Love and Friendship Lost Between Us...

-

เขียนโดย waenprin

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.40 น.

  2 session
  0 วิจารณ์
  5,294 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.46 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) Love and Friendship Lost Between Us....

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


@SCHOOL
"นาย นาย"
เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นทันทีเมื่อออดเลิกเรียนจบลง เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อที่จะตามผมให้ทัน พร้อมกับหนังสือที่หอบเอาไว้อีกปึกหนึ่ง (คงหนักน่าดูนะ =[]=) ผมหยุดยืนรอเขาอยู่หน้าล็อคเกอร์ (ตอนแรกก็ตั้งใจจะวิ่งหนีอ่านะ -0-) ส่งยิ้มบางๆให้ และเขาก็ตอบกลับมาด้วยคำชวน "กลับบ้านกับฉันมั้ย"
ตามปกติแล้วผมก็จะกลับบ้านกับ ณเดชน์นะ เพราะบ้านเราใกล้กันน่ะ ทว่าวันนี้คนที่ชวนผมกลับบ้านกลับเป็นคนอีกคน...'นายบอย'... บ้านเขาไกลจากบ้านผมมาก แล้ววันนี้นึกไงชวนผมกลับบ้านนะ เออ จริงสิ วันนี้ณเดชน์ไม่ได้มาโรงเรียนนี่นา เป็นอะไรไปอีกนะ ตานี่ -..- ไปหาที่บ้านหน่อยดีมั้ยเนี่ย ตอนมาก็ไม่ได้มาด้วยกันนะ เพราะผมตื่นสายตลอดเลย -0- ฟังดูขี้เกียจดีจริง เฮอะ
"ว่าจะไปหาแบร์ที่บ้านน่ะ"
"ไอ้เวรนั่นน่ะเหรอ" บอยกระตุกยิ้มเหยียดๆที่มุมปาก
"เขาเป็นเพื่อนนายนะ!" ผมตะคอกใส่
"เพื่อนแล้วไง?"
"..."
"แต่ตอนนี้มันคือศัตรูของฉัน!"
ผมไม่เข้าใจบอยจริงๆ แค่ผมกับณเดชน์ดูแลเอาใจใส่กันมากกว่าเพื่อนก็เท่านั้นเอง ยังไม่ได้ใช้คำว่าแฟนเสียหน่อย -/- แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ผมก็รู้สึกกับเขาไม่ได้มากน้อยไปกว่ากันเลย...ในฐานะ 'เพื่อน' คนหนึ่ง เป็นสิ่งที่บอยไม่รู้ และคิดไปว่าผมมีใจให้เขา....และเพราะเหตุนี้ไง จากที่เคยเป็นเพื่อนกันมานาน ต้องกลายเป็นศัตรูกัน บอยเขาตั้งตนก่อนนะ ผมไม่เกี่ยว -_-^ แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะผมนะ ㅠ ㅠ
"ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับนายหรอกนะ"
"..."
"นายตั้งตนเองต่างหาก"
"...!!!!"
เขาเงียบ แต่ถึงเขาจะเงียบ ผมก็รู้สึกได้ว่าเขา
กำลังไม่พอใจ เขากำลังโกรธ...
"เพื่อนกันน่ะ ยังไงก็เป็นได้แค่เพื่อนนะ"
"..."
เขายังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม ผมคิดว่าไม่ควรจะพูดอะไรที่มันทำให้เจ็บทรวงในอีก เพราะไม่งั้นเขาระเบิดขึ้นมาแน่ๆ และถ้าเขาระเบิดเขาสามารถทำอะไรรุนแรงได้มากเทียว เพื่อระงับความโกรธ อย่างเช่นต่อยกำแพงจนข้อมือส้น หรือแม้กระทั่งทำตัวเป็นนักเลงก้าวร้าว ทำ...ในสิ่งที่ไม่ใช่เขา และเขาจะไม่หยุด ถ้าหากว่ายังไม่ได้สิ่งที่อยากได้ ...อย่างตอนนั้น...
ผมตัดสินใจบอกลาและเดินผ่านเขาที่ยืนนิ่ง แข็งทื่อ เป็นรูปปั้น สีหน้าเขาโกรธมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คงเพราะว่าผมอยู่ตรงหน้าเขาด้วยล่ะมั้งเลยไม่กล้า เขาเกรงใจผมล่ะ (ภูมิใจมาก) และเขาก็คงไม่อยากให้คนอื่นๆรู้เรืี่องนี้ เพราะแค่นีิ้มันก็มากพอแล้ว...
---------------------------------------
"โธ่เว้ย!!!"
เขาสบถออกมาทันทีที่หมากเดินไปแล้ว นึกโทษ โกรธตัวเอง อยากทำร้ายตัวเองที่ไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นที่หมากเคยให้มาได้ ทำไมครั้งนั้นเขาปฏิเสธล่ะ ทั้งๆที่ในใจแทบบ้าคลั่ง? อีกครั้งเดียวเท่านั้น เขาอยากขอให้หมากให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาเคยขอเอาเมื่อตอนสายเกินแล้ว มาตอนนี้เขาได้แต่โกรธตัวเองเท่านั้นแหละ ความคิดร้ายๆผุดขึ้นมาในสมองเพียงชั่ววูบ เขานิ่ง...เอาศรีษะชนกำแพง เหงื่อไหลโชก คิดให้แน่ใจว่าควรจะทำสิ่งนั้นดีหรือไม่?
"พวกแก....!!!!!"
---------------------------------------
ผมเดินมาถึงบ้านณเดชน์แล้ว ไม่กล้ากดออดเพราะกลัวจะรบกวน -_-^ เผื่อว่าเขาจะไม่สบาย ผมว่าเหมือนผมจะรู้นะว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ไปโรงเรียนน่ะ แต่...เขามีความอดทนพอที่จะฟังเสียงกลุ่มคนนินทาได้นะ (อ้อ ลืมบอกไป ว่าวันนี้ตั้งแต่เช้าจนเลิกเรียนมีเสียงซุบซิบนินทาเรื่องของเราสามคนด้วยล่ะ คงเพราะเห็นเราไม่เหมือนเดิมละมั้ง -/- ) บอยนะบอย นายไม่น่าบ้าเลือดไปป่าวประกาศเรื่องของเราเลย ความคิดชั่ววูบของนายมันส่งผลต่อความฮอตของเราสามคนในโรงเรียนนะ .__. แต่มากไปกว่านั้นคือ...'ไม่เหมือนเดิม'...
ตริ๊ง !
...I don't know what happened between us...I'm "S O R R Y"...

ข้อความนั้น...ทำให้ต้องเผลอกำมือแน่นระงับความโกรธไว้ ไม่ต้องดูชื่อหรือเบอร์ก็รู้ว่าใครที่ส่งมา มีคนเดียวเท่านั้นที่ชอบส่งข้อความภาษาอังกฤษมา ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ส่งมาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็นะ ผมชินแล้วล่ะ ณเดชน์ !! นายอยู่ในบ้านสินะ แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย เขาคงรู้ว่าผมยืนอยู่หน้าบ้าน
'Can I go inside?'
ผมส่งข้อความนั้นกลับไป ไม่รู้ว่าจะส่งไปทำไม ในเมื่อข้อความที่เขาส่งมาก็บอกให้ผมเข้าไปข้างใน หรือผมคิดไปเอง? ผมไม่รอให้เขาส่งข้อความกลับมา (และไม่ขอกดออด) รีบจ้ำเท้าเข้าไปในบ้านทันที ในใจกระวนกระวายไปหมด ในสมองก็มีแต่เรื่องราวย้อนไปในอดีตของ 'เรา' ...มันผุดขึ้นมาเป็นร้อยเป็นพัน ผมคิดว่ามันควรจะจบไปตั้งนานแล้ว แต่ความจริงคือมันยังไม่จบ! แค่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาก็เท่านั้น!!
ผมเดาไว้าว่ามันจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่ใครต้องการ...
เมื่อผมเข้าไปในบ้านสิ่งแรกที่ผมเห็นคือ สภาพบ้านรกอย่างกับ...(?) กระดาษนับสิบแผ่นกระจัดกระจายไปทั่ว เขาต้องโมโหอะไรสักอย่างแน่ (เป็นแบบนี้ตลอดแหละน่า - -^ ) สองคือคนตัวสูงใหญ่นั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงของเขา หน้าเขาแดงแจ๋เต็มไปด้วยทิฐิ คิ้วเข้มๆแทบจะขมวดมาชนกัน บนใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เหงื่อที่ผมคิดว่าน่าจะมาจากการทุบต่อยหรือเตะกำแพง มือหนานุ่ม (จากที่เคยสัมผัส) กำแน่นจนเห็นเส้นเลือด หนำซ้ำยังมีคราบเลือดซิบอีกด้วย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจะต้องทำร้ายตัวเองด้วย บ้าเลือดดีจริงเชียว
ผมถลาเข้าไปหาเขา ไม่สนว่าเหยียบกระดาษหรือเอกสารสำคัญแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ผู้ชายตรงหน้า เขาสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เขาเป็นอย่างนี้ทำให้ผมพลอยไม่สบายใจไปด้วย กลัวว่าเขาจะไปหาเรื่องกับบอยน่ะ
"ณเดชน์!!!"
"หมากพาแบร์ไปจากตรงนี้ที"
น้ำเสียงแหบอย่างเหนื่อยล้าที่เขาพูดมาทำให้ผมหยุดอึ้งไปนิด เขามองผมด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะพูดต่อ "คนในโรงเรียนรู้เรื่องเราหมดแล้ว..."
"นายรู้...?"
เขาไม่ได้ไปโรงเรียนวันนี้ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง ต้องมีคนบอกแน่ๆ เพราะเรื่องมันก็แค่โรงเรียน คนนอกไม่รู้ (เว้นแต่จะเป็นโรงเรียนใกล้ๆกันเนี่ยแหละ)
"บอยมันทำอะไรนายหรือเปล่า"
"เปล่า"
ผมเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ผมกับบอยคุยกัน คำที่ผมคุยกับเขามันก็แค่ประโยคปฏิเสธธรรมดาเท่านั้น แต่บอยจะคิดร้ายหรืออะไรนี่ผมไม่รู้ พอผมเดินจากมาก็ได้ยินเสียงทุบกำแพงซึ่งคิดว่าต้องเป็นเขาแหงมๆ แล้วก็เสียงสบถอีกนิดหน่อย
"มันทำนาย!" กล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอห้ะ นายณเดชน์ - - ว่าแล้วว่าเขาต้องไม่เชื่อ แต่ก็นะ ไม่พูดดีที่สุด เพราะเดี๋ยวณเดชน์เปิดศึกกับบอยอีก กลัวสุดๆก็สิ่งนี้
"บอกว่าไม่!"
"ฉันจะไปฆ่ามัน"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!"
เขาผุดลุกขึ้นอย่างเดือดดาล ผมรีบไปขวางเอาไว้ทันที ขออย่าให้มีเรื่องกันตอนนี้เลย แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะเคลียร์กันจบมั้ย
"ไม่ต้องมาห้าม ใครที่มันทำร้ายคนของฉัน มันต้องตาย!!" เขาประกาศกร้าวพร้อมกระแทกเท้ากับพื้นแรงๆสองสามที
"พอได้แล้วนะ เลิกบ้าเลือดสักทีเถอะ แค่นี้ยังไม่พอหรือไง รู้มั้ยว่าตอนนี้เรื่องของเราสามคนมันกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว! บอยประกาศไปแล้วเรื่องระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นแฮปปี้ เอนดิ้ง ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของใคร ทุกคนมีส่วนผิดกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ถ้านายไม่มาบอกคำนั้นกับฉันก่อน บอยเองก็ผิดที่เก็บฟีลลิ่งมานาน และฉันเองก็ผิดที่เลือกใครคนหนึ่ง และทำให้อีกคนหนึ่งกลายเป็นศัตรู! และถ้านายมีเรื่องกับบอยอีกครั้ง งานนี้จบไม่สวยแน่ นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าบอยเป็นคนยังไง พูดจริงทำจริงและจะทำยิ่งกว่าที่พูดด้วย ถ้านายไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปยิ่งกว่านี้ก็นั่งลงซะ ส่วนบอยน่ะ ฉันจะไปคุยกับเขาเองวันพรุ่งนี้"
"..." เขานิ่งไปกับคำตอบโต้แกมตะคอกของผม ประโยคพวกนี้น่าจะทำให้เขาคิดได้บ้างแหละน่า และถ้าจะให้ดีกว่านี้ผมอยากให้บอยได้ฟังด้วย...เขาคงจะเงิบไปพักหนึ่งเลยละ จริงๆแล้วผมก็พูดไปงั้นแหละ ตอนนี้จับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว ที่บอกว่าจะไปคุยกับบอยน่ะ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน ผมแค่พูดเพื่อที่จะทำให้ณเดชน์สบายใจขึ้นไม่มากก็น้อย
"นั่งลง...คอนโทรลความโกรธของนายให้ได้นะ แล้วอย่าทำร้ายตัวเองเพราะเรื่องพรรค์นี้อีก เข้าใจมั้ย?" ผมจบประโยคด้วยเสียงอ่อนโยนที่พอจะทำให้เขาเย็นลงได้ และเขาก็เย็นลงจริงๆ นั่นแค่ภายนอก ภายในเขาคงจะร้อนเป็นไฟ เดี๋ยวเขาก็เย็นลงเอง ผมพยายามคิดอย่างนั้น...
'คนของฉัน' คำนี้มันดังก้องอยู่ในหัวสมอง ผมใจจดใจจ่อกับการทำแผลที่มือให้ณเดชน์เพื่อจะลบคำๆนั้น แต่มันก็ยากมาก เพราะไม่ว่าจะกลบเกลื่อนด้วยการกระทำใดมันก็ต้องแวบเข้ามาเสมอ ผมเป็นคนของเขาแล้วสินะ >///< (ผมนี่แรดเนอะ -0- ทำไงได้ อยู่กับณเดชน์แล้วเป็นงี้ทุกที โดยอัตโนมัติ -_-^ )
หลังจากทำแผลเสร็จผมก็ชวนเขาคุยเรื่อยเปื่อย ตั้งใจจะทำให้บรรยากาศอึมครึ้มเปลี่ยนเป็นมีเสียงหัวเราะบ้าง ผมไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังๆแบบนี้มานานแล้ว แต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน ด้วยความที่พรุ่งนี้ผมจะต้องไปโรงเรียนเพื่อไปพูดกับบอยให้รู้เรื่อง
"ไม่เห็นนายหัวเราะแบบนี้มานานแล้วนะ"
"เพราะไม่มีความสุขละมั้ง"
"เรื่อง?"
"นายรู้ดี..."
พอจะเดาออกละว่าเรื่องอะไร...
"พรุ่งนี้จะไปเรียนไหม" ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้บรรยากาศกลับมาอึมครึ้ม ตึงเครียดเหมือนเมื่อตอนเย็น
"บอกกับอาจารย์นะว่าฉันเป็นโรคดีซ่าน"
"ทำไมต้องดีซ่าน? -0-"
"ก็เพราะว่าโรคนี้นี่แหละที่ทำให้คนมีอารมณ์แปรปรวนในบางครั้งน่ะ"
"คิดว่าคนเขาจะเชื่อเหรอ หา? -_-^"
"ก็เรื่องของเขาสิ"
แล้วเขาก็เปลี่ยนความคิด...-_-
"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปโรงเรียนดีกว่า"
เฮ้อ...จริงๆเลยนะนายนี่ ใครอยู่ร่วมชายคาคงเป็นบ้าตายแน่ๆ ขนาดผมเองยังจะประสาทกิน -3- อารมณ์แปรปรวนแบบนี้น่านัก กี่รอบแล้วเนี่ย ก็ยังไม่ชินสักที -0- ก็ดี...ไปโรงเรียน เผชิญหน้ากับสิ่งมันกำลังจะเกิด และบางสิ่งเกิดขึ้นไปแล้ว พูดถึงก็อยากเห็นณเดชน์ออกโรงเหมือนกันนะ
"ฉันกลับได้ยัง"
"นอนกับฉัน"
"..."
พูดบ้าอะไรของนายน่ะ อารมณ์ดีแล้วเป็นแบบนี้ทุกที
"ได้ไหม..."
เล่นรีเควสต์ด้วยเสียงนุ่มๆพร้อมกับสายตาแวววาวอย่างนั้น ฉันก็แพ้น่ะสิ สุดท้ายคือต้องยอมทุกที ^3^
"แล้วฉันจะเรียนยังไง ชุดเดิมเนี่ยนะ"
"ชุดฉันไง เราสัดส่วนเดียวกันนะ"
"แต่มันปักชื่อนาย -_-^"
"ไม่เห็นแปลก ไหนๆคนเขาก็รู้กันแล้วนี่นา ใส่ไปเปิดตัวเลย ^~^"
"ฉันกลัวโดนตบ \(- - )/ \( - -)/"
"ใครกล้าก็ตบสิ ฉันจะได้ซัดกลับ : )"
"พวกสาวๆที่ปลื้มนายไง -/-"
"มีด้วย? เท่าที่่เห็นก็จะมีแต่คนเขาเชียร์คู่เรานะ ณเดชน์หมาก~ >O<"
"เห็นล็อกเกอร์นายมีแต่จดหมายรักนี่"
"นายต้องลองอ่านดู บางคนเขียนมาว่า 'พี่ณเดชน์กับพี่หมาก อยู่ในสถานะอะไรคะ' บางคนก็ 'ขอให้พี่สองคนรักกันนานๆนะคะ' " ณเดชน์ดัดเสียงแหลมให้ดูเป็นผู้หญิง (?) อืมมมม นายก็เข้าดีนะเนี่ยกับลุคส์นี้ .___.
"แล้วไป"
"หวง ห่วง หรือว่าหึง?"
"(.///. )( .///.)"
"นั่นแน่ๆ"
"คนบ้า ไปอาบน้ำนอนดีกว่า"
ผมเขินจนพูดไม่ออก ได้แต่จบการสนทนาด้วยการไปอาบน้ำนอน เชื่อว่าอีกไม่เกินห้านาทีณเดชน์จะไปนอนอยู่ในห้อง -0-
ขอโทษนะ พอดีวันนี้ฉันนอนห้องนอนแขกย่ะ^^
หลังจากอาบน้ำทำภารกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ผมตั้งใจว่าจะเข้านอนทันทีเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ทว่าพอผมเปิดประตูห้อวเข้าไปก็เจอณเดชน์นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง นี่จะตามไปทุกที่เลยหรือไงเนี่ย เพลียจิต -_-^
"คงเข้าห้องผิด"
ผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่โดนเรียกไว้ซะก่อน คือถ้าผมจะเสียมานยาทเดินออกไปเลยก็ได้นะ แต่ว่านี่เขาลุกจากเตียงเข้ามาโอบจากทางด้านหลังด้วย โอบแน่นไปไหม -3-
"ปล่อย หายใจไม่ออก"
ผมพยายามดิ้น ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจากอ้อมแขนนั้นได้ ฉันไม่ไปไหนหรอกน่า ทำอย่างกับเป็นฮัสแบนด์แอนด์ไวฟ์อย่างนั้นแหละ ว่าแต่อ้อมกอดนี้อุ่นชะมัด ^[]^
"เดี๋ยวปั๊มให้"
"ทะลึ่ง"
"ไม่ทะลึ่งแล้วจะเป็นณเดชน์ได้เหรอ^^"
"อย่ามาตลก -_-^"
"จริงจังนะเนี่ย เข้าไปในห้องเร็ว"
ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็อุ้มผมเข้าไปในห้องทันที -3- เขาปล่อยผมลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา เฮ้ๆๆ ทำแบบนี้ ถามฉันก่อนมั้ย -_-^ (กะว่าจะเล่นตัวนิดหนึ่งน่ะ ; ) ) และเหมือนเขาจะรู้ความคิดบ้าๆของผม พูดขึ้นมา...
"ไม่ต้องมาเล่นตัว ฉันรู้ทันนายหรอก"
"เชอะ -_-^ รู้ทันซะหมดเลยนะ" ผมเบ้ปาก
"เล่นตัวไปเถอะ ยังไงซะคืนนี้นายก็เป็นของฉัน ^3^"
เขาจบประโยคด้วยจุมพิตที่แสนหวานและอ่อนโยน จูบนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยนับพันบินว่อนอยู่ในท้อง เขาละเลียดลิ้นไปทั่วโพรงปาก ความซาบซ่านของอุ้งปากร้อนๆ ครอบครองอย่างเชี่ยวชาญ นานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าเขาจะปลดมันออก ตอนนี้รู้เพียงว่า ผมต้องการมันอีก (คนเขียนตั้งใจให้ผมแรดใช่มั้ย -/- ) ...ร่างของผมอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งรนไฟ
ทั้งสองหารู้ไม่ว่ามีใครอีนคนหนึ่งแอบมองอยู่ในเงามืด ในมือยังมีกล้องหนึ่งตัวสำหรับแอบถ่ายทั้งคู่อีกด้วย! O.o พวกเขามีช่วงเวลาอันดื่มด่ำโดยไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้น ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน
---------------------------------------
เช้ารุ่งขึ้น...
"สายแล้ววววว !!!" ผมตะโกน
"มาแล้วคร้าบๆๆ"
"สายไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ"
"ไปกันเถอะ"
ชิชะ ได้ทีเปลี่ยนเรื่อง ผมมองค้อนณเดชน์ไม่จริงจังนัก เพราะชินกับการนอนดึกตื่นสายของเขาแล้ว แต่วันนี้ก็สายเกินไปนะ
"เดินนะ"
"สบายมาก" เขาตกลงพร้อมกับทำท่ากระตือรือร้นเต็มที่ ยิ้มหน้าบานเห็นฟันขาวเรียงรายสวยเชียว เดินไปเรื่อยๆแล้วจะเหนื่อย ชิชะ -0- จะยิ้มหน้าบานแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ ป่านนี้ที่โรงเรียนวุ่นวายกันถึงไหนแล้ว เพราะคนเดียวแท้ๆเลย เฮ้อ
ผมไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์นี้มันจะเกิดขึ้น และรุนแรงจน...(อ่านต่อไปนะครับ)
---------------------------------------
@SCHOOL
เสียงโวยวายพร้อมกับเสียงกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง ทำให้คนที่ยืนอยู่ในละแวกนั้นหันมาที่เขาเป็นสายตาเดียว ใบหน้าของเขาตอนนี้แดงไปด้วยความโกรธ เขากัดฟันกรอด กำหมัดแน่นหลังจากดูรูปจากคนที่เขาให้ไปสืบมา
"นี่มันอะไรกัน!!!!"
เขาโยนรูปพวกนั้นลงบนโต๊ะ บ้างก็กระจายร่วงลงพื้น
รูปที่เขาเห็นนั้นเป็นรูปของณเดชน์กับหมากกำลังกอดกันบ้าง คิสกันบ้าง หรือทำอะไรๆบ้าง และที่สำคัญคือทั้งคู่นอนบนเตียงเดียวกันที่บ้านของณเดชน์ เพราะสิ่งนี้สินะ ที่ทำให้เขาลุกเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าโกรธอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ควร หากพ้นเขตนี้ไปก็ไม่แน่...เขายิ่งโกรธๆอยู่ด้วย
ปัง !
"กล้าทำกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ!?!"
เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาด้วยแรงหมาศาลของใครคนหนึ่ง และไม่ผิด คนที่เดินเข้ามาคือณเดชน์และหมาก สองคนนี้มา 'ทัน' ที่บอยพูดประโยคนั้น เพียงแต่เข้าห้องช้าไปนิดทำให้ไม่เห็นสีหน้าของคนพูดอย่างที่ตั้งใจตั้งแต่ได้ยินเสียงลอดออกมาข้างนอกแล้ว
"ขนาดนี้? หมายความว่ายังไง?" ณเดชน์เลิกคิ้วถามพร้อมกับเดินตรงไปที่โต๊ะเรียนของตัวเอง วางกระเป๋าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนหมาก...เขาไม่เดินตามณเดชน์ไป กลับจ้องไปที่บอยอย่างโมโหเลือดแทบขึ้นหน้า ด้วยกันนั้นสายตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง...ไม่คิดเลยจริงๆว่าเพื่อนกันจะทำกันได้ถึงเพียงนี้...
Foolishness,
Misunderstanding, and
Love...
สามสิ่งนี้เป็นที่เข้าใจยาก โดยเฉพาะเวลาที่มันมาเกี่ยวกับความรักและคำว่าเพื่อน...แต่ก็ยังหวังว่าบอยจะเข้าใจสักวันหนึ่ง
"บอย...บอย...ขอโทษ..."
เมื่อเห็นหมากจ้องเขาอย่างไม่วางตาจึงพร่ำขอโทษ เขาเป็นคนที่รักใครก็รักมาก และจะเกรงใจและตามใจคนนั้นเป็นพิเศษ (แต่บางทีก็ทำได้แค่เกรงใจและเกรงกลัว...) เหมือนตอนนี้ เขาเกรงใจหมาก เพราะรักมาก เขาทนไม่ได้ที่จะเสียหมากไปให้ใคร...
"ไม่มีประโยชน์หรอก"
เขารู้...หมากกำลังโกรธ ถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้า ทว่าดวงตาก็ปิดไม่มิด และดูได้จากน้ำเสียงของประโยค 'ปฏิเสธ' นั้น หมากไม่ได้พูดตรงๆแต่ก็คนฟังรับรู้ได้ถึงความนัยของประโยคนั้น
"ㅠ ㅠ" บอยน้ำตาคลอ...
"คิดว่าน้ำตาจะช่วยได้งั้นเหรอ นายก็รู้นี่ว่าน้ำตาไม่มีผลต่อฉัน"
พูดเสร็จก็เดินไปที่โต๊ะเรียนของเขาซึ่งอยู่ติดกับณเดชน์พอดี ณเดชน์กำลังสนใจกับหนังสือตรงหน้ามากกว่าที่จะสนใจความเป็นไปของคนในห้อง แต่เขา...ได้ยินทุกคำพูด ทุกเสียงกระซิบ ซุบซิบนินทาของใครมากมายที่มาเป็นระยะๆ หมากไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากหนังสือที่ทำเป็นหยิบขึ้นมาอ่าน สมองและดวงตาหาได้จดจ่ออยู่ตัวอักษรไม่ ในใจวุ่นวายกว่าที่เคยเป็น วันนี้สามคาบเรียนแรกเขาไม่มีทั้งสมาธิและสติ เหม่อลอยออกไปไหนต่อไหนบ้าง จนโดนคุณครูตำหนิ ณเดชน์สังเกตุเห็นอาการนี้มานาน เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร ไม่ใช่เพราะกลัวโดนคุณครูว่า แต่เป็นเพราะเขาอยากให้เวลาหมากคิดมบทวนให้ดีอีกครั้งมากกว่า ส่วนบอย...เขาดูจะตั้งใจเรียนมาก แต่นั่นเป็นแค่การ 'แสดง' เท่านั้น ลูกตาจดจ่อที่กระดาน คุณครูที่อธิบายอยู่หน้าห้องและสมุดจดมือเป็นระวิง แต่ภายในใจทั้งกระวนกระวาย ทั้งอึดอัดกลั้นใจ...หลายครั้งที่แอบมองไปที่หมาก แต่หมากก็ไม่แม้แต่จะหันมองตอบ จนกระทั่งออดพักกลางวัน...
นักเรียนทุกคนออกไปทานมื้อกลางวันกันหมดแล้ว จะเหลือก็แต่(อดีต) 'สามเกลอ' เท่านั้น ทั้งสามเงียบนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไร ขอเวลาให้ได้คิดอีกสักนิด ผ่านไปราวเจ็ดนาที ณเดชน์ก็เริ่มบทสนทนา หรือจะเรียกให้ถูกว่า 'การจบปัญหา' น้ำเสียงเยือกเย็นบ่งบอกความโกรธในใจ
"นายไม่น่าทำแบบนี้นะ ก็รู้นี่ว่าทำไปก็เท่านั้น"
"มันยังไม่จบ" บอยเหงื่อไหลโชกทั้งที่ในห้องเย็นสบายกำลังดีด มือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมา
"ต่อไปจะทำอะไรอีกล่ะ..." เขายิ้มเหยียดก่อนจะพูดต่อ "จ้างคนมาคอยตามไปทุกที่หรือว่าสายลับคอยรายงานทุกสิ่งอย่างล่ะ อ้อ หรือจะให้..."
"...!!! แก..." บอยชี้หน้าด่า หน้าแดงก่ำ "ไอ้เพื่อนทรยศ!"
"ใครทรยศใครกันแน่" ณเดชน์สวนกลับทันที เขาเลือกที่จะไม่ขึ้นเสียง แต่น้ำเสียงต่ำๆเย็นๆของเขาก็สามารถทำให้ขนลุกให้เหมือนกัน
"ก็เพราะใครล่ะ!"
หมากที่นั่งมองเหตุการณ์พลางครุ่นคิดอยู่นานเริ่มจะทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาห้าม หาได้ผลไม่...
"หยุดทั้งคู่นั่นแหละ!!!"
"หมาก นายไม่เกี่ยว ถอยไป" ณเดชน์เลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขาถึงกับใช้กำลัง ใช้มือสากหนาๆนั่นผลักหมากให้ออกห่าง ทว่าแรงไปหน่อยทำให้คนตัวใหญ่อย่างหมากเซล้มลงไปกับพื้น บางส่วนของร่างกายถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงกับขาโต๊ะและเก้าอี้ แต่...ไม่มีใครสนใจ...แม้แต่คนที่รักหมากมากๆอย่างบอย...
"คิดจะรบกับฉันงั้นเหรอ"
เสียงนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนเปลือกตาจะปิดและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด...ตึง! ศรีษะของเขากระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างใกล้ตัว เลือดไหลซิบๆ เขาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งความเจ็บภายนอกและภายใน
"หมาก!!!"
เสียงกระแทกนั้นทำให้ทั้งบอยและณเดชน์ตกใจและรีบถลาเข้าไปแย่งกันประคอง
"เพราะนาย" บอยพูด
ณเดชน์ไม่เถียง เขารู้ว่าเป็นเพราะเขาเอง...
"พาหมากไปห้องพยาบาลที" ณเดชน์บอกเสียงสั่น ดูกระวนกระวายเป็นพิเศษ
'นายอย่าเป็นอะไรเลยนะ'
'แค่นี้เอง คงไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า'
'สลบไปก็เท่านั้น'
'ทำแผลนิดหน่อยกับให้นอนพักเดี๋ยวก็ฟื้น'
'นายต้องตื่นนะ'
ระหว่างที่คนตัวโตสองคนกำลังช่วยกันประคองร่างของหมากไปที่ห้องพยาบาล เสียงความกระวนกระวายแกมเป็นห่วงของทั้งคู่ดังสลับกันไปมาราวกับกำลังตอบโต้กันอยู่ภายในใจ ทว่าไม่มีใครปริปากพูดอะไร นาทีนี้หมากสำคัญกว่าที่จะชวนกันทะเลาะ กระนั้นก็ยังไม่ลงรอยกันอยู่ดี นี่ 'อาจจะ' เป็นการสงบศึกชั่วคราวเท่านั้น
---------------------------------------
@SCHOOL's INFIRMARY
หลังจากที่พยาบาลทำแผลและฉีดยาให้แล้ว คนสองคนที่ยืนรออยู่ข้างเตียงคนไข้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ต่างไม่พูดอะไรกลับมองตากันราวกับจะข่มกับ สลับมองคนที่นอนนิ่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่บนเตียง
"นายรักหมาก"
"ใช่ รักมาก"
เสียงตอบรับหนักแน่นของบอยทำณเดชน์ใจสั่นคลอน เขาคิดมาเสมอว่าบนโลกนี้มีแค่เขาที่รักหมากได้หมดหัวใจ เพิ่งรู้ความจริงไม่นานมานี้ว่า 'มีอีกคน' ที่รักหมากพอๆกับเขา ยิ่งวันนี้ได้รับคำตอบที่หนักแน่นจากปากของคนที่ขึ้นชื่อว่า 'เพื่อนรัก' ความรู้สึกของเขาที่เคยสัญญากับตัวเองก็ยิ่งลดลงทุกที...ทุกที...ทุกที...
"งั้นเรามาพนันกัน" เขาตัดสินใจเสี่ยงท้าทาย เพื่อว่าโชคจะเข้าข้างเขาอีกครั้ง
"ว่ามา" ณเดชน์เดาไม่ผิด บอยรับคำท้านั้นแน่ และพร้อมที่่จะทำหรือเสี่ยงทุกอย่างเพื่อคนๆเดียวที่เป็นยิ่งกว่าดวงใจ
"ถ้าหมากฟื้นขึ้นมาแล้วเรียกชื่อใครก่อน ชนะ"
"แล้วคนแพ้ล่ะ"
เขาไม่คิดคำตอบใดๆกับคำถามนี้จริงๆ ความคิดอะไรที่เข้ามาในโสตประสาทตอนนี้ เขาขอพูดมันไปก่อน โดยที่คิดว่าผู้แพ้จะต้องไม่ใช่เขา
"คนแพ้จะต้องสงบศึกและยอมรับความเป็นจริงทั้งหมด"
"...โดยไม่มีข้อต่อรองใดๆทั้งสิ้น"
บอยต่อประโยคให้ ประโยคที่ณเดชน์ไม่ต้องการ เพราะเขาต้องเผื่อใจไว้หากแพ้ขึ้นมา
"ก็ดี..."
"ฉันรับคำท้า" บอยยื่นมาข้างหน้าเพื่อเชคแฮนด์ ทั้งสองจับมือกันเป็นการ 'ดีล' ต่อกัน ต่างเชื่อและมั่นใจว่าตนจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้
"ดีล..."
"ดีล..."
หลังจากนั้นไม่นานคนบนเตียงก็เริ่มรู้สึกตัว กระพริบตาถี่ และเหมือนจะพร่ำๆถึงใครสักคน ไม่ณเดชน์ก็บอย...หากคนที่นั่งรอเขาฟื้นอยู่นั้นฟังไม่ออก และหมากก็ยังไม่ตื่นดี อาจจะเป็นการละเมอหรืออะไรมากกว่า คนตัวโตทั้งสองคนรีบถลาเข้ามายืนอยู่ข้างเตียง รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ต่างคิดว่าจะแพ้ไม่ได้ หากแพ้แล้วจะทำอย่างไร จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนและจะแบกรับความจริงได้หรือไม่ ว่าตนแพ้...
ณเดชน์คิดว่าถ้าเขาแพ้ เขาจะต้องยอมรับความจริง ต้องทำใจ และคงต้องยอมเห็นภาพบาดตาบาดใจ แต่ถ้าเขาชนะ...เขาจะบอกกับบอยว่าอย่างไรดี และถ้าเขาชนะเขาก็คงจะเสียเพื่อนรักคนหนึ่งไป เพราะบอยไม่ยอมแน่ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกครั้ง...
ทว่าทุกอย่างกลับพลิกผัน...
"บอย...แบร์..."
หมากพร่ำเรียกชื่อของทั้งสองโดยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย เปลือกตาค่อยๆเปิดออกทีละนิด สิ่งแรกที่เห็นคือ 'เพื่อน' สองคนนั่งอยู่บนโซฟา ระยะห่างกันพอสมควร
"ฉันชนะ" บอยสรุปพลางยักคิ้วข้างเดียวหนึ่งแผล็บ "ทำตามที่บอกไว้ให้นะ : )"
"แต่หมากก็เรียกชื่อฉันเหมือนกัน"
"ชื่อฉันก่อน"
ณเดชน์ปากสั่น น้ำตาคลอ ก็จริงอย่างที่บอยพูด...หมากเรียกชื่อบอยก่อน เขาเป็นคนให้คำท้า เพราะฉะนั้นเขาต้องทำตามทุกอย่างที่บอกเอาไว้ข้างต้น จะไม่ยุ่งเกี่ยวตามสัญญา
"ฉั น แ พ้ แ ล้ ว สิ น ะ..."
เขาแพ้แล้ว? หมายความว่ายังไงกัน ผมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง หลังจากที่สลบไปก็ไม่รู้เลยว่าเขาคุยอะไรกัน ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดหัวหนึบๆ คงเป็นเพราะที่ไปกระแทกกับอะไรสักอย่างในห้อง : ( ตื่นขึ้นมาก็เจอเขาสองคนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียว แต่ทิ้งระยะห่างกันมาก ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันหรือพนันอะไรกัน ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องผมสินะ แต่พนันอะไรกันทำไมณเดชน์ถึงร้องไห้
"พวกนายพูดถึงอะไร"
"ไม่มีอะไร" <<< พูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย พิรุธนะพวกนาย -_-^
"พูดมาเถอะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะอ้อนวอน แต่ก็ไม่ใช่ "ฉันรอฟัง"
ณเดชน์กับบอยทำหน้าเลิกลั่ก ไม่อยากบอกก็ต้องบอก มันเกี่ยวกับผม ใช่ไหม? สองคนนั้นดีลกันด้วยวิธีบ้าๆอีกแล้ว คราวนี้มีผมเป็นเดิมพันล่ะสิ ถึงไม่อยากบอก
"หมาก นอนพักเถอะ" ณเดชน์พยามยามเกลี้ยกล่อมให้ผมนอน เขาคงจะเป็นห่วงจริงๆ แต่เรื่องของเขาใช่ว่าผมจะไม่อยากรู้ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องนี้ด้วย ผมก็นอนไม่หลับหรอก
"ใช่ๆๆ นอนพักเถอะนะ" บอยสนับสนุนอีก ทีอย่างนี้ละเข้ากันได้ดีเชียวนะ - -'
"บอกมา..." ผมคาดคั้นเสียงต่ำ
เพื่อนรักทั้งสองคนของผมเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ผมสลบไปจนตื่นขึ้นมา เข้าใจแล้ว...เขารอให้ผมตื่นหรือเรียกชื่อใครสักคน ถ้าผมเรียกชื่อใครก่อน คนที่ถูกเรียกก็จะชนะเกมนี้...เกมที่ผมคิดว่ามันไม่สนุก และไม่ควรที่จะให้มันลงเอยแบบนี้ ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ผมไม่อยากเรื่องความรักเป็นเกม ที่ไม่รู้ว่าพรุ่งจะเป็นเช่นไร จะเกิดอะไรขึ้น เขา 'ดีล' กันโดยที่มีผมเป็นเดิมพัน ผมแบกรับมันไว้...ไม่สนุกเลย ไม่สนุกเลยจริงๆ..
"แล้วนายก็เรียกชื่อฉันก่อน"
"สรุปคือฉันแพ้..."
"ไม่! ไม่มีใครแพ้ชนะทั้งนั้น" ผมขัดขึ้น อาการปวดหัวหนึบๆมันเริ่มกลับเข้ามา ผมเลยต้องลดเสียงและคอนโทรลทิฐิ "ฉันสรุปให้ว่าเสมอกัน"
ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเรื่องมันจะจบเหรอ...
"แต่..."
"แต่..."
"ไม่มีแต่ ถ้าจะให้มันจบก็ต้องสรุปแบบนี้แหละ"
"นายทำแบบนั้นไม่ได้" บอยค้าน
"ทำไมจะทำไม่ได้"
"ก็เพราะว่าฉันพนันกันไว้"
"เกมบ้าๆ ดีลกันบ้าๆ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย นายสองคนควรจะดีกันได้แล้ว ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่มีใครแพ้หรอก เพราะฉันยังไม่ได้เลือก..."
ผมเหลืออดจริงๆ ต่อให้ปวดหัวแค่ไหนก็ต้องขึ้นเสียงบ้างแหละน่า
"เลือก?" ทั้งสองคนทวนคำ
ใช่...ผมต้องเลือก แต่ไม่ได้บอกว่าจะเลือกอะไร ระหว่างณเดชน์กับบอย หรือ เลือก...ที่จะไปหรือไม่ไป เพราะฉะนั้น...
"ใช่...เลือก"
"..."
"เกมนี้จบแล้วสินะ..."
"..."
"ฉันขอให้พวกนายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข พันธมิตรกันซะ เพราะนายสองคนอาจจะต้องอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกัน และแบกรับความเจ็บนี้ไว้ด้วยกันทั้งสองคน" ผมสรุปเอาง่ายๆ คงรู้กันแล้วสินะว่าผมเลือกอย่างไหน ผมคว้ามือณเดชน์และบอยมาจับมือกันฉันพันธมิตร
"หมายความว่า...?"
"สิ่งที่ฉันเลือกคือ เลือกที่จะไปจากตรงนี้"
"หมาก!!"
"ลาก่อน...เพื่อน...รัก..."
ผมยิ้มฝืดๆเป็นครั้งสุดท้ายให้กับทั้งสอง ฝืน...ใช่ผมฝืนยิ้ม แต่ผมคิดว่ามันจำเป็น ที่จะต้องเลือกทางนี้ ผมหันหลังให้กับทั้งสอง เปิดประตู้ห้องพยาบาลและเดินจากไปในที่สุด ไม่เข้าใจว่าผมเองที่เป็นคนบอกว่าจะ 'ไป' แล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วย ผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่สมองผมมันไม่ทำงาน สิ่งไหนที่คิดว่าควร ก็พูดๆมันออกไป ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าทันจะทำให้ผมเจ็บได้ขนาดนี้ คำว่า 'เพื่อนรัก' ของเรามันไม่ควรลงเอยอย่างนี้ มันควรจะกลับมาเป็นแบบเดิมมากกว่า ผมถอนหายใจ เรื่องนี้ผมจะไม่ลืม...ตอนนี้ผมขอไม่รับรู้เรื่องราวใดๆภายในห้องพยาบาลอีก 'ณเดชน์ คืนนั้น ฉันมีความสุขมากนะ ฉันจะไม่ลืมเลย'
แต่ในขณะเดียวกันนั้นคนตัวโตที่อยู่ในห้องทั้งสองคนก็เจ็บไม่แพ้กัน การที่พวกเขาทะเลาะกันทำให้หมากคิดแบบนี้จริงๆเหรอ คำถามยังวนเวียนอยู่ในใจ ทั้งสองมองตามร่างของหมากจนหายลับไปจากขอบประตูด้วยความเสียใจ คำพูดของหมายังคงดังก้องอยู่ในสมอง
"ได้ยินที่หมากพูดมั้ย"
"ได้ยิน เต็มสองหู"
ทั้งสองพยักหน้าให้กัน นี่เป็นการพูดกันดีๆครั้งแรกนับจากทะเลาะกัน และมันจะเป็นครั้งสุดท้าย...
"นายคิดเหมือนกันใช่มั้ย"
"ฉันคิดว่างั้น..."
ณเดชน์และบอยต่างตัดสินใจว่าเขาควรแยกจากกันตรงนี้ ถ้าหากยังอยู่ร่วมกันไม่ใครคนใดก็หนึ่งอาจจะต้องเจ็บ หรือบางทีอาจจะเจ็บและลำบากใจด้วยกันทั้งคู่ งั้นก็จบกันตรงนี้แหละ สงบศึกถาวร ต่างคนต่างไป มีชีวิตของตัวเอง ไม่มีอะไรค้างคาต่อกัน แต่เหตุการณ์นี้ไม่ว่าใครก็ลืมไม่ได้ เขาสองคนรวมหมากเป็นสามจะยังคงจดจำมัน ทั้งสองเชคแฮนด์และยิ้มให้กันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทะเลาะกัน และเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกัน ณเดชน์และบอยปล่อยมือกัน เดินไปที่ประตู และแยกกันไปคนละทางนับจากนั้น...
ทั้งสามจากกันด้วยน้ำตา...ความเสียใจ...ความเจ็บ...และความรักที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจไม่ว่าจะนานเท่าไร...ทั้งสามรักกันมากเพียงใด ต่างก็รู้ใจกันดี เพียงแต่ไม่เคยพูดมันเท่านั้น...และจวนจบวันนี้ วันที่ต้องจากกัน ก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดมัน...
" 'เพื่อน' ช่วยเหลือกันมานาน ปรึกษากันมานาน ให้กำลังใจกันมาตลอด เข้าใจกันและกันเสมอมา อย่าให้คำว่าเพื่อนต้องจางหาย เพราะแค่คำว่า 'ความคิดต่าง' และ 'ความรักระหว่างเพื่อนด้วยกัน' " - WanLust

- จ บ บ ริ บู ร ณ์ -
PS.Based on True Story เป็นเรื่องจริงของนักเขียน (ใส่ไข่เพิ่ม3ฟอง) -0- ความจริงมันไม่ขนาดนี้หรอก และความจริงคือ ชาย 2 หญิง 1 ที่เกิดการเข้าใจผิดกันรุนแรง จนเป็นแบบนี้แหละ "ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้....ความรู้สึกกับเพื่อนที่รู้จักและสนนิทใจกันมา 12 ปี รักกันมาก ผ่านอะไรมาก็เยอะ มาเจอแบบนี้ มัน...."











 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา