่งเสียงเรียกหาของกินออกมาดังจ๊อกก ผมจึงละออกจากหน้าคอมซึ่งนั่งแช่มาตั้งแต่บ่าย
มองไปรอบๆห้องเพื่อหาอะไรใส่ท้อง ก็มีแต่น้ำเปล่าเท่านั้น เลยเดินออกมาหน้าปากซอยเพื่อหาของกิน ก็เจอร้านลาบอยู่สองร้าน ระหว่างที่ผมคิดว่าจะกินอะไรดี สายตาก็เหลือบไปเห็นไฟดวงหนึ่ง อยู่ห่างจากร้านลาบไม่เกิน 100 เมตร ผมเลยเดินไปดูด้วยความสงสัย
มันเป็นร้านขายก๋วยเตี่ยวที่เพิ่งมาขายใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็น ด้วยความหิวและคิดว่าก๋วยเตี๋ยวนี่แหละ ลงตัวสุด จึงเดินเข้าไปนั่งโดยที่ไม่รู้เลยว่า มันจะกลายเป็นเรื่องเล่าในวันนี้ได้
พี่เจ้าของร้านเป็นชายร่างเล็ก ท่าทางขยันขันแข็ง เดินมารับรายการด้วยตัวเอง ผมสั่งบะหมี่เนื้อสดไป 1 ชาม แป๊บเดียว ผมก็ได้ก๋วยเตี๋ยวมาตั้งตรงหน้า เพียงแต่ มันเป็นเส้นหมี่ไม่ใช่บะหมี่ ผมจึงมองไปยังโต๊ะตัวอื่น ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีลูกค้ามานั่ง ทำให้ผมแน่ใจว่า เตี๋ยวชามนี้เป็นของผมแน่นอน
ผมคิดว่าระหว่างที่สั่ง อาจจะมีรถวิ่งมาพอดี พี่เค้าเลยไม่ยินไม่ชัด ได้ยินเป็นเส้นหมี่เพราะร้านอยู่บนฟุตบาธริมถนน ที่รถยังวิ่งอยู่ค่อนข้างเยอะ ถึงจะเป็นเวลากลางคืนแล้วก็ตาม
คืนที่สอง ผมเดินออกมาอีก นั่งลง แล้วสั่งบะหมี่เนื้อสดเหมือนเดิม เมื่อชามก๋วยเตี๋ยวมาวางลงตรงหน้า ผมก็ได้พบกับ เส้นเล็กเนื้อเปื่อย และก็แน่นอน มันเป็นของผมแน่ๆ เพราะยังไม่มีลูกค้าคนอื่นมานั่ง ผมก็กินจนอิ่ม พร้อมกับเดินกลับห้องพักด้วยความสงสัย
คืนต่อมา ผมสั่งบะหมี่เนื้อสดเหมือนเดิมอีก คราวนี้ผมได้บะหมี่แต่ว่าไม่มีเนื้อสด มีแต่ลูกชิ้น คราวนี้มีลูกค้านั่งอยู่3-4 โต๊ะ ผมจึงเรียกพี่คนขายพร้อมกับถามว่าของโต๊ะอื่นหรือป่าว พี่คนขายก็ตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง ขอโทษขอโพยผม พร้อมกับบอกว่า พี่เขาความจำไม่ค่อยดี ทำให้ผิดเป็นประจำ พร้อมกับวิ่งไปลวกเนื้อสดมาใส่ให้ผมถึงโต๊ะ
นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็สนุกกับการสั่งก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ เพราะสั่งแล้วก็มานั่งลุ้นว่าจะได้กินก๋วยเตี๋ยวที่ตัวเองสั่งหรือไม่ บางทีผมสั่งเส้นเล็กเนื้อเปื่อย ก็จะได้บะหมี่เนื้อสดมา หรือสั่งเส้นหมี่ ก็จะได้เส้นเล็ก อะไรทำนองนี้ ถ้าวันไหน สั่งแล้วได้กินตามสั่ง ผมจะรู้สึกเหมือนกับถูกหวย
พี่ชายผม สังเกตุเห็นผมหายออกไปปากซอยแทบทุกคืน ก็เกิดความสงสัยว่าผมไปติดใจอะไร หรือว่าลูกสาวคนขายสวย จึงเดินออกมาด้วย วันนั้นเราสั่งใส่ถุงกลับมากินที่ห้อง เพราะว่ามีบอลนัดสำคัญเตะกันในคืนนี้ พี่ผมหลังจากสั่งใส่ถุง ก็เดินเข้ามินิมาร์ทใกล้ๆร้านเตี๋ยว เพื่อตุนขนมและเครื่องดื่มเพื่อเอาไปกินระหว่างลุ้นบอลคืนนี้
พอถึงห้อง ผมก็หยิบถุงก๋วยเตี๋ยวมาแกะพร้อมกับอธิษฐานขอให้ถูกต้องตามที่สั่งทีเถ้ออ พอแกะออกมา ผมได้บะหมี่เนื้อสดตามที่ต้องการครับ ส่วนพี่ชาย เทออกมาก็ร้องอย่างหงุดหงิด
"ห่าเอ๊ย แม่งทำผิด"
ผมเริ่มขำ ถามกลับว่า
"เขาทำไรมาให้ล่ะ"
พี่ชายตอบมาอย่างหงุดหงิดว่า
"เส้นใหญ่"
"แล้วสั่งอะไรไป?"
"เกาเหลา"
พี่ชายตอบอย่างหงุดหงิด ส่วนผมนั้นหัวเราะก๊าก จนพี่ชายถามว่าหัวเราะอะไรวะ ผมจึงเล่าเรื่องเจ้าของร้านความจำไม่ค่อยดีให้พี่ฟัง พอฟังจบ พี่ผมก็บอกว่า
"วันหลังไม่ต้องชวนกูไปกินแล้วนะ"
ตั้งแต่นั้นมา ผมจึงกินเตี๋ยวเจ้านี้อยู่คนเดียวจนกระทั่งปิดเทอม เรียกได้ว่า ไม่เคยสมหวังซักครั้ง เพราะสั่งอะไร ไม่เคยได้ตามต้องการ จนกระทั่งเปิดเทอม ผมก็กลับมาประจำการที่ กทม. อีกครั้ง ประเดิมคืนแรกก็ทำผิดมาให้ตามต้องการ
ช่วงที่ผมนั่งกินอยู่นั้น เป็นช่วงปลอดลูกค้า พี่คนขายเห็นผมหายไปนาน จึงมานั่งคุยด้วย พร้อมกับเล่าว่า ตอนที่ผมกลับบ้านนั้น มีรายการทีวีรายการหนึ่ง มาถ่ายรายการที่ร้านนี้ พร้อมกับชมกับว่าเตี๋ยวร้านนี้อร่อยระดับห้าดาว ซึ่งผมไม่กล้าถามว่า พี่ทำให้เขาถูกตามสั่งหรือป่าว
ด้วยความที่ยกระดับขึ้นเป็นร้านระดับห้าดาวตามที่รายทีวียกย่อง พี่เขาเลยมีโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าทุกๆคนคือ เพิ่มค่าน้ำแข็งเปล่า จากฟรี เป็น 1 บาท จากที่ผมเคยกิน 30 บาท ก็เป็น 31 บาท
คืนหนึ่ง ผมสั่งบะหมี่แต่ได้เส้นเล็กมา ก็กินด้วยความเคยชิน หลังจากอิ่ม ก็เรียกพี่คนขายมาเก็บตัง ทั้งหมด 31 บาท ผมมีแบงค์ร้อย กำลังจะยื่นให้แต่มาคิดได้ว่า ผมมีเหรียญบาทติดกระเป๋าเสื้ออยู่เหรียญนึง จึงยื่นเงินรวมให้พี่เขาเป็น 101 บาท เพราะคิดว่าพี่เขาจะได้ทอนให้ผม 70 บาท ไม่ต้องมีเศษเหรียญเก้าบาทให้ดังกุ๊งกิ๊งกระเป๋า
แต่ที่ทำให้อึ้งปนขำอีกครั้งก็คือ พี่เขาพอรับเงินไป ก็หยิบเหรียญบาทยัดใส่หูตัวเอง พร้อมกับพึมพัมว่า
"น้องให้มา 100 บาท ก็ต้องทอน...69 บาท"
อ้าวเฮ้ย แล้วที่บาทนึงในหูพี่ทำไมพี่ไม่นับวะนั่น ผมนั่งคิดพร้อมกับหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้บอกพี่เขา ปล่อยให้เขาทำเรื่องเบลอๆต่อไป
วันต่อมาผมเดินมา ยังไม่ทันสั่ง พี่คนขายก็ตะโกนทักมาก่อนเลยว่า
"ของน้องบะหมี่เนื้อสด พี่จำได้ ลูกค้าประจำ เดี๋ยวพี่จัดห้ายย"
ผมก็ยิ้มๆนั่งรอ นึกชมที่พี่เขาจำอุตส่าห์จำของที่เราสั่งได้ แต่ในที่สุดผมก็ได้เส้นเล็กเนื้อเปื่อยมากิน ..เฮ้ออ
เป็นแบบนี้อยู่ราวๆสองเดือน ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวตามที่ตัวเองสั่งเลยซักครั้ง
จนในที่สุด ก็เหมือนฟ้าประทานมาให้ผมสมหวังซักที เพราะคืนนี้เป็นเมียของพี่เขามาขาย ก่อนจะสั่งได้ยินเมียพี่เขาบอกลูกค้าอีกคนว่า พี่ผู้ชายไม่สบาย(สงสัยใช้สมองหนัก) พี่ผู้หญิงเลยมาขายแทน
ผมดีใจจนแทบจะเลี้ยงโต๊ะจีน เพราะในที่สุดสิ่งที่รอมานานก็จะได้สมหวังซักที ผมรีบสั่งบะหมี่เนื้อสดทันที พร้อมกับเดินมานั่งรอที่โต๊ะด้วยอาการคึกเป็นพิเศษ พอพี่ผู้หญิงมาเสริฟ ผมก้มมองในชาม แล้วก็ต้องชะงัก เพราะที่ได้มา คือ เส้นเล็ก
ฝ่ายพี่ผู้หญิงเห็นผมท่าทางแปลกๆ ก็ถามผมเสียงดังว่า
"น้องสั่งเส้นอะไรเหรอจ๊ะ?"
"บะหมี่ครับ"
"ห๊ะ!!อะไรนะ?"
พี่ผู้หญิงถามกลับมาอีกพร้อมกับตะแคงหูฟัง
"ไม่มีอะไรครับพี่"
ผมตอบพร้อมกับหัวเราะแล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน แต่คิดในใจว่า
.o0O("พอกันทีกู ผัวความจำสั้น เมียหูตึง ต่อไปนี้กูไม่แดกแล้วโว้ยยยย" T_T)
---จบ---
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ