สาวเปียกฝน กับ หนุ่มทหารเข้าเวร
8.0
เขียนโดย ดอกจันเลขที่13
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.20 น.
1 ตอนเดียวจบ
1 วิจารณ์
5,893 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.54 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) สาวเปียกฝน กับ หนุ่มทหารเข้าเวร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในคืนที่ฝนตกกระหน่ำ ผมนั่งมองสายฝนที่ตกลงมาอยู่ที่ระเบียงลูกกรงของหน่วยงานผม ท่ามกลางบรรยากาศแสงเทียน ทำไมต้องจุดเทียนนั่นน่ะหรอ ก็เพราะว่าสายฝนที่กระหน่ำมาตั้งแต่ตอนบ่ายนั่นน่ะสิ ทำให้ไฟดับเกือบทั้งค่าย ยังดีที่คืนนี้ยังพอมีแสงเดือนอยู่บ้าง
ผมชื่อ ‘ กิจ ’ ครับ หรือชื่อจริงของผมก็คือ สิบโทธนกิจ ทองไทย บรรจุรับราชการอยู่ที่นี่มาเกือบสองปีแล้ว คุณเข้าใจถูกแล้วครับ ผมเป็นทหาร สงสัยไหมว่าผมมาทำอะไรที่หน่วยงานยามวิกาล ก็เพราะไอ้ปลอกสีแดงมีตัวอักษรปักสีขาวว่า “สิบเวร” นั้นไงล่ะผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ถูกต้องแล้วครับผมเข้าเวร
วันนี้ฝนตกหนักมากน้ำเกือบท่วมเลยทีเดียว ตอนนี้ผมก็ต้องคอยดูสถานการณ์ว่าน้ำจะท่วมไหม ทำไมต้องมาเป็นเวรเราด้วยว้า....วันนี้ นอกจากจะคอยระแวงว่าน้ำจะท่วมไหม ไฟก็มาดับอีกจะได้นอนไหมเราคืนนี้
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งบ่นกับตัวเอง อยู่ก็มีฟ้าฝ่าลงมาอย่างแรง
“ เปรี้ยงงงงงงงงง ”
ผมตกใจสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที อะไรกันว่ะ วันนี้น้ำจะท่วมโลกหรือไง
หลังจากเสียงฟ้าผ่าได้ไม่นานอยู่ ๆ ก็มีหญิงสาวสวมเสื้อเชิ๊ตกางเกงขายาว เดินฝ่าสายฝนมาจากที่ไหนก็ไม่รู้กำลังเดินผ่านระเบียงลูกกรงที่ผมนั่งอยู่ ด้วยความเป็นห่วงผมจึงตัดสินใจชวนเธอขึ้นมาหลบฝน
เธอเดินขึ้นมานั่งที่โซฟาไม้ตรงระเบียงที่ผมอยู่ ท่าทางเธอหนาวมาก ผมนำผ้าเช็ดตัวให้เธอพร้อมกับวางกาแฟไว้ตรงหน้าเธอ
“ ขอบคุณค่ะ ”
ผมไม่คุ้นหน้าเธอเลย เธอเป็นใครกันน่ะ หรือว่าจะเป็นแฟนรุ่นพี่ผม แต่ทำไมก็ไม่ยักจะเคยเห็นหน้าเลยน่ะ หรือว่าจะเป็นลูกหลานในค่าย แต่ที่น่าสงสัยก็คือทำไมมาเดินตากฝนยามวิกาลอย่างนี้ล่ะ
“ คุณครับคุณเป็นใคร ทำไมผมถึงไม่เห็นคุ้นหน้าคุณเลยครับ ” ผมลองถามเธอไปอย่างสุภาพ
เธอเหมือนจะซึม ๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบผมมา
“ ฉันชื่อ แพรว ค่ะ ฉันมาหาแฟนฉันในค่ายนี้ค่ะ ”
“ อ้าว...หรอครับ แฟนคุณใครหรอ เผื่อผมจะรู้จัก ”
“ ฉันเลิกกับเขาแล้วล่ะค่ะ เมื่อสักพักนี้เอง ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงเครือ ๆ เพิ่งอกหักมาแหง่ ๆ ใครกันน่ะ ถึงกล้าหักอกผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างนี้
“ เออ...เสียใจด้วยน่ะครับ เอาเป็นว่าถ้าไม่รังเกียจเล่าให้ผมฟังก็ได้น่ะครับ เผื่อผมจะช่วยอะไรได้ ”
เธอก้มหน้าลงเงียบไม่พูดอะไร ก็คงจะเสียใจมากเลยล่ะ ถึงไม่กล้าที่จะพูดอะไร ไอ้เรามันก็คนแปลกหน้า อยู่ ๆ ใครจะมาเล่าให้ฟัง แต่แล้วอยู่ ๆ เธอก็เล่าเรื่องของเธอ
“ ฉันทำงานเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพค่ะฯ ฉันกับแฟนเพิ่งจะคบกันได้แค่ปีเดียว แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะไปมาหาสู่กันเดือนล่ะครั้ง คงจะเป็นเพราะความห่างมั้งค่ะ เขาถึงนอกใจฉัน ฉันเพิ่งไปเจอเขามีอะไรกับคนอื่น ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างนี้มานานเท่าไหร่ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ ”
ผมได้ฟังแล้วรู้สึกสงสารเธอจริง ๆ อุสาห์มาหาแฟนฝนก็ตกแบบนี้ แต่ดันต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจ
“ รักแท้แพ้ใกล้ชิดสิน่ะ ” ผมไม่รู้จะปลอบเธอว่ายังดีเหมือนแต่ดันเอ่ยขึ้นมาไมรู้ตัว
“ ใช่ เป็นคุณจะทำแบบนี้กับแฟนคุณไหม ”
“ ผมไม่มีทางทำร้ายคนที่ผมรักแบบนั้นเด็ดขาด ”
“ หึ...คำพูดผู้ชายจะเชื่อได้แค่ไหน แฟนฉันก็พูดแบบนี้ตอนที่คบกันใหม่ ๆ ”
“ คุณอย่ารวมสิแฟนคุณก็แฟนคุณแต่นี้มันตัวผม ”
“ แล้วจะพิสูจน์ยังไงล่ะ ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน ”
หลังจากสนทนากันเสร็จ เธอก็นั่งเหม่อจิ๊บกาแฟที่ผมชงให้ มองดูสายฝนที่ตอนนี้ค่อย ๆ ซาลง
“ คุณมีอะไรกับฉันไหม ” โอ้แม่เจ้าทำไมอยู่ ๆ ถามแบบนี้ คุณเธอคิดอะไรอยู่เนี๊ยะ
“ คุณจะบ้าหรอ ” ผมตอบไปด้วยความตกใจและสงสัย
“ ทำไมล่ะฉันสวยไม่พอหรอ ”
หลังจากเธอพูดจบสายตาเธอก็เริ่มยั่วยวน พร้อมกับยึดตัวตรงนั่งไขว่ห้าง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอใส่รัดทรงเห็นส่วนโค้งเว้าของเธออย่างชัดเจน บวกกับเสื้อสีขาวที่เพิ่งเปียกฝนมา มันชัดเจนมาก
“ คุณสวยมากครับ แต่ผมก็คงมีอะไรกับคุณไม่ได้หรอก ”
“ ทำไม...? อ่อ จริงสิคุณเข้าเวรอยู่สิน่ะ ”
“ มันไม่เกี่ยวหรอกคุณ ตอนนี้ฝนตกอยู่คงไม่มีใครจะมาตรวจ และอีกอย่างถ้าผมคิดไม่ซื่อกับคุณจริง ๆ ในกาแฟผมคงใส่ยานอนหลับไปแล้วล่ะ ผมไม่รู้หรอกน่ะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ว่าคุณอย่าเพิ่งคิดอะไรมากตอนที่คุณเพิ่งอกหักเลย คุณเสียเขาไปก็ใช่ว่าจะไม่มีใคร คนที่รักคุณมากที่สุดในโลกก็คือพ่อกับแม่คุณไง อย่าลืมสิ ”
เทศนามันสะเลย จริง ๆ ก็ใช่ว่าผมไม่อยากมีอะไรกับเธอหรอก แต่ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะเอาเปรียบเธอ ตอนที่เธอกำลังรู้สึกแย่แบบนี้ หลายคนอาจจะบอกว่าผมโง่ แต่ผมไม่สนใจหรอก
หลังที่เธอได้ฟังผมจบเธอ เธอก็เริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรกัน คิดอะไรอยู่น่ะผู้หญิงคนนี้ อกหักจนเพี้ยนแล้วมั้ง
“ เอาล่ะ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับผ้าเช็ดตัวกับกาแฟ การได้คุยกับคุณฉันได้รู้อะไรเยอะเลย ได้เวลาแล้วล่ะฉันขอกลับก่อน” เธอพูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดไป
“ เดี๋ยวๆๆคุณฝนยังตกอยู่น่ะ แล้วคุณจะกลับยังไง ”
เธอมายืนตากฝนแล้วมองผมมาที่ระเบียง
“ ถ้าฉันบอกว่าฉันกลับยังไงคุณจะเชื่อฉันไหมล่ะ ”
ผมไม่ตอบอะไร ทำแค่มองเธอเดินฝ่าฝนไปเรื่อย ๆ แล้วอยู่ ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครั้ง
“ เปรี้ยงงงงง ”
...............................
ค.ศ.2992
แพรวนั่งอยู่หน้าจอใหญ่ ที่มีปุ่มควบคุมอยู่มากมาย ประตูห้องอัตโนมัติถูกเปิดขึ้น แพรวหันไปมองที่ประตู มินทราเดินเข้ามา
“ สวัสดีค่ะ ดอกเตอร์ แพรวา วันนี้จะเดินข้ามเวลาไปสำรวจลักษณะนิสัยผู้ชายไทยในยุคไหนดีค่ะ ”
“ อ่อ...วันนี้ฉันว่าจะไปสำรวจในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา อ่ะน่ะ ไปดูหน่อยว่าผู้ชายในยุดนั้นจะเป็นแบบไหน ”แพรวาทำหน้าครุ่นคิด
“ ครั้งที่แล้ว ดอกเตอร์ไปสำรวจผู้ชายในศตวรรษที่ 20 เป็นไปตามสมมุติฐานที่คุณตั้งไว้ก่อนที่คุณจะทำวิจัยไหมค่ะ ว่า ผู้ชายในศตวรรตที่ 20 จะเจ้าชู้และคิดแต่เรื่องเซ็กซ์ ”
“ มันก็ไม่เกือบทุกคนหรอกน่ะ คนดีก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะเขาคนนั้นฉันไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าเขาจะผิดไปจากสมมุติฐานของฉัน” แพรวายิ้มด้วยความรู้สึกดี
ผมชื่อ ‘ กิจ ’ ครับ หรือชื่อจริงของผมก็คือ สิบโทธนกิจ ทองไทย บรรจุรับราชการอยู่ที่นี่มาเกือบสองปีแล้ว คุณเข้าใจถูกแล้วครับ ผมเป็นทหาร สงสัยไหมว่าผมมาทำอะไรที่หน่วยงานยามวิกาล ก็เพราะไอ้ปลอกสีแดงมีตัวอักษรปักสีขาวว่า “สิบเวร” นั้นไงล่ะผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ถูกต้องแล้วครับผมเข้าเวร
วันนี้ฝนตกหนักมากน้ำเกือบท่วมเลยทีเดียว ตอนนี้ผมก็ต้องคอยดูสถานการณ์ว่าน้ำจะท่วมไหม ทำไมต้องมาเป็นเวรเราด้วยว้า....วันนี้ นอกจากจะคอยระแวงว่าน้ำจะท่วมไหม ไฟก็มาดับอีกจะได้นอนไหมเราคืนนี้
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งบ่นกับตัวเอง อยู่ก็มีฟ้าฝ่าลงมาอย่างแรง
“ เปรี้ยงงงงงงงงง ”
ผมตกใจสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที อะไรกันว่ะ วันนี้น้ำจะท่วมโลกหรือไง
หลังจากเสียงฟ้าผ่าได้ไม่นานอยู่ ๆ ก็มีหญิงสาวสวมเสื้อเชิ๊ตกางเกงขายาว เดินฝ่าสายฝนมาจากที่ไหนก็ไม่รู้กำลังเดินผ่านระเบียงลูกกรงที่ผมนั่งอยู่ ด้วยความเป็นห่วงผมจึงตัดสินใจชวนเธอขึ้นมาหลบฝน
เธอเดินขึ้นมานั่งที่โซฟาไม้ตรงระเบียงที่ผมอยู่ ท่าทางเธอหนาวมาก ผมนำผ้าเช็ดตัวให้เธอพร้อมกับวางกาแฟไว้ตรงหน้าเธอ
“ ขอบคุณค่ะ ”
ผมไม่คุ้นหน้าเธอเลย เธอเป็นใครกันน่ะ หรือว่าจะเป็นแฟนรุ่นพี่ผม แต่ทำไมก็ไม่ยักจะเคยเห็นหน้าเลยน่ะ หรือว่าจะเป็นลูกหลานในค่าย แต่ที่น่าสงสัยก็คือทำไมมาเดินตากฝนยามวิกาลอย่างนี้ล่ะ
“ คุณครับคุณเป็นใคร ทำไมผมถึงไม่เห็นคุ้นหน้าคุณเลยครับ ” ผมลองถามเธอไปอย่างสุภาพ
เธอเหมือนจะซึม ๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบผมมา
“ ฉันชื่อ แพรว ค่ะ ฉันมาหาแฟนฉันในค่ายนี้ค่ะ ”
“ อ้าว...หรอครับ แฟนคุณใครหรอ เผื่อผมจะรู้จัก ”
“ ฉันเลิกกับเขาแล้วล่ะค่ะ เมื่อสักพักนี้เอง ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงเครือ ๆ เพิ่งอกหักมาแหง่ ๆ ใครกันน่ะ ถึงกล้าหักอกผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างนี้
“ เออ...เสียใจด้วยน่ะครับ เอาเป็นว่าถ้าไม่รังเกียจเล่าให้ผมฟังก็ได้น่ะครับ เผื่อผมจะช่วยอะไรได้ ”
เธอก้มหน้าลงเงียบไม่พูดอะไร ก็คงจะเสียใจมากเลยล่ะ ถึงไม่กล้าที่จะพูดอะไร ไอ้เรามันก็คนแปลกหน้า อยู่ ๆ ใครจะมาเล่าให้ฟัง แต่แล้วอยู่ ๆ เธอก็เล่าเรื่องของเธอ
“ ฉันทำงานเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพค่ะฯ ฉันกับแฟนเพิ่งจะคบกันได้แค่ปีเดียว แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะไปมาหาสู่กันเดือนล่ะครั้ง คงจะเป็นเพราะความห่างมั้งค่ะ เขาถึงนอกใจฉัน ฉันเพิ่งไปเจอเขามีอะไรกับคนอื่น ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างนี้มานานเท่าไหร่ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ ”
ผมได้ฟังแล้วรู้สึกสงสารเธอจริง ๆ อุสาห์มาหาแฟนฝนก็ตกแบบนี้ แต่ดันต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจ
“ รักแท้แพ้ใกล้ชิดสิน่ะ ” ผมไม่รู้จะปลอบเธอว่ายังดีเหมือนแต่ดันเอ่ยขึ้นมาไมรู้ตัว
“ ใช่ เป็นคุณจะทำแบบนี้กับแฟนคุณไหม ”
“ ผมไม่มีทางทำร้ายคนที่ผมรักแบบนั้นเด็ดขาด ”
“ หึ...คำพูดผู้ชายจะเชื่อได้แค่ไหน แฟนฉันก็พูดแบบนี้ตอนที่คบกันใหม่ ๆ ”
“ คุณอย่ารวมสิแฟนคุณก็แฟนคุณแต่นี้มันตัวผม ”
“ แล้วจะพิสูจน์ยังไงล่ะ ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน ”
หลังจากสนทนากันเสร็จ เธอก็นั่งเหม่อจิ๊บกาแฟที่ผมชงให้ มองดูสายฝนที่ตอนนี้ค่อย ๆ ซาลง
“ คุณมีอะไรกับฉันไหม ” โอ้แม่เจ้าทำไมอยู่ ๆ ถามแบบนี้ คุณเธอคิดอะไรอยู่เนี๊ยะ
“ คุณจะบ้าหรอ ” ผมตอบไปด้วยความตกใจและสงสัย
“ ทำไมล่ะฉันสวยไม่พอหรอ ”
หลังจากเธอพูดจบสายตาเธอก็เริ่มยั่วยวน พร้อมกับยึดตัวตรงนั่งไขว่ห้าง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอใส่รัดทรงเห็นส่วนโค้งเว้าของเธออย่างชัดเจน บวกกับเสื้อสีขาวที่เพิ่งเปียกฝนมา มันชัดเจนมาก
“ คุณสวยมากครับ แต่ผมก็คงมีอะไรกับคุณไม่ได้หรอก ”
“ ทำไม...? อ่อ จริงสิคุณเข้าเวรอยู่สิน่ะ ”
“ มันไม่เกี่ยวหรอกคุณ ตอนนี้ฝนตกอยู่คงไม่มีใครจะมาตรวจ และอีกอย่างถ้าผมคิดไม่ซื่อกับคุณจริง ๆ ในกาแฟผมคงใส่ยานอนหลับไปแล้วล่ะ ผมไม่รู้หรอกน่ะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ว่าคุณอย่าเพิ่งคิดอะไรมากตอนที่คุณเพิ่งอกหักเลย คุณเสียเขาไปก็ใช่ว่าจะไม่มีใคร คนที่รักคุณมากที่สุดในโลกก็คือพ่อกับแม่คุณไง อย่าลืมสิ ”
เทศนามันสะเลย จริง ๆ ก็ใช่ว่าผมไม่อยากมีอะไรกับเธอหรอก แต่ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะเอาเปรียบเธอ ตอนที่เธอกำลังรู้สึกแย่แบบนี้ หลายคนอาจจะบอกว่าผมโง่ แต่ผมไม่สนใจหรอก
หลังที่เธอได้ฟังผมจบเธอ เธอก็เริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรกัน คิดอะไรอยู่น่ะผู้หญิงคนนี้ อกหักจนเพี้ยนแล้วมั้ง
“ เอาล่ะ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับผ้าเช็ดตัวกับกาแฟ การได้คุยกับคุณฉันได้รู้อะไรเยอะเลย ได้เวลาแล้วล่ะฉันขอกลับก่อน” เธอพูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดไป
“ เดี๋ยวๆๆคุณฝนยังตกอยู่น่ะ แล้วคุณจะกลับยังไง ”
เธอมายืนตากฝนแล้วมองผมมาที่ระเบียง
“ ถ้าฉันบอกว่าฉันกลับยังไงคุณจะเชื่อฉันไหมล่ะ ”
ผมไม่ตอบอะไร ทำแค่มองเธอเดินฝ่าฝนไปเรื่อย ๆ แล้วอยู่ ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครั้ง
“ เปรี้ยงงงงง ”
...............................
ค.ศ.2992
แพรวนั่งอยู่หน้าจอใหญ่ ที่มีปุ่มควบคุมอยู่มากมาย ประตูห้องอัตโนมัติถูกเปิดขึ้น แพรวหันไปมองที่ประตู มินทราเดินเข้ามา
“ สวัสดีค่ะ ดอกเตอร์ แพรวา วันนี้จะเดินข้ามเวลาไปสำรวจลักษณะนิสัยผู้ชายไทยในยุคไหนดีค่ะ ”
“ อ่อ...วันนี้ฉันว่าจะไปสำรวจในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา อ่ะน่ะ ไปดูหน่อยว่าผู้ชายในยุดนั้นจะเป็นแบบไหน ”แพรวาทำหน้าครุ่นคิด
“ ครั้งที่แล้ว ดอกเตอร์ไปสำรวจผู้ชายในศตวรรษที่ 20 เป็นไปตามสมมุติฐานที่คุณตั้งไว้ก่อนที่คุณจะทำวิจัยไหมค่ะ ว่า ผู้ชายในศตวรรตที่ 20 จะเจ้าชู้และคิดแต่เรื่องเซ็กซ์ ”
“ มันก็ไม่เกือบทุกคนหรอกน่ะ คนดีก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะเขาคนนั้นฉันไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าเขาจะผิดไปจากสมมุติฐานของฉัน” แพรวายิ้มด้วยความรู้สึกดี
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ