My Diary about Dad
-
เขียนโดย โออี้
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.12 น.
3 บท
0 วิจารณ์
5,830 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) When I was a child
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตั้งแต่จำความได้..คนเดียวในชีวิตของฉันที่เลี้ยงดูฉันมาก็คือ 'พ่อ'
พ่อคือทุกสิ่งที่อย่างที่ฉันมี..สิ่งเดียวในชีวิตที่ขาดไม่ได้
ในเวลาที่ฉันยังเป็นเด็กเล็กๆตัวน้อย ยังเดินต้อแต้ๆไม่เป็น เอาแต่นอนอยู่ในเปลที่พ่อเป็นคนสร้างให้ มองดูโมบายล์ที่แขวนอยู่ข้างบน พอหิวหรืออะไรมาทำให้หงุดหงิดก็ร้องไห้จนพ่อที่กำลังทำงานอะไรอยู่ต้องละจากงานวิ่งมาดู และอุ้มฉันขึ้นกอดด้วยความอ่อนโยน ฉันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความรักที่แผ่ออกมาจากร่างอันแข็งแกร่งนั้น
พอโตขึ้นมาอีกหน่อย เริ่มเดินได้และพูดเป็น..ช่วงเวลาดีๆที่ได้อยู่กับพ่อ ความทรงจำที่ฉันจะไม่มีวันลืมก็ได้เกิดขึ้น
เราพ่อลูกแม้จะมีกันแค่สองคนแต่ก็มีความสุขจากการได้อยู่ด้วยกัน..เราใช้เวลาสร้างความรักและความอบอุ่นให้กันและกันมากมาย
มีหลายเหตุการณ์ที่ยังฝังอยู่ในสมองของฉัน..แต่จะให้ยกมาเขียนให้อ่านทั้งหมดก็ไม่มีทางเป็นไปได้
ก็เลยจะขอยกบางช่วงเวลาที่ฉันประทับใจมากที่สุดมาก็แล้วกัน
วันนั้นมันเป็นวันที่อากาศดีวันหนึ่งทีเดียวสำหรับประเทศไทย ไม่ร้อนจนอบอ้าวและก็ไม่หนาวจนตัวสั่น ฉันในวัย 8 ขวบกำลังนั่งอยู่บนจักรยานสองล้อ สองขาแตะวางอยู่ที่พื้นมั่น โดยที่มีพ่อยืนอยู่ข้างหลัง เส้นทางข้างหน้าของเราเป็นทางคอนกรีตสายเล็กในหมู่บ้าน ไม่มีรถราวิ่งผ่านในช่วงเวลานี้ ถ้าคุณมองเห็นดวงตาของฉันในตอนนั้นล่ะก็..คุณก็คงจะรู้ว่าฉันกลัวมากแค่ไหน การหัดขี้จักรยานครั้งแรก แม้จะมีพ่อยืนอยู่ใกล้ๆก็ไม่ได้ทำให้ความกลัวขจัดหายไป
"ไม่เป็นอะไรนะเอย" เสียงอันอบอุ่นของพ่อบอกฉัน มือหนาที่หยาบกร้านจากการทำงานแตะลงบนบ่าเล็กๆของเด็กตัวน้อย "พ่อจะจับลูกเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ลูกล้มหรอก"
"แต่หนูกลัวนี่คะ" เด็กน้อยอย่างฉันตอบเสียงสั่นๆ
คุณพ่อยิ้มละมุน..ฉันชอบเวลาที่คุณพ่อยิ้มเพราะมันทำให้พ่อดูหล่อมาก "เชื่อใจพ่อนะคะคนเก่ง"
หนูน้อยนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้า
"ดีมาก ทีนี่ก็ยกขาเหยียบที่ถีบ เอาล่ะๆช้าๆ ไม่เป็นไร พ่อจับลูกอยู่" สองมือของคุณพ่อจับฉันมั่นอย่างแข็งแรง ไม่มีทางที่ฉันจะล้มลงพื้นแน่นอนถ้าหากว่าพ่อยังอยู่ "พ่อจะเริ่มขยับไปข้างหน้าช้าๆ เอยก็ทรงตัวให้ดีๆนะลูก เอาล่ะ ไปกัน"
รถจักรยานค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มือของฉันสั่นทรงตัวไม่ค่อยอยู่ ความกลัวที่ยังกำจัดออกไปไม่หมดทำให้มือที่บังคับล้อหน้าส่ายไปส่ายมาไม่ตรงทาง
"โอ๊ะๆ ระวังลูกเอย" คุณพ่อร้องบอกเมื่อจักรยานกำลังเคลื่อนตรงไปที่พุ่มไม้ของเพื่อนบ้านที่ปลูกเอาไว้ แต่ดีที่คุณพ่อหยุดไว้ได้ทัน "ไม่เป็นอะไรนะลูก"
"หนูกลัวจังเลยค่ะพ่อ"
"ไม่ต้องกลัวไปลูกรัก เชื่อใจพ่อนะ แค่เชื่อใจพ่อเท่านั้น" มือหนาลูบหัวของฉันพร้อมกับยิ้มกว้าง "เรามาเริ่มกันใหม่นะ"
วันนั้นเราใช้เวลาอยู่นานกว่าฉันจะขี่จักรยานได้..แต่ในที่สุดด้วยความพยายามของฉันและความที่อยากให้ลูกขี่จักรยานเป็นของพ่อ เราก็ทำสำเร็จ
"ทีนี่พ่อจะให้เอยปั่นเองนะ เริ่มบังคับทิศทางได้แล้ว แค่ปั่นไปมันไม่ยากหรอก แต่ไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะอยู่ข้างหลังหนูเสมอ" คุณพ่อบอก
"หนูกลัวว่าจะทำไม่ได้ค่ะพ่อ"
"เอยทำได้ พ่อเชื่ออย่างนั้น ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอก และอีกอย่างพ่อก็เชื่อในตัวเอยนะว่าถ้าเอยพยายามจะทำอะไรแล้วก็จะทำได้สำเร็จ" คุณพ่อว่า "มา มาลองกัน มั่นใจในตัวเองเข้าใจเอย"
คุณพ่อดันจักรยานไปข้างหน้าในขณะที่ฉันก็ยกเข้าขึ้นถีบ สองมือบังคับทิศทาง หน้ามองตรงอย่างมุ่งมั่น ในตอนแรกมันก็ส่ายไปส่ายมาเหมือนเดิม แต่พอผ่านไปฉันเริ่มควบคุมอะไรหลายๆอย่างได้ รถจักรยานก็พุ่งตรงไปข้างหน้าตามที่ฉันบังคับ หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
"พ่อคะ หนูทำได้แล้ว พ่อเห็นมั้ยหนูขี่จักรยานได้แล้ว" ฉันตะโกนบอกพ่อ ฉันไม่เห็นหน้าพ่อหรอกว่าท่านรู้สึกยังไง แต่ฟังจากเสียงแล้วฉันก็รู้สึกได้ไม่ยากว่าท่านคงภูมิใจและดีใจมากแค่ไหน
"พ่อเห็นลูก คนเก่งของพ่อ"
นี่เป็นแค่เรื่องราวเสี้ยวเดียวในวัยเด็กที่ฉันได้ใช้กับพ่อ ยังมีเรื่องราวที่มีความสุขอีกมากมายที่เกิดขึ้น ฉันอยากจะบอกกับทุกคนว่า..วัยเด็กเป็นวัยที่น่าอิจฉามากที่สุด เพราะเด็กไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องทำอะไร มีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ไม่เคยพบเจอ ได้ใช้เวลาอยู่กับบุคคลอันเป็นที่รัก..มีความสุขอยู่ด้วยกัน
แต่เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ..เพราะมันไม่เคยรอใคร
นับวันฉันก็ยิ่งโตมากขึ้น ความคิดและนิสัยก็เริ่มเปลี่ยนไป ในขณะที่พ่อก็แก่ตัวลงเรื่อยๆหากแต่ความรักของท่านยังคงมั่นคงเช่นเดิมเหมือนที่ผ่านมา
ชีวิตวัยรุ่นเป็นอะไรที่คุณก็รู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องฮอร์โมนมันพุ่งพล่าน อยากรู้อยากเห็นอยากลองและติดเพื่อนมากที่สุด ระยะห่างระหว่างฉันกับคุณพ่อก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราคุยกันน้อยลง..ใช้เวลาด้วยกันน้อยลง
พูดได้เลยว่า..ถ้าไม่มีพ่อ..ก็คงไม่มีฉันที่มีชีวิตที่ดีอย่างวันนี้
ทุกคนคงอยากจะรู้ว่าชีวิตในวัยรุ่นของฉันเป็นยังไง..และความสัมพัมธ์ของฉันกับคุณพ่อมันแย่แค่ไหน
ถ้าทุกคนอยากรู้ฉันก็จะเล่าให้ฟัง...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ