ไม่มีวิญญาณในเรื่องสั้น

2.8

เขียนโดย ฮางมะ

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.49 น.

  4 ตอน
  11 วิจารณ์
  8,113 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ไม่มีวิญญาณในเรื่องสั้น

 

 

“ฉันอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงหน้าจอสี่เหลี่ยม จากรุ่งเช้าที่มืดสนิทจรดแสงแรกของวันเปล่งประกายฉายฉานต้องบานหน้าต่าง ฉันจ้องหน้ากระดาษเปล่า เป็นกี่เช้าแล้วที่เปล่าเปลือย?”

               

          เป็นไงประโยคแรกที่ฉันเขียนคุณสัมผัสกับวิญญาณได้ไหม วิญญาณที่สิงสถิตย์ในตัวอักษรก่อนขยายเป็นคำและประโยค คุณเห็นไหม คุณสัมผัสถึงวิญญาณได้หรือเปล่า? วิญญาณน่ะวิญญาณ

               

          ให้ตายสิ!

               

          คุณสัมผัสมันไม่ได้ใช่ไหม คุณรู้สึกยังไงยามอ่านจบ? ไม่มีขนลุกเลยใช่ไหม ไม่ให้บรรยากาศที่ดูมีพลังอะไรเลยใช่ไหม?

               

          ให้ตายสิ

               

          โอ้!! คุณไม่รู้หรอกว่า กว่าฉันจะคิดประโยคนี้ขึ้นได้มันยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก ตายๆๆๆ ผมตายแน่ๆ มันอะไร ขอถามอีกครั้ง คุณอ่านแล้วไม่มีอะไรเลยจริงๆใช่ไหม?

               

          เศร้า…ฉันเศร้าจริงๆ นี่แค่ประโยคสั้นๆนะฉันไม่สามารถจะกักขังวิญญาณให้มาสิงสู่ในประโยคนี้ได้เลย แบบนี้มิต้องหวังถึงเรื่องสั้น หรือนิยายได้เลย

               

          ไม่มีวิญาญาณในเรื่องสั้น ใครก็บอกแก่ฉันแบบนั้น เรื่องฉันช่างเบาบางฉาบฉวย มันช่างไม่มีพลัง ไร้ความรู้สึกกี่เรื่องต่อกี่เรื่องที่ฉันเพียรเขียนมันช่างเปล่าดายยิ่งนัก

 

          บางขณะฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ เขียนไง เสียงปีศาจในหัวเปล่งดังเตือนสติ ห่า! เสียงในหัวนี่แหละที่ออกคำสั่ง เขียนไง เขียนสิ เขียนเซ่!!

 

          มันสั่ง

 

          ฉันทำ

 

          ผลสรุปคือมันช่างเบาหวิว ไม่มีอะไรเลย บางคนบอกฉันว่า ฉันเขียนเหมือนคนเล่า สักแต่เล่า ไร้พลัง (อีกแล้ว มันจะไร้พลังอะไรกันนักหนา)

 

          ฉันเบื่อ แล้วก็ตามตัวเองอีก ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ห่า แล้วไอ้ปีศาจในสมองก็ออกคำสั่งอีกครั้ง มันวนๆเวียนๆอยู่อย่างนี้ ฉันอยากจะบ้าตาย

 

          แต่ไม่ได้ ฉันยังจะตายไม่ได้ ฉันยังไม่มีผลงานเข้าขั่นถึงระดับมาสเตอร์พีช หากมีผลงานอย่าง แฮมมิ่งเวย์ก่อนแล้วค่อยตาย เอ่อแบบนั้นแล้วค่อยตาย อย่าตายโดยไร้อะไรให้คนรู้จักมัน ช่างน่าสงสารและทุเรศทุรังมากๆ เกิดเป็นมนุษย์ทั้งทีนี่นะ จะทำอะไรก็ต้องพยายามไต่ไปถึงระดับสูงสุดของสิ่งที่ทำ ผลงานของฉันต้องมีและมีมากพอโด่งดัง แบบนั้นแหละแล้วค่อยตาย

 

          จริงๆฉันไม่อยากเชื่อว่าพวกนักเขียนที่ฆ่าตัวตายนั้น สาเหตุนั้นเพราะไม่สามารถผลิตชิ้นงานได้ดีกว่านี้แล้วฉันไม่เชื่อ พวกเขาอาจมีชีวิตต่อไปอีกไม่ได้หากต้องชื่นชมผลงานของนักเขียนรุ่นหลังๆต่างหาก

 

          ตายล่ะฉันเวิ่นเว้ออะไร ฉันกำลังพูดถึงไม่มีวิญญาณในเรื่องสั้น

 

          ใช่ ไม่มีวิญญาณในเรื่องสั้นของฉัน มันเป็นปัญหาของฉันมาตั้งแต่เริ่มหัดเขียนแล้ว ตอนแรกฉันสักแต่เขียน เขียน และก็เขียน เล่าเรื่องต่างๆที่อยากเล่า อาศัยความรู้ที่ได้จากการอ่าน พยายามเขียนเรื่องที่ใกล้ตัว เรื่องที่เราตกผลึกมากที่สุดยามที่เขียนออกมาจะทำให้ผู้อ่านได้รู้สึกและมีอารมณ์ร่วม

 

          ดังนั้นฉันจึงเขียน อาการที่ฉันรู้มาในระยะหลังๆที่ทำให้รู้ว่าเรื่องที่เขียนไม่มีวิญญาณ คือการวิจารณ์จากคนที่ได้อ่านและการได้อ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนในตอนแรกๆ

 

          บูม!!!

 

          เสียงระเบิดดังขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกสะอึก เรื่องที่ฉันชอบนักหนาภูมิใจที่เห็นมันปรากฏในหน้ากระดาษหรือในโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด อิ่มใจยามที่เขียนจบ แต่พอจบแล้ว อ่านแล้วมันกลับเป็นหน้ากระดาษที่วางเปล่าในความรู้สึก

 

          ให้ตาย ความจริงให้มันเป็นหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าก็คงจะดีกว่าใช้ตัวอักษรมาแปดเปื้อน มันคงจะดีกว่าที่เขียนแล้ว อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเปลืองพื้นที่จัดเก็บ

 

          ตลอดชั่วระยะเวลาสองปีที่ฉันพยายามหัดเขียนมันว่างเปล่า

 

          เรื่องสั้นเกือบร้อยเรื่องอันตรธานหายไปจากความคิด ฉันนั่งหลังขดหลังแข็งนั่งเก้าอี้ไม้จนแก้มก้นด้าน มันไม่มีค่าอะไรเลย

 

          ไม่มี!!!!!!

 

          วิญญาณ!!!!

 

          ฉันท้อ แต่ฉันก็หยุดไม่ได้ ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างคล้ายมีโคบาลควบขี่สมองของฉันฟาดฉันให้ฉันเขียน เขียนสิ เขียน!

 

          ฉันเรียกมันว่าปีศาจ มันสั่งฉันจริงๆนะ มันสั่งให้ฉันกระหายในการเขียนเรื่องสั้น นิยาย เขียนเรื่องส่งประกวด พอฉันแย้งมันว่าเรื่องของฉันมันไม่มีวิญญาณนะ มันก็ไม่ฟัง มันยังคงฟาด ควบขี่ห้อตะบึงความคิด สมองของฉันเหนื่อยล้า แต่ฉันหยุดเขียนไม่ได้

 

          ให้ตายสิ!

 

          ระยะหลังฉันเขียนอะไรได้ช้าลง ฉันเฝ้าหาวิธีการคิดพล็อตเรื่อง กลวิธีเล่า สมองแทบปริแตก แต่มาตกม้าตายตรงที่ไม่มีวิญญาณในเรื่องสั้นของฉัน ไม่มีวิญญาณในนิยายของฉัน

 

          มันอยู่ไหนว่ะวิญญาณ ฉันอยากจะเห็นหน้ามันจัง ฉันอ่าน อ่าน และอ่าน เป็นบ้าเป็นหลัง เพียงเพื่อจะรู้วิธีสะกดวิญญาณให้มาสิงสู่ในเรื่องที่ฉันเขียนให้ได้

 

          ระยะหลังฉันเขียนอะไรเรื่อยเปื่อย เพียงเพื่อจะหาอะไรทำ ก็ฉันเขียนเป็นเรื่องราวแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วนี่ แต่ก็หยุดไอ้ปีศาจร้ายนั้นไม่ได้ ฉันจึงเขียนระบาย ไม่น่าเชื่อโปรแกรมเวิร์ดก็ดีเหลือเชื่อ มันคอยรองรับอารมณ์ฉัน คอยสบตาตอบยามฉันท้อใจ

 

          มีแค่นี้แหละ ฉันเขียนได้ในตอนเช้าๆ เช้ามืดเลยนะ ตีสามตีสี่ แม้จะเพลียร่างจากงานหนักแต่ฉันก็ต้องตื่น

 

          ใช่เสียงปีศาจมันปลุกฉัน แต่ฉันก็เขียนได้ถึงเจ็ดโมงเช้า ห่า เป็นเพราะไอ้ข้างบ้านมันมีรถแบคโฮและรถบรรทุก ทุกเช้ามันจะตื่นขึ้นเพื่อขี่เสียงรถแบคโฮดังจนเสียสมาธิ เขียนต่อไม่ได้

 

          แต่นั่นบางทีมันก็เป็นแค่จำเลยที่ฉันผลักโทษให้ จริงๆแล้วบางเช้าฉันก็ตื่นมาเพื่อจ้องหน้าโปรแกรมไมโครซอลฟท์เวิร์ดเปล่าๆเสียอย่างนั้น บางวันก็เพียงประโยคเดียว หรือก็ ไม่มีคำใดหลุดตกมาจากสมองกลิ้งหลุนๆไหลลงคอมาถึงไหล่และแขนจรดมาถึงปลายนิ้วบนแป้นพิมพ์ได้

 

          ฉันท้อ ฉันไม่รู้วิธีแล้วจะหาวิญญาณในเรื่องสั้นได้อย่างไร เรื่องเล่าของฉันคงเป็นเรื่องเล่าดาดๆสินะ แล้วที่ฉันเขียนอยู่ตอนนี้ ล่ะมันเป็นการระบาย คุณคงรู้นะ ไม่มีวิญญาณอีกเช่นกัน

 

          คุณเห็นไหม คุณเห็นมันไหม?

 

          มันมีวิญญาณอยู่หรือเปล่า?

 

          ช่วยเห็นหน่อยนะ หากคุณพบเห็นบอกผมด้วย

 

          ได้โปรด!!

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา