เมื่อภูตผีมีความรัก

8.3

เขียนโดย api3api

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.30 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  6,788 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 15.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ลิลลี่ไร้รัก Loveless Lilly.

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่-3  ลิลลี่ไร้รัก  Loveless Lilly.

 

                  "แม่คะ ดูนี่สิหนูทำได้" ฉันตะโกนเรียกแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการใส่ปุ๋ยดอกลิลลี่  เธอทิ้งถังใส่ปุ๋ยแล้ววิ่งมาหาฉันอย่างเร็วโดยไม่กลัวดอกไม้บอบช้ำ

 

                   เธอกอดฉันอย่างแน่นหนาและสั่นเทา

 

                  "โอ พระเจ้า....   ลิลลี่ลูก....ไม่"

                   "มันไม่ใช่เรื่องดีเหรอคะ"

    แม่ร้องให้ ฉันไม่เข้าใจเลย หรืออาจเป็นเพราะฉันในตอนนั้นยังอ่อนวัยและอ่อนโลก แม่ปาดน้ำตาและฝืนยิ้มนี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันไม่ได้คิดผิด

                  "ไม่หรอกจ้ะ มันคือพรสวรรค์จากผู้เป็นเจ้า และลูกไม่ควรทำมันต่อหน้าคนที่ลูกไม่ไว้ใจ  จำไว้นะ"

      ...................................................................................................

    ............................ผ่านไปห้าปี............................................................

 

     เวลาผ่านไปยุโรปเข้าสู่ยุคมืดภายใต้ศาสนจักร แม่มดได้ถูกกวาดล้าง เนื่องด้วยความเชื่อที่ว่าแม่มดคือสมุนของซาตาน นำพาความชั่วร้ายและโรคภัยใข้เจ็บ ผู้คนที่ถูกสงสัยว่าเป็นแม่มดจะถูกนักรบศักดิ์สิทธฺ์นำตัวไปสอบสวน  และพวกเขาไม่ได้กลับออกมาอีก.....

 

   ลิลลี่สาวน้อยที่เต็มไปด้วยจิตใจที่งดงามและอารีถูกแม่ของเธอกำชับเสมอว่าให้ปกปิดพรสวรรค์แห่งพระเจ้าของเธอ และเธอเชื่อฟังเป็นอย่างดี

 

    "โจน่ามาช่วยงานในทุ่งลิลลี่อีกแล้ว บอกหลายครั้งแล้วว่าถ้าเธอไม่รับเงินค่าจ้างไม่ต้องมา"

โจน่าเด็กหนุ่มในวัยเดียวกันกับลิลลี่กำลังโดนสาวน้อยต่อว่า โรสแม่ของหญิงสาวจึงเดินเข้ามาดึงหูเธอแล้วบิดหมุน

    "โอ๊ยยย"

    "คุยกันดีๆ โจน่ามีน้ำใจ เราไม่ควรพูดแรงกับคนที่มีน้ำใจ ขอโทษเดี๋ยวนี้"

    ลิลลี่จำใจขอโทษทำให้โจน่ายิ้มหยอกอย่างพอใจ เธอได้แต่หมั่นใส้

 

     ช่วงพักโจน่าเดินมาหาเด็กสาวที่นั่งอยู่โรงนาข้างทุ่งลิลลี่ของเธอ

    "เธอไม่ไปช่วยงานที่ร้านของมารคัสแล้วงั้นเหรอ ฉันไม่เจอเธอหลายวันแล้วทุกคนคิดถึงเธอนะ"

    "ไม่ล่ะช่วงนี้ แม่ขอให้ฉันช่วยงานในไร่เพราะลิลลี่กำลังเบ่งบานสวยไกล้เก็บเกี่ยวแล้วน่ะ"

 

     โจน่าพยักหน้าเข้าใจ เขามองหน้าลิลลี่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่  เธอหันมาเขาเลยหลบสายตา

 

     "มีอะไรเหรอ"

     "เปล่าคือ ใช่   เอ่อ ความจริงคือในร้านมีฉันคนเดียวแหละที่คิดถึงเธอ"

     "ว่าแล้ว"

    พอลิลลี่พูดจบทังสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ตอนเลิกงานทิวลิปอนุญาติให้ลูกสาวเดินมาส่งโจน่าที่หน้าไร่ได้ เธอโบกมือลาซึ่งโจน่าก็ทำเหมือนกัน

     "โจน่าเธอนี่น่ารักใช้ได้เลย ถ้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์เลิกเพ่นพล่านเมื่อไรฉันคงไปที่ร้านของมาร์คัสได้ แล้วฉันจะชวนเธอเที่ยวงานดอกไม้ไฟล่ะกันนะ"

     เธอกำลังเดินกลับก็ได้ยินเสียงร้องโอ๊ยของโจน่าเธอจึงรีบวิ่งไปหา

  

    เธอพบโจน่าโดนจิ้งจอกทำร้ายแล้วมันก็วิ่งหนีเข้าป่าไป โจน่าโดนกัดที่มือเหวอะหวะแผลน่ากลัว  จิ้งจอกกัดนิ้วกลางและนิ้วก้อยขาด โจน่ามองแผลด้วยความเจ็บปวด

 

    "โอ..ไม่นะ ฉันใช้มันเล่นเปียโนไม่ได้อีกแล้ว โอพระเจ้า"

   โจน่าเอามืออีกข้างปิดตาร้องให้ในอ้อมอกลิลลี่ เธอมองแผลอย่างตกใจเพราะรู้ดีว่านิ้วสำคัญต่อนักเปียโนเช่นโจน่า มันคือชีวิตของเขา มันทำให้เธอตัดสินใจบางอย่าง

 

     บางอย่างที่อาจทำให้เธอเสียใจ

 

    "โจน่า ฉันเชื่อใจเธอ"

 

   เธอเอามือประกบมือที่เหวอหวะแล้วหลับตา แสงสีเขียวแผ่ออกห่อมือของโจน่าเขามองมันอย่าตะหนกและเจ็บปวด

   ลิลลี่แอบรักโจน่าตั้งแต่เธอไปทำงานที่บาร์ของมาร์คัส เหมือนคนอื่นๆเธอชอบเวลาที่เขาเล่นเปียโนเพราะอย่างนั้นเธอจึงดีใจมากที่โจน่าเลือกคบกับเธอ

  ทำให้เธอขัดคำสั่งของแม่แล้วทำเหมือนตอนเด็กๆที่เธอเคยรักษาสัตว์เลี้ยงความเจ็บปวดค่อยๆหายไปจากมือของโจน่า  พอลิลลี่เผยมือเธอออกมือของโจน่าก็หายสนิทและนิ้วครบทั้งห้านิ้ว

 

     "ลิลลี่ เธอทำได้ไง  โอ..พระเจ้าไม่นะ  ไม่มีใครรู้ใช่ใหม"

     "โจน่าเธอดีกับฉันเสมอฉันรักเธอ และที่ฉันทำมันคือพรสวรรค์ของพระเจ้าฉันไม่ใช่แม่มด ฉันเชื่อใจเธอได้ใช่ใหม"

 

   โจน่าโอบกอดหญิงสาวแน่น และเธอกอดเขากลับเช่นกัน

 

    "ลิลลี่ผมรักคุณ เพราะเธอมือของฉันถึงกลับมา เธอช่วยชีวิตนักดนตรีของฉัน ฉันจะเก็บเป็นความลับ เชื่อใจฉันนะ"

   

                หลังจากนั้นโจน่าก็มาช่วยงานที่ไร่ของทิวลิปสม่ำเสมอ

 

           ............................................................................

 

       กลางเดือนขณะที่ขุนนางอวุโสเดินเที่ยวเล่นในเมือง ได้ถูกหญิงแก่ชนล้ม ตะกร้าดอกไม้กระจัดกระจาย ขุนนางคนนั้นนั้นหัวแตก เขาโมโหหยิบฆ้อนจากเอวอัศวินมากระหน่ำตีพร้อมทั้งสาปแช่ง

           "แก นังแม่มด แกมันคือแม่มด"

 

       อัศวินศักดิ์สิทธิ์จับกุมตัวหญิงแก่ไปสอบสวน หลังจากโดนทรมานหลายวันเธอก็รับสารภาพ

เธอโดนขึ้นศาล โทษฐานที่เป็นแม่มด

             "เราไม่ควรทรมานแม่มดโดยการปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่"

 

                 ศาลตัดสินให้เผาเธอต่อหน้าสาธารณะชน

 

         

           อัศวินยืนเรียงรายล้อมแม่มดที่ถูกมัดกับเสาบนกองฟืนท่อนโต เนื้อตัวของหญิงแก่มีแต่ร่องรอยโดนทรมาน

          หลังหัวหน้าอัศวินรายงานความผิดเขาก็โยนคบไฟลงบนกองฟืนที่ชุ่มไปด้วยน้ำมัน

 

        "ฮ๊ากกกก  โอยยยยย ขาจะสาปแช่งง  พวกกแกกกกก  อ๊ากกกกก"

 

        แม่มดโดนเผาจนขาดใจตายต่อหน้าประชาชนที่มาดูเหตุการณ์  ลิลลี่ยืนอึ้งกับภาพที่เห็นเธอจับแขนโจน่าด้วยมือที่สั่นเทาและน้ำตาไหลขัดแย้งกับใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกไปแล้ว

 

        "ลิลลี่ น้ำตา เธอกำลังทำตัวพิรุธ"

       โจน่าเช็ดนำ้ตาของเธอจนแห้งก่อนที่จะมีอัศวินสังเกตุเห็น  ลิลลี่ยืนมองดูจนไฟมอดดับและไม่เหลือใครที่นั่นอีก

        เธอเดินไปเก็บจี้ที่เกรียมเพราะใหม้ไฟจนขาดออกจากคอแม่มดเธอเก็บมันกลับบ้านด้วย

 

 

         ทุ่งดอกไม้ตอนนี้เหลือเพียงแต่ลิลลี่ไม่มีทิวลิปอีกแล้ว เธอร้องให้ที่โรงนากลางทุ่งลิลลี่ด้วยใจที่แตกสลาย

 

          "โฮ แม่คะ  แม่   แม่ไม่เคยทำร้ายใครสักหน่อย  ทำใมแม่ไม่ได้เป็นอย่างฉันด้วยซ้ำ"

 

          เสียงร้องให้หายไปเมื่อตอนไกล้รุ่งพร้อมกับหัวใจที่แตกสลาย

 

        

         ชาวเมืองไม่ซื้อดอกไม้จากเธออีกแล้ว แม้แต่ร้านมาร์คัสก็ไม่รับเธอกลับเข้าทำงานเพราะว่าเธอเป็นลูกของแม่มด โจน่าได้แต่มองเขาช่วยอะไรไม่ได้อีกต่อไป

 

         ลิลลี่ยังคงเที่ยวเดินรอบเมืองเพื่อขายดอกไม้ ด้วยแววตาที่ต่างจากเดิม แววตาที่รวมความเกลียดชังของชาวเมืองไว้ในอก  

          เด็กสาวใจดีร่าเริงคนเดิมไม่มีอีกต่อไป

 

          "เห็นแววตามันใหม  มันปิศาจชัดๆ"

 

         "มันจะล้างแค้นพวกเรา  แม่มันเป็นแม่มด ลูกมันล่ะ"

 

         "แต่เราไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน"

 

         "โจน่าไงล่ะ  หมอนั่นต้องรู้เรื่องแน่"

      เสียงชาวเมืองกระซิบกระซาบในความมืดกับเรื่องที่น่ากลัว โจน่าโดนอัศวินจับตัวไปขณะที่ลิลลี่ได้แต่นั่งเหม่อลอยอย่างสิ้นหวังที่โรงนา

 

        ภายในห้องสอบสวนมีเครื่องทรมานแม่มดมากมายซึ่งแต่ละอันยังมีคราบเลือด โจน่านั่งตัวตรงด้วยความกลัว ผู้ต้องสงสัยยังถูกนำตัวมาสอบสวนเรื่อยๆ  โจน่ากลัวจนตัวสั่นไปหมดตรงหน้าเขามีหัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ยืนถือขนมปังกับขวดนม

       เขาวางแล้วเลื่อนมาตรงหน้าโจน่า

 

        "กินซะสิเจ้าหนู  แกดูสั่นกลัวไม่ต่างจากคราวนั้นเลย ทำใมล่ะ...คิดว่าฉันจะทำอะไรแก โจน่า"

 

       "ผมมีแม่ที่ป่วยต้องเลี้ยงดูปล่อยผมไปเถอะ"

 

      "นั่นก็แล้วแต่ว่าจะให้การช่วยเหลือเราแค่ใหน ใช่เหมือนตอนนั้นไง ตอนที่เป็นพยานให้แม่ของเด็กคนนั้นไง  แต่ตอนนั้นเธอยืนยันว่าเด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้อง"

 

     หัวหน้าอัศวินตบมือลงกับโต๊ะไม้ดังปังเสียงดังจนโจน่าสะดุ้งตกใจอย่างแรง

 

       "พ่อของแก หมายถึงโจนาธานลูกน้องฉัน โดนแม่มดฆ่าตอนกวาดล้าง แกจะช่วยมันทำใม มันกำลังเอาทุกอย่างไปจากแกโจน่า  เรากำลังทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ดูชาวเมืองที่กำลังกลัวและหวาดระแวงนั่นสิ  แค่ผู้หญิงคนเดียวหาใหม่ไม่ยากหรอก ฉันจะให้แกได้เล่นเปียโนในวัง นั่นก็แล้วแต่แก ทรยศมันอีกครั้ง ไม่สิ เลือกว่าจะอยู่ข้างใหน   มนุษย์หรือปิศาจ"

 

            ......................................................................

 

         ลิลลี่ไม่ออกมาขายดอกไม้อีกแล้ว เธอไม่ออกมาจากไร่เลย เธอกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง

 

           เธอยืนอยู่กลางโรงนาที่มีการเขียนสูตรและตัวอักษรแปลกประหลาด และมีวงแหวนสีเลือดขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นโรงนา

           "ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่  ถ้ามันเป็นพรสวรรค์จากพระเจ้าจริงๆละก็  เอาแม่ของฉันกลับคืนมานะ"

 

           "แปลกจังที่มันอยู่ในหัวสมองของฉันอยู่ก่อนแล้ว"

 

            เธอถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วเอามีดเชือดให้เลือดไลลงกลางวงแหวน แล้วเธอก็รักษาแผลอย่างเร็ว

            "เลือดจากจากสายเลือดเดียวกัน"

 

            เธอโยนจี้ที่ใหม้ไฟลงกลางกองเลือดข้างในมีรูปพ่อของเธอ

 

             "สิ่งที่เธอพกติดตัวตลอดเวลา"

 

           หลังจากนั้นเธอก็คุกเข่าลงกางมือของเธอประทับลงรอยเลือด

 

              "และพรสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า"

 

      แสงสีเขียวสว่างไปทั่วทุ่งลิลลี่แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเงียบ  เธอร้องให้กับความล้มเหลว

            "ไม่ได้ผลอีกแล้ว  ทำใมกัน ทำใมฉันรักษาความตายไม่ได้"

 

        เสียงคนเดินตรงหน้าประตูทำให้เธอหันไปก็พบโจน่าที่มีร่องรอยบาดแผลจากการถูกซ้อม

 

            "โจน่า เธอดูแย่จัง"

 

            "เธอเองก็เช่นกัน แต่สัญลักษณ์แปลกๆนี่ทำฉันรู้สึกแย่"

 

        ลิลลี่นั่งกอดเข่าร้องให้ข้างมีโจน่าที่นั่งมองดูเธออย่างไกล้ชิด โจน่าได้ฟังเรื่องราวก็ส่ายหัว

 

           "ฉันคิดว่าไม่มีเพรสวรรค์ใดรักษาคนจากความตายได้หรอกลิลลี่ เราทำได้แค่ยอมรับมันแค่นั้น"

         ลิลลี่หันมองโจน่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชา

 

           "ไม่   ฉันยังไม่ได้ลองใช้ชีวิตมนุษย์"

 

          ปึ๊ก   มีบางอย่างฟาดหัวโจน่าแล้วเขาก็สลบไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาก็พบว่าเขาอะไรบางอย่างที่มีชีวิตรัดแขนเขาไว้   เขาได้ยินเสียงลิลลี่ร่ายคาถาที่น่าขยะแขยงและแสบหู แสงสีเขียวสว่างวาบจนแสบตา  ตัวยึกยีอประหลาดก็คลานออกมาจากกองเลือดนั่น เมื่อเขามองดูดีๆก็พบว่ามันเป็นอวัยวะมนุษย์ที่ไม่สมประกอบที่ถูกทำให้มีชีวิต

 

           "ไกล้แล้ว  โจน่าฉันขอขาของเธอนะ"

 

           ตัวประหลาดที่ดูคล้ายก้อนเนื้อตัดขาเขาด้วยขวาน มันเอาไปวางลงกองเลือดกลางวงแหวน   ก่อนที่โจน่าจะสลบไปเพราะความเจ็บปวดเขาเห็นลิลลี่กำลังรักษาแผลให้เขา

เป็นอย่างนี้หลายๆรอบเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่ามีตัวประหลาดเพิ่มขึ้นทุกครั้งจนจิตใจเขาเริ่มรับไม่ได้

 

          "โจน่าคราวนี้ขาสองข้างนะ ไม่ต้องห่วงฉันจะรีบรักษาให้ทันที ทนเจ็บนิดเดียวใช่มันคงเจ็บมาก"

 

          "ฆ่า...ฉัน..เถอะ"

 

         ลิลลี่หยุดแล้วค่อยหันมาทางเขาแววตาเธอไร้ความรู้สึกไปแล้ว

 

          "ทำใมอยากตายล่ะโจน่า  ทั้งที่เธอกลัวตายถึงกับขายฉันกับแม่ให้อัศวิน  ทำให้แม่ฉันถูกเผาต่อหน้าต่อตาฉัน....."

 

 

            "ทำใม"

 

          

 

             ลิลลี่ตวาดเสียงดัง จนโจน่าหน้าซีดเผือด เหล่าตัวประหลาดส่งเสียงคำรามตอบสนองเธอฟังดูน่ากลัว

 

            "เมื่อราตรีย่ำกราย....ดวงจันทร์สาดแสงส่อง...เห็นเธอที่หัวใจสลาย"

 

โจน่าร้องเพลงขึ้นมาทำให้ลิลลี่สงบลงแม้ตายังเบิกโพลง เหล่าตัวประหลาดก็สงบลงด้วยเช่นกัน

           "จำได้ใหม ว่ามีคนเหมือนเธออยู่ตรงนี้ใง ที่เข้าใจ......"

 โจน่าร้องต่อไปลิลลี่เอามือปิดหูสีหน้าเจ็บปวด   เธอจำเพลงนี้ได้เธอทำงานที่บาร์เวลาเธอเสิร์ฟเบียร์แก่แขก โจน่าเล่นเปียโนและร้องเพลงนี้จีบเธอ  และเธอก็ชอบมันมาก

 

           โจน่ายังร้องเพลงต่อไป ตัวประหลาดที่หนีบมือเขาไว้เริ่มผ่อนแรงลงแล้ว

 

           "พอ หยุดร้องได้แล้วโจน่า   ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันเป็นแม่มดและใช้เวทย์มนต์ชั่วร้าย มีแต่ปิศาจพวกนี้ที่อยู่เคียงข้างฉัน  ได้โปรดหยุดร้อง"

 

            โจน่าสลัดหลุดจากตัวประหลาดได้มันไม่ทำร้ายเขาเลย ดูเหมือนมันจะตอบสนองกับลิลลี่

 

          "ลิลลี่เธอเปี่ยมด้วยความรักเสมอ และมันไม่ใช่เวทย์มนต์ มันคือพรสวรรค์ของพระเจ้าไงล่ะ   ฉันเข้าใจเธอ    พ่อฉันถูกแม่มดฆ่าตาย และแม่ฉันเป็นวัณโรคที่ใช้เงินในการรักษามหาศาล หนทางของฉันมีแต่ความมืดและเห็นแก่ตัว  จนพบเธอ   ทำให้ชีวิตฉันไม่ดูแย่เท่าไรนัก"

          เขาเดินเข้าไปหาลิลลี่ที่ยืนฟังเขาพูดอยู่พวกตัวประหลาดเริ่มมาขวางทางเขา

 

        "แต่มันผิดตั้งแต่ต้นลิลลี่ ฉันเป็นสายให้อัศวินเพื่อแลกกับเงินตั้งแต่ก่อนพบเธอครั้งแรก  ถ้าเธอไม่รักษามือให้ฉัน ฉันคงไม่ได้เอาเรื่องเธอไปขาย   แม่เธอเธอคงไม่ต้องถูกเผาจนตาย และครั้งนี้..."

 

         ลิลลี่ยืนส่ายหัวไปมาพยามไม่รับรู้เธอเต็มไปด้วยความสับสน  ในหัวมีแต่คำว่าทำใม

 

         "ฉันเห็นเธอในสภาพนี้ ฉันเสียใจ  มันเป็นเพราะฉัน ฉันมาเพื่อชดใช้ให้เธอ"

 

         โจน่าควักมีดสั้นออกมาแล้วพุ่งเข้าหาลิลลี่ พวกตัวประหลาดกระโจนหาเขาแล้วฉีกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต่อหน้าลิลลี่

 

           เศษเนื้อและเลือดเจิ่งนองไปทั่วโรงนา ลิลลี่ถูกอาบด้วยสีแดงจากเลือด

 

            จิตใจของลิลลี่จมหายสู่ความมืดที่เจ็บปวดอันแสนสาหัส

 

 

                    ......................................

 

     กองอัศวินเมื่อไม่เห็นโจน่ากลับออกมารายงาน พวกเขาจึงเริ่มบุกเข้าโรงนาโดยฝ่าทุ่งลิลลี่

 

 แล้วทุกคนก็ต้องตกใจกับแสงสีเขียวที่สว่างวาบ    พอมันหายไปทุกนายก็รุกคืบเข้าไปอีก

 

                    "ฆ่ามันได้เลยทันทีที่พบตัว"

 

      หัวหน้าอัศวินสั่งการลูกน้องอัศวินยี่สิบคนบุกเข้ามาด้วยความเงียบ แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อมีบางอย่าพันขาพวกเขาไว้เหมือนงูรัด

 

       พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อมีตัวประลาดที่มีกงเล็บและฟันอันแหลมคมอยู่เต็มทุ่งลิลลี่  พวกมันกระโจนใส่อัศวินแล้วกระชากชุดเกราะเหล็กขาดอย่างง่ายดาย

 

      เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วทุ่งลิลลี่ ในโรงนา ลิลลี่นั่งกอดหัวของโจน่าที่เย็นเฉียบบนเก้าอี้  มีตัวประหลาดที่ไร้ลูกตามาออดอ้อนลิลลี่

 

         "อา....แย่จัง   พรสวรรค์แห่งพระเจ้ารักษาความตายไม่ได้จริงๆ     ใช่ฉันรักเขามาก  รักแรกของฉัน  ฉันไม่เคยอยากให้เขาตาย"

 

        จิตใจที่มีความรู้สึกจะอดทนต่อสิ่งรุมเร้าไปได้สักแค่ใหน ลิลลี่อาจได้พิสูจน์แล้ว  ไกล้เช้าเสียงร้องไม่มีอีกแล้ว มีแต่ดอกลิลลี่ที่มีสีแดงสดเหมือนสีเลือดเต็มทุ่งอันกว้างใหญ่

 

        กลางทุ่งมีโรงนาที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด  อักษรประหลาด และซากของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มารวมตัวกันในโรงนาแห่งนี้ พวกมันเริ่มเน่าเหม็น   

 

        

          และศพหญิงสาวที่นั่งกอดหัวมนุษย์อยู่บนเก้าอี้  บนพื้นมีขวดยาพิษตกอยู่

 

 

              และมันว่างเปล่าเพราะถูกใครบางคนดื่มมันไป

 

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 

                      จบบทที่-3 ลิลลี่ไร้รัก

 

         

 

 

            

 

 

   

 

   

   

   

    

     

                

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา