เก้าอี้พักกาย...ไร้จิตวิญญาณ
เขียนโดย Yugar
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.30 น.
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 10.34 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) เก้าอี้พักกาย...ไร้จิตวิญญาณ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ในทุกวัน...ที่เป็นช่วงเวลาพักจากการทำงาน...เวลจะแวะไปที่ร้านหนังสือใกล้ๆที่ทำงานของเธอเพื่อพักร่างกายพักสายตา และถึงแหมว่าจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่เธอก็ไม่กลัวที่จะหลับตาพักกายบนเก้าอี้นั่งเก่าๆในมุมลับมุมหนึ่งของร้าน
ทันทีที่เวลสะดุ้งตื่นจากฝันหวานเธอโวยวายกับตัวเอง“สายแล้วๆๆๆ” ก่อนที่จะรีบวิ่งไปยังที่ทำงานให้ไม่สายไปมากกว่านี้
“จะรีบไปไหนเวล” พี่สาวคนสวยตะโกนทักหลังจากที่เห็นเธอวิ่งมาน่าตาตื่นเหงื่อโชกตัวเหมือนคนที่หนีตาย
“ฉันสายมากแล้วน่ะสิ” เวลรีบตอบไปทันควันประสงค์ให้คนทักรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำผิด
“สายอะไรกัน นี่มันพึ่งจะถึงเวลาเข้างานเองนะ” เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะตอบเวลไปอย่างใจเย็น
“ไม่ได้สายหรอ” เด็กสาวถึงกับงุนงงสงสัยคิ้วขมวดเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้างานสายอย่างที่คิด เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาอนาล็อกไม้ตัวเก่าแก่ที่แขวนอยู่บนหน้าร้านขายของกิ๊ฟชอปที่เธอทำงานอยู่ แล้วเธอก็เห็นว่ามันเพิ่งจะถึงเวลาเข้างานของเธอจริงๆอีกทั้งยังเหลือเวลาให้เธอได้จัดการกับตัวเองอีกตั้งห้านาที “เห้ออออ” เธอถอนหายใจเหือกใหญ่ก่อนที่จะหันกับไปยิ้มขอบคุณพี่สาวคนสวยที่ช่วยเตือนสติเธอ “^_^”
ในทุกๆวันเวลตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนเจ้านายที่ให้เงินเดือนเธอเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองและคนในครอบครัว เธอคิดเสมอว่างานคือโอกาสเดียวที่ทำให้เธออยู่รอดกับคนที่เธอรักและคนที่ให้งานกับเธอก็เป็นคนที่ให้โอกาสเธอได้อยู่รอด เธอจึงมุ่งมั่นขยันทำงานและซื่อสัตย์เป็นที่สุด ในบรรดาพนักงานทั้งหมดเธอคือคนสุดท้ายที่เดินออกจากร้านทำหน้าที่ปิดร้านให้เจ้านาย
ในวันต่อมาเวลมาทำงานตามปกติ ถึงช่วงเวลาพักเธอก็เดินไปที่ร้านหนังสือเช่นเคยและนั่งลงบนเก้าตัวเดิม หากแต่วันนี้เธอนึกสงสัยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเธอจำได้ว่าช่างเวลาที่เธอเผลอหลับไปเธอได้ใช้มันไปนานมาก มากจนเธออดที่จะคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะข้ามวันไปแล้วก็เป็นได้ ระว่างที่เวลนั่งเหม่อคิดอะไรเพลินๆเธอก็เผลอหลับไปอีกจนได้
“สายแล้วๆๆๆ” เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยคำพูดเดิมที่อุทานในทุกๆวันและรีบวิ่งกลับไปที่ร้านเหมือนวันก่อน
“เวล” พี่สาวคนสวยคนเดิมเรียกทักเธอเช่นเมื่อวานและเวลก็นึกขึ้นได้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันไม่ต่างจากเมื่อวานเลยแม้แต่นิดเหมือนกับว่ามันคือช่วงเวลาเดียวกัน เธอจึงแหงนหน้าขึ้นไปมองที่นาฬิกาอีกครั้งและก็เป็นไปอย่างที่เธอคิดเข็มนาฬิกาอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับเมื่อวานเป๊ะ
เรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้ซ้ำๆเป็นเวลานับเดือน ถึงเวลจะนึกสงสัยในทุกวันว่าทำไมเธอถึงต้องไปที่ร้านหนังสือแห่งนั้นและนั่งหลับที่เก้าอี้ตัวนั้นแต่เธอก็ยังไม่อาจหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ซึ่งเรื่องที่แปลกที่สุดก็คือทุกวันเธอจะตื่นขึ้นมาในเวลาเข้างานพอดี ทั้งที่เธอก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่เธอหลับไป เธอคิดว่าอย่างน้อยๆก็ไม่น่าจะต่ำกว่าครึ่งวันที่ใช้ไปกับการหลับไหลบนเก้าอี้ตัวนั้น
จนมาถึงวันนี้มีเหตุการที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเธอ ในขณะที่เธอกำลังจะปิดร้านและเดินไปดับไฟแต่ยังไม่ทันจะถึงสวิตไฟ ไฟทุกดวงในร้านก็ดับลงจนร้านมืดตึดตื๋อไม่สามารถมองเห็นอะไร เวลเริ่มใจสั่นเมื่อมองไปรอบๆกาย...ความมืดทำให้สถานที่ที่คุ้นเคยกลับกลายไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและน่ากลัวไปในทันตา เวลหยุดอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าไปไหน เธอไม่แน่ใจว่าทางที่จะเดินผ่านจะเจอกับอะไรบ้างเธอกลัวว่าสิ่งที่จะเจอมันจะอันตรายจนเธอรับมือไม่ไหวกลัวว่าจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ เวลาผ่านไปประมานห้าทีเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้าวเดินออกไปจากที่ตรงนี้ในตอนนี้
“กรี๊ดดดดดดด” และทันใดนั้นหลอดไฟทุกดวงก็สว่างจ้าขึ้นมาเวลตกใจกรีดร้องเสียงหลงร่างกายแทบทรุด เมื่อเห็นเหล่าเพื่อนร่วมงานรวมถึงเจ้านายของเธอถือเค้กก้อนโตเดินตรงมาที่เธอพร้อมกับเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังกึกก้องร้าน
“สุขสันต์วันเกิดนะเวล ขอให้มีความสุขมากๆนะจ๊ะ” เจ้านายคนสวยของเวลเดินเข้ามาอวยพรเธอเป็นคนแรก แต่แทนที่เวลจะปลาบปลื้มใจ เธอกลับทำท่างุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“วันเกิดฉันผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วนะคะ” เวลพูดออกมาตะกุตะกะ จนทุกคนก็เริ่มแปลกใจตาม
“ฉันแน่ใจว่ามันวันนี้นะ” ทุกหันไปจ้องจับผิดพนักงานสาวคนสนิทของเวลจนเธอต้องรีบวิ่งไปหยิบปฏิทินมายืนยันกับทุกคน “นี่ไงวันนี้วันที่เก้าเดือนห้าวันเกิดเวล” เธอเอานิ้วจิ้มที่ปฏิทินให้ทุกคนดูก่อนที่จะหันกลับมาถามเวลเพื่อยืนยัน “หรือเธอจะบอกว่าเธอไม่ได้เกิดวันนี้เวล”
“วันนี้วันที่เก้าเดือนห้าหรอ” เวลดึงปฏิทินจากมือเธอมาดูเพื่อความแน่ใจ
“ก็ใช่น่ะสิ” ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพียงกัน และนั่นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าวันนี้คือวันที่เก้าเดือนห้าจริงๆ
“เป็นไปได้ยังไงกัน” เวลถึงกลับตัวทรุดเมื่อเห็นว่าเธอย้อนกลับมาในวันเกิดของตัวเองที่ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน
“เป็นอะไรไป” พี่สาวคนสนิทรีบพยุงตัวเธอไว้ทันที
“เมื่อวานวันอะไร” เธอถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“วันศุกร์ที่แปดเดือนห้าไงถามได้”
“แล้วเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับฉันรึป่าว”
“ก็ไม่หนิเธอก็ปกติดีเหมือนทุกวัน”
“ฉันหมายถึงฉันได้ไปที่ไหนมารึป่าว”
“เธอก็ไปร้านหนังสือเหมือนทุกวันแล้วก็กลับมาเวลาเดิมเป๊ะ”
“วันนี้ก็เหมือนกันหรอ”
“ใช่”
เวลเริ่มเรียบเรียงเรื่องราวขึ้นมาในหัวก่อนที่จะอธิฐานแล้วเป่าเค้กไปตามระเบียบ เสร็จงานทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านเว้นแต่เวลที่ยังคงต้องแก้ปมสงสัยเรื่องนี้ให้ได้ ก่อนที่เธอจะไม่เป็นอันทำอะไร
เมื่อมาถึงร้านหนังสือต้นเหตุเธอก็สะดุดตาเข้ากับคุณยายแก่ๆคนหนึ่งที่นั่งจ้องเธออยู่ตรงข้ามร้านหนังสือแห่งนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปทักทาย
“นานแล้วสินะ” เวลยังไม่ทันได้เอ่ยทักทาย คุณยายปริศนาก็กล่าวทักเธอซะก่อน
“คุณยายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหนู...ใช่รึป่าวคะ”คุณยายยิ้มให้เวลเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยเผลอความลับออกมา
“จิตวิญญาณเดินทางไปกับความฝันและความปรารถนา ร่างกายย้อนกลับมาในวันที่ต้องการ”
“หมายถึงอะไรคะ หนูไม่เข้าใจ”
“นานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งเธอมีชีวิตที่แสนลำบากเติมไปด้วยความเศร้าความทุกข์ใจ แต่เธอเลือกไม่ได้ที่จะจากโลกนี้ไป หลายครั้งที่เธอพยายามจะฆ่าตัวตายแต่เธอก็รอดมาในทุกๆครั้งจนเธอคิดว่าแม้แต่พระเจ้าเองก็ยังไม่ต้องการตัวเธอ จนวันหนึ่งเธอเจอเก้าอี้เก่าๆใกล้จะพังตัวหนึ่งวางกองอยู่กับเศษของเก่าที่คล้ายครึงกับขยะในหลังบ้านของเธอ เธอจึงเก็บมันมาซ่อมแซมเพียงหวังว่ามันจะเป็นที่พักกายพักใจให้กับเธอได้ในยามที่เธอเหนื่อยล้าจากการโดนครอบครัวอุปถรรมของเธอใช้งานและรังแกอย่างหนัก” คุณยายหยุดเล่าไป จนเวลต้องเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัยค้างคาใจ
“แล้วยังไงต่อคะ เธอย้อนเวลามาเหมือนหนูรึป่าว”
“ป่าวหรอก”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“เธอไม่เคยคิดอยากจะย้อนเวลากลับไปในอดีตที่เลวร้าย เธออยากหนีออกไปจากมันให้เร็วและไกลที่สุดมากกว่า เก้าอี้ตัวนั้นจึงนำทางให้เธอไปยังอนาคตของเธอในที่ที่ไม่มีครอบครัวอุปถรรมของเธออยู่ และเธอก็พบว่าเธอได้แต่งงานกับชายขี้ยาคนหนึ่งที่เอาแต่รังแกเธอจนที่ต้องหนีออกจากบ้านพร้อมกับขโมยเงินก้อนหนึ่งมาตั้งร้านหนังสือร้านนี้แหละ”
“เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของเจ้าของร้านหนังสือหรอกหรอคะ แต่เธอยังไม่แก่เลยนะทั้งที่คุณยายก็บอกว่าเธอข้ามเวลาไปที่อนาคตไม่ใช่หรอ”
“หลังจากที่เธอเปิดร้านหนังสือเธอก็พอใจกับสิ่งเป็นอยู่ในทุกๆวัน ไม่สุขและก็ไม่ทุกข์ เธอเลือกที่จะแลกกับการไม่ทุกข์ด้วยการเอาความสุขยื่นให้เก้าอี้ตัวนั้น และเธอก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆแบบนี้เหมือนกับเวลาเธอได้หยุดไว้แล้ว”
“ทั้งที่ชีวิตเธอก็เริ่มที่จะดีขึ้นทำไมเธอถึงอยากหยุดเวลาไว้ล่ะคะ”
“เพราะเธอกลัวยังไงล่ะ กลัวว่าอนาคตเธอจะเป็นเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา เธอจึงไม่อยากเจอกับมัน”
“คงเหมือนที่หนูอยากจะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด เพื่อให้เปลี่ยนแปลงอนาคตสินะคะ”
“^_^” คุณยายยิ้มให้กับเวลที่เธอสามารถแก้โจทย์นี้ได้
“ถึงหนูจะฝันถึงอนาคตที่แสนหวาน แต่หนูก็ยังคงฝังใจอยู่กลับอดีตที่เลวร้ายและอยากย้อนเวลากับไปแก้ไขมัน เพราะหนูเชื่อมาตลอดว่าอนาคตหนูจะไม่มีวันสวยงามถ้าอดีตหนูมันยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ ทั้งที่จริงแล้วปัจจุบันก็กำลังจะกลายเป็นอดีตและอีกไม่นานอนาคตก็จะเป็นอดีตเช่นกัน”
แล้วเวลก็เดินเข้าไปยังร้านหนังสือและพบว่ามีคุณยายรุ่นราวคราวเดียวกับคุณยายคนที่เพิ่งคุยกับเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นพร้อมกับเอ่ยกับเธอเด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ถึงเวลาแล้ว...ถึงเวลายอมรับมัน ขอบใจนะสาวน้อย”
เวลเดินเข้าไปประคองคุณยายให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพาเดินไปยังห้องนอน เธอเดินออกมาจากร้านแล้วหันหลังกลับไปมองที่ร้านหนังสืออีกครั้งและก็พบว่าข้างบนป้ายชื่อร้านมีนาฬิกาอนาล็อกไม้เก่าๆเรือนหนึ่งแขวงอยู่และมันก็เริ่มเดินเป็นวันแรกหลังจากที่หยุดอยู่นานแสนนาน...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ