ก้าวทางสีเทา
6.0
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในเมื่อสิ่งที่เขียนอันแรก มีคำติที่รับไว้
จึงขอบคุณเธอผู้ให้เและนายผู้อ่าน ขอบคุณผู้อ่าน
................................................................................
ก้าวทางสีเทา
ใบกระดาษสีขาวหลุดปลิวลอยลองไปทั่วสวนไร้สี การเดินทางของเธอเริ่มต้นขึ้นเมื่อครั้งนานมาแล้วแต่เธอก็ยังคงเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่เสมอ เธอไม่เคยเป็นที่ต้องการในสถานที่ใดได้นานเลย เมื่ออยู่เมื่องหนึ่งที่ต้อนรับเธออย่างดี ในอีกไม่ช้าเมื่องนั้นก็จะขับไล่เธอ เหมือนดอกกุหลาบหนามกลิ่นหอมแรกตัด เมื่อมันหม่นสีเหี่ยวเฉาก้ถูกทิ้งให้เน่าเสีย ความใยดีนั้นหรือจะเรียกเสียงหัวเราะเย้ยเยาะพายหลัง เธอไม่เคยเจอสิ่งที่เรียกว่าความหมายแห่งการณ์แสวงหาตั่งแต่ต้น
ร่างเธอหม่นหมองเหมือนสีกรองหม่นเทา ยามเธอต้องสีใดเธอไม่เคยได้สีสันอันเป็นความสดใสในโลก บางทีเรื่องราวของเธอนั้นก็เป็นเพียงเสียงลมกระซิบขานผ่านสายฝน ไม่มีใครในสถานที่เก่าจดจำเธอเหมือนที่เธอจดจำทุกสถานที่แช่งชีวิต
“แรกแย้มเป็นแบบไหนหนอ”
เสียงความคิดก้องกังวานอยู่ในหัวหญิงสาวสีเทา สองเท้าของเธอเดินเหยียบไปบนวีถีที่ย้อมสีขาวจากต้นกระดาษ ความคิดของเธอกำลังเคว้งล่องลอย ดั่งวิหกปีกสุดท้ายลองลม แสงแดดยามต้องหน้าซีดสีหม่นสะท้อนความเศร้า ความเดี่ยวดาย ในหัวค้นห้วงความจำสุดท้าย ณ สถานที่หลากสีสันบนทางแห่งป่า
ในอกของเธอเศร้าหมอง ในใจของเธอเบาแผ่ว ความคิดถึงจับเกาะหัวใจดวงเดียวดายไม่มีปล่อย หญิงสีเทาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีขาวอย่างโหยหา สถานที่นี้ไร้สี สถานที่นี้ทำให้เธอนึกหวนหาป่าหลากสีสัน ความสุขวันเก่ายามถูกต้อนรับให้เข้าไปยังสถานที่อันสวยงามหวนคืน ยังจำได้ถึงกลีบดอกสีทองที่ร้อยเรียงเป็นมาลัยหอมฟรุ้ง ยังจำได้ถึงห้องพักสีแดงฟ้าข้างน้ำตกสีรุ้งที่ไหลเย็น เสียงของมันยังคงฝังอยู่ในโสตประสาทอันบอบช้ำ เมื่อเธอนึกถึงตรงนั้น ภาพน้ำตกนั่น คำเก่า ๆ ก็ย้อนกลับมาทำร้ายอีกครั้ง “ฉันกลับไปที่นั้นไม่ได้แล้ว”
เธอไม่เคยกลับไปยังสถานที่ที่เดินทางผ่านมาแล้วได้อีก เหมือนมนต์สาปที่แสนเหงา หญิงสีเทาเดินทางอย่างไม่อาจหวนกลับไป มีเพียงความรู้สึกและความทรงจำอันเลือนราง กล่อมเธอเพื่อพบเจอสถานที่ใหม่ที่แปลกไปอีกครั้ง ในโลกอ้างว้างใบเดิม
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวสีเทาเดินจากป่าหลากสี แล้วตอนนี้เธอก็จากป่าไร้สีไปอีกครั้ง ยามมองไปในทางที่เดินผ่าน ความเศร้ามันแซกแซงลงไปบนรอยเท้า ทุกย่างก้าวเกินจะแต่งแต้มความสุข หากเพียงซักครั้งที่เธอจะบนความสุข มันคงไม่เหมือนกับการมองท้องพาสีขาวในเวลาที่เดินจากป่าไร้สีสันแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าดั่งเดิม ความหมายของความสุขในตัวที่เธอโหยหา มันจะเดินทางมาหาเออีกไหม
หญิงสาวสีเทามองไปยังภาพเบื่องหน้า เวิ้งฟ้าไกลสุดตา ภูเขาสีเขียวแซมแดงจากใบไม้เปลี่ยนผันสู่ฤดูใหม่ เมืองใหญ่ใจกลางหุบเขา กำลังพบความสุขหรือเปล่า เธอไม่สามารถตอบตัวเองได้ แต่ภาพที่เห็นจากตรงนี้ทำให้เธอลืมเรื่องราวความสุข ทุกข์และป่าหลากสี ก่อนแสงแดดอ่อนจะแยงตาจ้าสู่หัวใจ เธอกระพริบตาช้า ๆ แล้วหันกลับมามองเส้นทางสู่เมืองใหม่ ภาพของผู้คน สีของถนน และแก่นแท้แห่งใจที่โหยหา เธออยากไปที่เมืองนั้นเหลือเกิน
..................................
เรารู้จักกันไหมหนอ เราจึงคุ้นเคย เราจึงเคารพและเราจึงเเบ่งปัน
ขอเธอจงอ่าน อย่างสนุกและติชม อย่างตรงไปมา เมื่อข้า แก้ไขมัน
จึงขอบคุณเธอผู้ให้เและนายผู้อ่าน ขอบคุณผู้อ่าน
................................................................................
ก้าวทางสีเทา
ใบกระดาษสีขาวหลุดปลิวลอยลองไปทั่วสวนไร้สี การเดินทางของเธอเริ่มต้นขึ้นเมื่อครั้งนานมาแล้วแต่เธอก็ยังคงเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่เสมอ เธอไม่เคยเป็นที่ต้องการในสถานที่ใดได้นานเลย เมื่ออยู่เมื่องหนึ่งที่ต้อนรับเธออย่างดี ในอีกไม่ช้าเมื่องนั้นก็จะขับไล่เธอ เหมือนดอกกุหลาบหนามกลิ่นหอมแรกตัด เมื่อมันหม่นสีเหี่ยวเฉาก้ถูกทิ้งให้เน่าเสีย ความใยดีนั้นหรือจะเรียกเสียงหัวเราะเย้ยเยาะพายหลัง เธอไม่เคยเจอสิ่งที่เรียกว่าความหมายแห่งการณ์แสวงหาตั่งแต่ต้น
ร่างเธอหม่นหมองเหมือนสีกรองหม่นเทา ยามเธอต้องสีใดเธอไม่เคยได้สีสันอันเป็นความสดใสในโลก บางทีเรื่องราวของเธอนั้นก็เป็นเพียงเสียงลมกระซิบขานผ่านสายฝน ไม่มีใครในสถานที่เก่าจดจำเธอเหมือนที่เธอจดจำทุกสถานที่แช่งชีวิต
“แรกแย้มเป็นแบบไหนหนอ”
เสียงความคิดก้องกังวานอยู่ในหัวหญิงสาวสีเทา สองเท้าของเธอเดินเหยียบไปบนวีถีที่ย้อมสีขาวจากต้นกระดาษ ความคิดของเธอกำลังเคว้งล่องลอย ดั่งวิหกปีกสุดท้ายลองลม แสงแดดยามต้องหน้าซีดสีหม่นสะท้อนความเศร้า ความเดี่ยวดาย ในหัวค้นห้วงความจำสุดท้าย ณ สถานที่หลากสีสันบนทางแห่งป่า
ในอกของเธอเศร้าหมอง ในใจของเธอเบาแผ่ว ความคิดถึงจับเกาะหัวใจดวงเดียวดายไม่มีปล่อย หญิงสีเทาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีขาวอย่างโหยหา สถานที่นี้ไร้สี สถานที่นี้ทำให้เธอนึกหวนหาป่าหลากสีสัน ความสุขวันเก่ายามถูกต้อนรับให้เข้าไปยังสถานที่อันสวยงามหวนคืน ยังจำได้ถึงกลีบดอกสีทองที่ร้อยเรียงเป็นมาลัยหอมฟรุ้ง ยังจำได้ถึงห้องพักสีแดงฟ้าข้างน้ำตกสีรุ้งที่ไหลเย็น เสียงของมันยังคงฝังอยู่ในโสตประสาทอันบอบช้ำ เมื่อเธอนึกถึงตรงนั้น ภาพน้ำตกนั่น คำเก่า ๆ ก็ย้อนกลับมาทำร้ายอีกครั้ง “ฉันกลับไปที่นั้นไม่ได้แล้ว”
เธอไม่เคยกลับไปยังสถานที่ที่เดินทางผ่านมาแล้วได้อีก เหมือนมนต์สาปที่แสนเหงา หญิงสีเทาเดินทางอย่างไม่อาจหวนกลับไป มีเพียงความรู้สึกและความทรงจำอันเลือนราง กล่อมเธอเพื่อพบเจอสถานที่ใหม่ที่แปลกไปอีกครั้ง ในโลกอ้างว้างใบเดิม
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวสีเทาเดินจากป่าหลากสี แล้วตอนนี้เธอก็จากป่าไร้สีไปอีกครั้ง ยามมองไปในทางที่เดินผ่าน ความเศร้ามันแซกแซงลงไปบนรอยเท้า ทุกย่างก้าวเกินจะแต่งแต้มความสุข หากเพียงซักครั้งที่เธอจะบนความสุข มันคงไม่เหมือนกับการมองท้องพาสีขาวในเวลาที่เดินจากป่าไร้สีสันแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าดั่งเดิม ความหมายของความสุขในตัวที่เธอโหยหา มันจะเดินทางมาหาเออีกไหม
หญิงสาวสีเทามองไปยังภาพเบื่องหน้า เวิ้งฟ้าไกลสุดตา ภูเขาสีเขียวแซมแดงจากใบไม้เปลี่ยนผันสู่ฤดูใหม่ เมืองใหญ่ใจกลางหุบเขา กำลังพบความสุขหรือเปล่า เธอไม่สามารถตอบตัวเองได้ แต่ภาพที่เห็นจากตรงนี้ทำให้เธอลืมเรื่องราวความสุข ทุกข์และป่าหลากสี ก่อนแสงแดดอ่อนจะแยงตาจ้าสู่หัวใจ เธอกระพริบตาช้า ๆ แล้วหันกลับมามองเส้นทางสู่เมืองใหม่ ภาพของผู้คน สีของถนน และแก่นแท้แห่งใจที่โหยหา เธออยากไปที่เมืองนั้นเหลือเกิน
..................................
เรารู้จักกันไหมหนอ เราจึงคุ้นเคย เราจึงเคารพและเราจึงเเบ่งปัน
ขอเธอจงอ่าน อย่างสนุกและติชม อย่างตรงไปมา เมื่อข้า แก้ไขมัน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ