กลัวความสูง
8.0
เขียนโดย Bhoowadon
วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.25 น.
1 ตอน
3 วิจารณ์
3,671 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) กลัวความสูง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ กลัวความสูง..ใครๆก็เป็นกัน
ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าคุณก็เป็นได้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใช้ร่วมกันอย่างเท่าเทียม
คนเรามีความกลัวต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราเคยฝังใจกับอะไร คนหนึ่งอาจกลัวอย่างหนึ่ง อีกคนอาจกลัวอีกอย่าง ก็ไม่แปลก หรืออาจจะกลัวในเรื่องเดียวกัน แต่การแสดงออกต่างกัน บางคนฝังใจน้อยหน่อยก็กลัวน้อยกว่า บางคนฝังใจมากกว่าก็กลัวมากหน่อย ก็ไม่แปลก
กลัวความสูง..ใครๆก็เป็นกัน
ไม่จำเป็นต้องสอนกันเราก็เป็นได้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นได้อย่างง่ายดาย
ความกลัวใครๆก็มีกันไม่ว่าคนมากหน้าหลายตาแค่ไหน แต่คุณรู้ตัวตอนไหนล่ะว่าคุณกลัวอะไร? รู้ตั้งแต่เกิด แม่บอก หรือมีจิตสัมผัส แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน เชื่อเถอะคุณจำไม่ได้หรอก เพราะที่จำได้ก็คือกลัวไปแล้ว
กลัวความสูง..ใครๆก็กลัวกัน
ไม่จำเป็นต้องกลัวทั้งวันแค่กลัวให้ทันเราก็กลัวได้
สำหรับผม “กลัวความสูง” ไม่ใช่ปัญหาเลย ปัญหามันอยู่ที่ว่า “ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากลัวความสูง”
การรู้ตัวว่ากลัวอะไรเป็นเรื่องดี มันทำให้เราเตรียมตัวได้ทัน แต่การไม่รู้ทันความกลัวของตัวเองคือความซวยฉับพลันที่ผมเผชิญ
ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะกลัวความสูงหลังจากปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 5 ของบ้าน
ตอนนั้นผมปีนขึ้นไปอย่างมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ใจนึกอยากจะเชยชมทิวทัศน์ตัวเมืองรอบด้าน ผมกระโดดขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงปูน ซึ่งเป็นรั้วเล็กๆที่กั้นดาดฟ้าตึกแถวของสองบ้านเอาไว้ หลังจากขึ้นมาได้ผมก็ออกเดินไปบนขอบกำแพงปูนแคบๆ สุดทางเป็นตัวอาคารทางเข้าออกของดาดฟ้าซึ่งด้านบนมันสูงขึ้นไปอีกหน่อย ผมใช้มือทั้งสองโหนขึ้นไปบนขอบปูนของตัวตึกจากนั้นจึงออกแรงถีบตัวลอยขึ้นไปในอากาศ สายลมเย็นๆวูบหนึ่งพัดผ่าน ประมาณว่าหยุดเถอะ ลงมาซะ แต่นั้นก็สายเกินไป ขาข้างหนึ่งถูกเหวี่ยงไปพาดบนขอบด้านบนและดึงตัวตนที่เหลือให้ทะยานขึ้นไปเสียแล้ว
มันเป็นอย่างที่ผมคิด การมองอะไรจากที่สูงมันรู้สึกดีจริงๆ แสงแดดอ่อนๆตอนเช้าที่สาดส่องอาบใบหน้า สายลมเบาๆที่พัดผ่านลูบไล้ไปตามตัว ทิวทัศน์รอบตัวที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า ผมยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศพวกนี้นานแสนนานเท่าที่ความคิดผมจะจดจ่อได้
“ลงมาได้แล้ว” เสียงพ่อปลิวว่อนมากับสายลม
ผมละสายตาจากทิวทัศน์ สะบัดสายลมทิ้งไป แล้วเดินมายังขอบปูนของดาดฟ้าเพื่อจะกระโดดลงมา และตอนนั้นเองคือการพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับความกลัว
กลัวความสูง..ใครๆก็เป็นกัน
แต่ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเป็นกันตอนนี้
ผมถอยกรูดกลับไปยืนอยู่กลางดาดฟ้าอีกครั้งด้วยความกลัวจับใจ กลัวเหลือเกิน ไม่ใช่แค่กลัวความสูง นี่ยังนับรวมไปถึงขอบปูน กลัวขอบปูน กลัวจนไม่อยากเดินไปไกลกว่านี้ ตอนนี้ไม่แยแสเลยกับสายลม หรือแสงแดดที่อาบชโลมไปตามตัว สลัดทิ้งหมดทั้งทิวทัศน์ทั้งความกล้า เอาแต่คอยรักษาระยะห่างระหว่างเรากับขอบปูน
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไม่รู้เลยจะลงยังไง และไม่รู้อีกว่าจะทำยังไงให้เลิกกลัวขอบปูน
“ลงมาสักที” พ่อบอก
“ลงไม่ได้” ผมตอบเสียงสั่น
“ตอนขึ้น ขึ้นไปได้ ทำไมตอนลงจะลงไม่ได้” พ่อถาม
“ก็มันลงไม่ได้”
สมาธิ สติ แตกกระเจิง บอกตามตรงไม่คิดจะลงจากดาดฟ้าแล้ว คิดแต่จะอยู่ตรงไหนให้ไกลขอบปูน พ่อบอกให้ค่อยๆขยับเอามือจับขอบปูนแล้วหย่อนขาลงมา พอขาแตะขอบกำแพงปูนได้ก็ปล่อยมือ แล้วก็โดดลงพื้น ฮึ! โดดลงพื้น ตอนนี้จะดิ่งลงพื้นน่ะสิ
ท้ายที่สุดวิธีของพ่อก็ถูกนำไปใช้ ผมค่อยๆคลานต่ำไปหาขอบปูน มองลงไปแล้วก็ถอยกรูดกลับอีกครั้ง งั้นถอยหลังไปแล้วกันพ่อบอก ผมจึงเริ่มถอยหลังแล้วเอาขาลงจากขอบปูนอีกครั้ง และผมก็ทำสำเร็จ! จะติดก็แค่อย่างเดียว…ขาหย่อนไปไม่ถึงกำแพงปูน!!??
ขาที่หย่อนลงผ่านอากาศเหยียบพลาดกำแพงปูน เท่านั้นแหละด้วยความกลัวและตกใจ ทะลึ่งดึงตัวขึ้นไปอีกครั้งอย่างลนลาน หน้าท้องเลยครูดกับพื้นปูนเป็นทางยาว แน่ะ นอกจากจะได้ความกลัวยังได้แผลติดตัวให้กลัวกันใหญ่
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะต้องติดอยู่ตรงนี้ ตรงดาดฟ้า และเป็นโรคกลัวขอบปูนไปตลอดชีวิต
ไม่เอาด้วยหรอก! ถ้าจะกลัวอะไรสักอย่างขอกลัวความสูงอย่างเดียวก็พอ อย่าถึงกับให้กลัวขอบปูนเลยจะอายเค้าไปทั่ว ในหัวนี่นึกไปไกลแล้วนะ นึกถึงจังหวะที่ลงไม่ได้จริงๆ สุดท้ายต้องเรียกมูลนิธิมาช่วย นักข่าวมากันพรึบพรับ สาม ห้า เจ็ด เก้า สิบเอ็ด มาทำข่าวชายผู้กลัวขอบปูน
พอคิดได้แบบนี้มันอายจนเกิดความกล้า ขยับไปนั่งตรงขอบปูนข่มความกลัว สายลมก็พัดผ่าน แสงแดดก็สาดส่องแก้ม ทิวทัศน์ที่สวยงามเหมือนกำลังหัวเราะเย้ยหยัน กัดฟันกระโดดลงไป! พรึบ!
ตึง! ตึงง!!! ส้นเท้ากระทบขอบกำแพงปูน แล้วถัดไปกระโดดลงกระทบพื้น สำเร็จ! เราทำได้! ถ้าจะทำก็ทำได้นี่นา ด้วยความดีใจเผลอหันไปมองขอบปูนด้านบน คุณพระ!! นี่มันก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ ถัดออกไปมีคุณพ่อที่ทำหน้าเอือมระอา พร้อมกับในใจที่มีเรื่องเล่ามากมายของลูกชายให้คนอื่นฟังตอนกินมื้อเย็น
กลัวความสูง…ใครๆก็เป็นกัน…
แต่พอนึกถึงมัน มันทำให้กลัวขอบปูน
ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าคุณก็เป็นได้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใช้ร่วมกันอย่างเท่าเทียม
คนเรามีความกลัวต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราเคยฝังใจกับอะไร คนหนึ่งอาจกลัวอย่างหนึ่ง อีกคนอาจกลัวอีกอย่าง ก็ไม่แปลก หรืออาจจะกลัวในเรื่องเดียวกัน แต่การแสดงออกต่างกัน บางคนฝังใจน้อยหน่อยก็กลัวน้อยกว่า บางคนฝังใจมากกว่าก็กลัวมากหน่อย ก็ไม่แปลก
กลัวความสูง..ใครๆก็เป็นกัน
ไม่จำเป็นต้องสอนกันเราก็เป็นได้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นได้อย่างง่ายดาย
ความกลัวใครๆก็มีกันไม่ว่าคนมากหน้าหลายตาแค่ไหน แต่คุณรู้ตัวตอนไหนล่ะว่าคุณกลัวอะไร? รู้ตั้งแต่เกิด แม่บอก หรือมีจิตสัมผัส แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน เชื่อเถอะคุณจำไม่ได้หรอก เพราะที่จำได้ก็คือกลัวไปแล้ว
กลัวความสูง..ใครๆก็กลัวกัน
ไม่จำเป็นต้องกลัวทั้งวันแค่กลัวให้ทันเราก็กลัวได้
สำหรับผม “กลัวความสูง” ไม่ใช่ปัญหาเลย ปัญหามันอยู่ที่ว่า “ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากลัวความสูง”
การรู้ตัวว่ากลัวอะไรเป็นเรื่องดี มันทำให้เราเตรียมตัวได้ทัน แต่การไม่รู้ทันความกลัวของตัวเองคือความซวยฉับพลันที่ผมเผชิญ
ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะกลัวความสูงหลังจากปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 5 ของบ้าน
ตอนนั้นผมปีนขึ้นไปอย่างมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ใจนึกอยากจะเชยชมทิวทัศน์ตัวเมืองรอบด้าน ผมกระโดดขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงปูน ซึ่งเป็นรั้วเล็กๆที่กั้นดาดฟ้าตึกแถวของสองบ้านเอาไว้ หลังจากขึ้นมาได้ผมก็ออกเดินไปบนขอบกำแพงปูนแคบๆ สุดทางเป็นตัวอาคารทางเข้าออกของดาดฟ้าซึ่งด้านบนมันสูงขึ้นไปอีกหน่อย ผมใช้มือทั้งสองโหนขึ้นไปบนขอบปูนของตัวตึกจากนั้นจึงออกแรงถีบตัวลอยขึ้นไปในอากาศ สายลมเย็นๆวูบหนึ่งพัดผ่าน ประมาณว่าหยุดเถอะ ลงมาซะ แต่นั้นก็สายเกินไป ขาข้างหนึ่งถูกเหวี่ยงไปพาดบนขอบด้านบนและดึงตัวตนที่เหลือให้ทะยานขึ้นไปเสียแล้ว
มันเป็นอย่างที่ผมคิด การมองอะไรจากที่สูงมันรู้สึกดีจริงๆ แสงแดดอ่อนๆตอนเช้าที่สาดส่องอาบใบหน้า สายลมเบาๆที่พัดผ่านลูบไล้ไปตามตัว ทิวทัศน์รอบตัวที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า ผมยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศพวกนี้นานแสนนานเท่าที่ความคิดผมจะจดจ่อได้
“ลงมาได้แล้ว” เสียงพ่อปลิวว่อนมากับสายลม
ผมละสายตาจากทิวทัศน์ สะบัดสายลมทิ้งไป แล้วเดินมายังขอบปูนของดาดฟ้าเพื่อจะกระโดดลงมา และตอนนั้นเองคือการพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับความกลัว
กลัวความสูง..ใครๆก็เป็นกัน
แต่ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเป็นกันตอนนี้
ผมถอยกรูดกลับไปยืนอยู่กลางดาดฟ้าอีกครั้งด้วยความกลัวจับใจ กลัวเหลือเกิน ไม่ใช่แค่กลัวความสูง นี่ยังนับรวมไปถึงขอบปูน กลัวขอบปูน กลัวจนไม่อยากเดินไปไกลกว่านี้ ตอนนี้ไม่แยแสเลยกับสายลม หรือแสงแดดที่อาบชโลมไปตามตัว สลัดทิ้งหมดทั้งทิวทัศน์ทั้งความกล้า เอาแต่คอยรักษาระยะห่างระหว่างเรากับขอบปูน
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไม่รู้เลยจะลงยังไง และไม่รู้อีกว่าจะทำยังไงให้เลิกกลัวขอบปูน
“ลงมาสักที” พ่อบอก
“ลงไม่ได้” ผมตอบเสียงสั่น
“ตอนขึ้น ขึ้นไปได้ ทำไมตอนลงจะลงไม่ได้” พ่อถาม
“ก็มันลงไม่ได้”
สมาธิ สติ แตกกระเจิง บอกตามตรงไม่คิดจะลงจากดาดฟ้าแล้ว คิดแต่จะอยู่ตรงไหนให้ไกลขอบปูน พ่อบอกให้ค่อยๆขยับเอามือจับขอบปูนแล้วหย่อนขาลงมา พอขาแตะขอบกำแพงปูนได้ก็ปล่อยมือ แล้วก็โดดลงพื้น ฮึ! โดดลงพื้น ตอนนี้จะดิ่งลงพื้นน่ะสิ
ท้ายที่สุดวิธีของพ่อก็ถูกนำไปใช้ ผมค่อยๆคลานต่ำไปหาขอบปูน มองลงไปแล้วก็ถอยกรูดกลับอีกครั้ง งั้นถอยหลังไปแล้วกันพ่อบอก ผมจึงเริ่มถอยหลังแล้วเอาขาลงจากขอบปูนอีกครั้ง และผมก็ทำสำเร็จ! จะติดก็แค่อย่างเดียว…ขาหย่อนไปไม่ถึงกำแพงปูน!!??
ขาที่หย่อนลงผ่านอากาศเหยียบพลาดกำแพงปูน เท่านั้นแหละด้วยความกลัวและตกใจ ทะลึ่งดึงตัวขึ้นไปอีกครั้งอย่างลนลาน หน้าท้องเลยครูดกับพื้นปูนเป็นทางยาว แน่ะ นอกจากจะได้ความกลัวยังได้แผลติดตัวให้กลัวกันใหญ่
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะต้องติดอยู่ตรงนี้ ตรงดาดฟ้า และเป็นโรคกลัวขอบปูนไปตลอดชีวิต
ไม่เอาด้วยหรอก! ถ้าจะกลัวอะไรสักอย่างขอกลัวความสูงอย่างเดียวก็พอ อย่าถึงกับให้กลัวขอบปูนเลยจะอายเค้าไปทั่ว ในหัวนี่นึกไปไกลแล้วนะ นึกถึงจังหวะที่ลงไม่ได้จริงๆ สุดท้ายต้องเรียกมูลนิธิมาช่วย นักข่าวมากันพรึบพรับ สาม ห้า เจ็ด เก้า สิบเอ็ด มาทำข่าวชายผู้กลัวขอบปูน
พอคิดได้แบบนี้มันอายจนเกิดความกล้า ขยับไปนั่งตรงขอบปูนข่มความกลัว สายลมก็พัดผ่าน แสงแดดก็สาดส่องแก้ม ทิวทัศน์ที่สวยงามเหมือนกำลังหัวเราะเย้ยหยัน กัดฟันกระโดดลงไป! พรึบ!
ตึง! ตึงง!!! ส้นเท้ากระทบขอบกำแพงปูน แล้วถัดไปกระโดดลงกระทบพื้น สำเร็จ! เราทำได้! ถ้าจะทำก็ทำได้นี่นา ด้วยความดีใจเผลอหันไปมองขอบปูนด้านบน คุณพระ!! นี่มันก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ ถัดออกไปมีคุณพ่อที่ทำหน้าเอือมระอา พร้อมกับในใจที่มีเรื่องเล่ามากมายของลูกชายให้คนอื่นฟังตอนกินมื้อเย็น
กลัวความสูง…ใครๆก็เป็นกัน…
แต่พอนึกถึงมัน มันทำให้กลัวขอบปูน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ