เรื่องที่เจ็ด : นาวาบนผืนทราย
8.8
เขียนโดย larceta
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.29 น.
8 ตอน
2 วิจารณ์
11.86K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.53 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
7) 7 (จบ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ดวงอาทิตย์ที่สุดปลายฟ้ากำลังจะลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแสดเป็นแดงเข้มที่ค่อยๆถูกสีครามเข้มจากทิศตะวันออกไล่ล้าง เสมือนจิตกรผู้ยากไร้ระบายสีลงบนที่วาดภาพลงผืนผ้าใบเก่า ลบล้างภาพเดิมด้วยการใช้สีที่เข้มกว่าแล้วค่อยๆบรรจงแต่งแต้มมันด้วยจุดสีขาวทีละจุดๆ เมื่อฟ้ามืด ไฟถนนบนทางด่วนฉายลงมาที่พื้น สะท้อนเส้นแบ่งเลนถนนเป็นแสงสีเหลืองนวล สปอร์ตไลท์บนบิลบอร์ดโฆษณาน้ำหอมสาดแสงไปที่นางแบบในชุดราตรีสีแดงที่ส่วนหลังเว้าลงไปจนเกือบจะถึงเนินบันท้าย ถัดไปก็เป็นโฆษณาน้ำหอมอีกยี่ห้อหนึ่งซึ่งรูปแบบไม่ต่างกับอันแรก แล้วถัดไปที่เห็นไกลลิบๆนั้นก็ดูจะเป็นโฆษณาในรูปแบบเดียวกันอีก หากนับตั้งแต่ที่ผมขับรถขึ้นทางด่วนมานี้ น้ำหอมคงเป็นสินค้าที่มีการโฆษณาบนทางด่วนมากที่สุด ใช่ว่าผมสนใจอะไรกับป้ายโฆษณาหรือน้ำหอมเป็นพิเศษ แต่หากไม่มองมัน ผมก็จะไม่มีเป้าสายตาไว้จับโฟกัสและอาจหลับไนไปเมื่อใดก็ได้ เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่เราขับรถวนไปมาบนทางด่วน ตั้งแต่ยังมองเห็นดวงอาทิตย์จนตอนนี้ที่มองไม่เห็นอะไรแล้วนอกจากแสงไฟ ไม่มีสถานที่ใดที่จะพอเป็นจุดหมายผุดขึ้นมาในความคิด หากเป็นไปได้ ผมก็อยากที่ขับรถวนแบบนี้ต่อไปไม่รู้จบ แต่ในความเป็นจริง รถยนต์เป็นพาหนะที่ต้องน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในการเดินเครื่อง การที่ทั้งผมเผลาพลาญน้ำมันเชื้อเพลิงมาทั้งวันด้วยการขับรถไม่หยุดและไม่สนใจรูปเครื่องหมายหัวปั๊มน้ำมันของผมส่งสัญญาณเตือนสีแดงออกมาได้สักพักแล้ว สุดท้าย เชื้อเพลิงที่คอยขับเคลื่อนเครื่องยนต์ก็หมดลง ผมได้ยินเสียงครืดคราดจากด้านข้างและเสียงเอี๊ยดอาดที่ใต้ฝ่าเท้าแล้วก็เงียบไป รถเคลื่อนตัวไปได้อีกเล็กน้อยจากแรงเฉื่อยที่เหลือก่อนจะจอดนิ่งสนิทที่เลนซ้ายสุดของถนน ภายในรถเงียบเชียบ ผมยังคงนั่งจับพวงมาลัยและวางเท้าไว้ที่คันเร่ง โดยมีหญิงสาวที่มาด้วยที่นั่งข้างผมทิ้งตัวให้จมลงที่พนักพิง ดวงตาของเราทั้งสองมองตรงไปข้างหน้า ภาพของสิ่งต่างๆสะท้อนมากระทบและฉายอยู่บนกระจกตา แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ผมกลับไม่รู้เลยภาพที่อยู่กระจกตาของตัวเองคือภาพอะไร ทว่าไม่นานจากนั้น จากความเงียบ ผมได้ยินเสียง เธอที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับยกฝ่ามือขึ้นมาปิดใบหน้าที่ค้อมลง น้ำตาที่ไหลผ่านฝ่ามือหยดลงบนกระโปรงสีขาวขณะที่หัวไหล่และหน้าอกสั่นกระเพื่อมไปพร้อมๆกับที่เสียงสะอื้นไห้จากในลำคอ ท่ามกลางเสียงสะอื้นนั้น ผมนึกย้อนถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ คล้ายอารมณ์ชั่ววูบที่ไม่อาจระงับยับยั้ง ขณะที่เธอกำลังจะถูกเรียกเข้าไปให้ในห้องตรวจ ผมที่วิ่งขึ้นไปข้างโดยไม่ฟังคำทัดทานของนางพยาบาลข้างล่างแล้วคว้าแขนเธอ กึ่งลากกึ่งกระชากเธอกลับมาที่รถแล้วขับออกมาอย่างเร่งรีบ ทิ้งเงินค่ารักษาทั้งหมดกับความตื่นตกใจให้กับหมอและพยาบาลที่อยู่ในคลินิคแห่งนั้นและรีบหนีออกมาโดยไม่หันเหลียวหลังไปมอง จากนั้นก็พาเธอขึ้นทางด่วนวิ่งวนจนกระทั่งรถตายสนิทอยู่อย่างในตอนนี้ ผมขัดขวางและทำลายสิ่งที่เธอคิดจะทำ ทำลายความตั้งใจที่จะทำลายตัวเองของเธอจากความรู้สึกผิดบาปที่อยู่ในใจ สิ่งที่เธอคิดว่าควรจะทำตั้งแต่วันที่สูญเสียคนรักไป ขณะที่เธออยู่กับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา เพราะชีวิตแต่งงานที่จืดชืด คนรักของเธอที่เชื่อมั่นว่าการงานที่มั่นคงนันจะทำให้ชีวิตมั่นคง ทำให้ทั้งชีวิตของเขามีแต่งาน เหมือนเป็นคู่ชีวิต ทิ้งภรรยาซึ่งเป็นคู่ชีวิตแท้จริงให้ครองคู่กับความเปลี่ยวเหงา จริงอยู่ที่เงินทองที่หาไม่ได้นั้น เขาไม่เคยตระหนี่ถี่เหนียวที่จะให้เธอใช้ แต่กับช่องว่างที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยวเหงานั้น ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าใดก็ไม่สามารถถมมันให้เต็มได้ เพราะอย่างนั้น เธอจึงเริ่มคบชู้กับชายอื่น เขาคนนั้นเป็นเพื่อนที่รู้จักกันในที่ทำงาน เพราะหน้างานที่ต้องทำร่วมกัน ทำให้ทั้งคู่เกิดความสัมพันธ์ จากเพียงเพื่อนร่วมงานก็ค่อยๆเพิ่มความแน่นแฟ้น และท้ายที่สุดก็กลายเป็นสัมพันธ์ลึกซึ้ง แม้เขาแต่งงานแล้ว แต่เธอก็เช่นกัน ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหา เพราะความต้องการทางร่างกายที่ไม่อาจอดกลั้นได้ เขาคนนั้นจึงกลายเป็นส่วนทดแทนสิ่งที่เธอไม่ได้รับจากคนรัก แน่นอนว่าเรื่องนี้ แม้ทั้งคู่จะพยายามปกปิด แต่ไม่มีความลับใดในโลกที่จะปกปิดไปได้ตลอดกาล คนรักของเธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้น และในวันนั้นเองที่เธอกับเขาเกิดมีปากเสียงและทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยความโกรธจนหน้ามืด เขาทุบทีเธอจนหน้าปูดบวม ฟาดเธอด้วยเก้าอี้เหล็กจนเลือดโชกใบหน้า ก่อนจะนำปืนพกออกมาจากที่เก็บแล้วบอกว่าหลังจากจัดการผู้ชายคนนั้นเสร็จแล้ว เขาจะกลับมาจัดการกับเธอ แต่หลังจากที่ออกไปไม่นาน เขาก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดจาก รถเทรลเล่อร์ขนาดใหญ่ซึ่งเสียหลัก แล้ววิ่งข้ามเลนมาประสานงากับรถของเขาอย่างจัง การสูญเสียในครั้งนั้นทำให้เธอสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง นับแต่นั้น เธอก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปไหน ไม่ทำอะไร ทุกวันนั่งมองเหม่ออยู่บนเตียง จ้องมองภาพถ่ายของคนรัก ร้องไห้จนบ่อน้ำตาเหือดแห้ง คิดจะฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง หัวใจเธอแหลกสลาย ตัวตนที่เหลืออยู่กลายเป็นเศษซากที่ไร้วิญญาณ ด้วยสภาพร่างกายและจิตใจที่ย่ำแย่ เธอต้องเข้ารับบำบัดทางจิตในโรงพยาบาล เธอใช้เวลาหลายปีที่นั่นในการพลิกฟื้นฟูร่างกายและจิต โดยมีครอบครัวและเพื่อนสนิทคอยเป็นกำลังใจ จนในที่สุด เธอก็สามารถพลิกฟื้นตัวเองจากสภาพที่พร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆนั้นให้กลับมีสภาพพอเป็นมนุษย์อย่างในตอนนี้ได้ ทว่าในคืนนั้น ในคืนแรกที่เธอตัดสินใจตอบรับคำชักชวนของเพื่อนแล้วที่อยากให้มาเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง คืนที่เธอตัดสินใจที่จะทิ้งเงาแห่งอดีตของตัวเองไว้เบื้องหลัง เธอก็ได้พบกับผม และเกิดความสัมพันธ์ที่เกินเลยจนกระทั่งตั้งท้อง สำหรับเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ต่างอะไรกับตอกย้ำเรื่องที่เคยเกิดขึ้น เหมือนตราบาปที่ประทับซ้ำลงบนตัว ตราทัณฑ์แห่งผิดที่เธอไม่ซื่อสัตย์และทรยศต่อคนรักที่จากไป ผมปลดเข็มขัดนิรภัยออก ขยับตัวเข้าไปชิดแล้วยื่นออกไปโอบไหล่ที่กำลังสั่นของเธอเอาไว้ เธอที่สัมผัสได้ถึงแรงฝ่ามือที่กดลงไปเอนตัวเข้ามาในอ้อมอกของผม ยังคงร้องไห้สะอึ้กสะอื้น แต่ไม่ได้ใช้ฝ่ามือปิดบังใบหน้า ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังอีกแล้ว บนทางด่วนที่แสงไฟยังคงสว่าง เราสองคนโอบกอดเงียบเชียบ ความมืดไร้รูปร่างกำลังโอบรัดรถยนต์ที่จอดตายของเราอย่างช้าๆ นาวาล่มกำลังจมลงสู่ผืนทรายเบื้องล่าง...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ