เพราะรักคือการเสียสละ
เขียนโดย katzee
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.24 น.
แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2557 08.22 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ฉันมีคนรู้จัก(ที่ตายไปแล้ว)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฮือๆๆ สายน้ำเกลือบ้านี่ทำไมมันถึงรัดแน่นอะไรอย่างนี้ ห้องนี้ต้องเป็นห้องผีสิงแน่ๆเลย
ระหว่างที่เธอกำลังคิดหาทางออกไปจากห้องนี้ ไฟกลับสวางวาบขึ้นมา เธอฟุบหน้าลงกับพื้นเมื่อความสว่างทำให้ใจเธอสงบนิ่งมากขึ้น
ตอนนี้ฉันนอนอยู่ในสภาพคว่ำหน้า พอมองทุกสิ่งอย่างรอบตัวแล้วมันดูปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว้นเสียแต่รอยบีบตรงข้อเท้าของฉัน มีสีเขียวคล้ำแถมไอ้สายน้ำเกลือเจ้าปัญหาตั้งแต่แรกกลับไม่พันที่ขาฉันแล้วด้วย นั่นเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวคิดอย่างกล้าๆกลัวๆพลางมองรอบๆห้องอีกครั้งเพราะเริ่มกลัวว่าห้องนี้คงมีอาถรรพ์จริงๆ
โอ ให้ตาย นี่ฉันจิตหลอนไปหรือเปล่านะ เธอค่อยๆเขย่งตัวลุกขึ้นกลับไปนอนบนเตียงอย่างยากลำบาก
“อ่า เจ็บชะมัด” มือเรียวเล็กคลำที่ข้อเท้าเบาๆ แต่ทันใดนั้น
มีร่างผู้ชายตัวสูงโปร่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ หญิงสาวตกใจลนลานจนตัวชิดขอบหัวเตียง พลางคิดว่าเธอคงอยู่ในนี้ไม่ได้แล้วระหว่างนั้นเธอเล็งที่ประตูเพื่อหาทางหนี
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองเธอ และหันไปจ้องกลอนประตู ก่อนจะมีเสียงดังกริ๊กขึ้นมา ร่างของเขาจางหายไปและปรากฏอยู่ข้างๆเตียงเธอหญิงสาวมองมือที่ยื่นมาสัมผัสใบหน้าของเธอ แต่เธอเบี่ยงตัวออกหัวใจเต้นระรัวเหมือนกับคนเป็นโรคหัวใจเขาคนนั้นมีสีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะเลือนหายไป
ฉันมือเท้าสั่นไปหมด ขากรรไกรค้างอ้าปากพะงาบๆ พลางเอามือทาบหน้าอก เพื่อผ่อนลมหายใจให้ช้าลง มันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่ ที่นี่มีผีตั้งเเต่เมื่อไหร่กัน
“จำฉันไม่ได้เหรอ”
“ว้ายยย!!!” เสียงดังตุ้บกระทบโสตประสาทของเธอก่อนความเจ็บจะเริ่มออกอาการปวดมากขึ้นตรงที่สะโพกเมื่อเสียงแหบๆนั้นดังขึ้นข้างตัวก่อนจะลงมานอนอย่างสวยงามบนพื้นอีกครั้ง
“ฉันเป็นเพื่อนเธอนะ จำได้หรือเปล่าแฟร์รี่” ผีตนนั้นเน้นคำว่าเพื่อนทันทีทันใดร่างเขาก็มานอนบนเตียงแทนที่เธอซะแล้ว
“เธอคงจะสูญเสียความทรงจำสินะ”
“วะ ว่างะไง นะ” แฟร์รี่ เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูเธอเอาเสียเลย แต่ตอนนี้เธอควรจะต้องเจรจากับเพื่อนที่ไม่ใช่คนซะแล้ว เพราะอยู่มาหลายอาทิตย์เพิ่งจะได้รู้ชื่อเล่นของเธอ เป็นความหวังเดียวที่เธอจะรู้ตัวตนของตนเอง
“ฉันกับเธอเราเคยเป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้ฉันตายแล้ว” เขาพูดพลางก่ายหน้าผาก หันหน้ามาทางแฟร์รี่ซึ่งเธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาหันมา
“ฉันเสียใจกับนายด้วยนะ”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันพ้นจากชีวิตที่เคยเป็นคน แต่ติดห่วงอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งฉันจะขอให้เธอช่วย” เขาผุดลุกขึ้นนั่งเบี่ยงตัวมานั่งหันหน้าเข้าหาเธอ
“ฉันกรณ์ ขอแนะนำตัวอีกครั้ง” เขายิ้มเปรยๆพลางยื่นมือตามธรรมเนียมแบบชาวตะวันตก
“เอ่อ”
“โอ้ โทษทีฉันลืมตัว” เขามองเธอที่มองมือเขาแต่ก็ชักมันกลับมาเกาหัวแก้เก้อ
“แล้วฉันจะได้อะไรเหรอ กรณ์” แฟร์รี่ลุกขึ้นยืนไปนั่งบนโซฟาที่ไว้สำหรับญาติที่มาเยี่ยมแต่เธอไม่เคยมีใครมาหาเธอเลยสักครั้ง พลางรักษาระยะห่างจากผีที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของเธอ
“ความทรงจำของเธอไง ฉันจะคืนความทรงจำให้เธอ”
“ว่าไงนะ” แฟร์รี่ถามเสียงดัง
“ก็ตามที่ว่านั้นแหละ” กรณ์ลอยมานั่งข้างๆเธอพลางยิ้มทะเล้น ทำให้หญิงสาวกระเถิบตัวออกห่าง
“เป็นไปไม่ได้ เธอเป็นผี เธอจะมีอำนาจวิเศษอย่างนั้นได้ยังไง”
“แหม ดูพูดเข้า แล้วไอ้ที่ผีเฮี้ยนในสถานที่ดังๆทำไมคนไปขอหวยเยอะจังละ อย่างแม่ตะเคียน อะไรทำนองนี้”
“ก็ คงมีความศักดิ์สิทธ์ละมั้ง” กรณ์หัวเราะ
“นี่ ฉันก็เป็นผี แต่ฉันสามารถให้อำนาจวิเศษอย่างที่เธอบอกว่าศักดิ์สิทธ์อย่างนั้นได้เหมือนกันนะ” เขาว่าพลางใช้หลังพิงเบาะโซฟาแต่ก็หลุบเข้าไปข้างในเหลือแต่ครึ่งตัว
"เอ่อ" เขาพึมพำพลางยันตัวเองลุกขึ้นมา ก่อนร่างของเขาจะสมประกอบเหมือน โดยไม่ขาดไปครึ่งตัวเหมือนเมื่อตะกี้
“ฮ่าๆๆ นายนี่ตลกนะ” หญิงสาวหัวเราะออกมาในรอบหลายอาทิตย์กับเพื่อนที่ไม่ใช่คนอย่างกรณ์ และเธอเริ่มเชื่อขึ้นมาจริงๆว่าเขาคือเพื่อนจริงๆของเธอ
“นายจะพาฉันไปไหน” ฉันถามหลังจากที่ฉันทำตามข้อตกลงที่กรณ์ยื่นเสนอให้ เขาขอให้ช่วยน้องสาวของเขาที่อยู่กับพ่อเลี้ยงเพราะเขาเฝ้ามองดูน้องตัวเองมานานและเขาพยายามจะสื่อสารกับฉันมาโดยตลอดแต่ครั้งนี้มันได้ผล
เพราะฉันนั้นได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน เกือบจะไม่รอดแต่ก็ผ่านมันมาได้อย่างเฉียดฉิว ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อคนเราอยู่ในชั่วเวลาแห่งความเป็นความตาย หากฟื้นขึ้นมาแล้วจะมีสัมผัสพิเศษที่สามารถติดต่อกับสิ่งที่มองไม่เห็น ตอนนี้เธอเชื่อสนิทใจเลยล่ะ
“กรณ์” แฟร์รี่เอ่ยเรียกเขาเบาๆ หลังจากเดินจนน่องโปล่งมานับชั่วโมงกับการหนีออกมาจากโรงพยาบามาหยุดตรงหน้าคอนโดที่หรูหราเอาการที่หนึ่ง กรณ์ลอยไปลอยมาอย่างครุ่นคิด ฉันนั่งทรุดตัวลงบนฟุตบาท มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย คล้อยตามคำขอร้องของเขาที่จู่ๆโผล่มาและบอกว่าเธอคือเพื่อนของเขา แต่ยังไงซะ ก็เพื่อความจำของฉันจะได้กลับมาและคงจะไม่ยอมแน่ถ้าฉันจะต้องมานั่งๆนอนๆในโรงพยาบาลจนแก่ง่ำเหงือกหรอกนะ
“นั่นไง คอนโดของฉัน” เขาพูดเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังคอนโดดังกล่าวที่อยู่เยื้องไปจากจุดที่เขาและเธอยืนอยู่เพียงไม่กี่ถนน ที่สูงราวๆ 30ชั้นมั้ง
10 นาทีต่อมา
“โอย ปวดขาเป็นบ้าเลย”
“นี่ นังหนู มาเดินทำลับๆล่อๆหน้าคอนโดทำไม มีอะไรให้น้าชุ..” ก่อนที่น้าคนนั้นจะพูดจบประโยค ก็ล้มลงไปนอนบนพื้นทันทีเห็นกรณ์ยืนอยู่ในท่าที่มือสองข้างประกบเข้าหากันที อย่าบอกนะว่าเขาใช้มือตีกระหม่อมน้ายามคนนี้น่ะ
“น้าคะ น้า” แฟร์รี่ใช้มือเท้าสะเอวมองผีที่เป็นตัวต้นเหตุ เขายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ค้นตัวลุงยามสิ มันมีกุญแจเปิดตู้เก็บคีย์การ์ดของฉัน” กรณ์บอกพลางแว๊บไปยังป้อมยาม ฉันจึงลากตัวน้ายามมาพิงข้างๆป้อมก่อนจะรีบค้นหากุญแจ
“อา นั้นไง อันนั้นของฉัน” ฉันรีบหยิบตามที่เขาบอกเมื่อเราหาคีย์การ์ดของกรณ์เจอแล้วในป้อมยาม ฉันค่อยๆดันประตูปิดก่อนจะรีบตามกรณ์ไป แต่เขาส่งสัญญาณมือบอกว่ารอเดี๋ยว
“ห้องฉันอยู่ชั้น 19 หมายเลข 199” เขาว่าพลางหายตัวไปทำอะไรบ้างอย่างที่หน้ากล้องวงจรปิด
เปรี้ยะ !! เสียงเหมือนอะไรบางอย่างหักหรือแตกนี่ละ ฉันว่ามันชักจะเหมือนโจรเข้าไปทุกที ไม่นานกรณ์ก็ไปโผล่ที่หน้าลิฟต์กวักมือเรียกฉัน ฉันชักจะอยากรู้ซะแล้วว่าก่อนที่เขาจะตายเขาทำอาชีพอะไรกันแน่ทำไมถึงมีคอนโดเป็นของตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ