inspiration
8.3
เขียนโดย บุคคลปริศนา
วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 08.44 น.
1 ตอน
6 วิจารณ์
3,734 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557 08.52 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความInspiration
ในคืนที่พระจันทร์ไม่เนียมอายยืนเด่นเดียวดายบนปลายฟ้า เผยผิวสีเหลืองนวลสว่างโล่งผุดผ่องดั่งสาวน้อยวัยกำดัด ผมแหงนคอมองจ้องหล่อน แล้วหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าผับอย่าที่ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมาตั้งแต่แรก
เพิ่งเลิกจากงานและเครียดกับโปรเจคที่เสนอให้ลูกค้าไม่ผ่าน ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ผมเสนอแผนโฆษณาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมคิดได้สองครั้ง แต่ลูกค้าก็ไม่พึงพอใจ และพรุ่งนี้ผมต้องเสนออีกครั้งเป็นครั้งที่สามซึ่งกฏในบริษัทของเรา หากสามครั้งแล้วลูกค้ายังไม่พึงใจ งานของผมต้องเปลี่ยนมือเป็นของผู้อื่น ผมยอมไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมก็คิดไม่ออกเสียแล้ว
ผมคงเครียดเกินไป ผมใช้สมองหนักมาตลอดเวลา งานครีเอทิฟเป็นงานที่ผมชอบแต่หากคิดไม่ออกแล้วผมก็เกลียดมันเข้าใส การจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เราต้องคิดให้เหนือเขาล้ำหน้าไปอีก หากทว่าสมองไม่ใช่เครื่องจักรขุดเจาะน้ำมันที่จะสั่งการแล้วคิดได้ราวกับได้ขุดเจอปิโตเลียมทะลักล้นอยู่ตลอดเวลา แต่สมองล้าเป็น บางทีลูกค้าบางคนก็เรื่องเยอะแนะนำแบบนี้ไปตั้งแต่ทีแรก กลับอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายก็เลอะ และหันมาเอาอย่างที่เราแนะนำไว้อันแรก
ผมลงจากรถเดินเข้าผับหวังเพื่อเพื่อละเลียดเบียร์สักขวดสองขวดมองดูผู้คนในโลกแห่งโลกีย์สถานเผื่อจะคิดงานได้บ้าง
เสียงร่ำร้องของโทรศัพท์มือถือที่กระเป่ากางเกงดัง ผมดูเบอร์พบว่าเป็นเจน ภรรยาของผมโทรเข้ามา ผมถอนหายใจก่อนกดรับ
“ผมกลับดึกหน่อยนะ คิดงานไม่ออก และจะหาอะไรดื่มนิดหน่อยก่อนเข้าบ้านไม่ต้องห่วงนะ” ผมบอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเป็นแบบนี้เธอเข้าใจ คำว่า ‘คิดงานไม่ออก’ เธอรู้ฤทธิ์มันดีอยู่แล้ว ว่าถ้าให้ผมกลับบ้านไปจะหงุดหงิดบ่นพาลพะโลใส่เธอ เราจะทะเลาะกันเสียเปล่า เมื่อนั้นเอง ผมก็พบความลับว่าหากคิดงานไม่ออกจงให้เวลาแก่ร่างกายได้ซึมซับน้ำสีอำพันบ้าง
เพื่อให้มันไปซะล้างขยะตะกอนความคิดที่ค้างเก่าบูดเหม็นออกไป เพื่อจะเปิดรับสิ่งใหม่ยามสติหลุดหายออกไปจากตัวฟังดูไม่มีเหตุผลใช่ไหมแต่มันได้ผลมาแล้ว
ผมเดินผ่านแสงสลัวของไฟไม่สนใจยลยินเสียงเพลงแจ้ส ตรงแน่วไปที่เคาทเตอร์บาร์ สั่ง Tuarara Double Trouble ลงมาแหวกว่ายในกระเพาะหนึ่งแก้ว เป็นแบบหอมนุ่มและเนียนอย่างมีระดับแม้สนนราคาแพงระยับแต่ผมก็พร้อมนำมันมาดับความกระหาย ใช่ เป็นความกระหายทางความคิด ผมนั่งละเลียดเบียร์กิ้งก่าจากนิวซีแลนด์ช้าๆ มองดูรอบๆ
ที่นี่มีระดับ ไม่ใช่ผับกิ๊กก๊อก มีแต่คนธุรกิจที่จะมาหาที่หย่อนก้นหลังเลิกงาน ไม่ใช่ที่ที่จะเห็นความมึนเมาระดับมั่วซั่ว ที่นี่ไม่เชิงเงียบ แต่เสียงเพลงที่เปิดนั้นนั้นคลอเคลียไปพร้อมกับจังหวะความคิดเหมือนสายน้ำกับเรือ
ผมได้ผ่อนคลายคล้ายได้อยู่ในครรภ์มารดามันสงบและปลอดภัยไม่ต้องใส่ใจต่อความเป็นไปทางโลก
ขณะที่เบียร์หมดไปแล้วสามแก้ว Tuarara Double Trouble ก็เริ่มออกฤทธิ์ มันเบานุ่มก็จริง แต่หากทิ้งระยะจะเริ่มรู้สึกเมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
อ่า ใช่ ผมคออ่อนเพราะปกติแล้วผมจะไม่ค่อยดื่ม
ที่นั่งข้างๆผมมีหญิงสาวผมยาวสลวยนั่งอยู่ กลิ่นน้ำหอมของหล่อนฟุ้งกำจาย เธอกำลังดื่มพั๊นช์สีฟ้าสดใส แววตาของเราทั้งคู่สบกัน ด้วยความเมาหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมคล้ายว่าจะรู้จักเธอ
“ดื่มคนเดียวหรือครับ” ผมถามอย่างที่จะหาเพื่อนคุยมากกว่าที่อยากจะรู้
“คุณเห็นใครมากับฉันไหมล่ะคะ” เธอยิ้มริมฝีปากสีส้มสดคลี่ออกอย่างงดงาม
วินาทีนั้นผมตะลึงในความงามของหล่อนจึงไม่ได้ใส่ใจในคำตอบประชดประชันของเธอ ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งโค้งงดงามดวงตาดูโฉบเฉี่ยวจากอายไลเนอร์สีดำ ขับเน้นดวงตาที่สวมคอนแทกเลนส์สีน้ำทะเล ดูงดงาม มีมิติเดรสสีดำสั้นเห็นเรียวขาผลักผิวสีขาวอมชมพูผุดผ่อง ทุกอย่างในตัวเธอยิ่งกว่าไม้กายสิทธิ์ที่โบกสบัดให้ผมต้องมนต์คาถา และลืมใบหน้าภรรยาไปอย่างรวดเร็ว
เธอเหมือนจันทรายามหัวค่ำที่ผมเห็น ผมเองเป็นดวงอาทิตย์ที่ต้องหลีกทางให้
“มาคนเดียวค่ะ” สุดท้ายแล้วเธอก็พูดแก้ “ว้าคุณที่ไม่รับมุขเลย” เธอหัวเราะ
“ขออภัยครับผมเอาแต่จ้องคุณเลยลืมที่จะพูดไปเสียสนิท” ผมหัวเราะเก้อๆ
มิตรภาพเกินขึ้นมาในพริบตา เธอยิ้ม และเราก็คุยด้วยกันหลายเรื่อง หล่อนป็นคนคุยสนุก ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วคล้ายกับรู้จักกันมาก่อน ผมไม่สนใจหรอกว่าชื่อของเธอชื่ออะไรเธอเองก็เช่นกัน แต่เราก็มีลักษณะอะไรคล้ายกันหลายอย่าง เข็มนาฬิกาที่ผ่านไปทำให้ผมกับเธอนั่งใกล้กันมากขึ้น
ใช่ แล้วเราก็ออกมาด้วยกัน
ผมเมา ผมพร่ำพูดอะไรมากมายหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเรื่องงาน บอกเธอว่าผมออกมาดื่มเพื่อมาหาแรงบันดาลใจ
“เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปพบกับ inspiration เอง” เธอว่า แล้วรับกุญแจจากผมแล้วขับพาเราไปด้วยกัน
“ผมไม่เอาม่านรูดนะ”ผมบอกขณะจูบที่ไหลขาวเปลือยของหล่อนเป็นการหยั่งเชิง เธอไม่ว่าอะไรให้ผมคลอเคลียหัวไหล่
“ฉันก็ไม่ชอบ” เธอบอก “ไต้องห่วงหรอกฉันจะพาไปที่บ้านฉันเอง”
ผมดีใจที่ได้รับคำตอบ ผมเกลียดที่สุดเลยก็คือม่านรูด มันเป็นสถานที่ที่คล้ายเขียงเก่าๆที่ผ่านการสับหมูมาแล้วหลายคน ผมสะอิดสะเอียน และไม่เร้าอารมณ์ หมดความต้องการในทันที
ไม่นานเกินรอเธอก็ประคองผมขึ้นบ้าน ผมเวียนหัวอาการเมาทำให้ผมโอนอ่อนผ่อนตามเธอสุดแต่หล่อนจะพาไปที่ใด
แล้วหลังของผมก็แนบสนิทบนเตียงนอนนุ่ม
เธอหอบเหนื่อยนอนแผ่อยูข้างกาย ผมมองเพดานห้องก่อนจะถอนหายใจ นี่ผมกำลังจะทำอะไร ป่านนี้ภรรยาจะรออยู่หรือเปล่า แต่เธอก็ไม่โทรมาตาม
ช่างเถอะ ผมคิดใหม่อาหารจานอร่อยวางอยู่ตรงหน้าหากผมไม่กินสิ ผมจะเสียใจ
เมื่อไร้สามัญสำนึกแล้วผมก็โถมตัวเข้าหาหล่อน ซึ่งหญิงสาวไร้ชื่อก็รู้งานเธอพร้อมประจันกับผมแล้วลิ้นผมฉวัดเฉวียนบนเรื่อนร่างอันผุดผ่องดั่งจันทร์เพ็ญ ยิ่งกว่าลิ้นแห่งอสรพิษในป่าลึก เธองดงาม เป็นเรื่องร่างที่ไร้ที่ติ แต่กระนั้นธรรมชาติก็สร้างเธอมาให้ผมเป็นเจ้าของเธออย่างแท้จริง เราจูบกันช้าๆขณะที่มือผมปะป่ายอย่างรู้งานถึงตุ่มไตและถันอันกลมกลึง ผมลากชิวหาลงจากต้นคอระหงเป็นทางยาวแวะโค้งตวัดลิ้มชิมรสชาติของภูเขาสองลูกก่อนจะดำดิ่งลงไปไปถึงท้องน้อยเธอแอนกายรับอย่างสยิว และผมก็จบลิ้นอันหรรษาลงสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าของเธอ
อาการเมาเบียร์ผมหมดไปแต่กำลังเมาเรื่อนกายที่งามหยดของหล่อน
ไม่บ่อยหนักที่ผมจะเจอคนที่ร่างกายเบื้องล่างถูกใจ ผมกดไลค์แรงๆและรวดเร็ว ถี่กระทั้นเธอคอมเม้นท์ตอบด้วยเสียงร้องอันยั่วยวน
ความรู้สึกสุดท้ายของผมจบสิ้นไปในท้องทะเลกามารมณ์ที่ลึกของเธอ ผมผละจากเธอนอนแผ่หราอย่างไม่เอาเนื้อเอาหนังอะไรอีกแล้ว จบสิ้นหน้าท้องแฟบคะแม่วแนบติด ผมอ่อนแรงล้าแล้วไม่เหลืออีกต่อไป
แต่เธอไม่ เธอโถมร่างใส่ผมบ้างขึ้นควบเยี่ยงโคบาลสาว หล่อนฟาดผมเร่งเร้าจังหวะราวกับควบอาชาไนยเพื่อข้ามหุบเขาแห่งความสุข เร่งกระชั้นจนตกจากหลังอ่าน
เหนื่อย
หมดทุกสิ้นทุกอย่าง ผมมองเธอ เธอเองก็ไม่ต่างกัน
สมองโล่ง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนความสำนึกรู้กลับมาแล้วหายเมาอย่างสิ้นเชิง แล้วจู่ๆนั้นเองผมก็คิดเรื่องงานออกผมรีบลุกนั่งแล้วคว้ากระดาษกับปากกามาจดไว้ รุ่นพี่ร่วมงานเคยกล่าวว่า หากคิดอะไรได้ของจงให้รีบจดไว้เซ็กส์ดีอย่างนี้นี่เอง มิน่ารุ่นพี่ถึงบอกความลับกับเขาหากคิดงานไม่ออก ให้ใช้เซ็กส์ช่วยมันช่วยปลดเปลื้องขยะมากมายออกจากสมอง ผมจดงานอย่างรวดเร็วความคิดพรั่งพรู
เธอเข้ามาโอบคอผม “เป็นไงบ้างคะ คิดออกได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ขอบคุณมากนะเจน หากไม่มีคุณผมคงคิดไม่ออก เชื่อเถอะงานชิ้นนี้ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้แน่นอน” เขายกมือลูบหัวภรรยาผมต้องขอบคุณเธอ เธอทำให้ผมประหลาดใจอยู่เสมอ หากเราร่วมรักกันตามปกติฉันท์หน้าที่สามีภรรยาก็คงไม่ได้รสชาติแปลกใหม่อย่างนี้
“ดีแล้ว นี่ฉันลงทุนไปมากนะ ทั้งซื้อชุดใหม่น้ำหอม เข้าร้านทำผม หากคุณคิดไม่ออก มันจะไม่คุ้มเลย”
“เอาน่า ไว้ได้ค่าเหนื่อยกับงานชิ้นนี้แล้ว ผมจะจะจัดการให้คุณเอง ขอบคุณนะที่รัก ให้ตายเถอะผมจำคุณไม่ได้จริงๆ” ผมหัวเราะหอมแก้มภรรยาสุดที่รักไปอีกฟอด
“ฉันเสียอย่าง” เจนบอกยิ้มน้อยๆ “พอได้ยินคุณบอกคิดงานไม่ออก ฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่อย่าใช้ลูกไม้นี้ทำบ่อยนะ มันเปลือง”
ผมหัวเราะ เสียงดัง
ในคืนที่พระจันทร์ไม่เนียมอายยืนเด่นเดียวดายบนปลายฟ้า เผยผิวสีเหลืองนวลสว่างโล่งผุดผ่องดั่งสาวน้อยวัยกำดัด ผมแหงนคอมองจ้องหล่อน แล้วหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าผับอย่าที่ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมาตั้งแต่แรก
เพิ่งเลิกจากงานและเครียดกับโปรเจคที่เสนอให้ลูกค้าไม่ผ่าน ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ผมเสนอแผนโฆษณาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมคิดได้สองครั้ง แต่ลูกค้าก็ไม่พึงพอใจ และพรุ่งนี้ผมต้องเสนออีกครั้งเป็นครั้งที่สามซึ่งกฏในบริษัทของเรา หากสามครั้งแล้วลูกค้ายังไม่พึงใจ งานของผมต้องเปลี่ยนมือเป็นของผู้อื่น ผมยอมไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมก็คิดไม่ออกเสียแล้ว
ผมคงเครียดเกินไป ผมใช้สมองหนักมาตลอดเวลา งานครีเอทิฟเป็นงานที่ผมชอบแต่หากคิดไม่ออกแล้วผมก็เกลียดมันเข้าใส การจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เราต้องคิดให้เหนือเขาล้ำหน้าไปอีก หากทว่าสมองไม่ใช่เครื่องจักรขุดเจาะน้ำมันที่จะสั่งการแล้วคิดได้ราวกับได้ขุดเจอปิโตเลียมทะลักล้นอยู่ตลอดเวลา แต่สมองล้าเป็น บางทีลูกค้าบางคนก็เรื่องเยอะแนะนำแบบนี้ไปตั้งแต่ทีแรก กลับอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายก็เลอะ และหันมาเอาอย่างที่เราแนะนำไว้อันแรก
ผมลงจากรถเดินเข้าผับหวังเพื่อเพื่อละเลียดเบียร์สักขวดสองขวดมองดูผู้คนในโลกแห่งโลกีย์สถานเผื่อจะคิดงานได้บ้าง
เสียงร่ำร้องของโทรศัพท์มือถือที่กระเป่ากางเกงดัง ผมดูเบอร์พบว่าเป็นเจน ภรรยาของผมโทรเข้ามา ผมถอนหายใจก่อนกดรับ
“ผมกลับดึกหน่อยนะ คิดงานไม่ออก และจะหาอะไรดื่มนิดหน่อยก่อนเข้าบ้านไม่ต้องห่วงนะ” ผมบอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเป็นแบบนี้เธอเข้าใจ คำว่า ‘คิดงานไม่ออก’ เธอรู้ฤทธิ์มันดีอยู่แล้ว ว่าถ้าให้ผมกลับบ้านไปจะหงุดหงิดบ่นพาลพะโลใส่เธอ เราจะทะเลาะกันเสียเปล่า เมื่อนั้นเอง ผมก็พบความลับว่าหากคิดงานไม่ออกจงให้เวลาแก่ร่างกายได้ซึมซับน้ำสีอำพันบ้าง
เพื่อให้มันไปซะล้างขยะตะกอนความคิดที่ค้างเก่าบูดเหม็นออกไป เพื่อจะเปิดรับสิ่งใหม่ยามสติหลุดหายออกไปจากตัวฟังดูไม่มีเหตุผลใช่ไหมแต่มันได้ผลมาแล้ว
ผมเดินผ่านแสงสลัวของไฟไม่สนใจยลยินเสียงเพลงแจ้ส ตรงแน่วไปที่เคาทเตอร์บาร์ สั่ง Tuarara Double Trouble ลงมาแหวกว่ายในกระเพาะหนึ่งแก้ว เป็นแบบหอมนุ่มและเนียนอย่างมีระดับแม้สนนราคาแพงระยับแต่ผมก็พร้อมนำมันมาดับความกระหาย ใช่ เป็นความกระหายทางความคิด ผมนั่งละเลียดเบียร์กิ้งก่าจากนิวซีแลนด์ช้าๆ มองดูรอบๆ
ที่นี่มีระดับ ไม่ใช่ผับกิ๊กก๊อก มีแต่คนธุรกิจที่จะมาหาที่หย่อนก้นหลังเลิกงาน ไม่ใช่ที่ที่จะเห็นความมึนเมาระดับมั่วซั่ว ที่นี่ไม่เชิงเงียบ แต่เสียงเพลงที่เปิดนั้นนั้นคลอเคลียไปพร้อมกับจังหวะความคิดเหมือนสายน้ำกับเรือ
ผมได้ผ่อนคลายคล้ายได้อยู่ในครรภ์มารดามันสงบและปลอดภัยไม่ต้องใส่ใจต่อความเป็นไปทางโลก
ขณะที่เบียร์หมดไปแล้วสามแก้ว Tuarara Double Trouble ก็เริ่มออกฤทธิ์ มันเบานุ่มก็จริง แต่หากทิ้งระยะจะเริ่มรู้สึกเมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
อ่า ใช่ ผมคออ่อนเพราะปกติแล้วผมจะไม่ค่อยดื่ม
ที่นั่งข้างๆผมมีหญิงสาวผมยาวสลวยนั่งอยู่ กลิ่นน้ำหอมของหล่อนฟุ้งกำจาย เธอกำลังดื่มพั๊นช์สีฟ้าสดใส แววตาของเราทั้งคู่สบกัน ด้วยความเมาหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมคล้ายว่าจะรู้จักเธอ
“ดื่มคนเดียวหรือครับ” ผมถามอย่างที่จะหาเพื่อนคุยมากกว่าที่อยากจะรู้
“คุณเห็นใครมากับฉันไหมล่ะคะ” เธอยิ้มริมฝีปากสีส้มสดคลี่ออกอย่างงดงาม
วินาทีนั้นผมตะลึงในความงามของหล่อนจึงไม่ได้ใส่ใจในคำตอบประชดประชันของเธอ ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งโค้งงดงามดวงตาดูโฉบเฉี่ยวจากอายไลเนอร์สีดำ ขับเน้นดวงตาที่สวมคอนแทกเลนส์สีน้ำทะเล ดูงดงาม มีมิติเดรสสีดำสั้นเห็นเรียวขาผลักผิวสีขาวอมชมพูผุดผ่อง ทุกอย่างในตัวเธอยิ่งกว่าไม้กายสิทธิ์ที่โบกสบัดให้ผมต้องมนต์คาถา และลืมใบหน้าภรรยาไปอย่างรวดเร็ว
เธอเหมือนจันทรายามหัวค่ำที่ผมเห็น ผมเองเป็นดวงอาทิตย์ที่ต้องหลีกทางให้
“มาคนเดียวค่ะ” สุดท้ายแล้วเธอก็พูดแก้ “ว้าคุณที่ไม่รับมุขเลย” เธอหัวเราะ
“ขออภัยครับผมเอาแต่จ้องคุณเลยลืมที่จะพูดไปเสียสนิท” ผมหัวเราะเก้อๆ
มิตรภาพเกินขึ้นมาในพริบตา เธอยิ้ม และเราก็คุยด้วยกันหลายเรื่อง หล่อนป็นคนคุยสนุก ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วคล้ายกับรู้จักกันมาก่อน ผมไม่สนใจหรอกว่าชื่อของเธอชื่ออะไรเธอเองก็เช่นกัน แต่เราก็มีลักษณะอะไรคล้ายกันหลายอย่าง เข็มนาฬิกาที่ผ่านไปทำให้ผมกับเธอนั่งใกล้กันมากขึ้น
ใช่ แล้วเราก็ออกมาด้วยกัน
ผมเมา ผมพร่ำพูดอะไรมากมายหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเรื่องงาน บอกเธอว่าผมออกมาดื่มเพื่อมาหาแรงบันดาลใจ
“เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปพบกับ inspiration เอง” เธอว่า แล้วรับกุญแจจากผมแล้วขับพาเราไปด้วยกัน
“ผมไม่เอาม่านรูดนะ”ผมบอกขณะจูบที่ไหลขาวเปลือยของหล่อนเป็นการหยั่งเชิง เธอไม่ว่าอะไรให้ผมคลอเคลียหัวไหล่
“ฉันก็ไม่ชอบ” เธอบอก “ไต้องห่วงหรอกฉันจะพาไปที่บ้านฉันเอง”
ผมดีใจที่ได้รับคำตอบ ผมเกลียดที่สุดเลยก็คือม่านรูด มันเป็นสถานที่ที่คล้ายเขียงเก่าๆที่ผ่านการสับหมูมาแล้วหลายคน ผมสะอิดสะเอียน และไม่เร้าอารมณ์ หมดความต้องการในทันที
ไม่นานเกินรอเธอก็ประคองผมขึ้นบ้าน ผมเวียนหัวอาการเมาทำให้ผมโอนอ่อนผ่อนตามเธอสุดแต่หล่อนจะพาไปที่ใด
แล้วหลังของผมก็แนบสนิทบนเตียงนอนนุ่ม
เธอหอบเหนื่อยนอนแผ่อยูข้างกาย ผมมองเพดานห้องก่อนจะถอนหายใจ นี่ผมกำลังจะทำอะไร ป่านนี้ภรรยาจะรออยู่หรือเปล่า แต่เธอก็ไม่โทรมาตาม
ช่างเถอะ ผมคิดใหม่อาหารจานอร่อยวางอยู่ตรงหน้าหากผมไม่กินสิ ผมจะเสียใจ
เมื่อไร้สามัญสำนึกแล้วผมก็โถมตัวเข้าหาหล่อน ซึ่งหญิงสาวไร้ชื่อก็รู้งานเธอพร้อมประจันกับผมแล้วลิ้นผมฉวัดเฉวียนบนเรื่อนร่างอันผุดผ่องดั่งจันทร์เพ็ญ ยิ่งกว่าลิ้นแห่งอสรพิษในป่าลึก เธองดงาม เป็นเรื่องร่างที่ไร้ที่ติ แต่กระนั้นธรรมชาติก็สร้างเธอมาให้ผมเป็นเจ้าของเธออย่างแท้จริง เราจูบกันช้าๆขณะที่มือผมปะป่ายอย่างรู้งานถึงตุ่มไตและถันอันกลมกลึง ผมลากชิวหาลงจากต้นคอระหงเป็นทางยาวแวะโค้งตวัดลิ้มชิมรสชาติของภูเขาสองลูกก่อนจะดำดิ่งลงไปไปถึงท้องน้อยเธอแอนกายรับอย่างสยิว และผมก็จบลิ้นอันหรรษาลงสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าของเธอ
อาการเมาเบียร์ผมหมดไปแต่กำลังเมาเรื่อนกายที่งามหยดของหล่อน
ไม่บ่อยหนักที่ผมจะเจอคนที่ร่างกายเบื้องล่างถูกใจ ผมกดไลค์แรงๆและรวดเร็ว ถี่กระทั้นเธอคอมเม้นท์ตอบด้วยเสียงร้องอันยั่วยวน
ความรู้สึกสุดท้ายของผมจบสิ้นไปในท้องทะเลกามารมณ์ที่ลึกของเธอ ผมผละจากเธอนอนแผ่หราอย่างไม่เอาเนื้อเอาหนังอะไรอีกแล้ว จบสิ้นหน้าท้องแฟบคะแม่วแนบติด ผมอ่อนแรงล้าแล้วไม่เหลืออีกต่อไป
แต่เธอไม่ เธอโถมร่างใส่ผมบ้างขึ้นควบเยี่ยงโคบาลสาว หล่อนฟาดผมเร่งเร้าจังหวะราวกับควบอาชาไนยเพื่อข้ามหุบเขาแห่งความสุข เร่งกระชั้นจนตกจากหลังอ่าน
เหนื่อย
หมดทุกสิ้นทุกอย่าง ผมมองเธอ เธอเองก็ไม่ต่างกัน
สมองโล่ง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนความสำนึกรู้กลับมาแล้วหายเมาอย่างสิ้นเชิง แล้วจู่ๆนั้นเองผมก็คิดเรื่องงานออกผมรีบลุกนั่งแล้วคว้ากระดาษกับปากกามาจดไว้ รุ่นพี่ร่วมงานเคยกล่าวว่า หากคิดอะไรได้ของจงให้รีบจดไว้เซ็กส์ดีอย่างนี้นี่เอง มิน่ารุ่นพี่ถึงบอกความลับกับเขาหากคิดงานไม่ออก ให้ใช้เซ็กส์ช่วยมันช่วยปลดเปลื้องขยะมากมายออกจากสมอง ผมจดงานอย่างรวดเร็วความคิดพรั่งพรู
เธอเข้ามาโอบคอผม “เป็นไงบ้างคะ คิดออกได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ขอบคุณมากนะเจน หากไม่มีคุณผมคงคิดไม่ออก เชื่อเถอะงานชิ้นนี้ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้แน่นอน” เขายกมือลูบหัวภรรยาผมต้องขอบคุณเธอ เธอทำให้ผมประหลาดใจอยู่เสมอ หากเราร่วมรักกันตามปกติฉันท์หน้าที่สามีภรรยาก็คงไม่ได้รสชาติแปลกใหม่อย่างนี้
“ดีแล้ว นี่ฉันลงทุนไปมากนะ ทั้งซื้อชุดใหม่น้ำหอม เข้าร้านทำผม หากคุณคิดไม่ออก มันจะไม่คุ้มเลย”
“เอาน่า ไว้ได้ค่าเหนื่อยกับงานชิ้นนี้แล้ว ผมจะจะจัดการให้คุณเอง ขอบคุณนะที่รัก ให้ตายเถอะผมจำคุณไม่ได้จริงๆ” ผมหัวเราะหอมแก้มภรรยาสุดที่รักไปอีกฟอด
“ฉันเสียอย่าง” เจนบอกยิ้มน้อยๆ “พอได้ยินคุณบอกคิดงานไม่ออก ฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่อย่าใช้ลูกไม้นี้ทำบ่อยนะ มันเปลือง”
ผมหัวเราะ เสียงดัง
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ